30 มีนาคม 2550 08:32 น.

แม่ดวงดอกพุดไพร..ไหวละออ..ช่อฝัน..!

พุด

4.jpg
Can you hear the nights deep song?
All the shadows say 
Telling you when you are asleep
Tears will fade away
Dream of mornings golden light
When you and I will leave the night ...
And when the moon is high and bright
Stars will shine on you 
Dream of mornings golden light
When you and I will leave the night ...
Make a wish and when 
you close your eyes 
I will come to you 
...................

 
เช้านี้....
ฟังหลายบทเพลงโบราณในอดีต
และ..
*น้ำตาลาไทร*อย่างละมุนใจละไมฝัน
พาให้จิตวิญญาณงดงามอย่างที่สุด
เพราะหัวใจดวงดอกพุดซ้อนอรชร
ได้คิดย้อนรอยถอยรำลึกคิดไปถึง

*ความหลัง*

เหนือรักเหนือเข้าใจหวานกว่าหวาน
ใจหลอมรวมพ้นผ่านคืนหอมฝัน
ระหว่างเรากี่ปีแล้วเจ้าแก้วจันทร์
และจะยังคงเป็นเช่นนั้นนิรันดร

ไม่คาดหวังไม่เสียใจไม่เจ็บช้ำ
ใช่จะร่ำหมายปองสัจจะสอน
มีแต่ให้สายใยรักจากใจดวงเอื้ออรชร
ธรรมะสอนรักเหนือโลกย์สิ้นโศกราน..ไร้โศกใจ...!
....................


กี่ปีแล้วละหนอ ที่ใจดวงดิน ดวงเดิม ดวงนี้
ยังคง ฝากฝัน ฝากใจ ฝากสายใยรักสายใจภักดิ์
สร้อยอักษราภาษาไทย ภาษาใจ
ไว้ณ..ที่ร่มเรือนไทยเรือนใจแห่งนี้

มิใช่แค่ชั่วปี หากนานเนิ่นหลายปี
ที่เพียรพยายามรจนาอย่างคงมั่น

เป็นดั่งฝันรักนิรันดร์กาล...

และ....

ได้ฟังข่าวเช้านี้เช่นกันว่า..

ปีนี้หน่วยงานของรัฐได้มีนโยบาย
ให้....
เป็นปีแห่งการอนุรักษ์ภาษาไทยภาษาทอง
ภาษาแม่ภาษาแผ่นดินของเรา ให้ยังคงงดงาม
สืบทอดเป็นมรดกวัฒนธรรม อันแสนน่าภาคภูมิใจ
ที่มาตรแม้นกระทั่ง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ยังทรงห่วงใย..

พุดไพร...สาวบ้านนา
จึ่งได้แต่ปิติใจที่หลายปีที่ผ่านมานี้
แม้น
เปรียบตัวเองดั่งธุลีหล้า
ในโลกฟ้าบรรณพิภพนักรจนา
ก็......
ยังเพียรมิรู้จบฝันมิรู้สิ้น
ที่จักเททุ่มถวิลช่วยจรรโลงรักษ์ภาษาไทย


อันประดุจสร้อยสุมาลัย สุมาลา
ที่หอมกว่าหอม...หวานกว่าหวาน
จนเกินจักจาร..พรรณนา

มาน้อมนำพลี
เพื่อแสดงกตเวทิตาต่อฟ้าดินที่เมตตาประทานพร..
พรสวรรค์บันดาล..

และ...
ยังคงภักดิ์ที่จักได้ทำในสิ่งที่รัก
ที่แสนยิ่งใหญนักในชีวิตนิดหนึ่งน้อยนี้
ไปตราบชั่วกาลนานเนานิรันดร
หากลมหายใจ...ดวงขวัญ..ฝันอรชร...ยังมิสิ้น...!

..........................................................




http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem34706.html
ลำน้ำน่าน 

งามอักษรสารงานเขียนที่เพียรก่อ
เป็นคำพ้อคำชมหลงคำหวาน
แนบติดตรึงดวงใจไปแสนนาน
เพียงกลอนกานท์เล่าผ่านงามดวงใจ

จะเศร้าสร้อยร้อยร้าวสักเท่าไหร่
ยังปักใจใผ่รักไม่ผลักใส
แม้นหมื่นคนแปลผิดงามในใจ
จะแคร์ใยเมื่อใจมอบให้กับฝันตน

ให้อักษรกลอนงามประโลมจิต
ก่องานคิดงานเรียนเขียนเป็นผล
เป็นดอกไม้งดงามบานในตน
และเป็นผลเป็นทานบนทางไกล

ขอเพียงสื่อความนัยให้ประจักษ์
ระบายรักรานร้าวกว่าไหนไหน
ขอสักคนเคียงคู่และเข้าใจ
กลอนงามในแปลงามตาม..เข้าใจความคำกวี ...
.................



11.jpg
และ...
ภูมิใจนำเสนอ
ผลงานแห่งรักภักดิ์พลีต่อภาษาไทยภาษาทอง
ที่ตราบจนถึงณ..วันนี้มีพันกว่าดวงใจ 
ได้เมตตา รับรู้ถึงปรารถนารักนี้ จากบึ้งใจ
ด้วยใจถึงใจค่ะ...


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem91509.html

สร้อยเพชรอักษราภาษาไทยภาษาทอง..


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4689.html
ร้อยบุปผา

ร้อยบุปผา บานพร้อมพรัก
ร้อยสำนัก ประชันแข่งใจ
มวล ดอก ไม้ พร่างพรายมา พ้อง พาน
ร้อยดอกงาม เด่นตระการ
แย้มบานในดวง ใจ
ชู่ ช่อ ธรรม สง่า งาม ในนาม ศิลปิน

มาสร้าง งาน ศิลป์ ชุบชีวิน มนุษย์ชาติ
สะอาดสดสวย ด้วยบทเพลง แห่งสวรรค์
ให้มาลัย ฝากรัก มอบใจภักดิ์ ร่วมกัน
จุดไฟ ความฝัน พร่างพลัน ประกาย เพลิง

มาเถิด พี่น้อง ร่วม ร้อง เพลงเพื่อ
กลั่นจาก เลือด เนื้อ หยาดเหงื่อ เร่าร้อน
เราจะเร่ง แนวรบ ไม่สยบ อ้อนวอน
เริงระบำ รำฟ้อน ร้อยกรอง กวี กานต์

มาร่วม ใจรัก พร้อม พรักพลีชีวาตม์
ผงาด อาจ หาญ สร้างตำนานตระการฟ้า
แต่งเติม โลกศิลป์ ให้ผ่องพิณ โสภา
ด้วยวิญ ญานท้า ทรนงเทิดคง ธรรม

ร้อยบุปผา บานพร้อมพรัก
ร้อยสำนักประชันแข่งใจ
มวล ดอก ไม้ พร่างพรายมา พ้อง พาน
ร้อยดอกงาม เด่นตระการ
แย้มบานในดวง ใจ
ชู่ ช่อ ธรรม สง่างาม ในนาม ศิลปิน 
.............................



ดวงขอขึ้นต้นด้วยบทเพลงนี้
ร้อยบุปผา
วันภาษาไทย29กรกฎาคม
ที่เวียนบรรจบมาครบรอบอีกครั้ง
เพื่อพลีแสดงกตเวทิตามุทิตาจิต
คารวะแด่ศิลปินทุกท่านทุกด้านภาษาศาสตร์ภาษาชาติ
ที่ทุกดวงใจใสงามทุกท่าน
ได้เพียรพยายามทุ่มเท
พลังสมองแรงใจไฟฝันอันแสนบรรเจิดจิต
สร้างทิพยนิรมิต จินตนาการ หวานหวัง
มาถักถ้อยร้อยรักรจนาอักษราภาษาสวรรค์

ดั่งสร้อยผกาเพชรพราว


เฝ้าพลีรังสรรค์งานงามมาจากดวงใจ..บ้านภายใน
ให้โลกได้พบ
*ความวิไลวรรณกรรม*..ที่แสนงามล้ำเลอค่า 
มาจากสมองสองมือทองแห่งคนของผืนดินถิ่นไท 
ผองเพื่อนผู้มีจิตไสวงามสว่างกระจ่างแจ่ม 
ดั่งพราวแพรวแก้วมณีสีใสแสนสวย


และ....
ล่างนี้...คือผลงานที่ดวงแสนรักนักรักหนา
ที่ผ่านกัป์ปกาลเวลาแห่งการเพียรเพาะบ่มเมล็ดพรรณ
จากธรรม ธรรมชาติหวังวาดฝากไว้ในผืนดิน
คอยรินน้ำใจรัก น้ำใจฝัน 
ดั่งน้ำค้างสวรรค์ที่ได้รับพรสวรรค์มา
และ..
ได้แถลงแจงใจในแทบทุกงาน
แห่งความเป็นมา*นักอยากจะเขียนเพียรฝันค้าง*
*กระวีกระวาด *ผู้รักความพิลาสพิไล ละไมละมุนไว้อย่างถ้วนถี่


และ..
มาตรแม้น..
เพียงให้โลกหล้านี้จักดับแล้งได้เพียงน้อยนิด
เท่าที่สมองนิดน้อยจะพึงมีพึงคิดดีคิดได้
ให้ลมหายใจชีวีที่ผ่านทุกข์สุขโศก ผ่านโลกหนาวร้อน
มาเป็นอุทาหรณ์สอนชีวิตพัฒนาจิตตัวเอง..


และ....
ขอบรรเลงรจนาฝากพลีไว้รอท่า 
หากใครสามารถใช้เป็นประโยชน์
แม้นเพียงสักเล็กน้อย
พอดับร้อนคลายหายเหงาใจ  
พอให้หัวใจไม่สิ้นกลิ่นกรุ่นหอมหวานแห่งรสสุคนธา
ก็คงสมหวังดั่งปรารถนา แล้ว....



............


กวีแก้วกลางใจไทยทุกดวง 

บรรจงใจร้อยมาลัยกลอนอย่างอ่อนหวาน
ศรัทธาธารแทนด้ายรักอักษรขวัญ
คารวะบรมครูกวีศรีชาติดั่งตะวัน
คุณอนันต์ต่อฝันไทยใจทุกดวง..

ดั่งสร้อยเพชรนามบทกลอนงามอ่อนไหว
ดั่งสร้อยใจมิ่งมงคลงามใหญ่หลวง
ดั่งสร้อยรักภักดิ์ภาษางามเรียงรวง
ดั่งดาวดวงจรัสแสงจากแรงใจ..

พลีดอกไม้ฟ้าบูชากวีแก้ว
งามเพริศแพร้วพิลาสล้ำคำไหนไหน
สุภาษิตสอนหญิงมิ่งกมลงามดวงใจ
อันหวานใดไม่เทียบเท่าเจ้าจอมภักดิ์

พุดเพียงหิ่งห้อยน้อยแสงแฝงเรือนไม้
ใช่ดาวพรายฉายแสงหรูอยู่ด้วยรัก
เป็นนักฝันรักคำงามตามพ้อภักดิ์
ดวงใจรักหอมละมุนกรุ่นกลิ่นไพร

เป็นนักกลอนอ่อนไหวใจอ่อนหวาน
กลอนชาวบ้านสาวชาวนาพิสุทธิ์ใส
กลอนธรรมดากลอนตลาดหญิงชาวไพร
ฝากหอมใจฝากหอมงามตามเห่กล่อม.

จุดเทียนทองส่องบูชานาทีนี้
กราบบรมกวีแก้วกลางใจพร่างพรมหอม
หวังกมลพุดคนดีที่ตรมตรอม
ปลูกพะยอมงามกลางใจ..ไทยทุกดวง..
 
 .......................



เหมือนตะวันยังมั่นคงตรงต่อฟ้า
เหมือนปีกฟ้าโอบสล้างกางปีกฝัน
เหมือนจันทรายังหยาดหวานน้ำผึ้งจันทร์
เหมือนเธอฉันในวันนี้มีอ้อมใจ..

เหมือนจันทราเคียงฟ้ายามราตรี
เดือนดาราดวงดีดวงงามเคียงฟ้าใหม่
เหมือนตะวันยังมั่นคงตรงต่อฟ้าตราบสิ้นใจ
เหมือนสายใยสายใจรักภักดิ์ผูกพัน

เป็นจันทร์เพ็ญจันทร์เต็มดวงประดับฟ้า
เป็นเสน่หามิตรภาพตราบสิ้นฝัน
เป็นความดีความงามหลอมรวมกัน
เป็นสวรรค์สวาทหวามยามพบรัก

เป็นนิยามให้คิดถึงให้ซึ้งค่า
เป็นมนตราสอนใจได้ประจักษ์
เป็นบทเรียนยามใจพบพิษรัก
เป็นน้ำใจรักหยาดสายซึ้งตรึงวิญญาญ์

เป็นที่ซุกซบอ้อมอกใจให้ไออุ่น
เป็นหอมกรุ่นแมกไม้ไทยให้โหยหา
เป็นสะพรั่งพรึบกลีบดอกไม้ร่ายมายา
เป็นบุปผาร้อยพรรณฝันฝากใจ

เป็นมนต์จันทร์มนต์ใจยามไกลห่าง
เป็นสว่างนำทางใจสุขสดใส
เป็นมิ่งมิตรไมตรีใจหลอมใจ
เป็นน้ำค้างไพรพร่างสายให้ไม้มวล...
...............



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem34706.html
ลำน้ำน่าน 

งามอักษรสารงานเขียนที่เพียรก่อ
เป็นคำพ้อคำชมหลงคำหวาน
แนบติดตรึงดวงใจไปแสนนาน
เพียงกลอนกาลเล่าผ่านงามดวงใจ

จะเศร้าสร้อยร้อยร้าวสักเท่าไหร่
ยังปักใจใผ่รักไม่ผลักใส
แม้นหมื่นคนแปลผิดงามในใจ
จะแคร์ใยเมื่อใจมอบให้กับฝันตน

ให้อักษรกลอนงามประโลมจิต
ก่องานคิดงานเรียนเขียนเป็นผล
เป็นดอกไม้งดงามบานในตน
และเป็นผลเป็นทานบนทางไกล

ขอเพียงสื่อความนัยให้ประจักษ์
ระบายรักรานร้าวกว่าไหนไหน
ขอสักคนเคียงคู่และเข้าใจ
กลอนงามในแปลงามตาม..เข้าใจความคำกวี ...
.................



ความงดงามคือความดี ..ณรังษี 

ก้าวมากับคืนวันอันเวิ้งว้าง 
บอกดวงใจบอบบางให้เข้มแข็ง 
เผชิญหน้ากล้าหาญการเปลี่ยนแปลง 
เสวยแสวงคุณค่าอย่างท้าทาย 

บนเส้นทางสายยาวมีหนาวร้อน 
แต่ละช่วงแต่ละตอนมีความหมาย 
บรรจงฝันปั้นยิ้มให้พริ้มพราย 
ตะเกียกตะกายต่อสู้อยู่เรื่อยมา 

ก็อาจจะมีบ้างในบางหน 
ที่สับสนเสียใจเพราะไขว่คว้า 
อาจจะมีบ้างในบางครา 
ที่น้ำตารินหยดลงรดมือ 

ชีวิตคนรุ่มรวยด้วยความหวัง 
ชีวิตมีความหลังเหมือนหนังสือ 
ชีวิตรุ่งเรืองรองด้วยสองมือ 
ชีวิตคือการอยู่สู้ความจริง 

ผ่านมุมหม่นบนโลกโศกสลด 
เรียนรู้รสเศร้าสุขแล้วทุกสิ่ง 
รู้กัดฟันขันแข่งรู้แย่งชิง 
รู้หยุดนิ่งข่มใจให้เย็นลง 

ก้าวมาถึงปลายทางอย่างสง่า 
ซาบซึ้งค่าของมนุษย์สุดประสงค์ 
ทั้งลาภยศชื่อเสียงไม่เที่ยงตรง 
ที่มั่นคงงดงามคือความดี *

.................




http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem54838.html
ร้อยรวงดวงบุปผามาคล้องใจ

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem55913.html
กวีแก้วกลางใจไทยทุกดวง

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem36274.html
เมล์รักถึงพุดพัดชา

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem37214.html
วิมานดินพุดพัดชา

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem38065.html
เมื่อโลกนี้ไม่มีหญิงช่างฝัน

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem38031.html
แด่ลูกผู้ชายคนดีที่ชื่อบรีส

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem40389.html
ฉันมิใช่นางเอก

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem40994.html
ช่อดอกไม้ใช่น้ำตา

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem45111.html
ปีกฟ้าติดปีกฝัน

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem42985.html
นักอยากจะเขียนเพียรฝันค้าง

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem49710.html
ด้วยปีกแห่งรัก

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem52581.html
ในว่ายเวิ้งฝันนิรันดร์งาม!

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem58025.html
อรุณสวัสดิ์ร่มรักเรือนไทยเรือนใจ!รักรจนา

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem43864.html
ดายเดียวสู่ดินแดนนิรันดร์กับพระจันทร์สีเงินงาม..

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem34191.html
ผลิดอกที่ตาแล้วมาบานเบ่งที่ใจ

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem32306.html
แด่ดวงตาดารางามนามนักเขียน

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem33606.html
พลังใจพลังจันทร์



15.jpg				
29 มีนาคม 2550 08:45 น.

แล้ว...บทเพลง..ในดวงใจ..ก็..ไหวบรรเลง..รับอรุณ..!

พุด

V263249.jpg
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4867.html
บทเพลงน้ำตาลาไทร


เช้าตรู่....
ดวงดอกแก้วร่วงพรูคู่ฟ้าสาง
ฟ้ารำไรเรียวรุ้งรัศมีเรื่อราง
เพชรน้ำค้างพร่างละออเต็มช่อใจ

ดวงตะวันอ่อนอุ่นหอมแก้มฟ้า
เคลียภูผาสายหมอกดั่งสายไหม
คือสัจจธรรม ธรรมชาติบริสุทธิ์ไพร
คือสายใจรัดร้อยสร้อยสุริยา

พะยอมไพรไหวกิ่งพ้อล้อสายลม
หวานหอมพรมไปทั่วทั้งแนวป่า
แว่วเสียงสังคีตทิพย์นิรมิตมนตรา
เป็นลีลาแห่งโลกลบโศกไร้

ดวงดอกไม้บานสะพรั่งไปทั้งหล้า
และ..นั่นฟ้าแจ่มกระจ่างสว่างไสว
เมฆแตะแต้มนวลนกน้อยเกาะกิ่งไทร
แล้ว..
บทเพลงในดวงใจก็เริ่มไหว..บรรเลง..รับอรุณ...!
..................



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4867.html
น้ำตาลาไทร ..พร ภิรมย์

ลาแล้วแก้วตา
สัญญาให้ไว้ยังจำ
บุญหนีบาปนำ
พี่มาไม่เจอนวลนาง
ทั่วถิ่น พนาตามหาหมดทาง
เจ้าทิ้งสัญญาหรือนาง
พี่อ้างว้าง อารมณ์
นางไม้แม่เอย
ไยเฉยให้ช้ำวิญญา
นวลน้องไม่มา ยิ่งพาอุราระบม
หรือเจ้า เขาไพรบังไว้ซ่อนชม
ข้าขอจอมไพรพนม
ยอมสิ้นลมบวงสรวงจอมไพร
เทพารักษ์ ร่มไทรสาขา
อุ้มสมพานางน้องมา
ให้ข้าเถิดหนาพระไทร
มีน้ำตา ข้าหลั่งรินจากใจ
ขอหลั่งไว้ ล้างเท้าเทวดา
ขอหนุนตักนาง จนสางอรุโณทัย
ยอมแม้สิ้นใจ
เซ่นสรวงแด่ปวงเทวา
คอยเจ้า แม้เงาไม่เห็นเจ้ามา
พี่นี้มีเพียงน้ำตา
รินหลั่งลารากไม้ไทรงาม

เทพารักษ์ ร่มไทรสาขา
อุ้มสมพานางน้องมา
ให้ข้าเถิดหนาพระไทร
มีน้ำตา ข้าหลั่งรินจากใจ
ขอหลั่งไว้ ล้างเท้าเทวดา
ขอหนุนตักนาง จนสางอรุโณทัย
ยอมแม้สิ้นใจ
เซ่นสรวงแด่ปวงเทวา
คอยเจ้า แม้เงาไม่เห็นเจ้ามา
พี่นี้มีเพียงน้ำตา
รินหลั่งลารากไม้ไทรงาม... 
........................
 


ทุกอรุณรุ่ง
โลกยังคงหมุนไปหมุนไปและหมุนไป ...
ไม่มีวันสิ้นสุดหยุดหมุน...

มวลมนุษย์หลายพันล้านคน
ก็ยังคงหายใจ..หายใจและหายใจ
หากยังไม่ถึงเวลาจำพรากลาจากโลกนี้ไป
ที่..
ยังคงมีทั้งทุกข์สุขคลุกเคล้า
มากเรื่องพันราวร้อยแปดพันประการ


ที่ยังมีดาวเดือนบนฟากฟ้าประดับราตรี
มิให้ค่ำคืนและดวงชีวี
มืดหมองหม่นจนเกินไป
และ..
ประดับดวงใจให้เงียบงาม
ยาม..
คนบนผืนโลกได้แหงนเงยดู



ยังมีตะวันดวงกลมสีส้มเจิดจ้า 
ส่องทายท้าใจให้*เก็บตะวัน*


มี...
ต้นไม้ยังคงผลิใบและลอยร่วงปลิดปลิว
ไปตามฤดูกาลฤดีคน
ที่หมุนวนไปพร้อมๆกันกับกาลเวลา
หามีสิ่งใดจีรังไม่..

ใบไม้เก่าพรากไป...
ใบไม้ใหม่ก็ค่อยๆผลิเขียวใสสอดแซม
แต้มประดับโลกต่อไป....
หากยังมี....
ดินฟ้าอากาศเหมาะสมแก่การสืบทอดแพร่พันธุ์



ดอกไม้..ก็ฉันท์เดียวเฉกกัน
ที่ยังคง
คลี่กลีบเผยอแย้มแต้มตระการ
บานสะพรั่งในทุกถิ่นที่
ทั้งแผ่นดินไทยเรานี้และ..ทั่วทั้งหล้าโลก

ไม่ว่า..
ในกลางป่ากลางดอยหรือ
กระถางน้อยๆริมระเบียงตึกสูงกลางกรุงกรง
ขอ..
แค่ให้มีดินน้ำลมไฟพัดพร่างสร้างสมถะสมดุลย์
ในทุกทิวาวัน..ราตรีหวาน..



นกไพร..ดุเหว่ายังคงร้องขับขานแว่วหวาน
แม้จะมีบ้าง....
ที่เป็นไข้หวัดนกล้มตายหายไปก็มากมีมากมาย


คลื่นยังคงคลอทรายริมฝั่ง
ร้องครวญคร่ำหวนหาซัดสาดกลับมาเป็นระลอกๆ

ทะเลงามยังคงเฝ้ากระซิบบอก
ให้พรานทะลอย่ารู้แรมร้าง
ให้ท่องท่ามกลางเกลียวน้ำกลางชล..
ให้ได้..
กุ้งหอยปูปลาภักษาหารมาเลี้ยงผู้คนกันอดตาย



ได้เอื้อโอบกมลคนช่างฝัน
ให้มอง..
ทะเลจันทร์ทะเลฝันทะเลงาม..ยามค่ำยามดึกดื่น
หรือ..
ตื่นมาในตอนเช้า

แล้ว..

ได้เฝ้ารอดูพระอาทิตย์ดวงโต

ค่อยค่อยโผล่พ้นน้ำทะเลสีมรกต

มา..

คลี่ยิ้มงามงดประดับหล้าประดับดวงฤดี

ให้มี..

พลังหวานหวังเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ในทุกวาร
.................
...............................

V263762.jpgV262203.jpg				
27 มีนาคม 2550 11:23 น.

ตะวัน..ในดวงใจ..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3816.html
บทเพลง*ดวงตะวัน*


แล้ว..
อรุณก็หมุนมาใหม่...
ให้..ดวงใจ..ดวงตา..
ได้เห็นดวงดอกไม้กำลังร่ายฟ้อน
อ้อนสายแสงแห่งดวงตะวันอันโอบเอื้ออ่อนอุ่น
ให้..
ดวงกมลเราทุกคนได้ละมุนใจ

มีไฟฝันรับภารกิจ
อันเป็นความรับผิดชอบ 
ประกอบกิจการงาน
ไปตามหน้าที่แห่งชีวิต...ที่จักไม่มีวันสิ้นสุดหยุดได้ลง..


นอกจาก..
คงมีสักวันที่เราจักมิยึดมั่นถือมั่น
เรียนรู้การปล่อยวาง 

มิใช่แบกหามทุกสิ่งไว้บนบ่า
เป็นแอกหนักล้า ด้วยมิรู้หนทาง
ว่า..
สามารถทำงานทุกสิ่งอย่าง
ได้ด้วยจิตว่าง...
ด้วยความรัก
ด้วยสติปัญญา
ที่..
ตระหนักรู้ค่าการที่เรายังมีลมหายใจแห่งชีวิต
มาพบปัญหา
เพื่อพินิจพิเคราะห์คิดพัฒนาเพาะบ่ม
ให้ดวงปัญญากระจ่างแจ่ม
ด้วยพลังแสงสว่างสะอาดสงบแห่งการรู้ทันเท่า
เฝ้าตามทันดวงจิต
และ..รู้ว่าชีวิตนี้เกิดมาเพื่ออะไร...


แล้ว..
ดวงวิญญาญ์นั้น
ก็จัก..พลัน
ดั่งดวงทิพย์..แสนโชติช่วงระยิบ..จรัสชัชวาลย์
ราว..
*แก้วประพาฬ ดาวประกายพฤกษ์...*


และ..

ทุก...ทุก..ทิวาหวาม..ราตรีฝัน

ตะวันดวงเดิม จันทร์ใจดี

ก็..

กำลังรอที่จะ..ปลอบ...ประโลม....!

...................................................




http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3816.html
ดวงตะวัน แอม & ดา 

ดวงตะวัน
ที่เคยส่องแสงให้ความ สว่าง
กำลังจะจาง
กำลังจะเลือนหายไป
คนที่ดี ที่มีแก่ใจให้กัน มาก่อน
กำลังจะลืม กำลังจะเดินหนีไป
ท้องฟ้าก็คงมืดมน
และคงมีคนเสียใจ อา!!
แค่เพียง อยากรู้ว่าทำไม
ตอบได้ไหมเล่าดวงตะวัน
แม้แต่ดาว ที่พราวบนฟ้าก็ดู
เลือนลาง
และมันก็จาง ไม่พอจะแทนที่ใคร
คนใด
มีแต่เธอ เป็นเพียงตะวันไม่มี
คนอื่น
และเธอเท่านั้น
คือดวงตะวันที่หายไป
ท้องฟ้าก็คงมืดมน
และคงมีคนเสียใจ อา!!
แค่เพียง อยากรู้ว่าทำไม
ตอบได้ไหมเล่าดวงตะวัน

ท้องฟ้าก็คงมืดมน
และคงมีคนเสียใจ อา!!
แค่เพียง อยากรู้ว่าทำไม
ตอบได้ไหมเล่าดวงตะวัน
ตอบได้ไหมเล่าดวงตะวัน... 
 


V263244_W166RGB.jpgV254091_CROP1.jpg				
26 มีนาคม 2550 17:45 น.

ดวงชีวี...ฤาจักมี..เพียงหวานหอม....!

พุด

V263446_G07.jpg
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song481.html
บทเพลงคิดถึง


ขวัญหล้ากำลังเดินดายเดียว
ท่ามจันทร์เสี้ยวลอยดวงเหนือขอบฟ้า...
ริมฝั่งฝันพะงันงาม

มีปาร์ตี้เมามันส์ ให้ขวัญหาย หาย หาย

หากทว่า..ทุกสิ่งจะร้ายหรือดี
ก็ชีวิตใครชีวิตฉัน เพราะทุกข์วิถีทางนั้น
เราเองเป็นผู้ลิขิตบรรเลงบทเพรงพรหมชะตา

อยาก..ทำสิ่งใด หากใจเราทำแล้วคิดว่าสุข
ไม่ทุกข์ทนหม่นไหม้เศร้าเสียใจในภายหลัง
ที่บางครั้งหวนแก้คืนมิได้..ก็จงทำไป

แต่หากจิตดวงใสใจดวงดี
ของเราเคยได้รับการขัดเกลา
ให้รู้จักความว่างเปล่าปล่อยวาง
รู้ทางแห่งการใช้สติใคร่ครวญทบทวน
ด้วยปัญญา..เราก็อาจจะรู้ค่าของคำว่า
อย่าก่อกรรม...

ให้ทำดีจักได้ดี 
เพราะว่าคำว่าสวรรค์อยู่ในอกนรกก็อยู่ในใจเรานี่เอง
ใช่...!ใครที่ไหนเลย
ที่จะมารับเคราะห์กรรม คือการกระทำนั้นได้แทนเรา



แล..
ไม่ว่านรกฤาสวรรค์ก็คงฝังอยู่ในจิตส่วนลึก

จิตใต้สำนึกแห่งความคิดผิดชอบชั่วดี
ที่บางทีก็พาให้เราสับสน 
บนหนทางสายโลกย์โศกสุข..ทุกข์มายาฝัน...


ขวัญหล้า...จึงพาร่างอ้างว้างมาไกลถึงนี่
มาพลีจิตพลีใจ 
มาคิดทบทวนทุกเรื่องราวเสียใหม่

ด้วยดวงใจดวงจิต
ที่เข้าถึงค่าคำว่าลมหายใจแห่งชีวิต
นิดหนึ่งน้อยนี้ที่ช่างแสนสั้น

รู้อ่อนน้อมถ่อมตน
ยอมรับสัจจธรรมแห่งทุกวิบากรักวิบากกรรม
ที่ย้ำรอยวน ให้รู้ทนกลืนกล้ำ ชดใช้
ลดละเลิกอัตตา ปรารถนาเพียงไม่เบียดเบียนผู้ใด
รู้ให้อภัยเมตตา รักปรารถนาดีอย่างจริงใจ

ยอมรับความเป็นไปแห่งปัจจุบัน
อย่างไม่ไหวหวั่นไหวครวญต่อสิ่งใด 
หาก..
คิดว่าตัดสินใจรอบคอบแล้วในทุกเรื่องราว



และ...
กับคืนนี้ที่ฟ้าไร้ดาว
เพราะ..
แรงลมหนาวหลังฝนหลงฤดู
จึงพาให้ฤดี..ของผู้หญิงคนนี้
มองเห็นฟ้า..ที่จักเป็นเช่นฉะนี้
เป็นเรื่องแสนธรรมดา..ธรรมดาของชีวิต

เปรียบประดุจดั่ง
ราตรีบางค่ำ..ที่มีแสงจันทร์ฉาย
และ..
บางคืนคราว
ที่แสนหนาวพราย...เพราะไร้สิ้นเดือน..ดวงดารา...!!!!





http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song481.html
คิดถึง 

จันทร์ กระจ่าง ฟ้า
นภา ประดับ ด้วยดาว
โลก สวย ราว
เนรมิต ประมวล เมืองแมน
ลม โชย กลิ่น
มาลา กระจาย ดินแดน
เปรืยบ มี แสง
คนึง ถึง น้อง นวลจันทร์

งาม ใด หนอ
จะพอ ทัดเทียบ เปรียบน้อง
เจ้า งาม ต้อง
ตาพี่ ไม่มี ใครเหมือน
ถ้า หาก น้อง
อยู่ด้วย และช่วย ชมเดือน
โลก จะ เหมือน
เมืองแมน แม่นแล้ว
นวลเอย... 
 


.............



V255197_RCN88.jpgV228264.jpg				
26 มีนาคม 2550 12:20 น.

โศกรานในฤดี..มณี..ดวง..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song510.html
บทเพลงแผ่นดินของเรา


ก้มศิระกรานกราบพระพุทธโสธร
อธิษฐานขอพรพระมิ่งขวัญ
คู่บ้านคู่เมืองคนไทยมานานวัน
คือสวรรค์แห่งทิพย์นิรมิตจิตวิญญาณ

จงปกบ้านป้องเมืองอันเรืองรุ่ง
ใครหมายมุ่งทำลายมาล้างผลาญ
ให้มลายหายวับดับวิญญาณ
ให้ภัยพาลพินาศวิปลาสธุลี

ให้แผ่นดินร่มเย็นดั่งกาลก่อน
สัจจสงครามสอนไทยทุกถิ่นที่
รู้รักสมานฉันท์สามัคคี
รู้สร้างดีควรค่าคำว่าไท

ให้พระพ่อหลวงพลานามัยทรงแข็งแรง
ดั่งฉัตรแสงเพชรกล้าสว่างไสว
หยาดน้ำค้างพร่าง..หอมให้..จากห้วงพระหฤทัย
พรมทุกข์ดวงใจไทงามท่ามโลกแล้ง

ดั่งสายฝนจากสวรรค์ปันสู่หล้า
ทั่วทิศาเลิกแตกร้าวทุกข์ระแหง
ให้คิดดีคิดได้ถวายชีพพลีเลือดแดง
คือสีแสงแห่งรักชาติรักแผ่นดิน

หลอมรวมจิตวิญญาณอันหาญกล้า
ร่วมฟันฝ่าโพยภัยปราบให้สิ้น
ทุกเสี้ยนหนามหยามหมิ่นคุณผืนดิน
ให้มันสิ้นลาลับดับสู่นรกอเวจี..ชั่วกัป์ปกาล..!
............................



พุดพัดชา..
อยากเกิดมาเป็นนักรบ..เพื่อแผ่นดิน 

ที่ ณ..วันนี้ 
มี..อมนุษย์

ที่พสุธาไทพสุธาทองนี้
ให้ข้าวน้ำกิน
ให้ผืนดินได้หยัดยืนอย่างทรนง

ได้เติบใหญ่
มีลมหายใจ ..
มาคิดการร้ายหมายทำลายล้าง

ฆ่า..อย่างเหี้ยมโหดโฉดชั่ว
ไร้ความเมตตากรุณาใดใดด้วยหัวใจทมิฬมืดดำ

ฆ่าห้ำหั่น
กระทั่งพระสงฆ์องค์เจ้า
เด็ก ผู้หญิง ชีวิตผู้บริสุทธิ์
ผู้ไม่มีทางสู้อย่างอยุติธรรม


พุดพัดชาระรินร่ำหยาดน้ำตา
ด้วยความซาบซึ้งประทับใจ

ยามดูหนังสงคราม
สะท้อนความรักชาติสมัยก่อน
*พระนเรศวร* 
*พระเจ้าตากสิน*
ที่
ดวงจินต์แสนถวิลเทวษโศกสะเทือน

ที่ทุกดวงชีวียอมพลีจิตวิญญาณอันหาญกล้า

ใช้สนามรบ
หลั่งเลือดพลีเพื่อหมายปกบ้านป้องเมือง
อย่างลูกผู้ชายชาติทหาร
แล้ว..
ก็ได้แต่ก้มเศียรคารวะ
แด่ทุกวิญญาณบรรพชน
ผู้เกิดสมค่าคนที่รู้ค่าคำกตเวทิตา
ใช่..!
มีเพียงชีวิตในร่างที่จิตมืดดำ
ไม่รู้แม้กระทั่งบุญคุณแห่งแผ่นดินแม่
และ..
ขอให้พวกมัน 
ศัตรูหมู่ภัยพาล
จงพากันตาย
มลายหายไปสู่นรกหมกไหม้
ชดใช้กรรม..ตราบชั่วกัลปาวสาน..!
..............


และนี่คงเป็นครั้งแรก
จากความรู้สึกส่วนลึก
ของจิตวิญญาณนักอยากจะเขียน คนนี้
ที่...ณ..นาทีนี้
ขอใช้คำไม่ไสวใสสวยสักวัน
เพื่อเขียนเรื่องรจนารักชาติ

ที่ใครใครมักกระซิบกระซาบ
บอกว่า...
ปลายปากกาดั่งจุ่มด้วยหยาดน้ำผึ้ง.
หยาดน้ำอมฤต..
ที่วันนี้ขอเป็นน้ำผึ้งพิษ หวานผ่าซาก
ใช้ปลายปากกาแทนคมดาบ
เชือด..
หัวใจพวก*...ลอบกัด*ทาเกลือ..โยนให้กากิน

และ..
นี่คือการกระเทาะเปลือกใจ...
เปิดจิตวิญญาณดวงภายใน
ที่แสนวิปโยคโศกเศร้าสะเทือน

ร้าวราน.... ไปกับ..ภัยพาลของชนในชาติเดียวกัน

ที่นับวัน
จะสิ้นไร้ความรู้รักสมานฉันท์สามัคคี

จนบางที

อาจจะพบกับคำว่าสายเกิน..เมื่อ..สิ้นชาติ..!
............................


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song510.html!
แผ่นดินของเรา สันติ ลุนเผ่ 

แผ่นดิน ของเรา
ย่อมเป็น ของเรา ชาติไทย
ใกล้ไกล
ย่อมเป็น ของเรา ชาติไทย
เลือดไทยไหลโลม ลงดิน
ใครหมิ่น ศักดิ์ศรี คนไทย
ย่อมมีวัน สักวัน ให้ไทย
ล้างใจ อัปรีย์
แผ่นดิน ของเรา
ย่อมเป็น ของเรา อยู่ดี
ที่ใด ย่อมเป็นของไทย อยู่ดี
หากเชือดเฉือนไป คราใด
ย่อมแสน หวั่นไหว ชีวี
ปฐพี แหลมทอง ช่วยกัน
คุ้มครองป้องกัน

แผ่นดิน ของเรา
ย่อมเป็น ของเรา อยู่ดี
ที่ใด ย่อมเป็นของไทย อยู่ดี
หากเชือดเฉือนไป คราใด
ย่อมแสน หวั่นไหว ชีวี
ปฐพี แหลมทอง ช่วยกัน
คุ้มครองป้องกัน
สัก วันต้องคืนกลับมา
มั่นใจ เถิดหนา
ขอพลี ชีวารักษาชาติไทย
ชาติไทยคู่ฟ้า
เลือดทา แผ่นดิน... 
 



aishwarya_rai_3.jpg
จากเสี้ยวนึง
ในเรื่องรักชาติแผ่นดิน..ของพุดพัดชา
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem62004.html!

สไบนวลสไบนาง!



.............................
........................................
.............................................
ผู้ชายคนเดิมคนดีผิวสีทองแดง..กำลังเอนอิงในอ้อมตัก
ในห้องหับเรือนไทย
ที่ได้กลิ่นเกสรดอกไม้หอมเศร้า
เคล้าอวลมากับสายลมบางเบา..


เขาช้อนสายตาแห่งรัก
ราวพิมพ์พักตร์ผุดผ่องนวลเนื้อทอง
ที่ค่อยๆประคองหน้าลูบไล้อย่างแผ่วเบาอ่อนหวาน
น้ำตานัยน์เรียวตาเศร้าราน
ค่อยๆระรินหยดบนอกอุ่นแข็งแรง


เขาใช้มือสากไล้โลมเรียวแก้มหอมน้อมโน้มหน้านวล
ประคองจูบประทับรับขวัญซับหยาดน้ำตา


เสียงเขาราวลอยมาจากฟ้าแสนไกล
ปลอบประโลมใจหนักแน่น
นุ่มนวลอ่อนหวานอ่อนโยน..

*คนดีอย่าร้องไห้..
ข้าจำพรากไปพลีหยาดเลือดรัก
ทำหน้าที่ยิ่งใหญ่เพื่อผืนดิน
ให้เลือดละหลั่งรินจนหยาดสุดท้ายฝากไว้ทาแผ่นดิน*



ให้ลูกหลานไทยและโลกรู้ว่า
*กรุงศรีอยุธยาจะมิมีวันสิ้นคนดี*
ข้าขอพลีคำมั่นสัญญา
เอาหยาดเลือดชะโลมหล้าชะโลมดิน*ไม่รักตัวกลัวตาย*

*ให้รู้ว่า
ลูกผู้ชายชาติไทยหัวใจไท
หัวใจนั้นดั่งเหล็กกล้า
ให้ไอ้พวกข้าศึก..ได้สำนึกว่า..มันอย่าได้มาหยาม..
และ
ให้มันหลั่งน้ำตารดเท้าสังเวยข้า..ที่มันบังอาจ..นัก!*


*นวล..เจ้าเอย..
เจ้าผู้พิสุทธิ์ผ่องแผ้ว
จงถนอมแก้วถนอมขวัญถนอมใจ
รอวันที่ข้ากลับมา

กลักทองที่เจ้ามอบให้ข้านั้น..*



*ให้เจ้าจงรู้ว่า
คือที่รวมขวัญพลี
ที่รวมจิตวิญญาณข้ามิให้พรากไกล

ถึงร่างเราจำไกล 
แต่หัวใจเราสองดวงนั้น..
ได้พลีคำมั่นสัญญา
ยอมร่วงลงสู่ปวงพื้นพสุธาพร้อมกันแล้วมิใช่ดอกละหรือ.*


*และจะยึดถือคำสัตย์มั่นมิปันแยก
จะกี่ภพกี่ชาติ
ให้พิสวาสดั่งคู่บุญญา 

จะตามติดเป็นพุทธมามกะ
ขออธิษฐานจิต
สถิตทอดคู่กันตลอดไปชั่วกัลปาวสานต์นะนวล*


*เจ้า..ชวนข้าไปจุดเทียนมงคลบนบานในโบสถ์คร่ำ*

เจ้ารู้ไหมยามนั้น
ข้าเห็นเจ้างามตามแสงเทียนทองทอ

งามใดไหนเล่าเจ้าเอย
จะงามเท่าจิตไสว
ที่พร่างสว่างสงบอยู่ภายในกายเจ้านะแม่สไบนวล*


และ
*ข้าแสนรัญจวนใจ
เมื่อยามคิดว่าร่างเจ้านั้นงามเสียยิ่งกว่านางใดในปฐพีนี้*

ที่ข้าจะขอพลีเสน่หามิเสื่อมคลาย


*ใกล้สว่างแล้ว..ดุเหว่าแว่วเรไรร้อง
ไหนเจ้าบอก
จะเก็บดอกไม้หอมหอมมาให้ข้าห่อไว้ชายสไบ
ให้ข้านำติดตัวไปอย่างไรเล่า*


แต่
*ถึงไม่มีไม้หอม
กลิ่นนวลก็ราวพยอมหอมอวลในอกในใจข้าเสมอมา*


*จำเอาไว้นะนวล..
กลักทอง
คือกล่องเก็บนิรันดร์รักแห่งเรานะเจ้ายอดดวงใจ*
และ
*ยามสุดท้ายแห่งลมหายใจข้า
สไบนางของเจ้าผืนนี้
จะคู่ร่างคู่ชีวีคู่จิตวิญญาณข้าไปในทุกหน*


*ข้าจะใช้มันซับหยาดเลือดและน้ำตา.
ที่ข้าจะพลีจนหยาดสุดท้ายเพื่อปกบ้านป้องเมือง
.ที่ข้าจะไม่มีวันเสียดายเสียใจ*


หากทุกหยดเลือดนั้นจะหยาดรินแม้สิ้นสาย
เพื่อเกียรติภูมิแห่งผืนดิน
พื้นพสุธานี้ที่ข้าแสนรักเสียยิ่งนักแล้ว*


*ข้าขอสัญญานะนวล

เจ้าจงอย่าได้กำสรวลหวนไห้หาข้า
อย่าเหว่ว้าดายเดียว
หากดวงชีวิตข้าถูกปลิดปลงลงสังเวยมาตุภูมิแม่*


*ข้าผู้ไม่แพ้
จะรอเจ้า.บนฟากฟ้า
รอเวลาเราสองได้ครองคู่กัน
จะนานสักกี่กัป์ปกัลป์ข้าก็จะรอเจ้านะนวล*



ให้เจ้า..นวลละออจงไปวัดเพียรภาวนา
และอธิษฐานจิตทุกเวลา


*และเจ้ารู้..
ข้าจะสถิตทอดทุกที่
ในผืนดินนี้เพื่อปกป้องคุ้มครองเจ้า
............................
.......................................
.................................


http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_60930.php
สไบนาง    แสนย์  

เจียนหมากพลูสู่พี่ชายรออ้ายกลับ
ตั้งตำรับเตรียมข้าวปลากระยาหาร
มะลิน้อยลอยบนขันไว้ประทาน
หลังเสร็จงานออกศึกอ้ายจักคืน

.....................................

..ท้องฟ้าเหนือกรุงศรีอยุธยา..ยามนี้ดูมืดมิด ราวกับพายุลูกใหญ่กำลังจะพัดผ่านมาเยือน
เสียงกลองศึก ดังกระหึ่ม...สัญญาณ...เตรียมออกศึกเริ่มขึ้นแล้ว
อีกไม่นาน..เลือดจักหลั่งไหลนองอาบพื้นธราดล..สองเผ่าชนจักห้ำหั่น
ฝ่ายหนึ่ง...เพื่อครอบครองผืนแผ่นดิน
ฝ่ายหนึ่ง....ปกป้องแผ่นดินเกิดแลแผ่นดินตาย

สดับเสียงพละพลแล..กลองศึก
คะนองคึกตีฝ่าข้ามไพรศรี
หมายห้ำหั่นดัสกรหมู่ไพรี
ป้องกรุงศรี..แผ่นดิน..ถิ่นเรือนตาย

กำดาบสู้ใจหวนอยู่คู่นุชนาฏ
อ้ายนิราศใครจักป้องจากเหตุร้าย
แต่ดนัยมีศักดิ์แห่งชาติชาย
มิอาจหมายหนีทัพกลับมาแล

พลันยินเสียงอัสนีฟาดกึกก้อง
สะเทือนร้อง ดวงหทัย ใฝ่หาแม่
สังหรณ์เหตุอาเพศร้ายในดวงแด
เกรงนวลแขถูกลอบกล้ำช้ำเรือนกาย

ยามพะวงดาบหนึ่งถึงอุระ
ใจเจ็บแปลบคล้ายจะแหลกสลาย
สิ้นเรี่ยวแรงแห่งกำลังประคองกาย
เฮือกสุดท้ายน้ำเนตรหลั่งพลั่งสู่ดิน

ผะแผ่วปราณ..มานชิดเจ้าจอมใจ
เพียงสไบแนบทรวงก่อนลมสิ้น
ยกขึ้นดอมยังหอมหวนอวลระริน
ซับน้ำตาจิตโบยบินไปซบนวล

ร่ายโศลกโศกแจ้งแถลงเอื้อน
ชะตาเฟือนเลือนลบภพกำสรวล
สิ้นแล้วหรือวาสนากับเนื้อนวล
ไม่ทันหวน..ก็เลยลับ...ไป่กลับเรือน

ฤา...จุดจบของนักรบ..มิแผกกัน...  



http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_60693.php
กลักทอง แสนย์ 

ยามรุ่ง..ก่อนเสียกรุงศรีอโยธยา

เปิดกลักทองรอง ผ้าตาด นาฏมอบให้
กรุ่นละไมกรรณิการ์ มณฑาหอม
อ้าย..ยังจำวันรับกลักจากหัตถ์พะยอม
สร้อยถนอมบรรจงวางตรงกลางกร

ให้โหยหวนครวญหา..คราอดีต

แว่วจำเรียงเสียงไพเราะเสนาะกรรณ
ถ้อยจำนวรรจ์ฝากความจากสมร
สื่อลำนำเสน่หาก่อนอ้ายจร
ให้ภาดรเก็บไว้แทนใจนาง

สอดกลักน้อยกลอยใจไว้ใต้เกศ
ข่มเทวษโทมนัสก่อนสะสาง
ทวงหนี้เลือดเชือดพม่าแด่นวลนาง
อ้ายจักใช้เลือดมันล้างปฐพี

ก้มกำดาบอาบมนต์ไพรีพินาศ
ยามแกว่งวาดอริราชจุ่งถอยหนี
คม แกร่ง แข็งดั่ง วิเชียรมณี
ใช้สับร่างไพรีให้แหลกราญ

ท่ามพสุธ..อยุธยาธราภพ
เลือดนักรบจักหลั่งลงอย่างกล้าหาญ
จวบร่างแหลกกายดับลับวิญญาณ
อยู่บำราบอริมารผลาญแผ่นดิน

สิ้นแสงอรุโณทัย...เพลิงเผาไหม้ศรีเทพนคร..บัดนั้นอโยธเยศก็สิ้นลง...

กลักทองต้องพื้นพสุธา
พร้อมวิญญาชาตินักรบก็จบสิ้น
ชลนาหยาดสุดท้ายต้องแผ่นดิน
ไฟชีวินมอดมลาย..สลายลง......

..............


				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด