10 เมษายน 2550 13:25 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song842.html
หยาดฝนแห่งความรัก
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem88780.html
จินตภาพรำพึง รักษ์รัก
เนื้อเอยแม่สาวเนื้อทอง
แหงนมองจ้องจันทร์จ้ากระจ่าง
เมลืองโลมโฉมฉายในนภางค์
ฉวีพรรณสรรพางค์กระจ่างตา
แสงตะเกียงเรียงเรือนเรืองรอง
น้ำปริ่มริมคลองเข้าท้องป่า
อึ่งอ่างครางครืนชื่นชีวา
ฟังสิโสภาเวลาเพ็ญ
เมื่อเช้าเพรางายกระไรเอ๋ย
ข้าวหมิ้นกลิ่นระเหยเชยเล่น
นวดเนื้อแน่งน้องแม่ยองเย็น
แลเห็นเป็นทองผ่องประไพ
พาดแถบทาบชมมาห่มเนื้อ
เรืองเรื่อเยื่อย้อมยังหอมไหม
แขขุนขนุนหน่อยบนรอยใย
นวลไขแนบข้างน้องนางนวล
ฟักทองรองน้ำพริกเพียงโถ
เคียงโสนนุ่มอุ่นพอกรุ่นหวน
แกงเลียงร่ายข้าวโพดรสรัญจวน
ขนมกวนเปียกฟ่างสู่ทางวัด
ย่างเท้าเบาหน่อยค่อยค่อยหนา
เรืองศาลาคร่ำคร่าตามฟ้าพลัด
ลมล้อช่อคูนหมุนพัด
เงียบสงัดสงบไหมในอาราม
เทียนทองส่ององค์พระปฏิมา
จุดธูปบูชาปิฎกทั้งสาม
วันทาอภิวาทหัตถ์ประณาม
สมงามธรรมสารประทานพร
ทั้งมวลล้วนเหลืองเรืองหยด
รูปรสกลิ่นเสียงพี่เรียงสอน
บรรยายสีต่างนัยน์ตาอร
แสงสะท้อนถึงไหมในเงาตา
....................
เช้านี้..กับฟ้าหลังฝน
ที่ยังแสนสดชื่นระรื่นร่ำแสนสดฉ่ำกมลเสียไม่มี
แม่ดวง ดอกพุดไพร..สวมวิญญาญกระวีกระวาด
ที่ช่างแสนพิลาสพิไล ใส สว่าง กระจ่างแจ่ม
แลไหวหวานปานสายน้ำผึ้งทองผ่องพิสุทธิ์บริสุทธิ์ค่า
ขอพลีรจนา
พร่างสายพรายพร้อย
ประดุจดั่ง..
สร้อยฝนโซ่ฝันรักอักษรา
ภาษาฝัน ฝัน
พลัน....
หยาดรินสู่สู่อกหล้า อกแผ่นดิน
ฝากถวิลถึงทุกดวงใจในร่มรัก
ที่รัก..รัก รักบทร้อยกรอง บทกวีร้อยใจ
อันแสนอ่อนไหวอ่อนหวาน..ปานกัน..พอกัน
แม่ดวงดอกพุดไพร..จึ่ง
พาจิต..ถอยกลับไป
อ่าน..
งานงาม.บทกวีละเมียดละไม
จากใจผู้มีศิลปะในเชิงประพันธ์
ของ...
น้องชาย นายรักษ์
ที่..
มากมีผู้อ่านที่อาจปริวิตก..อกระทึก
เมื่ออ่านบทคึกคักบทรักอัศจรรย์ระรี้ระริก
อันคิดให้ดีดีก็แค่คือ สื่อ..ศิลปภาษา
อันคือธรรมดา ธรรมดาชีวีชีวิตมนุษย์ปุถุชน
ที่..
ยังอาจมิหนีพ้นความรัก รัก รัก
ต้องรอวัยวันและกาลเวลา
พาพัฒนาเพาะบ่มห่มหอม ธรรม สัจจะ
จนรู้ทันเท่าทุกข์ผัสสะ
แล้ว..
นำมาเฝ้ามอง..จิตภายในใจเราเอง
ให้เห็นในเพรงพรหมชะตา
วิบากรักพันธนา วิบากกรรมสิเหน่หา
ยั่วยวน กวนกิเลส
ให้..
พบทุกข์สุขเวทนา
ดั่งกงเกวียน กงกรรมคอยย้ำวน
ให้รู้เหตุ รู้ผล จนปล่อยวางละวาง
ได้ในที่สุด
ในที่สุดเมื่อได้เรียนรู้ทุกข์ ทุกรัก
จากเหตุไปหาผล
ดั่งพระพุทธองค์ ผู้ทรงเบื่อหน่ายคลายกำหนัด
แล้ว
ทรงปวารณา..จักสลัด..สละออก
ออกมา..จากเวียงวัง
ที่สะพรั่งสุขด้วยรูปรสกลิ่นเสียงเคียงบำเรอ
มา..
บำเพ็ญเพียร..ให้พ้นทุกข์จนค้นพบอริยสัจจ์สี่
และ..
เช่นฉะนี้ คือชีวีชีวิตธรรมชาติธรรมดา ธรรมดา
แห่งมวลมนุษยชาติปุถุชนมากหน้า
ใต้ฟ้าไท ใต้ฟ้าพุทธภูมิ..
ที่จัก.
ควรภาคภูมิปิติใจ
ว่าโชคดีนักแล้วที่ได้เกิดมามีลมหายใจ
บนแผ่นดินทอง แผ่นดินธรรม
แผ่นดินที่ระร่ำรินด้วยกลิ่นดวงดอกไม้เมืองร้อน
และ..
แผ่นดินอุดมที่หล่อหลอมให้รู้ค่าคำว่ารักสามัคคี
มีน้ำใจใสเย็นโอบเอื้อ เมตตากรุณา แบ่งปัน
อันเป็นพื้นฐานสำคัญ
อันจัก..
ทำให้โลกนี้เป็นหนึ่งเดียว
มิมืดดำ มอดดับ สลายลาลับ..เร็วเกินไป..!!!
........................
ในท่ามนาทีนี้ที่ลีลาวสันต์ผันสายพรายพร้อย
พุดไพร ใจสาวบ้านนา
จึงกำลัง..
มองหยาดฝนจากหลังคากระท่อมมุงจาก
ที่กำลังระรินร่วง...ทิ้งพวงแก้วกุดั่นเพชรพริ้ง
ราว..
หยาดน้ำตาจากนางฟ้าพิสุทธิ์
แล..ด้วยแรง
บันดาลใจจากงาน
น้องชายรักษ์..ที่รัก รัก
ที่มองเห็นแววศิลปในภาษางามค่ะ
.........
นำเสนอผลงานน้องรักษ์ ในหน้าส่วนตัวของน้อง
ที่แสนน่าสนใจ ค่ะ
http://www.thaipoem.com/forever/my_poem.php?mid=12839...
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song842.html
หยาดฝนแห่งความรัก
ช...อยากน้ำยามใด
พริบตาเดียวได้ดื่มลิ้มชิมเชย
ดื่มพลันผ่านเลยดื่มแล้วไม่เคย
รื่นรมย์โน้มนำความชื่น
ญ...ดื่มทิพย์วาริน
โหยใจหายสิ้นสุขทั้งวันคืน
ชีพยังยั่งยืน
แห้งแล้งกลับคืนชุ่มชื่นฉ่ำดวงกมล
ช...น้ำนวลผุดผาดหยาดเย็น
เธอเปรียบเช่นน้ำฝน
ญ...เลี้ยงใจหล่อใจท่วมท้น
รักป้อนรักปรน
รักเปี่ยมจนหลงใหล
ช...ดื่มน้ำนางเดียว
คิดปรามใจเปลี่ยวดื่มน้ำนางใด
ดื่มนวลด่ำใน
ชญ...ดับร้อนดั่งไฟ
ด้วยฝนแห่งใจจากเธอ
ช...อยากน้ำยามใด
พริบตาเดียวได้ดื่มลิ้มชิมเชย
ดื่มพลันผ่านเลยดื่มแล้วไม่เคย
รื่นรมย์โน้มนำความชื่น
ญ...ดื่มทิพย์วาริน
โหยใจหายสิ้นสุขทั้งวันคืน
ชีพยังยั่งยืน
แห้งแล้งกลับคืนชุ่มชื่นฉ่ำดวงกมล
ช...น้ำนวลผุดผาดหยาดเย็น
เธอเปรียบเช่นน้ำฝน
ญ...เลี้ยงใจหล่อใจท่วมท้น
รักป้อนรักปรน
รักเปี่ยมจนหลงใหล
ช...ดื่มน้ำนางเดียว
คิดปรามใจเปลี่ยวดื่มน้ำนางใด
ดื่มนวลด่ำใน
ชญ...ดับร้อนดั่งไฟ
ด้วยฝนแห่งใจจากเธอ...
9 เมษายน 2550 07:01 น.
พุด
หอมบุญ.... กำลังยืนใต้ร่มเงาตะแบกริมทาง
ที่ดวงดอกม่วงละมุน...พราวสล้าง..
กำลังแย้มกลีบบางเบาอย่างแสนอ่อนไหวอ่อนหวาน
ล้อสายลม มิแล้งราน ไปตาม..คิมหันตฤดู
เธอแหงนเงยเชยชมด้วยนัยน์ตาที่ยิ้มได้
พร้อม..กับได้ยินเสียงจากภายใน
จากหัวใจดวงนิดดวงน้อยดวงนวล
คอยกระซิบพร่ำย้ำสอนเตือนจิตตัวเองแลโลก..
ให้รู้ทันเท่า...
เฝ้ามองเห็นสัจจธรรมจากธรรมชาติ
ในทุกความสวยงามแห่งมากมวลดวงดอกไม้สยายกลีบ
ประดับหล้า...
ดั่งคลับคล้ายว่าแฝงฝังความทุกข์ประดังมากมายมากมี
พอกับดวงฤดีแห่งอิสตรีที่ดูแสนงาม
ที่ใช่จัก..งามเพียงภายนอกหลอกตา
หาก..หาญกล้า
เพียรแบกรับภาระกิจ
แห่ง...
*ความเป็นเมียเป็นแม่ของโลก*
ผู้ไม่ยอมแพ้โชคชะตา
เฝ้าฟันฝ่าโศกสุข..ทุกข์ระทมชีวิต
แม้น..บ้าง..จะถูกลิขิตจากเพรงพรหมชะตา
ให้รับ*วิบากรัก*..แบกสิ่งอันแสนหนักหนา
หากทว่า..
นั่นคือสิ่งที่มิอาจหลีกลี้หนีพ้นพันธนา
จากสัญญาเดิม
ฤา...!..จักหามาเพิ่ม เติมต่อขึ้นมาใหม่
ในโลกลมหายใจแห่งความเป็นปัจจุบันกาลกรรม
กามกรรม กิเลสกรรม*
และ
นาทีนี้..ในท่ามสายลมรำเพย
ฟ้าที่ยังเผยเย็น..ฉ่ำชื้น
ด้วยหยาดละออละอองฝนพรายพรม
ห่ม..พสุธาไทพสุธาทอง ให้ยังผ่องพิสุทธิ์
จาก...
ยอด*ภูมิพลังแห่งแผ่นดิน*
แล..
ในทุกถิ่นที่ ใต้หล้าฟ้าไทย
ให้ดวงดอกไม้ศรีไทย ศรีชาติ
ได้บานไสวไม่มีวันหยุดตระการ
และ..
ดั่ง...
ตะแบกม่วง..
ที่กำลังบานฟ้อนอวดพวงดวงดอกดกอรชร
ในยามนี้...
ที่กำลังบานไสว
ประดับใจ ประดับโลกแล้งอย่างแสนงดงาม.....!!!!!!
...............
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4721.html
ข้าวคอยเคียว
ได้ยินไหมพี่ เสียงนี้ คือสาวบ้านนา
พร่ำเพรียกเรียกหา ตั้งตานับเวลารอคอย
คอยเช้า คอยเย็น ไม่เห็นสักหน่อย
ปีเคลื่อนเดือนคล้อย
รักเอ๋ยจะลอยรักเอ๋ยจะลอยแรมไกล
อีกเมื่อไรรักจะคืนรื่นรมย์
ตะแบกบานแล้วร่วง สีม่วง ที่พี่ชื่นชม
หรีดหริ่งระงม พี่ปล่อยน้องให้ตรมคนเดียว
รวงเอ๋ยรวงทอง ต้องร้าง คนเกี่ยว
รวงข้าวคอยเคียว
น้องนี้คอยเหลียวคอยนับวันรอพี่มา
กลับเถิดหนาสาวบ้านนายังคอย
ตะแบกบานแล้วร่วง สีม่วง ที่พี่ชื่นชม
หรีดหริ่งระงม พี่ปล่อยน้องให้ตรมคนเดียว
รวงเอ๋ยรวงทอง ต้องร้าง คนเกี่ยว
รวงข้าวคอยเคียว
น้องนี้คอยเหลียวคอยนับวันรอพี่มา
กลับเถิดหนาสาวบ้านนายังคอย...
4 เมษายน 2550 08:51 น.
พุด
คือหอมหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า
คือนางฟ้าเหนือนิยามงามคุ้มขวัญ
คือดวงใจแห่งรักชั่วกัปป์กัลป์
คืองามจันทร์งามใจยิ่งใหญ่นัก
คือดวงดอกไม้ป่าบริสุทธิ์พิสุทธิ์ค่า
คือขวัญหล้าขวัญไทโลกประจักษ์
คือนิยามความดีพลีให้นะที่รัก
คือสร้อยสลักเคียงคู่ขวัญนิรันดร์กาล....
....................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4061.html
Right here waiting
Oceans apast
day after day
and I slowly go insane
I here your voice
on the line
But doesn't stop the pain
If I see you next to never
How can we say forever
Wherever you go,whatever
you doI will be right here
waiting for you Whatever
it takes, or how my heart
breaks I will be right
here waiting fou yor
I look for granted,
all the time That I
though would last somehow
I here the laughter
I test the tears
But I can't get nere
you now
Oh! can't you see it,
babyYou got me going
carzy Wherever you go
Whatever you do I will
be right here waiting
for you Whatever it
takes, or how my heart
breaks I will be right
here waiting for you
I wonder how we can
survive this romance
But in the end, if I'm
with youI'th take
the chance
Oh! can't you see it,
babyYou got me going
carzy Wherever you go
Whatever you do I will
be right here waiting
for you Whatever it
takes, or how my heart
breaks I will be right
here wating for you
wating for you
Right here waiting
Richard Marks
Oceans apast
day after day
and I slowly go insane
I here your voice
on the line
But doesn't stop the pain
If I see you next to never
How can we say forever
Wherever you go,whatever
you doI will be right here
waiting for you Whatever
it takes, or how my heart
breaks I will be right
here waiting fou yor
I look for granted,
all the time That I
though would last somehow
I here the laughter
I test the tears
But I can't get nere
you now
Oh! can't you see it,
babyYou got me going
carzy Wherever you go
Whatever you do I will
be right here waiting
for you Whatever it
takes, or how my heart
breaks I will be right
here waiting for you
I wonder how we can
survive this romance
But in the end, if I'm
with youI'th take
the chance
Oh! can't you see it,
babyYou got me going
carzy Wherever you go
Whatever you do I will
be right here waiting
for you Whatever it
takes, or how my heart
breaks I will be right
here wating for you
wating for you
wating for you
....................
เธอ..กำลังก้าวอออกมาจากห้องผู้โดยสารขาเข้า
เข้ามาสู่อ้อมกอดแห่งรักรัดร้อยดั่งสายสร้อยโซ่แห่งใจ
เนานานมา....
และ
จักเป็นเฉกเช่นนั้นตราบชั่วนิจนิรันดร....
ร่างงามอรชร ในบุคคลิกแสนเชื่อมั่น
ในท่ามโลกทิวาวันอันแสนหมุนวน
หาก..
เธอคนดี ....ไม่มีวัน..
จะคล้อยตามนิยามแห่งโลกมายาวัตถุนิยมหรูเริศ
เธอ..คือนางฟ้า
ผู้ผ่านหล้าพบโลก พบโศกสุขหม่นหมอง
ครองรานในแววตาแห่งผู้คนผู้ทนทุกข์ยากไร้
มากมายนักในธุลีหล้า ใต้ฟ้างามนี้
และ..
หวังจิตดวงดี ดวงกุศล ดั่งดวงแก้วแววประภัสสร
จัก..
แผ่รัศมีบุญ
ให้หอมกรุ่น หอมให้ ไปตราบชั่วกาล..นานเนานิรันดร์...
......................
หยาดน้ำผึ้งฤาว่าอสรพิษ...!
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6080.html
ผมกำลังยืนรอรับเธอ..
แม่ดวงดอกรัก..ดอกบานไม่รู้โรยในดวงใจผม
ที่กำลังจะเหินฟ้าบินกลับมาสู่อ้อมอกอ้อมใจผมในวันนี้...!
วันที่ฟ้าจริงและฟ้าในใจผม
แสนไสวสว่างกระจ่างแจ้งจรัสจรุง...พอกัน
ราวมีอัญมณี..เพชรพร่างพราย
กระจายรัศมีสีชมพูพริ้งพราว
ณ...ภายในเรือนใจผมเลยทีเดียว
วันที่ตะวันแดง..ดวงแรงร้อน
*แห่งแดนดินทะเลทราย*
มิหมายกรายกล้ำ
มาทำให้ร้อนอกร้อนใจไปได้เลย...แม้นเพียงนิดน้อย
หากมีเพียงสายน้ำรักระริน ระริน
ในสี่ห้องหัวใจ
กำลังไหวออดอ้อน
อ้อยสร้อยเซาะไซร้กระซิก กระซี้ กระซิบ
พิรี้พิไรรำพึงรำพัน
เพียงเท่านั้น...เท่านี้... ณ บึงใจ..!
เพียงคำสั้นสั้นซึ้งซึ้งแสนสุขซ่านหวานใจ
ว่ารักรักรัก..เหนือสิ่งใดในหล้าโลกแล้ว..
ผม..มีความสุข...
สุขนี้
เหนือความคิด ความฝัน
เหนือความคาดหวัง คาดเดา
หากเป็นเพียงเงาชะตาฟ้าดินลิขิต
และหวังเมตตาสวรรค์จักปรานี
ให้สถิตทอดในดวงใจรักไปเป็นนิรันดร์
ผม...
คือ..ผู้ชายในฝันในภาพนี้
ที่มีเลือดเนื้อและชีวิตจริง
และ..
ยังยืนนิ่งๆอยู่ตรงนี้
เพื่อที่จะทอดตา..ดูเวิ้งฟ้า
ที่กำลังจะพาดวงใจผมคืนกลับมา..จากแผ่นดินของเธอ
ผู้หญิง..แสนงามใจราวนางฟ้า
ที่
มิใช่งามเพียงใบหน้า
ที่นับวันรอโรยร่วง..ล่วงสลายไปตามวัยวัน
หากทว่า
เธอคือ..
ผู้หญิง..คนดี..
ที่ชอบถ่อมตัวเสมอมา
และ
ชอบใช้ชีวีธรรมดาๆ..ดิบเดิมติดดิน
แม้นชีวินเธอจะร่อนบินราวนกไพร
จำต้องเหินบินไปกับนกเหล็กลำใหญ่สีเงินงาม
ได้สัมผัสโลกแสนศิวิไลซ์ไปทั่วทุกถิ่นที่..ทั่วโลกนี้ก็ตาม
คนดี..ที่ชอบเดินตามพิพิธภัณฑ์
ดูศิลปวัฒนธรรมในเมืองต่างๆ
แทนการเดินในศูนย์การค้า
คนดี..ที่รู้คุณค่าของการมีลมหายใจ
ไม่เคยคล้อยชีวิตหลงไป...ตามกระแสกิเลสโลกย์
ไม่หลงเสพโศกเพียง*วัตถุสุขนิยม..*
มิหลงลมยกยอปอปั้นว่าเธอคือคนงามหนึ่งในปฐพี
มีเพียงคุณความดีและค่าคำกุลสตรีไทย
ที่เธอยึดมั่นไว้ในหัวใจดวงพิสุทธิ์ดวงใสแสนดีของเธอ
คนดี..ที่ผมสารภาพว่า..
*ผมหลงรักเธอ..และรักเธอ*
จนเกินกว่าจะบอกกล่าว
นับตั้งแต่นาทีแรก..ที่พบ..เห็น
เธอ...
ผู้..มากับสายลมร้อนผ่าวในแดนดินทะเลทราย
มาปรากฎกายราวโอเอซิส ในยามเช้า
ราวดวงดอกไม้เมืองร้อน
ที่แสนน่าทนุถนอมอ่อนหวาน
ที่ผม..ได้แต่คุกเข่าให้พระเจ้าเบื้องบนได้ประทานพร
ให้หัวใจผมลูกผู้ชายหัวใจดวงทรนง
หากทว่าอบอุ่นมั่นคง
และ
หากรักใครแล้ว..จักซื่อตรงรักอย่างจริงแท้
อย่างแน่วแน่หนักแน่น
ไม่แคลนคลอนไปตราบชั่วฟ้าดินสลาย
และ
ตราบสิ้นลมหายใจสุดท้ายแห่งชีวิต...
ให้ผมได้พบความสุขสมหวัง
มีเธอเคียงข้างเป็นดั่งนางใจ
ไปตราบนานเนาตราบจนชั่วนิจนิรันดร....
ผม..ลูกผู้ชาย...
ที่เลิกเดียวดายอ้างว้าง
นับตั้งแต่ได้พบเธอ
ย่างเท้าก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในชีวิต
ผู้หญิงที่กำลังเนรมิต...ให้โลกผมเป็นสีชมพู..ชมพู
โลกที่น่าอยู่ยามมีเธอเคียง
โลกที่ผมเคยคิดว่าแสนลำเอียงไม่ยุติธรรมเสมอมา
เพราะ
*ผมกำลังมีความรัก*
ภาวนาให้ผมนะครับ
ให้ผมสมหวัง...
เพราะ
เธอ..คนดีที่ผมแสนรักนักรักหนา
เธอแสนระมัดระวังตัวไม่ผลีผลาม
และเคยตั้งคำถามกับผมว่า...
*ผมคือหยาดน้ำผึ้งฤาว่าอสรพิษ
มาให้ชิดเชยชิมลองลิ้มหวาน
แล้วพรากลาดวงดอกไม้ให้ร้าวราน
ทิ้งพิษผลาญสวาทวาย..ตายทั้งเป็น...*
ระหว่างเราทั้งคู่...
พระเจ้าคงกำลังเฝ้าดูอยู่
และ
รอวันเวลาพิสูจน์ใจ
รอ...ให้หัวใจดวงงามดวงดีดวงทองผ่องผุดของเธอ
ตัดสินใจ....
ที่จะพลีใจมอบร่างให้กับผม..
ผู้ชาย...ที่เธอ
บอกว่ามีเพียงสิ่งเดียว
ที่เธอ..หลงประทับใจ
มิใช่ความหล่อ..ความรวย
หากคือความทรนง ทรนง...
จะทรนง..แบบไหน..ฤาอย่างไรนั้น
วันหลัง
ผมจะกลับมาเล่าให้ฟังอีกทีนะครับ..
...............................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6080.html
POWER OF LOVE ......Celine Dion
The whispers in the morning
Of lovers sleeping tight
Are rolling like thunder now
As I look in your eyes
I hold on to your body
And feel each move you make
Your voice is warm and tender
A love that I could not forsake
'Cause I'm your lady
And you are my man
Whenever you reach for me
I'll do all that I can
Lost is how I'm feeling
lying in your arms
When the world outside's
too Much to take
That all ends when I'm with you
Even though there may be times
It seems I'm far away But Never
wonder where I am
Cause I am always by your side
'Cause I'm your lady
And you are my man
Whenever you reach for me
I'll do all that I can
We're heading for something
Somewhere I've never been
Sometimes I am frightened
But I'm ready to learn
About Of the power of love
The sound of your heart
beating Made it clear
Suddenly the feeling
that I can't go on
Is light years away
'Cause I'm your lady
And you are my man
Whenever you reach for me
I'll do all that I can
We're heading for something
Somewhere I've never been
Sometimes I am frightened
But I'm ready to learn
'Bout Of the power of love
31 มีนาคม 2550 13:07 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song839.html
บทเพลงสายน้ำไม่ไหลกลับ อรวี สัจจานนท์
เนื้อทิพย์คนดี...
ผู้หญิงผิวสีดั่งทองละมุน
มีนัดกับตัวเองในวันนี้
บนตึกสูงสวย ตระหง่านริมชานเมือง
เพื่อมาผ่อนคลาย...
พาร่างกายมาสถานที่เรียกว่าสปา
ที่ที่มีทุกอุปกรณ์เครื่องกีฬา
ในการออกกำลังกายทุกรูปแบบ
พร้อม...
มีทั้งสระว่ายน้ำบนดาดฟ้า
ที่แลละลิบเห็น...วิว..
ทิวทัศน์รายรอบเมืองทิพย์นิรมิต....เมืองฟ้าอมร
มีห้องซาวน่า ที่ร้อนแสนร้อนทุรน
และ...
หากคนไม่เคยเข้าไปครั้งแรก..
แทบจะทนไม่ได้ด้วยอุณหภูมิที่ร้อนกว่าร้อยองศา
ตามมา..
ด้วยการลงไปแช่ในน้ำเย็นแสนเย็นราวน้ำแข็งขั้วโลก
ให้ร่างกายได้แข็งแรงด้วยวิธีการนี้สลับสักสามสี่ครั้ง...
ก่อนจะ...
กลับบ้านด้วยร่างกายเฉิดเฉลาเบาสบายคลายเมื่อยล้า
และ..
เพื่อกลับมา...
เผชิญโลกย์โศกสุขทุกข์ร้อน..ไปตามเพรงพรหม
ที่เวียนหมุนวน มาให้พบ..
สัจจธรรม ธรรมดา ธรรมดา..
ธรรมชาติแห่งทุกข์ทุกดวงชีวาชีวิต
ให้เฝ้ารู้ทันเท่า มิเศร้าเหงาใจ
เพียร..
มีสติ สมาธิ ปัญญาพาตามทันทุกลมหายใจ..
ว่า.....
แท้เที่ยงแล้วไซร้..
เราจำต้องจบจากพรากลาซึ่งกันและกัน
ในวันหนึ่ง
*ที่ซึ่ง..จักรอเราเป็นนิรันดร์ *
อันยากจะหนีพ้นในทุกถ้วนหน้า...
ไม่ช้าก็เร็ว..นะทุกยอดดวงหฤทัย..
.....................
นอนนิ่งนิ่งทิ้งตัวลอยกลางสระว่าง
มองฟ้ากว้างไร้สิ่งใดมาขวางกั้น
ใจดวงนวลดวงน้อยเริ่มเงียบงัน
หลับตาฝันสวรรค์สรวงลอยสู่ใจ
คือความว่างกระจ่างแจ่มในดวงจิต
เสมอเสมือนชีวิตลอยเหนือโลกสิ้นโศก..ไสว
มีเพียงเรากับเงียบงามกลางดวงใจ
ไร้ยึดมั่นฝันไกลไปกว่านี้
เป็นปัจจุบันอันสงบสยบทุกข์
คือความสุขเรียบง่าย..ใจดวงนี้
ในวังวนเกรียวทุรนคนมากมี
ให้..สายวารีประโลมขวัญ...นิรันดร์กาล...!!!
..................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song839.html
สายน้ำไม่ไหลกลับ อรวี สัจจานนท์
โอ้ความรักที่ร้าวรานไกล
ดุจสายน้ำไหลผ่านไป
ลงไหลไปแล้วไม่เคยคืน
มา หา
สาย น้ำเชี่ยวโกรกไหล
วกวนแล้วไหล ไป
ไหลไปแล้วไม่กลับมา
คิด เปรียบไปก็คล้ายเหมือนว่า
รักเอยไม่คืนหวนมา
จากลาไปยังหนใด
คิด ถึงเมื่อก่อนเคย
รักฉันเป็นสุขเอย
ไหนเลยจึงต้องจากไกล
คอย เฝ้าคอยคร่ำครวญหวนไห้
รักเอยจากไปแล้วไย
จากไปเหมือนสายน้ำวน
ร้าง ไปร้างไกลสุดหวัง
ล่องลอยไปไกลเหมือนดัง
สู่วังแม่เอยสายชล
ฉัน สิยังคร่ำครวญเพ้อบ่น
ไหว้วอนให้สายน้ำวน
ช่วยดลให้รักฉันคืน
เขา คงไม่กลับมา
หัวใจพร่ำเรียกหา
น้ำตาหลั่งนองกล้ำกลืน
นอนหลับตาต้องผวาตื่น
สายน้ำไม่เคยไหลคืน
ไม่คืนเสียแล้วรักเอย
เขา คงไม่กลับมา
หัวใจพร่ำเพรียกหา
น้ำตาหลั่งนองกล้ำกลืน
นอนหลับตาต้องผวาตื่น
สายน้ำไม่เคยไหลคืน
ไม่คืนเสียแล้วรักเอย
คงไม่คืนเสียแล้วรักเอย