2 พฤษภาคม 2550 07:40 น.
พุด
ค่ำคืนนี้..
พระพิรุณกำลังหยาดสายพรายพลิ้วพร่างพรมผืนพสุธา..
โปรยปรายไปทั่วฟ้าทอง..ดินไทย...
หัวใจของฉันปลิดปลิว
ลิ่วลอยไปกับสายฝนพรำ
คิดถึงคืนค่ำภายในกระท่อมหลังคาจาก ในหุบผา
ที่มีธารน้ำไหลเซาะบ่าลงมาจากยอดภู
เสียงฝนผสานกับเสียงน้ำตก ไหลลอดอยู่ใต้พื้นกระท่อม
บรรยากาศเช่นนั้น
พาฉันพานพบกับความดื่มด่ำล้ำลึก..จนยากบรรยาย
กลิ่นละอองเรณูของพวงพะยอมป่า
กำจายจรุงมาในท่ามม่านฝน
เทียนที่ฉันจุดไว้บนหัวนอนกำลังมอดดับ
ในความมืด ในความเงียบ
ฉันค้นพบความงามเงียบ ว่างเปล่า ในท่ามเสียงสายฝน
ธรรมชาติได้กำลังสอนบางสิ่ง
ให้ฉันได้ฟังเสียงหัวใจเต้น
ลมหายใจใสเย็นที่แสนละเมียดของฉัน
ได้พบกับความว่างเปล่าเบาสบาย.. ไร้สิ้นซึ่งพันธนาใด
เปรียบประดุจดั่งหยาดน้ำค้างใส
หยาดน้ำอมฤตรินร่วงมาจากราวฟ้า
ฉันได้ค้นพบโลกภายในของฉันเอง
จากเสียงบทเพลงแห่งสายฝนภายนอกนั่น
จิตวิญญาณของฉันกำลังอยู่ตรงจุดระหว่างกลาง
เป็นช่องว่างระหว่างรอยเชื่อมต่อ
ให้รู้จักความพอดี .....
เสมือนดวงชีวีของเรานี้
ที่ต้องเรียนรู้ การผสานผสมของสรรพสิ่ง ดิน น้ำลม ไฟ
ที่ธรรมชาติกำลังหยิบยื่นให้มา
ฤดูกาลกำลังสอนฤดีฉันให้รู้ความจริงว่า
ไม่ได้มีเพียงด้านเดียว
มีร้อน มีหนาว มีฝน
มีฝัน..ฝัน..ฝัน
ที่จะเวียนวัน..วนย้อนคืน..หวนกลับมา...
สอนสัจจะให้เราได้ซาบซึ้งว่า
โลกเรานี้หนา ใช่จะมีเพียง ด้านเดียว...!
.....................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song250.html
(กังหันสวาท)
กังหันสวาท หมุนเวียนเปลี่ยนไป
เพราะใจ ของคน
ชีวิตปวงชน มีวันปะปน
วกวน เรื่อยไป
ขี้นอยู่ในห้วง หทัย
ใจใครไม่คง แน่นอน
สั่นคลอนให้ใจ ไหวหวั่น
กังหันสวาท นิราศผ่านไกล
ไปไม่กลับคืน
ชีวิตขมขื่น หน้าชื่น อกตรม
ระทม โศกศัลย์
ผู้ใด ไม่สิ้น ผูกพัน
รันทด หทัย สิ้นดี
ย่อมมีแต่ ความ ระบม
รัก เปรียบ กังหันลม
ย่อมมี เปลี่ยนแปลง
ด้วยแรง ความชื่นชม
หากมัวหลง พะวง ต่อคำนิยม
ชมชื่น มีปรวนแปร
ชีวิตสวาท นั้นพลาดผิดไป
เพราะไม่ ไตร่ตรอง
ชีวิต ก็ต้อง เหมือนคนสิ้นใจ
ฤทัย อ่อนแอ
คนเราไม่มี แน่แท้
เอาแน่ อะไร ใจคน
ย่อมวนเวียน ไป จนตาย
รัก เปรียบ กังหันลม
ย่อมมี เปลี่ยนแปลง
ด้วยแรง ความชื่นชม
หากมัวหลง พะวง ต่อคำนิยม
ชมชื่น มีปรวนแปร
ชีวิตสวาท นั้นพลาดผิดไป
เพราะไม่ ไตร่ตรอง
ชีวิต ก็ต้อง เหมือนคนสิ้นใจ
ฤทัย อ่อนแอ
คนเราไม่มี แน่แท้
เอาแน่ อะไร ใจคน
ย่อมวนเวียน ไป จนตาย...
23 เมษายน 2550 10:33 น.
พุด
ในอุษาวดี..นาทีนี้
ดวงกำลังนั่งนิ่งนิ่งบนเก้าอี้แดงในห้องขาว
ที่มีบานกระจกกว้างยาวแทนผนังจรดพื้น
จน..ทำให้ได้แลเห็นทัศนียภาพ..
*ธรรมชาติต้นไม้*..รายรอบบ้าน..วิมานดิน
อันแสนร่มรื่น..อภิรมย์...ใจ....
แล..
ในท่ามจิตดวงใส..ไสวงาม
ดั่ง..*ดวงอรุโณทัยแรกในยามอรุณรุ่ง*
หลัง..
ผ่านพ้นพายุร้ายที่มากรายกล้ำ
ให้เรียนรู้โลกย์ธรรมที่แสนทุกข์ทนวนว่าย
*เกิดแก่เจ็บตาย*..คล้ายวิบากรักวิบากกรรม
ดวง..ทอดตาจับนกน้อยๆ
ที่ค่อยๆโผบินถลามาจับกิ่งการะเวก
ที่ราวเปลใบไม้...
ให้ได้แกว่งไกวล้อลมเล่น...เช่นฉะนี้...
เสียงบทเพลงหวามไหวรับเช้าวันใหม่
จากเครื่องเสียงหวานแว่วแผ่วมากับฟ้ากว้าง
กับสายลมเย็น
อันอวลหอมกลิ่นดวงดอกไม้ไทยคละเคล้า..
มาให้คะนึงในทุกอณูนวล...
ผืนนภา..เริ่มถูกจิตรกรเอกชื่อธรรมชาติ
สาดแสงทองอันแสนจรัสรัศมี..ด้วยสีที่ผสมผสาน
แสนนิ่มนวลกลมกลืน...
ให้..
พรายพร่าง..สร้างพลังใจ
แด่ทุกมวลชีวา ณ..ใต้หล้า ใต้ฟ้าไท
ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่
อย่างซื่อสัตย์ไม่มีวันเสื่อมคลาย....
ดวง..หลับตา..
แล..
ย้อนวันเวลาถอยหลังกลับไป
ในทิวาวาร...นี้...
ในเก้าอี้..เช่นนี้เฉกกัน
หากต่างสี ต่างสถานที่กัน
ต่างอารมณ์อันแสนยากยิ่งบรรยาย
ห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย
ความพลัดพรากจากเจ็บ
ของผู้เป็นที่รัก
ห้องผู้ป่วยหนักได้มาพิงพักรักษา
พร้อมฝากชีวาชีวิตในเงื้อมมือแพทย์ พยาบาล
ให้ยื้อยุด ลมหายใจให้ไกลจากพญามัจจุราช..
ที่บางครั้งใครก็มิอาจผัดผ่อนได้...
ดวง..นั่งหนาวเหน็บในดวงใจ
ที่เห็นคนที่ดวงเคารพรักเทิดทูนยิ่งใหญ่
กำลังนอนหายใจระรวยระริน..อย่างมิสิ้นหวัง
ด้วยพลังแห่งความเข้มแข็งเท่าแรงรักจักพึงมี
จาก..
ทุกหลอมรวมแห่งความกตเวทิตาคุณของลูกหลาน
และ..
เหลนจากลูกพี่สาวดวง
ที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้มิทันครบหนึ่งอาทิตย์
ที่..ทุกกระแสจิตได้มาสถิตภาวนา
ให้เทพยดาฟ้าดินสิ้นอินทร์พรหมยมพญาผู้กำเพรงชะตา
ได้เมตตา ประทานพรให้ผ่านพ้นวิกฤต
ได้กลับมามีลมหายใจแห่งชีวิตใสงาม
สร้างความดี สร้างกุศล
เป็นผลบุญบารมี เป็นเสบียงบุญ สืบไป
ดวง...น้ำตาซึมด้วยความรู้สึกแสนซาบซึ้งใจ
ที่ได้เห็นความเสียสละ ยิ่งใหญ่
ความเมตตาของนางฟ้าแลเทพยดาในชุดเขียว
ผู้กำลังกางปีกปกป้อง เยียวยา เอื้ออุ่นโอบอุ้ม
ทุกผู้ป่วยอย่างญาติมิตรแม่พ่อ...อย่างไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
อย่างผู้ที่มีจรรยาบรรณแลคุณธรรมล้ำเลิศ
ตามรอย..*สมเด็จพระราชบิดามหาชนก..แห่งแผ่นดิน..*
มิให้สิ้นหยาดฝนแห่งความกรุณา ปรานี...
ดวง...นั่งตั้งจิตอธิษฐาน สมาธิภาวนา
เมื่อในคลองตาแลเห็น
เครื่องเตือนการเต้นของหัวใจผู้เป็นที่เคารพรัก
ร้องลั่น สั่นเป็นระยะ
ซึ่งหมายถึงภาวะการณ์ผิดปรกติที่แสนน่าวิตกกังวล
หากดวงกมล ที่เพียรฝึก ให้มีสติ คิดดี คิดบวก คิดบุญ
ดวงรู้ว่า ดวงชีวีของผู้เป็นที่รัก จักผ่านพ้นภาวะวิกฤต
ด้วยบุญบารมี
ที่ลูกหลานมากมีต่างเพียรสะสมมาอย่างยาวนาน..ต่อเนื่อง
ดวง...เดินช้าช้าไปที่ร่างคุณพ่อผู้เป็นที่รัก
จับมือมาหอมด้วยความรัก ความกตัญญูที่ยิ่งใหญ่
จูบที่เท้าอันเย็นชืด ปลุกดวงใจให้พลิกฟื้น รับรู้
ถึงพลังแห่งความรักนี้ ที่กำลังบ่าไหล มาอย่างท่วมท้น
แล้ว...
หลับตา..นิ่งทิ้งทุกสรรพสิ่งไว้ ณ..ภายนอก
ในมโน..นึก
ดวง..กำลังก้มศิระกรานกราบพระพุทธรัตนะ
องค์ทองสุกปลั่งมลังเมืองในโบสถ์คร่ำ..อยุธยา...
และ..
กำลังสวดมนต์อธิษฐานจิตภาวนา
ท่ามน้ำตาเทียน
ขอพร..แด่องค์พระอรหันตเจ้า
*สมเด็จพระพุฒาจารย์โตพรหมรังสี*
ที่ดวงนี้แสนเคารพศรัทธาคารวะ
สวดพระคาถาชินบัญชรมานานนับ..หลายปี
ได้ทรงมีพระเมตตาปรานีประทานพรให้ลูก
มีพลังชีวิต ที่จักถ่ายทอดให้กับบิดาของลูกด้วยเทอญ
ดวง..จับมือคุณพ่อและอย่างช้าๆมั่นคง
ดวงรวบรวมพลังจิต พลังชีวิตจากความรักอันแสนยิ่งใหญ่
ค่อยๆส่งกระแสจิต กระแสใจ กระแสความร้อน
ให้ไออุ่นคลายเหน็บหนาว..จากใจถึงใจ
หลายนาทีผ่านไป เครื่องที่กำลังสั่นเตือน
กลับสู่ภาวะการณ์ปกติ
หนาวคลาย ร่างกายคุณพ่อเริ่มร้อน...ร้อนขึ้น..
เป็นลำดับ
พร้อมกับการถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกของดวง..
...........................
.......................................
และ...
ก่อนที่ดวงจะลากลับบ้าน
คุณพ่อกระซิบบอกดวงว่า
คุณหมอ..ถามว่าเวลานั้นดวงทำอะไร...
ดวงได้แต่ยิ้มด้วยความอิ่มเอมปิติใจ
ดวง..รู้เพียงว่า..
สิ่งยิ่งใหญ่เหนือกว่าสิ่งใดในโลกหล้านี้คือ
*พลังแห่งปาฏิหารย์รัก*
.........................
ดวง..
ขอถือโอกาสนี้
กราบคารวะทุกดวงใจทุกหยาดน้ำใจใสหยาดเย็น
แห่งห้องวิกฤต ตึกศัลยกรรมชายชั้นห้าโรงพยาบาลรามาธิบดี
ที่งามเกินกว่าจักจารหาคำขอบคุณใดมาเทียมเทียบ..ค่ะ
................
๏เวนิสวาณิช๏ ๏
พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 6
๏ อันว่าความกรุณาปราณี
จะมีใครบังคับก็หาไม่
หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ
จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน
เป็นสิ่งดีสองชั้นพลันปลื้มใจ
แห่งผู้ให้และผู้รับสมถวิล
เป็นกำลังเลิศพลังอื่นทั้งสิ้น
เจ้าแผ่นดินผู้ทรงพระกรุณา
ประดุจทรงวราภรณ์สุนทรสวัสดิ์
เรืองจรัสยิ่งมกุฏสุดสง่า
พระแสงทรงดำรงซึ่งอาชญา
เหนือประชาพสกนิกร
ประดับพระวรเดชวิเศษฤทธิ์
ที่สถิตอานุภาพสโมสร
แต่การุณยธรรมสุนทร
งามงอนกว่าพระแสงอันแรงฤทธิ์
เสถียรในหฤทัยพระราชา
เป็นคุณของเทวาผู้มหิทธ์
และราชาเทียมเทพอมฤต
ยามบพิตรเผยแผ่พระกรุณา
--------
เป็นพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ ๖ เรื่องเวนิสวาณิช
21 เมษายน 2550 09:34 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6196.html
อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์*รัก*
เว้นช่องว่างระหว่างใจให้เริ่มต้น
ให้กมลค้นหาซึ่งความหมาย
อยู่กับใจร้างไร้แลเปล่าดาย
ก่อนวันสายเสน่หามายาลวง
ลำพัง..คือเส้นทางสัจจะโลกย์
สิ้นสุขโศกสิ้นไร้ใครคอยห่วงหวง
วางทุกข์สิ่งทิ้งทุกอย่างเจ้าขวัญดวง
วันลาล่วงเดือนลาลับนับแต่นี้
ราวสายแสงเพชรพร่างกระจ่างจิต
ทุกนิรมิตแจ่มจรัสรัศมี
แม้นทุกข์ทนบนทางฝันอันมากมี
ดวงฤดีเพียงพลีพร้อมสร้างหอมใจ
สะสมบุญวันละน้อยเฝ้าคอยนึก
ในรู้สึกดั่งแผ้วถางทางไสว
บุญนำทางสู่แดนฝันสวรรค์ไกล
ก้าวตามไปในรอยบาทพระศาสดา
และ..
นั่นคือรักแท้นิรันดร์ที่ฝันใฝ่
ที่ดวงใจมุ่งมาดปรารถนา
ดั่งดาวพุทธรัตน์ส่องสว่างณ.กลางฟ้า
งามแจ่มจ้าพราวพราย...หมายพบทาง....!(พระนิพพาน)
................
มงกุฎแก้วประกายพฤกษ์!
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6196.html
อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์*รัก*
.......................
คนดีในดวงใจ..
ฤดี..
น้ำตาซึมซึ้งตลอดเลยค่ะเมื่อคืนนี้
ยามที่ได้ถวายศิระกรานก้มกราบแล้วฟัง*พระราชดำรัส*
ที่ทรงตรัส
เป็นดั่งของขวัญล้ำค่าแด่ปวงชนชาวไทย
ด้วยดวงพระราชหฤทัยที่งามดั่ง*แก้วประกายพฤกษ์*
ฤดี..
ไม่ทราบจะพรรณณาถึงความสำนึก
ในพระมหากรุณาธิคุณ
ได้หมดจดอย่างที่ใจรู้สึกได้อย่างไรดี
นอกจากอยากกระซิบบอกคนดี
ด้วยน้ำตาที่ละหลั่งถั่งท้น
ล้นดวงใจแห่งรักกตเวทิคุณต่อผืนดินนี้
ต่อพระผู้เป็นยิ่งกว่ามิ่งขวัญจอมเกล้า
จอมใจแห่งชนชาวไทยทุกดวง
และต่อศาสนาพุทธ
ที่ใสพิสุทธิ์ใสงามดั่งดวงแก้วนิรมิต
ที่ไทยทุกดวงจิตเทิดสถิต
วางไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม
มาอย่างยาวนาน
ตั้งแต่บรรพกาลนานหลายร้อยปีแล้ว
และจะสถิตสถาวร
ในงามงดใจงามเงาใจนี้ไปตราบนานเนาชั่วนิจนิรันดร
และให้ดวงใจไทยทุกดวงได้หลอมรวมพลัง
ให้ทรงปกป้องไทยทุกชนชั้นดั่งฉัตรแก้วกั้นเกศ
ให้ยึดแนวทางดำเนินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท
ตามรอยธรรมรอยทองรอยแห่งความล้ำเลิศ
ในการเพียรไม่ละลดที่จะทำความดี
และ
สิ่งเดียวเท่านั้นที่
ใจไทยทุกดวงในธุลีหล้านี้จักพลีได้คือ
ถวายจิตวิญญาณทำความดี ปกป้องผืนดิน
ให้มีจิตใสเสียสละ
เพื่อผู้อื่นที่ยากไร้ทุกข์ทนกว่า...คนบนดินเดียวกัน
เพื่อนพี่น้องไทย
ที่เราได้มาร่วมสมานฉันท์สมานฝันได้มาสามัคคีหยัดยืน
ในผืนดินขวานทองอันแสนงามสงบเย็นนี้
ที่มีแสงธรรมแสงทองแสงแห่งดวงพระประทีป
พระบารมีอันผ่องผุดกระจ่างนำทางจิต
นำทางชีวิตหนึ่งนี้ที่มีบุญนัก
ที่ได้มาเกิดใต้เบื้องพระบรมธิสมภาร
ใต้เบื้องพระบาท
ได้รับหยาดน้ำพระราชหฤทัยที่ทรงแผ่ไพศาล
อย่างมิเลือกที่รักมักที่ชัง
อย่างที่ทรงยอมทนตรากตรำพระวรกาย
ให้เสโทหลั่งราวหยาดพระโลหิตมิสิ้นสาย
เพื่อพิชิตความยากไร้ในผืนดินทองแผ่นดินไทยนี้
ที่ทรงยินดีพลีพระวรกาย
ด้วยความรักมากมายฝากไว้ให้ลูกหลานไทย
ได้ภาคภูมิใจในคำว่า*ไท*
คืออิสระเสรีมิใช่ทาสใครเขา
คนดี..ดวงใจ
ฤดีอ่านจดหมาย
จากยอดดวงหฤทัยจากจิตใสแสนงามของคนดี
ที่ยอมเหน็บหนาวทุกก้าวย่างเฉกเช่นกัน
ยอมฝ่าฟันหนาวร้อนบุกป่าขึ้นเขาลงห้วย
ด้วยหวังทำตาม..เดินตาม*รอยเท้าพ่อ*
พระผู้ก่อเกื้อ....
ให้หัวใจไทยทุกดวงห่วงหากันแบ่งปันน้ำใจ
และดั่งทรงเป็นพลังใจกำลังใจ
ให้มิหยุดยั้งรั้งรอ
ที่จะฝากความดีพลีถวาย
แม้นจะน้อยนิด ก็อย่าได้หยุดคิดหยุดเพียร
เสมือนหยาดน้ำค้าง
ที่จะพร่างใส...ได้ดับโลกร้อนเร่า
ให้งามพราวให้สงบเย็น
ผ่อนทุกข์เข็ญทุกหย่อมหญ้า
ด้วยหยาดเย็นแห่งพระเมตตาพระบารมี
และ
สิ่งเดียวเท่านั้นเท่านี้
ที่ใจไทยทุกดวงในธุลีหล้านี้จักพลีได้คือ
ถวายจิตวิญญาณทำความดีมิรู้สิ้นรู้จบ
เลิกทำตัวบ้าโลกอารยะในทางมิสร้างสรร
อย่างที่คงได้ยินเต็มสองหูใน
พระราชดำรัสที่ตรัส
ด้วยความห่วงใยวัยอลวน..อนาคตของชาติ
ว่าเด็กสมัยนี้*หูตึง*
ด้วยไปฟังสิ่งอันไม่พึงเป็นมงคลในดิสโก้เทค
ไปใช้ชีวิตผิดทาง
ลืมสร้างเกราะแก้วกำบังใจ
ไม่ดลดวงจิตดวงใจ
และ
ร่างให้รับพร่างงามเกษมใส
ใฝ่รู้เรียนรู้โลก
ในทางแแห่งความดีความงามเย็น
ที่จะได้นำมาเป็นอนาคตไทย
ให้ได้เน้นไปในทางที่งดงาม
เพื่อให้จิตภายในไสวพร่าง
มีวิสัยทัศน์รู้ทันเท่าโลก..
มิใช่อนาคตของชาติ
มาหวนหายาเสพติดใช้ชีวิตในโลกกลางคืน
ให้คนในชาติโศกครวญ
ด้วยเรื่องหลงผิดใช้ชีวิตไปกับแสงสีเสียง
เป็นบ่วงกรรม
และนำวนมีผลมานำเนื่องมาเกี่ยวถึง
ประเทศชาติให้สิ้นเปลืองงบประมาณ
คนดี.....ดวงใจ
คำที่เคยฝากกระซิบเล่ามาในจดหมายซึ้งเศร้านั้น
ช่างแสนงดงามมีค่านัก
ที่ฤดีอยากเปิดเผยให้โลกได้ประจักษ์ได้รับรู้
ว่าในชีวิตหนึ่งนี้มีคนไทยมากมายนัก
ที่ได้ทำความดีพลีเพื่อปากท้องและผืนดิน
อย่างมิสิ้นหวังท้อแท้ยอมแพ้พ่าย
แม้นจะเหน็ดเหนื่อยเหน็บหนาวสายตัวสายใจแทบขาด
และ
มาตรแม้น
ถึงกับต้องยอมเสี่ยงภัยเสี่ยงร่างใจจิตวิญญาณ
ก็พร้อมยอมพลีแลก
เพื่อให้ไทยนี้ร่มเย็นเป็นสุขสงบสามัคคี
มีแต่ความดีงามงดสงบงาม
ไปทุกถ้วนหน้าทุกหย่อมหญ้าทุกธุลีไทย
คนดี..ดวงใจ.....
จดหมายรักชาติรักผืนดินเกิดแผ่นดินรัก
ที่มากล้นค่านี้ที่แสนยิ่งใหญ่นะนาทีนี้
...........
ฤดี..
คิดและหวังว่า
น่าจะเป็นความงามความรู้สึกเลอล้ำค่า
เพื่อ
ให้ทุกดวงใจได้รับรู้ได้รับซึ้งถึงค่าคนค่าคำ
ว่าคนเรานั้น
*เกิดมาชาติหนึ่งตายหนเดียว*
และ
แม้นยังมีชีวิต
เราทุกดวงชีวิตนิดน้อย
คนที่ยังมีดวงตาใสดวงใจสวย
มีสมองสองมือน้อยๆเหมือนๆกัน
ก็ควรจะไขว่เพียรทำความดี
ก่อนที่จะฝากร่างนี้ที่หาจีรังไม่ลงบนพื้นพสุธาทองนี้
และ
ยามที่ปราณแตก..จิตจักหาดับไม่
จะได้ลอยล่องท่องไปเหนือโลกย์โศกสุขแสนปลื้ม
ด้วยภาคภูมิว่ามิเสียชาติเกิด..
คนดี..ดวงใจ
นี่คือค่าคำล้ำใจ
ที่ฤดีถนอมงามไว้สร้างพลังใจค่ะ..
.....................
*ผมไม่ค่อยได้กลับไปบ้านเดิมที่กรุงเทพเท่าไหร่
ยกเว้นถ้าหัวหน้าท่าน
ได้เข้ากรุงเทพ จึงจะได้แวะไปครับ
งานของผมที่ทำอยู่เรียกว่า
เป็นงานเกาเหลาครับ
คือ มีหลายๆด้านมาก
ไม่เฉพาะเจาะจงอย่างใดอย่างหนึ่ง
และ
บ่อยครั้งที่ต้องเดินทางร่วมกับหัวหน้าไปยังถิ่นธุระกันดาร
พบปะชาวบ้าน รับฟังปัญหา
และต้องช่วยกันออกความคิด
ร่วมกันแก้ไข ทั้งกายทั้งใจ
งานแบบนี้ไม่มีเวลาที่เป็นของตัวเองมากนัก
บางทีเป็นงานด่วน
เราก็ต้องรีบ ถึงจะเหนื่อยมากในบางเวลา
แต่
พอได้เห็นรอยยิ้มและแววตาที่เป็นสุขของชาวบ้าน
เราก็หายเหนื่อยทีเดียวครับ
ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา
งานที่ทำคราวนี้
ผมไปใต้ครับ
เพราะที่นู้นมีปัญหา และ ชาวบ้านบาง
กลุ่มเสียขวัญมากกับเหตุการณ์ไม่สงบที่ผ่านมา
เกษตรกรเอง ขายผลไม้ไม่ได้
เพราะไม่มีนายทุน เข้ามารับซื้อ
เนื่องจากกลัวว่าจะถูกทำร้าย
แต่เหตุการณ์ผ่านไปด้วยดีแล้วครับในระดับหนึ่ง
จากนั้นผม
ก็แยกจากเจ้านายของผมขึ้นทางเหนือ
ดูงานเกี่ยวกับการเกษตร ดูความคืบหน้าเกี่ยวกับ
การเพราะปลูกการเกษตรยั่งยืนแนวราชการครับ
คือเป็นการปลูกพืช
ที่ควบคุมสารเคมีในระดับที่ไม่เป็น
อันตรายต่อผู้บริโภค
ซึ่งสมาชิกในโครงการฯ เวลา
นำพืชมาส่ง จะต้องมีการเข้าแล็ป ตรวจดูปริมาณสารพิษ
ที่ตกค้างต้องไม่เกินเวลาที่กำหนด เวลากักสินค้าไว้
สารพิษจะสลายเองไปตามธรรมชาติแล้วจึงนำไปขาย
ผมเพียงแต่ดูผลคืบหน้าของโครงการฯ
แล้วนำขึ้นรายงานให้กับหัวหน้า
ครับ ทางเหนืออากาศเย็นและเริ่มหนาวแล้ว
เมื่อสองสามวันก่อน มีฝนตก
................
................
..............
................
กับคำที่แสนงาม
ผมขึ้นไปดอยแถวเปียงหลวงมาครับ
ไปแวะที่วัดฟ้าเวียงอินทร์ ติดชายแดนพม่า
ไม่กี่เมตรอีกฝั่งก็เห็นชาวพม่า
ไปแวะโรงเรียนดูเด็กนักเรียนชาวเขา
มีอยู่ ราวๆ 10 เผ่า
อากาศข้างบนนู้นดีมาก
ตอนเช้าหมอกจะลงจัด
ยิ่งสายยิ่งอากาศหนาวครับที่นี่
ไปที่นั่น ได้มีโอกาส ทานข้าวหลามด้วยครับ..
ชาวบ้านเขาทำให้ทาน
ตอนนี้ข้างทางมีดอกบัวตอง
แต่ เริ่มจะเหี่ยวแล้วครับ
เดือนหน้า
จะมีนางพญาเสือโคร่งขึ้น
และเดินต่อไปจะเป็นเสี้ยวป่าสีขาว ชาวบ้านบอกครับ
พอกลางคืนดาวเป็นร้อยๆ เรียงตัวกัน
เหมือนจะหยิบได้
เพราะ อยู่ที่สูงจึงเห็นชัดครับ
ยิ่งดึกยิ่งเห็น
ผมจะออกมายืนดูดาวครับ
ผมเป็นคนชอบหน้าหนาวที่สุด
เพราะอากาศดี ไม่ร้อน
และเดินทางไปไหนได้สะดวก
ตอนกลับมารู้สึกเศร้าใจนิดหนึ่ง
ที่เห็นชาวกระเหรี่ยงเผาป่า
เพราะ
สมเด็จพระนางเจ้า
ท่านเสด็จฯมาทุกปี ที่โครงการหลวงฯ
เป็นโครงการหลวงเล็กๆครับ
เพราะที่นี่ห่างไกลความเจริญ กว่าที่อื่น
อย่างโครงการหลวงหลายแห่งในจังหวัดเชียงใหม่ ดีกว่า
เพราะ
มีคนพื้นเมืองเยอะกว่า ชาวเขา
ที่ร่วมโครงการ(เมื่อเทียบจำนวนชาวเขาแต่ละที่ครับ)
คนกระเหรี่ยงที่นี่จะเผาป่า ในช่วงนี้
เพราะเตรียมทำไร่ มีภูเขาหลายลูกที่
หัวโล้น แต่ก็ยังสมบูรณ์ด้วยต้นสน
เขาจะเผาแล้วถาง ปลูกกระหล่ำครับ
พอมาถึงเมืองงาย
ก็เกือบทุ่ม ไม่ได้แวะ สวนกล้วยไม้
ส่วนพระองค์ของสมเด็จฯ ท่านซื้อที่และ ปลูกกล้วยไม้
มีจำหน่าย ถ้ามีโอกาสได้มาเที่ยว แวะ ได้นะครับ
................
................
และ
คนดี..ดวงใจ
กับเช้านี้
ที่ฟ้าใกล้สว่างรำไรไร
ฤดีเปิดบทเพลงพระราชนิพนธ์ใกล้รุ่งฟัง
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song653.html
ใกล้รุ่ง ........เพลงพระราชนิพนธ์
ได้ยินเสียงแว่วดังแผ่วมาแต่ ไกล ไกล
ชุ่มชื่นฤทัย หวานใดจะปาน
ฟังเสียงบรรเลง ขับเพลงประสาน
จากทิพย์วิมาน ประทานกล่อมใจ
ใกล้ยามเมื่อแสง ทอง ส่อง
ฉันคอยมองจ้อง ฟ้าเรืองรำไร
ลมโบกโบยมา หนาว ใจ
รอช้าเพียงไร ตะวันจะมา
เพลิดเพลินฤทัย ฟังไก่ประสานเสียงกัน
ดอกมะลิวัลย์ อวลกลิ่นระคนมณฑา
โอ้ในยามนี้ เพลิน หนักหนา
แสงทองนวลผ่องนภา แสนเพลินอุราสำราญ
หมู่มวลวิหคบินผกมาแต่ รัง นอน
เข้าเชยชิดช้อน ลิ้มชมบัวบาน
ยินเสียงบรรเลง ดังเพลงขับขาน
สอดคล้องกังวาน ซาบซ่านจับใจ
ใกล้ยามเมื่อแสง ทอง ส่อง
ฉันคอยมองจ้อง ฟ้าเรืองรำไร
ลมโบกโบยมา หนาว ใจ
รอช้าเพียงไร ตะวันจะมา
เพลิดเพลินฤทัย ฟังไก่ประสานเสียงกัน
ดอกมะลิวัลย์ อวลกลิ่นระคนมณฑา
โอ้ในยามนี้ เพลิน หนักหนา
แสงทองนวลผ่องนภา แสนเพลินอุราสำราญ
หมู่มวลวิหคบินผกมาแต่ รัง นอน
เข้าเชยชิดช้อน ลิ้มชมบัวบาน
ยินเสียงบรรเลง ดังเพลงขับขาน
สอดคล้องกังวาน ซาบซ่านจับใจ...
...............
ให้ใจดวงหนาว
ได้สัมผัสพลังแห่งละมุนละไม
จากความยิ่งใหญ่งดงาม
ของงามนวลเนื้อใจจาก
พระปรีชาสามารถในเชิงนิพนธ์
บทเพลงอันแสนไพเราะ
ที่ถึงมาตรแม้นเวลา
จะผันผ่านกาลเวลามายาวนานสักเพียงไหน
หากทว่า
ยังคงตราไว้ในดวงใจ
ตรึงไว้ในซอกเสี้ยวแห่งความทรงจำ
อันคือมณีมากมีค่า
อันจะเป็นอมตะนิรันดร์กาล
ให้พบความงามงด
และ
กับทุกบทเพลงโบราณ
ที่ทำให้หูไม่ตึงแล้วยังได้ซึ้งชื่นฉ่ำ
ยามได้ยินได้ฟังเนื้อหาบทเพลง
ที่แสนพริ้งพราว
ราวกับสายน้ำบรรเลงไหลเซาะซึ้ง
ให้ถึงก้นบึ้งแห่งดวงใจรัก
ที่แสนหวานแสนงามนัก...ในยามเหงาลำพัง
ยามสิ้นหวังไร้หวานใด
ไม่มีใคร ไม่มีอนาคต.ให้พ้อรอหา
มีเพียงปัจจุบันเวลาขณะ
ที่รอเพียงเวลาจะกลายเป็นอดีต
ที่คงจะทิ้งเพียงเงาฝัน
ไว้ในความทรงจำอันแสนงดงาม
ในทุกยามในทุกอณูนึก...
ฤดีขี่จักรยานสีฟ้าสด
ไปตามเส้นทางสายชนบทสายงาม
ที่ยังมีนาข้าวเขียวไพลพร่าง
ในท่ามกลางดงเมือง
ฟ้าพรายพรมห่มด้วยม่านเมฆหมอกในยามเช้า
ที่อรุณยังไม่มาแย้มเยือน
โลกยังหลับไหล
และดวงใจใครบางคนยังคงไม่ตื่นจากฝันดี..
ฤดี.
มองดูฟ้าเบื้องบน
ด้วยดวงใจแสนสงบสุข
คิดถึงคำแสนงามแสนยิ่งใหญ่ในใจดวงร้าว
ที่เขาเฝ้ากระซิบ
ผ่านฟากฟ้ากว้างมาด้วยใจแสนรักและห่วงใย
ฤดี
เพียงอยาก
รจนาระบายความในใจ
ความงดงาม
สงบสุข
ยามที่ฤดี
นั่งเดียวดายริมชายนา
กับใจดวงเหว่ว้า
กับ
จดหมายมากหลายหน้า
ที่แสนใช้ภาษารักสวยงาม
ที่ฝากนิยามความจริงใจ
ความยิ่งใหญ่ในมหัศจรรย์รัก
และยิ่งรำลึกคิดถึงใครบางคน
ที่แสนรักอย่างจับใจ
เมื่อได้รับข้อความแสนยิ่งใหญ่
ให้ใจดวงร้าวเลิกหนาวเหน็บ
และมีพลังกำลังใจ
ดั่งบทเพลงนี้ที่ราวลอยลมมากับฟ้ากว้าง
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2072.html
กำลังใจ โฮป
ในยามที่ท้อแท้
ขอเพียงแค่คนหนึ่ง
จะคิดถึง
และคอยห่วงใย
ในยามที่ชีวิต
หม่นหมองร้องไห้
ขอเพียงมีใคร
ปลอบใจ สักคน
ในวันที่โลกร้าง
ความหวังให้วาด
มันขาดมันหาย
ใคร จะช่วยเติม
เพิ่มพลังใจ
ให้ฉันได้เริ่ม
ต่อสู้อีกครั้ง
บนหนทางไกล
กำลังใจ
จากใครหนอ
ขอเป็นทาน
ให้ฝันให้ใฝ่
ให้ชีวิต ได้มีแรงใจ
ให้ดวงใจ
ลุกโชนความหวัง
กำลังใจ จากใครหนอ
ขอเป็นทาน
ให้ฉันได้ไหม
ดั่งหยาดฝน
บนฝากฟ้าไกล
ที่หยาดริน
สู่พื้น ดินแห้งผาก
กำลังใจ
จากใครหนอ
ขอเป็นทาน
ให้ฝันให้ใฝ่
ให้ชีวิต ได้มีแรงใจ
ให้ดวงใจ
ลุกโชนความหวัง
กำลังใจ
จากใครหนอ
ขอเป็นทาน
ให้ฉันได้ไหม
ดั่งหยาดฝน
บนฝากฟ้าไกล
ที่หยาดริน
สู่พื้นดินแห้งผาก...
............
ที่นะบัดนี้ดวงใจฤดี
ดูไม่เดียวดายอ้างว้างเฉกเช่นเคย
อย่างโลกของฤดีที่เคยเป็น
*ดั่งเช่นสีน้ำเงิน*เหงาเงียบเสมอมา
หากทว่าวันนี้
โลกของฤดีกลับเป็นโลกสีฟ้าแจ่มจรัสใจ
เป็นโลกสีรุ้งสวยใสกระจ่างงาม..
เมื่อได้พบนิยามรักแบบมหัศจรรย์
รักที่เหนือกว่ารัก
คือรักผืนดิน
รักธรรม..ธรรมชาติ รักชาติ ศาสนา
และสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย
ที่จะเป็นรักยิ่งใหญ่อมตะไม่มีวันตายแตกดับ..
ตราบชั่วนิจนิรันดร์นะคนดีนะดวงใจ
และ
หลังจากนั้น
ฤดี..ได้ไปวัด
ไปตั้งจิตอธิษฐานสวดมนต์แผ่เมตตาสมาธิภาวนา
ไปบริจาคทานให้โรงพยาบาล
ไปถวายเงินสมทบทุนสร้างวัด
ไปสร้างกุศลจิต
ให้คิดดีคิดได้คิดให้ตามรอยธรรมรอยทอง
เพียรแผ้วถางหนทางสีขาวพราวพิสุทธิ์
ให้สะอาดว่างประดุจราวบัวพุทธบัวทองผ่องพรรณราย
ที่กำลังบานเหนือน้ำนะหน้าวิหารที่พักพระ
ฤดีเข้าไปกราบกรานพระประธานในโบสถ์
ที่คืนนี้มีงานพิธีสมโภชสวดถวายพระพรชัยมงคล
ฤดี..ก้มลงกราบพระพุทธ..
ด้วยดวงใจพิสุทธิ์มั่นภักดิ์พลีในพระพุทธศาสนา
แล้วน้ำตาพลันซึมซึ้ง
เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นพระพักตร์ทอง
อันงามละมุนผ่องผุดแผ่พระเมตตาบารมี
ให้หัวใจดวงดีดวงงาม
ได้รับรู้ถึงกระแสธารใจอันแสนใสฉ่ำเย็น
ฤดี..ได้แต่ตั้งจิตอธิษฐานตามคำ..*พ่อ*
ให้ใจดวงละออทั้งสองดวงได้หลอมรวมรับรู้
ความเป็นหนึ่งเดียวในรักนิรันดร์อันแสนงามงดนี้นะนาทีนี้
แล้วฤดี
ก็ได้
กลิ่นลั่นทมหวานเศร้า
ดอกไม้แห่งดวงใจรักตั้งแต่ยามวัยเยาว์
ดอกไม้ที่แม้นจะแสนเหงางามเศร้า
หากคือคลุกเคล้าคลุกความหวานหอมสอนใจ
ให้นวลใจใสซื่อไม่ยึดมั่นถือมั่นในค่าคำทุกทุกข์รัก
และ
หากจักยึดถือมั่นก็
แค่นำมาเป็นพลังแห่งการสร้างสรรงาม
ให้ดวงใจไม่ไหวระย่อ
ขอแค่ความงามเงียบเรียบง่าย
รู้รักสมถะมีความพอดี พอใจพอเพียง
ในทุกสิ่งนี้ที่โลกและฟ้าดินรวมทั้งคนหยิบยื่นให้มา
ที่ไม่ว่าร้ายดีย่อมรำลึกรู้รำงับได้
ไม่ให้มาทำลายพร่าผลาญนวลใจแสนงามนาน
แค่นำมาเพียรสร้างพลังใจ
ไปในทางดี...แสนดี
คืนกลับให้โลกหล้าและพสุธาไทยพสุธาทองนี้
อย่างสมค่าคำมนุษย์
และ
ในท่ามกลางดวงดอกไม้ใบไม้
ที่ปรายปรนปลิดปลิวลิ่วลอยควะคว้าง
หล่นร่วงลงกลางร่างฤดี
ที่
แหงนเงยใบหน้ารับพร่างไสวงามบรรเจิดจิต
ในยามเช้าวันมหามงคลนี้
ฤดีได้แต่หวังตั้งใจว่า
ทุกลมหายใจนับต่อแต่นี้
ขอแค่ได้เพียรสร้างจิตให้คิดดีคิดได้
ให้สว่างเย็นดำรงไสวใสประภัสสรพิสุทธิ์
เพื่อตามรอยธรรมรอยทองตามรอยเท้าพ่อ..!
จะมิท้อขอแค่นี้ตราบชั่วนิจนิรันดร..!
และ
พลันราวในมโนนึก
ฤดีได้ยินเสียงแสนซึ้งเศร้า
กระซิบเว้าวอนสารภาพ
ออกมาจากก้นบึ้งแห่งดวงใจแสนพิสุทธิ์
ดุจสวรรค์รับรู้..ฟ้าเมตตา
............
*ชีวิตที่เกิดมาในชาตินี้ของผม
จนกระทั่งมาวันนี้
ผมคิดว่า ได้พบในสิ่งที่ปรารถนาจะพบ
และพอใจกับวิถีชีวิตที่สงบเรียบง่าย สันโดษ
ทางโลกผมมีหน้าที่ตอบแทนบุพการี
ตอบแทนคุณแผ่นดิน และ
มีหัวใจที่ให้กับยอดหญิงแห่งดวงใจ
ทางธรรม ผมเพียรประคับประคองจิตใจ
ไปตามภูมิธรรม
ปรารถนานำน้อมยอดดวงใจไปในทางที่ดี
และ
ความปรารถนาสุดท้ายของผมนี้
ในชีวิตบั้นปลาย คือ จะบวชจนกระทั่งสิ้นลม
คนดีครับ ทั้งหมดคือ ชีวิตของผม
ปณิธาณและความตั้งใจ
ผมขอฝากสายธรรมไว้ให้ดวงใจนะ
แทนสายใจแห่งความร่มเย็น
ให้กับยอดดวงใจในใจผมในยามที่ผมไม่อยู่นะครับ
ผมรักแผ่นดิน รักชาติ ศาสนา
และ สถาบันพระมหากษัตริย์
ผมรักสรรพชีวิตบนโลกใบนี้
ผมรักผู้หญิงหนึ่งในดวงใจนี้
เสมอ ลูกผู้ชายคนหนึ่ง
เกิดมาแล้วตั้งสัจจะ
ที่จะรักภักดีต่อ สตรีเพียงผู้เดียวตลอดนิรันดร
วันหนึ่งถ้าสมมุติดวงใจจากโลกนี้ไปก่อน
ความรักนั้นจะดำรงคงอยู่เช่นนั้น
และ
ผมคงทุ่มเทแรงกายแรงใจ
ให้กับงานแผ่นดิน งานธรรมเท่านั้นครับ
เมื่อผมตาย...
ผมจะไปพบยอดดวงใจแน่นอนครับ
หรือ..
ถ้าผมตายก่อน ผมก็จะไปรอยอดดวงใจ
อีกภพหนึ่งนะครับ คนดี
อย่าได้..
เหงาเศร้าโศกรานเลยนะเจ้ายอดดวงฤดียอดหฤทัย..!
....................
...............................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6196.html
อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์
รัก
รักทะเล
อันกว้าง ใหญ่ไพศาล
รักท้องฟ้า โอฬาร สีสดใส
รักท้องทุ่ง ท้องนา ดั่งดวงใจ
รักป่าเขา ลำเนาไพร แสนสุนทร
รักพฤกษา รุกขชาติ ที่ดาษป่า
รักปักษา ร้องกู่ บนสิงขร
รักอุทัย สว่าง กลางอัมพร
รักทั้ง รัตติกร ในนภดล
รักดารา ส่องแสง สุกสว่าง
รักน้ำค้าง อย่างมณี มีโภคผล
รักทั้งหมด ทั้งสิ้น ที่ได้ยล
รักนวลนาง รักจน หมดสิ้นใจ
รักพฤกษา
รุกขชาติ ที่ดาษป่า
รักปักษา ร้องกู่ บนสิงขร
รักอุทัย สว่าง กลางอัมพร
รักทั้ง รัตติกร ในนภดล
รักดารา ส่องแสง สุกสว่าง
รักน้ำค้าง อย่างมณี มีโภคผล
รักทั้งหมด ทั้งสิ้น ที่ได้ยล
รักนวลนาง รักจน หมดสิ้นใจ...
16 เมษายน 2550 10:44 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song175.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song282.html
บทเพลงเย้ยฟ้าท้าดิน..ธาราระทม
ในราตรี...ฟ้าหลังฝน
ที่ปีศาจวสันต์พร่างสายผันผ่านลาเลย
แล..
ฝากรอยระกำช้ำหมองกับคลองธารเชี่ยวกราก
ที่ไหลหลากพรากจาก
ให้หลายดวงใจผู้ที่อยู่เบื้องหลัง
ได้ระทมสะเทือนโศกไปกับบทวิปโยค
แห่งการลงโทษจากธรรมชาติ
ทุกสัจจธรรม ฑัณท์ธรรมชาติ
มาวนวาดคอยสอนสั่งย้ำเตือน
ทุกชีวาชีวิตมนุษยชาติ
ให้..
เลิกคิดหมายมาดปรารถนา
หลงในกิเลสมนตราวัตถุมากมาย
จนคิดร้าย ทำลาย
แล...
แท้เที่ยงแล้วท้ายสุด
คือเรา ยากหยุดวัฏฏะพิโรธโกรธกริ้ว
ที่จักมาถึงอย่างยากยิ่ง..เกินแก้ไข...
ในราตรี..ที่ฟ้ากำลังร่ำไห้
คล้ายพลีหมองไหม้ให้กับทุกดวงใจที่ไหวครวญ
เมื่อทุกสิ่งสายเกิน...
การะเวกกำลังเสกมนต์ระกำมากับสายลมในยามค่ำ
ปลอบประโลม ทุกดวงชีวาชีวิต
ที่เพรงพรหมลิขิตให้เป็นไปตามวิบากรักพันธนา
และ..
กับทุกดวงใจรัก เรา..ผู้หาญกล้า
ที่จักเลือกขีดเส้นเพรงชะตา
อย่าง..
มิเกรง...สิ้น...ทั้งดินฟ้าอินทร์พรหมยมพญา..!
....................
...........................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song175.html
เย้ยฟ้าท้าดิน
ฟ้าหัวเราะเยาะข้า ชะตาหรือ
ดินนั้นถือ อภิสิทธิ์ ชีวิต ข้า
พรหมลิขิต ขีด เส้น เกณฑ์ชะตา
ฟ้า อินทร์ พรหม ยมพญา ข้า หรือเกรง
ฟ้า หัวเราะ เยาะเย้ย เหวยเหวยฟ้า
พสุธา อย่าครวญว่า ข้า ข่มเหง
เย้ย ทั้งฟ้า ท้าทั้งดิน สิ้น ยำเกรง
หรือใคร เก่ง เกิน ข้า ฟ้า ดินกลัว
ข้า ขอ ลิขิต ชีวิตข้าเอง ไม่เกรง ดิน ฟ้า
อีก พื้นพสุธา พญายม พรหมอินทร์ ทั่ว
ข้า กระทำ แต่กรรมดี มีหรือจะกลัว
มิใช่ใจชั่ว ลืม ตัว หลง ลำพอง
อัน สวรรค์ อยู่ในอก นรก นั่น หรือ
ข้า ก็ถือ อยู่ในใจ ไม่ หม่น หมอง
ละ การ ทำ ชั่ว ควรหรือจะกลัว นรก มั่นปอง
หาก ทำดี ฟ้าดินต้อง คุ้ม ครอง เอย...
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song282.html
ธาราระทม
ม.ร.ว. ถนัดศรี สวัสดิวัฒน์
แว่ว ยิน แต่ เสียง
น้ำหลากมาเสมือนยิ่งพาน้ำตาข้าหลั่ง
ธารารักเอยรักเคยฝากฝัง
ท่ามกลางแสงเดือนสะพรั่ง
รักกลับอ้างว้างในคืนเดือนเพ็ญ
รูป รอย ปาง หลัง
ฝังฝากใจมาไร้ความจริงทิ้งให้ลำเค็ญ
มองเดือนครั้งใดหมองใจไม่เว้น
ค่ำคืนรักเชยเคยเช่น
แสงแห่งเดือนเพ็ญเชยฟ้าราตรี
รัก จาก พราก ไป
เหลือ เพียงรอยอาลัยไม่มี
สายน้ำยามเพ็ญ ก่อนเคยได้เป็นสักขี
ยินแผ่วแว่วเสียงวจี
คล้ายเสียงเสียดสีที่เย้ยดวงใจ
โอ้ คำ อธิษฐาน
เสมือนบ่วงมาร มารับเอาคำสาบานข้าไป
มนต์มารร้ายยิ่งรักจริงสลาย
ตั้งปณิธานวอนไหว้
แสงแห่งดวงใจจงพบกันเทอญ
รัก จาก พราก ไป
เหลือ เพียงรอยอาลัยไม่มี
สายน้ำยามเพ็ญ ก่อนเคยได้เป็นสักขี
ยินแผ่วแว่วเสียงวจี
คล้ายเสียงเสียดสีที่เย้ยดวงใจ
โอ้ คำ อธิษฐาน
เสมือนบ่วงมาร มารับเอาคำสาบานข้าไป
มนต์มารร้ายยิ่งรักจริงสลาย
ตั้งปณิธานวอนไหว้
แสงแห่งดวงใจจงพบกันเทอญ...
15 เมษายน 2550 22:56 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song45.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song45.html
บทเพลงบุพเพสันนิวาส
เติมใจให้กัน
โลกมายาเหว่ว้าพร้อมหมายจาก
ความพลัดพรากรอทุกผู้อยู่ทุกหน
เจ็บแลตายสัจจะแท้ท่ามโลกวน
ราววังวนหมุนเวียนมิเปลี่ยนแปร
ได้เกิดมาชาติหนึ่งพบซึ้งเศร้า
ทั้งเหน็บหนาวทั้งอุ่นไอ..ชนะ แพ้
ดั่งกรรมเก่าเงาวิบากในดวงแด
คือเที่ยงแท้ทุกข์ทนคนคนคน
ปรารถนาสิ่งใดเล่ามวลมนุษย์
สู่วิมุติหลุดพ้นความสับสน
เหนือวัฏฏะกิน..เกียรติ..กามนิยามปุถุชน
ปลดกมลจากโซ่กรรมรู้ทำใจ
ศีล สมาธิ ปัญญาพาหลุดพ้น
วางตัวตนว่างเปล่าจิตไสว
กระจ่างแจ่มจรัสรัศมีบุญนะกลางใจ
อัญมณีใดไหนเล่างามเท่านี้....!!!!
จุด..จุด..จุด
จุด จุด จุด....!
ชีวิตหนึ่งนี้...ในบางช่วงเวลา...
หัวใจของเราอาจมีเครื่องหมาย จุด จุด จุด...
เป็นช่องว่าง เป็นดังคำถามของหัวใจ
เป็นความอ่อนไหว อ่อนแอ เพื่อรอใครบางคน....
ในบางเวลา....ที่ดวงใจของเรา..อ่อนล้า...
ยามที่น้ำหล่อเลี้ยงดวงใจพร่องหายไปครึ่งหนึ่ง..
ไม่มีเหลือไว้ เพื่อขับเคลื่อนให้กับชีวิตเรานี้
ยังคงมีความหวัง กำลังใจ กับคืนวันในอนาคต
เครื่องหมาย...จุด จุด จุด....นั้น
ทุกคนฝันฝากใจ ฝากความหวัง
ให้ใครสักคน ก้าวเข้ามาในชีวิตเรานี้
เพื่อที่จะเรียนรู้..เข้าใจ และหาคำตอบ...
เพื่อเป็นพลังใจ พลังฝัน..ฝ่าฟัน เคียงคู่กันไป
ในโลกที่แสนกว้างใหญ่นี้
ที่เราทุกคนกลัวความดายเดียว...
เครื่องหมาย...จุด จุด จุด........ นั้น
เป็นเครื่องหมาย ของชีวิตนี้
ที่แต่ละคน มีความต้องการแตกต่างกันไป....
ใครบางคน!........
แสนเข้มแข็ง แต่กลับต้องการ ความอ่อนหวาน
จากใจใครบางคนมาโลมเล้าดวงใจในบางหน
ในยามชีวิตมืดมน
ให้มีความพอเหมาะพอดี ให้โลกแห่งชีวิตนี้ละมุนลง
ใครบางคน!........
แสนอ่อนแอ
และต้องการกำลังใจจากใครบางคนที่เข้มแข็งกว่า
เพื่อนำมาเป็นกำลังใจให้มีจุดยืน หนักแน่น
และแกร่งกล้า สามารถท้าทายอุปสรรค
คลื่นลมแห่งชีวิตอย่างไม่หวั่นไหว
ใครบางคน!........
อาจจะอยู่กับโลกแห่งเทคโนโลยี่ ในอนาคต
ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ
ประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิตการงาน
แต่...
กลับต้องการ ใครบางคน
ที่แสนเรียบง่าย อ่อนหวาน ติดดิน ไร้สิ้นมารยา
เมื่อกลับมาถึงบ้านที่ต้องการให้เป็นแค่วิมานดิน...
ใครบางคน!.........
อาจจะต้องการผู้นำ..ชีวิต
ในขณะที่ใครบางคนต้องการแค่เพื่อนคู่คิด คู่ใจ
เพื่อก้าวไปพร้อมๆกัน อย่างเคียงบ่าเคียงไหล่
ใครบางคน!...........
อาจจะต้องการ ผู้ตาม
ไม่อยากให้ล้ำหน้าเพราะกลัวว่าตัวเองจะดูไร้ค่า อ่อนแอ
และ...ไม่เป็นลูกผู้ชาย....
ใครบางคน!......และใครบางคน..
และ..
ใครอีกหลายๆคน..ที่ยังมีความต้องการและยอมรับว่า...
โลกนี้ ไม่มีใครและอะไรจะสมบูรณ์แบบไปเสียหมด....
ฉะนั้น...
จงคิดว่า..ถ้าหากเรา..จะรักใครสักคน..
เขาและเธอคนนั้น...
อาจจะมิใช่พระเอกและนางเอก ในฝัน...
เราขอแค่หวัง...
เพียงมาเมตตารักปรารถนาดี..แบ่งปัน
เอื้อโอบไออุ่นให้แก่กันและกันจนเต็ม
ก็น่าจะพอใจ....แล้วนะคนดี..
ให้สมกับที่เกิดมา..
เพื่อ..
จะมีใครสักคน..ใครบางคน..!
...................
..................................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song45.html
บุพเพสันนิวาส สุนทราภรณ์ ประพันธ์ สุนทรจามร
เมื่อคิดให้ดีโลกนี้ประหลาด
บุพเพ สันนิวาส ที่ประสาทความรักภิรมย์
คู่ ใคร คู่ เขา รักยังคอย เฝ้าชม
คอยภิรมย์ เรื่อย มา
ขอบน้ำขวางหน้า ขอบฟ้าขวางกั้น
บุพเพยังสรรค์ประสบ ให้ได้สบ พบรักกันได้
ห่าง กัน แค่ ไหน เขาสูงบัง กั้นไว้
รักยังได้ บู ชา
ความ รัก ศักดิ์ ศรี รักไม่มี พรหมแดน
รักไม่มี ศาสนา
แม้น ใคร บุญ ญา ได้ ครอง กันนา
พรหม ลิขิต พาชื่นใจ
รักเหมือนโคถึก ที่คึกพิโรธ
ความรักเช่นนั้นให้โทษ
จะไปโกรธ โทษรักไม่ได้
ไม่ ใช่ บุพ เพ สันนิวาส แน่ไซร้
รักจึงได้ แรม รา
ความ รัก ศักดิ์ ศรี รักไม่มี พรหมแดน
รักไม่มี ศาสนา
แม้น ใคร บุญ ญา ได้ ครอง กัน มา
พรหม ลิขิต พาชื่นใจ
รักเหมือนโคถึก ที่คึกพิโรธ
ความรักเช่นนั้นให้โทษ
จะไปโกรธ โทษรักไม่ได้
ไม่ ใช่ บุพ เพ สันนิวาส แน่ไซร้
รักจึงได้ แรม รา...
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2380.html
เติมใจให้กัน
ตอบใจตัวเองมานาน แอบรอคอยเธอก็รู้
อยากให้เธอลองตรองดู
ในความทรงจำ เก็บไว้
ต่างคนมีทางต้องเดิน อาจมีเวลาต้องไกล
หนึ่งคนยังคงคอยใจ ยังคงคอยไปอย่างนั้น
อยู่ไกลกันเกินครึ่งฟ้า หากยังมีใจถึงกัน
จะโยงใยความสัมพันธ์ จนมาพบกันใกล้ตา
ต่อเติมแรงใจเมื่อท้อ
แบ่งปันในยามทุกข์ตรม ไม่หวั่น
ต่างคนเติมใจให้กัน เติมใจซึ่งกัน จนเต็ม
ตอบใจตัวเองมานาน แอบรอคอยเธอก็รู้
อยากให้เธอลองตรองดู
ในความทรงจำ เก็บไว้
ต่างคนมีทางต้องเดิน อาจมีเวลาต้องไกล
หนึ่งคนยังคงคอยใจ ยังคงคอยไปอย่างนั้น
อยู่ไกลกันเกินครึ่งฟ้า หากยังมีใจถึงกัน
จะโยงใยความสัมพันธ์ จนมาพบกันใกล้ตา
ต่อเติมแรงใจเมื่อท้อ
แบ่งปันในยามทุกข์ตรม ไม่หวั่น
ต่างคนเติมใจให้กัน เติมใจซึ่งกัน จนเต็ม
อยู่ไกลกันเกินครึ่งฟ้า หากยังมีใจถึงกัน
จะโยงใยความสัมพันธ์ จนมาพบกันใกล้ตา
ต่อเติมแรงใจเมื่อท้อ
แบ่งปันในยามทุกข์ตรม ไม่หวั่น
ต่างคนเติมใจให้กัน เติมใจซึ่งกัน จนเต็ม...