ร้อยมาลัยดวงดอกไม้มากมวลพรรณ ดั่งสร้อยขวัญแทนพันผูกลูกรักแม่ กราบแทบเท้ากตเวทิตาคุณจากดวงแด หอมมือแม่เหี่ยวย่นมากล้นรัก คือสายใยสู่สายเปลเฝ้าเห่กล่อม เฝ้าถนอมให้งดงามมีศรีศักดิ์ คือสายธารกาลนิรันดร์อนันต์นัก สายใจรักหล่อเลี้ยงโลกลบโศกคน สายน้ำนมดั่งสายเลือดเพื่อเติบใหญ่ งามหัวใจงามชีวิตในทุกหน สอนสัจจธรรมนำชีวีพ้นมืดมน สอนกมลให้กระจ่างสว่างชีวา วันนี้.. ลูกวางพลีดวงดอกไม้ทั้งโลกหล้า แทนค่าคำเกินจารใจกตเวทิตา ลูกซึ้งค่ารักแท้ของแม่นี้ ..ที่..นิรันดร์..! ด้วยรักนี้ที่แม่ให้ เราเกิดมา มีชีวิตเพื่อกันและกัน สายเลือดอันอบอุ่น สายน้ำนมอันยิ่งใหญ่ เป็นสายใจ ถักทอด้วยใยรัก และผูกพัน รวมเป็น....เส้นทางใจ ไหลรวม .....เป็นเส้นทางชีวิต ที่จิตวิญญาณมิอาจจะพรากจากกันได้ แม่ เปรียบเสมือนลมหายใจของธรรมชาติ ที่ก่อให้เกิดชีวิตอันยิ่งใหญ่....ของมวลมนุษยชาติ สำหรับฉัน เรียนรู้ ที่จะรักโลก และ.... ทุกสรรพสิ่ง ฟ้ากว้าง...ภูเขา... ท้องทะเล...แมกไม้....สายน้ำ... ด้วยใจดวงพิเศษพิสุทธิ์ ที่... แม่หล่อหลอมให้ฉันมี.....ให้ฉันเป็น... และ... ให้ฉันเห็นทุกสิ่งจาก.... ตาภายใน...คู่พิเศษ ที่ไม่จำเป็นต้องงามงด แต่...หมดจด เพื่อเก็บรายละเอียดของความงามบริสุทธิ์ ที่รายล้อมรอบตัวเรา.... ด้วยมิติที่ล้ำลึก............. เห็นชีวิต จิตวิญญาณของผู้คน โดยการให้ความรัก ความเข้าใจ..ให้อภัย ให้ความเมตตา และ.. แน่นอน ให้กำลังใจ สำหรับผู้ยากไร้มากมายที่ไร้หวัง.. โลกของชีวิตฉันจึงเงียบ สงบงาม กว้างใหญ่ มากล้นด้วยน้ำใจ ที่พร้อมจะเป็น....ผู้ให้... ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของชีวิต ในโลกอันสับสนวุ่นวาย ของการแสวงหาใบนี้.... แม่ของฉันคือธารน้ำใสไหลเย็น ที่ชุ่มฉ่ำ พร้อมจะรินรดหยดลงบนใจทุกดวง ที่ได้ชิดใกล้... ถ้าฉันจะเปรียบแม่เป็น ...ดอกไม้งาม.. แม่ของฉันคือ....ดอกพุด ฤาว่ามะลิ เป็นพันธุ์ไม้ไทย ที่มีกลิ่นหอมละมุน ดอกสวยสะอาดตา ดูบอบบาง แต่อ่อนหวาน และอ่อนโยน.... ในขณะเดียวกัน เธอเปรียบประดุจ.... *พุทธะ*..ประจำใจของฉัน เธอคือผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ที่บานไสวอยู่ในใจของฉัน เพื่อนำทางชีวิตให้สว่างไสว ตลอดมา ... .และ....ตลอดไป ฉันขอสดุดี ผู้หญิงที่เป็นแม่ทุกคนในโลกนี้ ที่.. ได้สอนให้ลูกได้เรียนรู้จากการกระทำ ที่เสียสละ ดูแลลูกด้วยความอดทน ด้วยความรัก ด้วยความเข้าใจ ด้วยดวงใจที่ไม่เคยหวังสิ่งใดใดตอบแทน... เพียงเพื่อขอให้ลูกทุกคน ได้เติบโตอย่างแข็งแรง ทั้งร่างกายและจิตใจที่มีคุณค่า.... เพื่อ ยังประโยชน์ให้แก่ ครอบครัว แก่สังคม และ เพื่อจรรโลงโลกใบนี้ให้มีแต่ความดีงาม ความสงบสุข ตราบนานเท่านาน..! ..................................... ร้อยมาลัยความดีมากมีค่า แทนคำว่ากตัญญูในใจฉัน แม้นโลกเวียนเปลี่ยนปีเดือนชั่วกัปป์กัลป์ รักแท้นิรันดร์รักจากแม่มิแปรตาม มิแปรกาล..! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2865.html คือหัตถาครองพิภพ สองมือที่ดูนิ่มนวลอ่อนโยน สองมือที่ดูช่างบอบบางอย่างนั้น สองมือที่ดูไม่มีความสำคัญ คือสองมือที่ทำ ให้โลกหมุนไป แม้เพียงร่างกายนั้นเกิดเป็นหญิง แท้จริงหัวใจนั้นแกร่งยิ่งกว่าชาย ขอเพียงให้เป็นได้ดังที่ตั้งใจ จะทุกข์ทนเดียวดายไม่มีความสำคัญ บันดาลโลกหมุนเวียนวนไปตามจิตใจ นำพาให้เป็นไปตามต้องการ ทุกสิ่งเปลี่ยนแปร ไปด้วยมือเธอเสกสรร ดังถ้อยคำประพันธ์ เปรียบเปรยพรรณนา ถึงชายได้กวัดแกว่งแผลงจากอาสน์ ซึ่งอำนาจกำแหงแรงยิ่งกว่า อันมือไกวเปลไซร้ แต่ไรมา คือหัตถาครองพิภพจบสากล บันดาล โลกหมุนเวียนวนไปตามจิตใจ นำพาให้เป็นไปตามต้องการ ทุกสิ่งเปลี่ยนแปร ไปด้วยมือเธอเสกสรร ดังถ้อยคำประพันธ์ เปรียบเปรยพรรณนา ถึงชายได้กวัดแกว่งแผลงจากอาสน์ ซึ่งอำนาจกำแหงแรงยิ่งกว่า อันมือไกวเปลไซร้ แต่ไรมา คือหัตถาครองพิภพจบสากล...
ฉันชอบชื่อนี้.... และคิดว่าน่าจะมี ....ดวงตาสวรรค์... ...จริงๆ มิใช่เฉพาะคำในหนังจีนที่ชอบเอ่ย ออกมา.... และ.. ฉันเชื่อว่า มี.....ดวงตาสวรรค์... ที่เฝ้าจ้องมองดู ผู้คน อยู่บนผืนโลก ไม่ใช่! บนวิมานฟากฟ้าที่ไหน...ที่ไกลแสน...... ดวงตาสวรรค์... ..คู่นี้ จะร้องไห้ ในหลายๆโอกาส เพื่อเรา..... ทั้งยามดีใจ เสียใจ อาจจะ ตั้งแต่ วันที่ ได้แต่งงาน กับเจ้าบ่าว คนดี ที่แสนรัก..ด้วยความซาบซึ้ง ตรึงใจ ในโชคชะตา ที่เกิดมา ได้พบคู่ ผู้ที่ตัวเอง ก็ยังไม่แน่ใจว่า... เขาหรือเรา ใครกันแน่ จะเป็นผู้โชคร้ายหรือโชคดี..... ดวงตาสวรรค์... จะสดใส สวยพราว ราวมีแสงเพชรหล่อเลี้ยง เมื่อสมหวังในรัก... และได้เป็น.... แม่คน.... ได้อุ้มคนอีกคน ไว้ในอุทร... นานเก้าเดือน แนบชิดสนิทเนา... ดวงตาสวรรค์... จะร้องไห้ อีกแล้ว เมื่อ.. ได้กอด เจ้าตัวน้อยๆเล็กกระจ้อยร่อย ไว้ในอ้อมแขน ดวงตาสวรรค์... ที่จ้องมองเจ้า ราวเพชรล้ำค่า บริสุทธิ์ใส หาใดมาเปรียบปาน ไม่มีเลยในปฐพี ดวงตาสวรรค์... คู่นี้ จะไม่ยอมหลับนอน ผ่อนพัก ด้วยห่วงใย ที่จะคอยดูแล ทะนุถนอม มิให้..เหลือบ ยุง ริ้นไร ไต่ตอม ทำร้ายเจ้า... จะคอยเฝ้าเห่กล่อม...ให้น้ำนม...เจ้าได้ดื่มกิน.. จนอิ่มอุ่น...หลับไป...แม้คนให้... จะอกแห้งกลวง แต่ไม่เคยห่วงตัวเองยิ่งกว่า..... ดวงตาสวรรค์... จะเฝ้าตาม ปกปักรักษา จนเจ้าเติบใหญ่..... และ ดวงตาสวรรค์... จะมีน้ำตา อีกคราครั้ง เมื่อเห็นภาพ เจ้าห่วงหา ร้องห่มร้องไห้ ไม่อยากพรากจาก อ้อมอกนี้ สู่....โลกใบเล็ก ที่โรงเรียน เพื่อให้เจ้าได้พากเพียร เรียนรู้ ที่จะอยู่ในโลกกว้าง อย่างผู้ที่มีสติปัญญา ถึงพร้อม...... ดวงตาสวรรค์... จะจ้องมอง คอยดูแล ไปเสียทุกสิ่ง ทุกอย่าง เพื่อให้เจ้า ได้พบกับความสบาย ทั้งกาย...ใจ ไม่ยอมให้สิ่งใดมากรายกล้ำ... จะคอยขจัดปัดเป่า ให้มลายหายไป..ราวมีมนต์... เท่าที่จะทำได้ แม้.. ในฐานะที่ไม่เท่าเทียมกัน..... แต่.... ทุกดวงตาสวรรค์... ก็มีใจ หนึ่งดวง ที่เท่าเทียมกัน ด้วยรัก ในฐานะ...แม่...นี้ที่รักลูกยิ่งกว่าชีวิต.... ดวงตาสวรรค์... ไม่มีวันหลีกลี้ หนีหาย ไม่ว่าในยามพายุร้ายแห่งชีวิตพัดมาผ่าน... แม้ในยามที่เจ้ามี ดวงตาคู่อื่น....มาทำหน้าที่ปกป้องแทน และหวงแหนเจ้า...ไว้ในฐานะ เมีย.. ผู้จะทำหน้าที่ สืบทอด ทายาท ...แห่ง ดวงตาสวรรค์.... สืบไป..ในฐานะ....มนุษย์.. ที่ยังมีกรรม ต้องจำว่ายวนไป...สู่บ่วงแห่งดวงใจรักนั้น... แม้ .ดวงตาสวรรค์.....บางคู่จะมืดมิด.... แต่ด้วยจิตวิญญาณ ที่มิอาจจะทอดทิ้งเจ้า ให้ดายเดียว... ดวงตาสวรรค์... จะมองเจ้าได้ ด้วย...ดวงตาภายใน...คู่พิเศษ.. ที่สวรรค์สรรสร้างมา ด้วยดวงจิต ดวงใจ ที่ใสเย็นฉ่ำ ..ที่มิมีวัน..จะมืดบอด... สำหรับเจ้าตัวน้อยๆ จนนานนิรันดร์...... ดวงตาสวรรค์ ยังทำหน้าที่ ช่วยเจ้าดูแล ทายาท ยามเจ้านั้น ต้องออกไป ใช้ดวงตา ผ่าฟัน สู้บากบั่น ทำมาหารับประทาน.... ดวงตาสวรรค์.....คู่นี้ ยังทำหน้าที่ หมุนวน จนกว่าจะหม่นมัว แทบมองไม่เห็น... และ.. ตราบจนกว่า..... วันสุดท้ายของดวงตะวันแห่งชีวา ใกล้จะลาลับ ดับไปจากโลกนี้...... และ.. เมื่อถึงวันนั้น..... ดวงตาสวรรค์....จะหลับสนิท ไปตราบนิจนิรันดร์ เมื่อถึงวัน..สุดท้ายบนเชิงตะกอน..... เจ้าจะรู้ซึ้ง.. ถึงคุณค่า ของดวงตาสวรรค์ เมื่อถึงวันที่เจ้าได้ใช้ ดวงตาของเจ้า ทำหน้าที่ดวงตาสวรรค์..... แทนอย่างครบถ้วน..... และ... วันนั้น...วันที่เจ้าจะต้อง คอยเอามือน้อยๆของเจ้า.... ทำหน้าที่ปิดเปลือกตาสวรรค์... ที่เคยทำหน้าที่ ให้รัก ปรารถนาดี แก่เจ้ามา อย่างมากล้น อย่างไม่ไม่รู้เหน็ดเหนื่อย ดวงตาสวรรค์ ของเจ้านั้นจะทำหน้าที่....ร้องไห้ ราวฟ้าร่ำ คร่ำครวญ... และ.. รู้ซึ้งว่า...โลกนี้หนา มีดวงตาสวรรค์ อยู่ในใจ ของเจ้าเอง.......ใช่อื่นไกล....! http://www.salathaila.com/kaaimaun.html อุ่นใดใดโลกนี้ไม่มีเทียบเทียม อุ่นอกอ้อมแขน อ้อมกอดแม่ตระกอง รักเจ้าจึงปลูก รักลูกแม่ย่อมห่วงใย ไม่อยากจากไปไกล แม้เพียงครึ่งวัน ให้กายเราใกล้กัน ให้ดวงตาใกล้ตา ให้ดวงใจเราสองเชื่อมโยงผูกพัน อิ่มใดใด โลกนี้มีเทียบเทียม อิ่มอกอิ่มใจ อิ่มรักลูกหลับนอน น้ำนมจากอก อาหารของความอาทร แม่พร่ำเตือน พร่ำสอน สอนสั่ง ให้เจ้าเป็นเด็กดี ให้เจ้ามีพลัง ให้เจ้าเป็น ความหวังของแม่ต่อไป ใช่เพียงอิ่มท้อง ที่โลกร่ำร้อง เพราะต้องการไออุ่น อุ่นไอรัก อุ่นละมุน ขอน้ำนมอุ่น จากอกให้ลูกดื่มกิน ให้กายเราใกล้กัน ให้ดวงตาใกล้ตา ให้ดวงใจเราสองเชื่อมโยงผูกพัน ให้เจ้าเป็นเด็กดี ให้เจ้ามีพลัง ให้เจ้าเป็น ความหวังของแม่ต่อไป ใช่เพียงอิ่มท้อง ที่โลกร่ำร้อง เพราะต้องการไออุ่น อุ่นไอรัก อุ่นละมุน ขอน้ำนมอุ่น จากอกให้ลูกดื่มกิน
ฟ้าใกล้สางแล้ว... ปริมนอนนิ่งนิ่งดูดาวพระศุกร์แสนสุกใส ที่กำลังส่องแสงสว่างอยู่ในท่ามฟ้ามืด ลมเย็นๆพัดพราย ผ่านม่านหน้าต่างต้นไม้ลายธรรมชาติ ลายลั่นทม ลายชมพูพันธ์ทิพย์ ลายปีบนิรมิต เข้ามาอย่างบางเบา ม่านหน้าต่าง ที่ปริมคิดว่าคงมีลวดลายแสนงามที่สุดในโลก ด้วยเป็นฝีมือพรรณพฤกษ์ไพร ที่ขึ้นพ้ออรชรอ้อนคลอเคลีย ถักทอด้วยดวงดอกสลับสีสันสล้าง ให้งดงามอย่างหาที่เปรียบมิได้ ในท่ามโลกนี้... ที่นับวันจะแล้งไร้ร้อนทุรน จนในวันหนึ่งอาจจะมีคนตายจากภาวะเรือนกระจก ที่น่าวิตกกังวล หากมวลมนุษยชาติทุกคน ทุกชาติภาษาต่างมิยอมพากันสำนึก ปริม..นอนนิ่งนึก หนาวใจเมื่ออ่านพบบทความ ในเรื่องผลกระทบ จากภาวะโลกร้อนว่า... ไม่นานช้า โลกเรานี้หนาจักพบกับภาวะวิกฤต และเราจะสูญเสียระบบนิเวศน์วิทยา พืชและสัตว์ จะพากันสูญพันธุ์ เกิดพายุ น้ำท่วมรุนแรง และจะก่อเกิดปรากฎการณ์ฟอกขาวในปะการัง เพราะ... เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีในมหาสมุทร ทำให้ปะการังสีสวยสด กลายเป็นซากสีขาวเต็มท้องทะเล นอกจากนั้น พาหะนำโรคร้ายต่างๆก็จะเพิ่มสูงขึ้นด้วย ปริม...อาจจะคิดมากกว่าใครละกระมัง จึ่งต้องมาสร้างรวงรังแห่งรักแห่งหวัง ณ..ที่นี่ ริมทะเลสาบสีเงิน วิมานบ้านไร่เป็นเรือนใจ ยอมผละหนีโลกศิวิไลซ์ ที่นับวันสำหรับปริมแล้วไม่บรรเจิดเอาเสียเลย ปริม..จึ่งรอสร้างฝันประดุจดั่งรังรักในจินตนาการ ที่แสนหวานหอม ให้ค่อยๆเป็นจริง และ.. วิมานของปริม เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเมื่อวันหนึ่ง ปริมเปิดพบลอฟต์ริมเชิงเขาของผู้ชายคนหนึ่ง ในหน้านิตยสารแห่งบ้านและการตกแต่ง ปริม...เริ่มเห็นเงาฝันอันรางเลือนนั้นแจ่มกระจ่าง และ... ถึงกับอุทานในใจ นั่นอย่างไรเล่าคือวิมานดินเรียบง่าย ที่ปริมคงได้ใช้ชีวิตชิดใกล้ธรรมชาติดิบเดิม อย่างเดียวดายเหงางามสงบสมถะอย่างที่สุด วิมานของเขาและของปริม ช่างละม้ายแม้นกันอย่างที่สุด หากฝันของเขาคนนั้น ได้ออกแบบอิงแอบแนบชิดภูเขาทางภาคเหนือ เมืองแห่งม่านหมอก ดวงดอกไม้สายเหมยสายไหมที่แสนงาม และ.. สำหรับวิมานดินของปริม กลับแจ่มกระจ่างอยู่ริมทะเลสาบสีเงิน ในท่ามทุ่งดง ดวงดอกทานตะวัน และ.. ในท่ามพันธุ์ไม้ไทย หอมๆรายล้อม เป็นวิมานไพร ที่ออกแบบเป็นห้องโถงใหญ่เปิดโล่ง... ที่ทำให้.. อากาศร้อนได้ไหลเวียน เย็นสบาย ใช้วัสดุแนวดิบดิบ พื้นผนังเป็นปูนเปลือยไม่ทาสี มีเพียง.. เครื่องเรือนเก่าแนวธรรมชาติเรียบง่ายวางไว้ไม่กี่ชิ้น พอเพียงใช้สอย ในชีวิตเท่าที่จำเป็น ความสดชื่นผ่อนคลายแสนสบาย เกิดจากอากาศบริสทุธิ์ใส ฟ้าแจ่มกระจ่าง... ในท่ามแนวไพรแลทุ่งดวงดอกไม้ ทุ่งทานตะวัน...นับหมื่นนับพันต้น ที่ปลูกไล่ละลดหลั่นลงมา จากลาดเนินเชิงเขาจรดถึงที่พัก ที่ที่มี.. เทือกเขาซ้อนสลับสล้าง เป็นดั่งแนวปราการโอบล้อมรายรอบ ปริม..มีดวงตะวันยามเช้าเฝ้าทายทักริมหน้าต่าง ได้ยินเสียงนกต่างๆพันธุ์พากันร้องระงม เห็นผีเสื้อสลับสีสวยพร่างกางปีกถลาล้อเล่นลม แล้วหยุด.. แวะเวียนดอมดมดูดดื่มหยาดน้ำผึ้งจากเกสรแสนหวาน ของมวลตระการแห่งดอกไม้ณ..ริมกระท่อมชายคา ปริม..มีดวงสุริยายามใกล้ลาลับฟ้า เล่นแสงแปรสีราวเวทีธรรมชาติ ที่แสนพิลาสพิไล ให้สัมผัสได้อย่างจรุงใจแจ่มจรัสในทุกสนธยา มีดวงดาราในเวิ้งฟ้าฝันอันอนันตกาล ให้ จินตนาการมิรู้จบ มีดวงจันทรา พรายรัศมีสีเงินยวง ให้ห่วงหาปันแบ่งความคิดถึงแสนซึ้งใจทบทวี ถึงทุกคนดีดวงใจอันเป็นที่รัก และ..ในนาทีนี้ ที่โลกยังแบกรับภาระกิจอันแสนหนักอึ้ง แด่มวลมนุษยชาติ ใจปริม... กลับสดสว่างสะอาดด้วยโลกที่เลือกแล้ว..! ......................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2068.html บทเพลง*รอยไถแปร* เจ้าจะเลือกโลกใดไหนเล่าหนาวมนุษย์ โลกพิสุทธิ์ฤาโลกวัตถุตราบชีพนี้ ดิ้นทุรนในวังวนมายาชีวี ฤาพร้อมพลีสร้างเงียบงามณ..กลางใจ ดินที่ไหนจักงามเท่าดินสองเท้าก่อเจ้าเกิด ฟ้าเลอเลิศแดนไหนเล่างามเท่าฟ้าไทยไสว น้ำใดไหนเล่างามเท่าเจ้าพระยาสายน้ำใจ ลมแห่งไหนเล่าจะพันผูกปลูกขวัญงาม บนผืนดินทองแผ่นดินไทที่ผ่องผุด แดนแห่งพุทธพิสุทธิ์นามสยาม มีฉัตรเพชรกั้นเกศในทุกยาม ฟ้าสีครามท่ามนาข้าวพราวดงตาล หอมหอมดอกข้าวจากรวงแรกในยามเช้า บึงบัวขาวผลิแย้มเกสรหวาน มะลินวลกอริมรั้วเต็มต้นบาน ลั่นทมรานเพียงรอคลอแก้มใคร.. นี่คือวิถีไทวิถีทองอันผ่องผุด ในแดนฟ้าพุทธภูมิสว่างไสว มีเมตตาโอบเอื้อดั่งสายใย หลอมลมหายใจไทซึ้งค่า..ว่าโชคดี.... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2068.html บทเพลง*รอยไถแปร* ทุ่งนาแดนนี้ ไม่มีความหมาย เหลือเพียงกลิ่นโคลนสาบควาย เห็นซาก คันไถแล้วเศร้า เห็นนาที่ร้าง นั้นมีแต่ฟาง แทนรวงข้าว เห็นเคียวที่เกี่ยว เหน็บติดเสา เล่นเอาใจเรา สะท้อน ทุ่งนาแดนนี้ ข้าเคยไถทำ สองมือ ข้าเคย หว่านดำ ฤดู ฝนพร่ำ หน้าก่อน แต่มาปีนี้ ฤดี ข้าแสนจะสะท้อน เพราะมา ไร้คู่ กอดเคียงหมอน ทิ้งให้เรานอน ระกำ รอย ไถเอย ข้าเคยไถถาก เดี๋ยวนี้ เจ้ามา คิดจาก ฝากให้ เป็นรอย ไถช้ำ เปลี่ยนรอย ไถใหม่ ทิ้งรอย ไถเก่า ระกำ อกใคร ใครบ้าง ไม่ช้ำ เมื่อยาม เห็นรอย ไถแปร ทุ่งนาแดนนี้ คงร้างไปอีกนาน ข้าเอง ก็เหลือ จะทาน เพราะมัน แสนสุด จะแก้ หมดกำลังใจ แล้วเรียมเอ๋ยข้า คงตายแน่ จะไถไปอีก ก็กลัวแพ้ เพราะรอยมันแปร เสียแล้ว เรียมเอย ทุ่งนาแดนนี้ คงร้างไปอีกนาน ข้าเอง ก็เหลือ จะทาน เพราะมัน แสนสุด จะแก้ หมดกำลังใจ แล้วเรียมเอ๋ยข้า คงตายแน่ จะไถไปอีก ก็กลัวแพ้ เพราะรอยมันแปร เสียแล้ว เรียมเอย...
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3573.html บทเพลง*ทำด้วยหัวใจ* สยาม..สแควร์ยามย่ำค่ำ กับสภาพแวดล้อมรถราฝุ่นควัน และ กับสภาพผู้คนสับสนอลหม่าน ปานกันกับนกกามดปลวก ที่คงรอคืนหลังกลับรัง..วุ่นวาย.. คลับคล้ายละครเวทีชีวีชีวิต.. ลิขิตพรหมบันดาลก็มิปาน ใจดวงรานดวงร้าวดวงเศร้า กำลังติดปีกใจ ที่กำลังไหวครวญหวนไห้อาลัยนี้ ให้มีอิสรา ให้หนีโลกย์โศกสุขทุกข์ทนหม่นหมองเหว่ว้า ที่เฝ้าครองร่างใจ เพียงราวหนึ่งในผู้ชม..กระนั้น.. เพียงนาที...ก่อนหน้านี้ไม่นาน ปราย..นั่งนิ่งเงียบงัน กับ.. คำลางดงาม หากแสนโหดร้ายประหัตประหารใจ จากผู้ชายที่ราวกับเทพบุตรเมื่อวันวาน แต่กลายกลับเป็นซาตานในวันนี้ในร่างคน เธอ..ยิ้มสงบเมื่อเขาพูดจบ ด้วยคำว่า ลาก่อน และ แค่หวังว่าสายสัมพันธ์เสน่หา.. จักมีค่า กลายกลับ..เหลือเพียงแค่คำว่าเพื่อน... อย่าหมายเหมือนเสมอเมื่อก่อนเก่า ที่จักมีเพียงความเป็นเรา เป็นเงาใจกันและกัน... เพื่อปันพลี เพื่อปันดี.. อย่าพักหวัง จักได้ครองร่างรักแลกรสพิสวาท มาดหมายเป็นคู่.. ทุกภพทุกชาติ..ต่อไปอีกเลย..! ปราย..มิได้ร้องไห้.. คล้ายดั่ง.. ที่เขาคนดีเคยสบประมาทวาดหวัง จักให้เห็นเป็นเช่นฉะนั้นเหมือนเมื่อวันก่อนเช่นฉะนี้ เธอ..ไม่มีน้ำตา หลังเพียร..ผ่านพ้นสมาธิภาวนา มีปัญญา มีดวงตาเห็นทุกข์เห็นธรรม เห็น.. *ความเป็นเช่นนั้นเอง* แห่งเพรงกรรมกิเลสน่าเวทนา แห่งมวลมนุษย์.. อันจิตยากสุดแท้จักหยั่งถึงได้ ปราย... ฝึกจิตดวงใส ใจดวงงาม ดวงดีนี้ ให้พร้อมพลี ที่จักหนีพ้น..หนี้รักวิบากกรรม ให้พลัน *การพบจากพรากลา..* เป็นเรื่องธรรมดาๆมานานแล้ว ราว แว่วเสียงเตือนจากบุญบารมีภายใน.. ใจของตัวเอง.. ปราย.. กำลังค้นหาคำตอบ.. และ.. พบว่า เวลาที่รอท่า จะหลีกลี้จากเมืองหลวงคนลวง ใกล้เข้ามาทุกขณะแล้ว จนถึงวันนี้ วันที่เทพในร่างคน ได้เปิดดวงตามืดมนมืดบอด ให้.. ได้พบสวรรค์ ได้ฝันไกล ได้ปลดปล่อยพันธนาใจ ให้หลุดพ้นเสียที จากหนาวปรารถนารักนี้ ที่แค่สุขสมเพียงเปลือกนอกหลอกลวง ให้หลงลมติดตม จมอยู่ในบ่วงมารมายา... ที่กว่าจะ ค้นพบก็แทบจบชีวิต ไปตามวังวนกลกาม... ไม่ว่า... จักเรียกให้งดงามในนิยามไหนทั้งสิ้น จะรักแท้ รักนิรันดร์ รักมั่นคง รักซื่อตรง รักสัตย์ซื่อ ก็คือทุกข์ ทั้งสิ้นทั้งปวง พาให้หึงหวงห่วงหา ดั่งสายโซ่กรรมมายาพารัดรึงตอกตรึง ราวทาสชีวาชีวิต อันแสนสั้นนิดหนึ่งน้อยนี้..ก็มิปาน.. และ.. นั่นคือเหตุแห่งทุกข์ ที่รานรุก ให้เนื้อนวลใจได้เห็นธรรม ก่อน.. จะตัดสินใจหันหลังลาจากฟ้าเมือง มา.... สร้างกระท่อมริมเชิงเขา ประเทืองประทับใจ ประโลมใจ เพื่อนอนดูฟ้าชนบทสวยใส กระจ่างสว่างไสวด้วยปุยฝ้ายแห่งมวลเมฆ ราว.. เสกสายแสนหวานหว่านคลี่คลุม เคลียเทือกเขามิให้เหงาใจ.. ตลอดทุกฤดูกาล และ.. ให้ฤดีรานระกำ ได้เลิกช้ำตรม ด้วยการได้เพาะบ่มจิต ให้เรียนรู้โลกชีวิต...ด้วยธรรม ธรรมชาติ ที่.... แสนบริสุทธิ์สว่างสะอาด สงบ สยบสรรพสิ่ง มิให้จิตไหวประวิง รู้วางนิ่งต่อทุกข์ผัสสะ ให้ใจได้โชติช่วงดั่งดวงแก้วแววดาว ระดะพรายพราวพร่าง สุกใสกระจ่างในว่ายเวิ้งวัน อันจักเป็นอนันตกาลรักนิรันดร์ แห่งความว่างวาง... มิตกในหลุมพรางแห่งวิบากใดวิบากใจ อีกต่อไปเลยแล้ว และ.. นี่คือ..ชีวิตของปราย ที่หมายเลือกเดินเดียวดาย...ลำพัง สู่ฝั่งฝัน อันคือ..ความเป็นสวรรค์ปิติเกษมบุญ.. รายรอบด้วยกรุ่นกลิ่นแห่งดวงดอกไม้ชายเขา ทะเลสาบสะท้อนเงาแดดสีเงินระยิบระยับ และ.. กับความอิ่มเอมดื่มด่ำล้ำลึก ในรู้สึก ในเส้นทางสายธรรม ที่.. เธอแค่ยัง..วาดหวัง จัก..โอบเอื้อเผื่อแผ่เมตตาแบ่งปัน แก่ทุกผองชนบนแดนดินแห่งสยามงามฝันนี้ ที่ยังมีดินดีอุดม ยังมีสายลม แสนสะอ้าน ยังมีสายธารไหลระริน ยังมี.. มวลกลิ่นกรุ่นละมุนละไม จากปวงเกสรดวงดอกไม้ไพรดอกไม้ป่า ดอกไม้ฟ้าดอกไม้เมืองอมร ยังมีไฟฟอน... จากสายแสงสุริยา ที่รอท่าหมุนวนมาให้ทุกผู้คน ได้เริ่มต้นใหม่อย่างไม่มีวันสายเกิน... และ.. ณ..ผืนดิน แห่งนี้ที่มีนามว่าไท ที่ยังคงมี.. ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ธ ผู้ทรงทศพิธราชธรรมอันยิ่งใหญ่ เปรียบประดุจดั่ง.. สายใยสายใจร้อยรัดดวงใจ ไทยทั้งชาติได้เรียน รู้คำว่าอิสระ ประชาธิปไตย ได้ภาคภูมิ ที่ได้เกิดมาบนผืนดินนี้ที่แสนสุขสงบร่มเย็น มา..อย่างช้านาน และ ขึ้นอยู่กับเราทุกลูกหลานเหลนโหลน จัก.. รู้รักสามัคคี..รักษาไว้ได้ฤาไม่... ในที่สุด... ............................. ติดตามตอนต่อไปค่ะ... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3573.html ไม่มีเหตุผล ไม่ขออธิบาย ใดใด ขอเพียงบอกเธอ ว่าฉันนั้นจริงใจ กับสิ่งที่ฉันทำ ให้เธอ แม้ต้องจากกัน พร้อมความช้ำใจ ที่เจอ เหลือเพียงอย่างเดียว ที่ฉันจะขอเธอ ก่อนเธอนั้นเดิน จากไป โปรดถามฉันสักคำ ก่อน ว่าฉันทำเช่นนั้น ทำไม อาจดูไร้ค่า ไม่มีความหมายใด กับสิ่งที่ฉันทำ ทุกอย่าง แต่ฉันทำด้วยหัวใจ แหละความรู้สึก ที่ความรัก คอยสั่ง โปรดรับฟังด้วยหัวใจ โปรดฟังทุกอย่าง อย่างคนที่มีรัก แล้วเธอ จะเข้าใจ โปรดถามฉันสักคำ ก่อน ว่าฉันทำเช่นนั้น ทำไม อาจดูไร้ค่า ไม่มีความหมายใด กับสิ่งที่ฉันทำ ทุกอย่าง แต่ฉันทำด้วยหัวใจ แหละความรู้สึก ที่ความรัก คอยสั่ง โปรดรับฟังด้วยหัวใจ โปรดฟังทุกอย่าง อย่างคนที่มีรัก แล้วเธอ จะเข้าใจ...