เจ้าคือดวงดอกไม้ ให้งามวาบหวามไหว กลีบนวลนุ่มละมุนละไม เป็นขวัญไพรขวัญหล้าตระการ หากมวลภู่ผึ้งภุมรินทร์ เพียงถวิลเชยชมน้ำผึ้งหวาน ดูดดื่มดอกนั่นดอกนี้แล้วเลยผ่าน ทิ้งรานทิ้งร้าวเศร้าลา น้ำตาดวงดอกไม้ สังเวยให้ปรารถนา เหยื่อบริสุทธิ์กามา มายาธรรมชาติสวาทวาย น่าเศร้ากับโลกโศกนัก กับรักสูญสิ้นสลาย ฝากภักดิ์ศักดิ์ศรีพลีกาย เปล่าดายไหม้หมองครองใจ พลีคำเตือนใจเตือนจิต ผู้ให้ชีวิตยิ่งใหญ่ คือแม่คือเมียนะดวงใจ ต่อสายใยอิ่มอุ่นหมุนโลกงาม....! .................................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2865.html คือหัตถาครองพิภพ สองมือที่ดูนิ่มนวลอ่อนโยน สองมือที่ดูช่างบอบบางอย่างนั้น สองมือที่ดูไม่มีความสำคัญ คือสองมือที่ทำ ให้โลกหมุนไป แม้เพียงร่างกายนั้นเกิดเป็นหญิง แท้จริงหัวใจนั้นแกร่งยิ่งกว่าชาย ขอเพียงให้เป็นได้ดังที่ตั้งใจ จะทุกข์ทนเดียวดายไม่มีความสำคัญ บันดาลโลกหมุนเวียนวนไปตามจิตใจ นำพาให้เป็นไปตามต้องการ ทุกสิ่งเปลี่ยนแปร ไปด้วยมือเธอเสกสรร ดังถ้อยคำประพันธ์ เปรียบเปรยพรรณนา ถึงชายได้กวัดแกว่งแผลงจากอาสน์ ซึ่งอำนาจกำแหงแรงยิ่งกว่า อันมือไกวเปลไซร้ แต่ไรมา คือหัตถาครองพิภพจบสากล บันดาล โลกหมุนเวียนวนไปตามจิตใจ นำพาให้เป็นไปตามต้องการ ทุกสิ่งเปลี่ยนแปร ไปด้วยมือเธอเสกสรร ดังถ้อยคำประพันธ์ เปรียบเปรยพรรณนา ถึงชายได้กวัดแกว่งแผลงจากอาสน์ ซึ่งอำนาจกำแหงแรงยิ่งกว่า อันมือไกวเปลไซร้ แต่ไรมา คือหัตถาครองพิภพจบสากล...
เดียวดายในยามดึก ลึกลึกอ้างว้างเส้นทางฝัน มายาโลกโศกสุขวกวนวัน สร้างสวรรค์ณ กลางใจไยต้องราน ติดปีกใจสู่ไพรพง แดนดงดวงดอกไม้แสนหวาน วิมานดาวรายตระการ ริมสายธารทะเลสาบสีทอง เทพแห่งไพรประคองขวัญลบวันโศก สร้างงามโลกมีเพียงแค่เราสอง เกี่ยวก้อยกันทำดีพลีใฝ่ปอง เพื่อลอยล่องท่องสู่แดนทิพย์ กุหลาบแดงผลิช่อกลางกอใจ บานไสวดั่งเพรงพรหมลิขิต เพียงแค่นี้ก็งามพอแล้วชีวิต อธิษฐานจิตก่อนดินกลบหน้าฟ้าเปิดทาง...! ............................ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1873.html โลกแห่งความฝัน ...ใหม่ เจริญปุระ เมื่อชีวิต ยังรักที่จะฝัน และบอกกับใจ ทุกวันที่ผ่านมา ด้วยปีกแห่งฝัน จะโบนบินไปถึงฟ้า หวังจะไปให้ถึงในซักวัน กว่าชีวิต จะพ้นไปอีกวัน อีกกี่ความฝัน ที่ฉันจะไขว่คว้า อีกกี่คำถาม ที่รอคอย การค้นหา แล้วถึงรู้ว่ามัน ไม่มีจริง โลกแห่งความจริง ฉันเป็นเหมือนคนตาบอด โลกแห่งความฝัน ฉันมองเห็นวันสดใส แต่ในวันนี้ โลกแห่งความฝัน ทอดทิ้งฉัน ไปไหน โลกไม่สดใส เหมือนวันก่อน กว่าจะรู้ ชีวิตคืออะไร กว่าจะรู้ หัวใจคงอ่อนล้า เฝ้ารอความฝัน ให้ตกตะกอนช้า ช้า เพื่อให้ฝันชัดเจน และเป็นจริง โลกแห่งความจริง ฉันเป็นเหมือนคนตาบอด โลกแห่งความฝัน ฉันมองเห็นวันสดใส แต่ในวันนี้ โลกแห่งความฝัน ทอดทิ้งฉัน ไปไหน โลกไม่สดใส เหมือนวันก่อน กว่าจะรู้ ชีวิตคืออะไร กว่าจะรู้ หัวใจคงอ่อนล้า เฝ้ารอความฝัน ให้ตกตะกอนช้า ช้า เพื่อให้ฝันชัดเจน และเป็นจริง...
เช้าชื่นจากคืนช้ำ ฟ้าร่ำลบโศกแด่โลกผอง สังเวยเศร้าหนาวซ้ำแผ่นดินทอง ให้รู้ปองรู้รักพักพิงใจ ในร่มรักรัตนโกสินทร์ ผืนดินอุดมไสว เรียวรวงระย้าลิบตาไกล ท้องไทอิ่มอุ่นบุญนักแล้ว แม่ดวงดอกพุดซ้อนอรชรชื่น ปลุกให้ตื่นจากหอมอวลนวลดอกแก้ว ริมหน้าต่างแลเห็นวะวับแวว เมฆพราวแพรวฟ้าสว่างกระจ่างใจ เสียงนกไพรกระซิบจากฟากฟ้า หลงรอท่านวลดอกไม้ใจร้าวไหว กระไรเลยเจ้ารอร่วงฤาเช่นไร พรายพรากไปลำพังเซ่นหวังราน...! ปลิดโปรยไปลำพังเซ่นหวังรอ...! ............................ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song653.html อุษาสวาท สุนทราภรณ์ ยาม อุษาฟ้ากระจ่าง ทั่วนภางค์สว่างแล้ว ตื่นนินทราเสียเถิด น้องแก้ว สว่างแล้วนะ แก้ว ตา แจ้ว จำเรียง เสียงกระซิบ สั่ง ดั่งสัญญา กระซิบคำรักว่า อุษาสวาทปอง อย่าข้องใจ มอบฤทัยไว้ร่วมกัน ยามน้องหนาวตัก พี่ซบ ทรวงพักตร์ อุ่นไอรักจะอุ่นพลัน อย่าโศรกศัลย์ ขวัญตา เจ้าอย่าลืมสัมพันธ์ ปองรักกัน จนวันตาย ใจ ผูกพันรักกันจนกว่า ดินและฟ้าจะมลาย อุษานี้มีมนต์ ดลรัก สลักใจ ร่วมสายใยสวาทเอย ยาม อุษาฟ้ากระจ่าง ทั่วนภางค์สว่างแล้ว ตื่นนินทราเสียเถิด น้องแก้ว สว่างแล้วนะ แก้วตา แจ้ว จำเรียง เสียงกระซิบ สั่ง ดั่งสัญญา กระซิบคำรักว่า อุษาสวาทปอง อย่าข้องใจ มอบฤทัยไว้ร่วมกัน ยามน้องหนาวตัก พี่ซบ ทรวงพักตร์ อุ่นไอรักจะอุ่นพลัน อย่าโศรกศัลย์ ขวัญตา เจ้าอย่าลืมสัมพันธ์ ปองรักกัน จนวันตาย ใจ ผูกพันรักกันจนกว่า ดินและฟ้าจะมลาย อุษานี้มีมนต์ ดลรัก สลักใจ ร่วมสายใยสวาทเอย...
ดารารายพรายแสงในดวงใจ ลอยไสวส่องสว่างนำทางฝัน ประดับใจงามเกินใดมหัศจรรย์ ราวสวรรค์แย้มเยือนในเรือนรัก ในนิมิตประดุจทิพย์วิมาน บัวบานเต็มบึงซึ้งสลัก ผลิช่อหอมพรายมาทายทัก จากกอภักดิ์หลากสีมณีพรรณราย กระท่อมไพรในร่มไม้ริมธารทอง เรือลอยล่องท่องมหานทีสาย วะวิบวับสะท้อนรับดอกแดดพราย ในเวิ้งว่ายเรียวรุ้งแสงตะวัน เอนหลังฟังสายน้ำระริกไหล ท่ามพงไพรพนานิทราฝัน เทพีไพรหว่านหวานน้ำผึ้งจันทร์ ประโลมขวัญปลุกชีพชื่นลืมคืนแรม....! .................................
บทกวีจะดีงามหรือไม่วัดที่ใจสิที่รัก ให้ทายทักโลกหล้าฝากอ่อนหวาน ปลายปากกาใช่อาวุธมาประจาน อยากประหัตประหารไปลงเวบการเมือง ในร่มรักเรือนไทยเรือนทองดั่งผองมิตร มาแนบชิดสนิทใกล้ระบายเรื่อง มารัดร้อยสร้อยขวัญมลังเมลือง เสียเวลาเปล่าเปลืองมุ่งร้ายใด ใจมิหมองน้องพี่ร่วมแผ่นดิน ร่วมชีวินร่มรัตน์ฉัตรไสว คุ้มขวัญเกล้าเลิกรานร้าวนะดวงใจ เจ้ารู้ไหมเราโชคดีที่เกิดมา ใต้ขวัญหล้าพสุธางามสงบ ได้พานพบเสรีที่ปรารถนา ได้พบรักในร่มรัตนโกสินทร์กษัตรา ได้รู้ค่าชีพหนึ่งนี้ที่มีกัน กุมมือมั่นสมานฉันท์สามัคคี ก่อนชีพนี้จักสิ้นแสงแห่งสายฝัน กราบผืนดินแม่มาตุภูมิเอื้อโอบปัน เป็นนิรันดร์จำไว้ก่อนสายเกิน...! ..................................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3685.html รัตนโกสินทร์ รัตนโกสินทร์ คือแผ่นดิน ที่หล่อหลอม หัวใจ ร้อยความรัก รวมผู้คน มากมาย อาศัย อยู่ร่วมชายคา เชื้อชาติไหน ก็พี่น้อง ล้วนพวกพ้อง ข้องเกี่ยวนาน เนิ่นมา ทุกชีวิตมีสุขใจ ใต้ฟ้า ใต้บารมี จักรีวงศ์ และเมื่อความรัก ของเราเกิดขึ้น จากดวงใจสองดวง ที่ซื่อตรง บนแผ่นดิน แห่งความรัก ด้วยศรัทธาที่มั่นคง รักย่อมยืนยง ตลอดไป ขอแค่มี เธอกับฉัน และมีรัก ที่ผูกพันหัวใจ ก็สุขแล้วบนแผ่นดิน กว้างไกล แห่งรัตนโกสินทร์ และเมื่อความรัก ของเราเกิดขึ้น จากดวงใจสองดวง ที่ซื่อตรง บนแผ่นดิน แห่งความรัก ด้วยศรัทธาที่มั่นคง รักย่อมยืนยง ตลอดไป ขอแค่มี เธอกับฉัน และมีรัก ที่ผูกพันหัวใจ ก็สุขแล้วบนแผ่นดิน กว้างไกล แห่งรัตนโกสินทร์... ......................................................................... บนแผ่นดิน..รัก..รัตนโกสินทร์..! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3685.html บทเพลงรัตนโกสินทร์ แสงเดือนคืนเพ็ญพูนดวงกระจ่างฟ้า แลกำลังพร่างสายทอแสงแสนหวาน.. หว่านลงมาอาบหล้า ไล้ร่างนวล ที่กอดตระกองประคองเคียง ด้วยร่างสุภาพบุรุษผิวสีทองแดงบนเตียงนุ่ม ด้วยเครื่องนอนหมอนม่านมุ้งสีขาว... ละอองละออหยาดน้ำค้างกำลังระรินระริน กลมกลิ้งลงมาราวเพชรพราว สู่ใบบัวกลางบึงกว้าง... อย่างมิร้างแรมรัก ในทุกราตรี..ริมเรือนไทย ริมหมอน.. มาลัยมะลิลา..มาลาสร้อยที่ร้อยรัด ถักทอด้วยดวงดอกรักเป็นพวงภักดิ์อุบะ ระย้าย้อยพร้อยพรรณราย ด้วยดวงดอกกระดังงา จนแปรกลายเป็นหอมอวล มาให้นวลอารมณ์ดายเดียวล้ำลึก ในยามดึกน้ำค้างพรม ที่.. ลมก็ยังระบัดพัดโบก มาอย่างแผ่วเบา..ปลอบประโลม... เธอ...จึงค่อยๆลืมตาอย่างช้าช้า พร้อมนัยน์ตารานโศกหวานเศร้า เมื่อยามกระทบเข้ากับ แสงสะท้อนจากนวลจันทรา และมวลหมู่ดวงดารา ที่กำลัง.. กระพริบระยิบระยับราวกับปรายโปรยด้วย เพชรจรัสจนเกิดประกายรัศมี สีรุ้งพุ่งพรายฉายฉาน จาก.. ดารารายเรียงดวงนับพัน ในว่ายเวิ้งฝันอนันตกาลกาแลคซี่ ดอกไม้ไทยหวานตระลบมา ในราตรี ที่ยังได้ยินเสียง ดุเหว่าแว่วแผ่วครวญหวนไห้ เรไรร่ำ อวลอากาศยังสดฉ่ำหากแสนเยียบเย็น บทเพลงแห่งภักดิ์ ถูกขับขานด้วยพลังจากน้ำเสียงทุ้มนุ่มลึก ฝากความรู้สึกซาบซึ้งตรึงตรา สลักค่ามาจากดวงจิตภักดี ที่.. พร้อมพลีมอบให้ *แด่ หญิงเดียว..หนึ่งในดวงใจ* ที่เขาเทิดทูนศรัทธาบูชา จริงใจ มากค่าเกินกว่าปรารถนาใด.. ปานประหนึ่งคือ *ปาฏิหารย์รักมหัศจรรย์ฝัน อันแสนยิ่งใหญ่ จากเทพไท้แห่งสวรรค์สรรส่งลงมากำนัล ให้เขานั้นได้พบ แล้วเคียงคู่ครอบครอง เป็นเจ้าของไปตราบชั่วนิจนิรันดร http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3685.html รัตนโกสินทร์ รัตนโกสินทร์ คือแผ่นดิน ที่หล่อหลอม หัวใจ ร้อยความรัก รวมผู้คน มากมาย อาศัย อยู่ร่วมชายคา เชื้อชาติไหน ก็พี่น้อง ล้วนพวกพ้อง ข้องเกี่ยวนาน เนิ่นมา ทุกชีวิตมีสุขใจ ใต้ฟ้า ใต้บารมี จักรีวงศ์ และเมื่อความรัก ของเราเกิดขึ้น จากดวงใจสองดวง ที่ซื่อตรง บนแผ่นดิน แห่งความรัก ด้วยศรัทธาที่มั่นคง รักย่อมยืนยง ตลอดไป ขอแค่มี เธอกับฉัน และมีรัก ที่ผูกพันหัวใจ ก็สุขแล้วบนแผ่นดิน กว้างไกล แห่งรัตนโกสินทร์ และเมื่อความรัก ของเราเกิดขึ้น จากดวงใจสองดวง ที่ซื่อตรง บนแผ่นดิน แห่งความรัก ด้วยศรัทธาที่มั่นคง รักย่อมยืนยง ตลอดไป ขอแค่มี เธอกับฉัน และมีรัก ที่ผูกพันหัวใจ ก็สุขแล้วบนแผ่นดิน กว้างไกล แห่งรัตนโกสินทร์... เธอ..จึงลืมตาตื่นมาอย่างช้าๆ ราวแสงแห่งนวลจันทรา คอยไล้ลูบ..ปลุก ให้ลุกขึ้นเหลือบแลไปยัง.. เขา..คนดี.. *สุภาพบุรุษชายชาตรีผิวสีทองแดง* กำลังหลับสนิทในนิทรา.. อย่างแสนสุขเสมอใจ ใน... ท่ามแสงเทียนทอกระทบจนเกิดเงา ให้ใบหน้าดูงามสงบ ราวรูปสลักนักรบโบราณ ที่ผ่านการกรำศึกมาอย่างโชกโชน... เขา...กลับคืนเรือนมา หลังรอนแรมราวนกไพรพเนจร มาให้เธอกอดตระกองในอ้อมตักอ้อมใจ ให้ดวงดอกไม้ไทย รายรอบเรือนรักปลอบประโลม พร้อมพลีให้เขาเองเฝ้าดอมดมพรมจูบ ทุกนวลตารางนิ้ว แห่งร่างงามของนางในดวงใจ อย่างทะนุถนอม... หอม หอม หอม อย่างมิรู้เบื่อ.. พลางเพื่อรำพึงรำพันกระซิบสั่ง ดั่งคำมั่นสัญญา... ว่า *ตราบจนชั่วฟ้าดินสลาย มีเพียงความตายเท่านั้น จะมาพรากจากสองดวงจิต ที่ดั่ง.. *หลอมรวมชีวิตเป็นหนึ่งเดียวตราบชั่วกาล* และ.. ทุกคำมั่น.. มิใช่เฉกเช่นดั่งคำหวานอันดาดดื่น หากคือคำอธิษฐานสัจจวาจา ที่ล้ำเลอค่าเกินกว่าผู้ใดจะล่วงรู้ นอกจาก.. ฟ้าดินอินทร์พรหม เท่านั้น ที่.. คงพร้อมอวยชัยแลรับรู้ ในพลังแห่งรักอันยิ่งใหญ่งดงามนี้ ที่เกินกว่าจะมีสิ่งใดจะขวางกั้น นอกจากสวรรค์จักร่วมสรรส่งให้กำลังใจ.. พร้อมอวยชัยเมตตาประทานพร ให้เขา.. *สุภาพบุรุษชายชาติอาชาไนย ลูกผู้ชายชาติไทยหัวใจกล้าแกร่งเหี้ยมหาญ ที่ยอมหมายพลีร่างจิตดวงชีวิตแลวิญญาณ เพื่อ.. ปกบ้านป้องเมือง ในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ยอมตาย.. อย่างหาญกล้าในหน้าที่.... ที่จักพลีแม้นหยาดเลือดหยดสุดท้าย เพื่อทาแผ่นดิน..รักษาแผ่นดิน มิให้โบยบินสิ้นอิสรา ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของชาติใด ที่คิดไม่ซื่อ หวังยื่นมือเข้ามายึดถือครอบครอง เขา..กระซิบ บอกเล่า ให้เธอคนดี ที่เขาพลีใจได้พลอยร่วมรับรู้ ถึงชะตากรรมบ้านเมือง ที่กำลังเกิดการแตกแยกสามัคคี มีเพียงหวังอยากได้อำนาจ มากอบโกยกินชาติ อย่างแสนชาญฉลาด..อย่างแยบยล จนเสียหายนับหมื่นล้าน เสมือน*โครงการสนามบินสุวรรณภูมิ* ที่คนไทยภูมิใจได้ไม่นานก็ต้องอัปยศ และ... พลอยให้โลกทั้งโลก ร่วมรานโศกสลดใจ ไปกับความน่าอดสูนี้ ที่คนไทยไม่เคยตระหนักชัด ว่า... ได้สร้างความวิบัติ ให้แก่ชาติบ้านเมือง อย่างมิน่าให้อภัย ด้วย การทำลายความเชื่อถือให้หมดสิ้นไป จากสังคมชาวโลกนานาอารยะ ที่อยากจะมาร่วมค้าขายลงทุน เมื่อ.. ชาติไทยเรานี้ มีเพียงกรุ่นกลิ่นแห่งความคอรัปชั่น กันไปทุกหัวระแหง แถมบ้านเมืองยังไม่สงบด้วยรบกันเอง บรรเลงกันในแผ่นดิน ที่ให้ข้าวให้น้ำมานานเนิ่นจนเกินนับ จนเกิน.. จักคิดแบ่งแยกด้วยคำว่าชาติศาสนาใด นอกจาก..เพียง มีหน้าที่สำนึกถึง พระคุณอันแสนยิ่งใหญ่ของแผ่นดิน ที่ได้ฝากชีวินมาตราบจนถึงรุ่นลูกหลาน... และ.. หวังนานเนาจนถึงรุ่นเหลนโหลนในภายหน้า ใช่หันมาฆ่าแกงกันเอง บรรเลงเพลงกรรม ใส่ผู้บริสุทธิ์ แล้ว... หวังฤาว่าจะหยุดโลกให้เลิกแล้งไร้ร้อนระอุ ปะทุด้วยควันปืนและไฟสงครามได้ นอกจาก.. ต้องสังเวย ชดใช้บาปกรรม..ตายตกตามตามกันไป อย่างน่าวิปโยคโศกสะเทือนใจจนสุดทน เขา...กลับมาบอกเล่า ส่งข่าว... ให้เธอได้ตระหนักชัด ถึงความวิบัติจากการทำลาย ด้วยเงื้อมมือมวลมนุษย์ ที่.. แสนโหดร้ายหมายเพียงฆ่าฟัน ห้ำหั่น แบ่งแยกอย่างไร้มนุษยธรรม คงจะยังโศกาจาบัลย์ไม่พอ..จากภัยธรรมชาติ คงจะยังซาบซึ้งไม่พอถึงบทเรียนทุกข์เทวษ ที่ไร้แท้เที่ยง... กับความแปรเปลี่ยนที่โลกยากจะเลี่ยงหลบ นอกจาก.. รอพบจุดจบพรากจากกันไปทีละมากๆ กวาดล้างให้สิ้นซากแห่งความมืดดำ ให้อธรรม หมดสิ้นไป จาก.. ผืนดินทอง แผ่นดินไท แผ่นดินรัตนธรรม แผ่นดินพุทธภูมิ ที่มี.. องค์พระบรมศาสดาเป็นดั่งฉัตรเพชรกางกั้น มีองค์ในหลวงเป็นพระประมุขแก้ว.. แสนงามล้ำ เป็นที่พึ่งทางใจ.. ไปตราบชั่วลมหายใจแสนสั้น..จักสิ้น.... เขา..จึงกลับมา..คืนเรือนให้เธอรับขวัญ และ.. ปันแบ่งความรักภักดี ที่จักพลีให้แก่กันและกัน อย่าง...ผู้รู้เท่าทันความเป็นชีวิต ที่จักมีมรณานุสติสถิต..รอ..เป็นเที่ยงแท้ และ..อย่างแน่นอน ยากหนีพ้น เขากอดเธอแนบแน่นเท่าแรงรัก ด้วยอ้อมแขนชายชาตินักรบ ที่หวัง.. จักสยบให้โลกร่มเย็นเป็นสุขเงียบงาม ในท่ามวิถีไทยแบบชาวพุทธ ผู้รักความสมถะพอเพียง ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร..ศรัทธา ใต้ฟ้าสีทองผ่องอำไพ ที่ยังคงมี..เรียวรวงไสว ข้าวกล้าที่สุกปลั่งระย้าย้อย คอยหล่อเลี้ยงให้ทุกชีวีในแผ่นดินทองนี้ ได้มีกินอิ่มท้อง ได้คิดปองหมายมาด สร้างสรรทำความดี ก่อน.. ชีวีจะสิ้นในท่ามตะวันโศกโลกแสนงามสงบนี้... ............... และ... กับราตรีนี้.. ที่โลก ยังคงหมุนไป..หมุนไป..อย่างไม่หยุดยั้ง ในท่ามราตรีเพ็ญที่ยังแสนงาม ในท่ามแสงจันทรา ดวงดาราราย พรายแสงกระพริบวะวิบวับวะวาววาม ในท่ามแสงเทียนทองทอดทอ เบื้องหน้า พระพักตร์พระพุทธในโบสถ์คร่ำทุกหนแห่ง ท่ามกลิ่นระร่ำรินของดวงดอกไม้ไทย ท่ามกลาง.. ความหวานไหวของเงาแมกไม้ในสายน้ำนิรันดร์ เขาและเธอ.. ขอเพียง...ได้เคียงครองคู่กัน อยู่กับคู่ขวัญแม่ยอดรักยอดดวงหฤทัย และ... จักมิยอมพ่ายเลิกอธิษฐานใจ เพียรทำความดี พลีให้โลกนี้ก่อนชีวีวาย ฝากไว้..ให้กับ..*แผ่นดินแห่งรักนี้* ที่ชื่อ. รัตนโกสินทร์ อัน.. หมายถึงแผ่นดินแม่.... แผ่นดินเกิด.... แผ่นดินที่ล้ำเลอเลิศ ที่ทำให้เธอและเขาได้หยัดยืนอย่างทรนง คงมั่นมาอย่างแสนสุขช้านาน ได้รู้ซึ้งถึงค่าคำว่า *รักแท้นิรันดร์เป็นเฉกเช่นฉันท์ใด* แค่นั้น..ก็ แสนยิ่งใหญ่ เกินค่ากว่าสิ่งใด..ในชาติหนึ่งนี้..ชีวิตหนึ่งนี้...แล้ว!!!!! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3740.html เพื่อรักเธอ ฟ้า เกิดมาเพื่อดาว เมฆบางและเบา ล่องลอยคู่สายลม เหมือน สร้างมาเพื่อชื่น ชม ซึ่งกันและกัน คู่กันเรื่อยมา ขาว ก็มีสีดำ ทะเลสีคราม เกิดมาเพื่อฝูงปลา หลาย สิ่งดูสวยงามจับตา นั่นเป็นเพราะว่า เกิดมาคู่กัน และฉัน เกิดมาเพื่อเธอ เพื่อมีความรัก ให้เธอ เท่านั้น สิ่งที่เธอสุขใจ หากเป็นสิ่งที่ฉัน ทำได้ ย่อมทำให้เธอ ฟ้า เกิดมาคู่ดาว ยังเพียงชั่วคราว ค่ำคืนจึงพบเจอ แต่ฉัน เกิดมาเพื่อเธอ เพื่อจะรักเธอ ตลอดเวลา และฉัน เกิดมาเพื่อเธอ เพื่อมีความรัก ให้เธอ เท่านั้น สิ่งที่เธอสุขใจ หากเป็นสิ่งที่ฉัน ทำได้ ย่อมทำให้เธอ ฟ้า เกิดมาคู่ดาว ยังเพียงชั่วคราว ค่ำคืนจึงพบเจอ แต่ฉัน เกิดมาเพื่อเธอ เพื่อจะรักเธอ ตลอดเวลา...