28 มกราคม 2551 09:46 น.
พุด
จำปีหอมรินรินมาริมหน้าต่าง
ยามฟ้าสางเมฆหม่นในคืนหนาว
เดือนครึ่งดวงลอยเด่นล้อมด้วยดาว
งามแสงพราวประดับฟ้าประโลมใจ
โลกภายในเงียบงามและนิ่งงัน
เป็นนิรันดร์กระจ่างสว่างไสว
และจักเป็นเช่นนี้ตลอดไป
อัญมณีใจดวงนี้มิมีแปร
ทุกข์เรื่องราวหนาวร้อนมากระทบ
รู้จักจบลบลืมมิยอมแพ้
มายาโลกย์โศกสอนสัจจะแท้
ให้รู้แก้รู้ทันพันธนาวน
ดวงดอกบุญ ณ กลางใจจึ่งไหวช่อ
งามละออด้วยใจดวงกุศล
สร้างเสบียงบุญเป็นทุนหอมกมล
สมค่าคนหนึ่งชีวิตนี้ที่สั้นนัก...!
...............................................
ในนิ่งงันฝันงามเงียบ....
เป็นบทบันทีกสด
เขียนสดนาทีนี้ค่ะ
ในราตรี..
ที่ดาวประจำเมืองประจำใจกำลังโชนแสง
แข่งกับดวงใจใสสุกพร่างพราย
จากใจไพล*ในวันนิ่งงันฝันงาม*
ตื่นมารับไอหมอกหนาวหน้าบ้านยามเช้า
คว้าจักรยานคู่ใจออกไป..ขี่เล่นริมทุ่งรับอรุณรุ่ง
แดดยามเช้างามละมุนละม่อม..
หยาดน้ำค้างยังค้างบนร่องเรียวหญ้า
ในทุ่งนา..ริมทาง ลอมฟางกองพูนพะเนิน
สะท้อนแดดอ่อนอุ่น โอบอ้อมใจ ใสพร่างกระจ่างจรัสเรือง
เห็นผีเสื้อบินว่อน.....
เห็นตั๊กแตนอ้าอ้ำเกาะกัดกินใบไม้
เพียงไม่เห็นวัวควายจริง
เห็นแต่ควายในใจ
กับเด็กชายชาวนาผอมเกร็ง
จูงไปผูก(ล่ำ)กับเสาในขนำนา..
กับฟ้ายามเช้าที่หวานแสนหวาน
หลังฤดูกาลเกี่ยวเก็บ..เก็บเกี่ยว..เคียวคอย..ค่าข้าว..คู่ชาวนา..
เก็บชบาดอกแดง..ติดมือมาจากริมรั้วชาวสวนแค่สองดอก
เพราะอยากทัดดอกชบาเหมือนแม่สมในเรื่องสี่แผ่นดิน
ที่ถวิลรักพ่อเนื่อง..พระเอกในใจพุดพัดชาพระรองในเรื่อง
กลับมาหุงข้าวใหม่มะลิหอมนวลกรุ่นกลิ่นทั้งครัว
เปิดคอมพ์แถมแกล้มรอเวลาไปวัด
อ่านบทกวีรัก..ของอัลมิตรา..
ฟังเพลง..ใต้ร่มรักมลุลี
แล้วร้องคลอเคล้าเศร้าดายเดียว
แต่มิเปลี่ยวเหงา..ตาม
เพียงงามใจ..ซึ้งใจในงามค่ารักอมตะ..นั้น..
ฝันลอยละลิ่ว..ปลิวไปโพ้นฟ้าไกล..
ฝากใจซุกอกอุ่นด้านซ้าย
คล้ายหลอมละลายเป็นดวงเดียวกัน.
.
แล้วพลันดั่งสัมผัสเรียวรุ้ง
โค้งคุ้งฟ้างาม..ยามอรุณอุ่นไอหนาว
ยามเช้าในชนบทที่งามงดด้วย
พราวหมอกหยอกยอดหญ้ารอท่าระเหยหาย
คล้ายหยาดละอองเพชรร่วง
ฟังบทเพลง..
Poetry of The Sea & Mountain
บทเพลงกระหึ่ม..กระชากใจ
หากทำไมในเสียงดัง
ฟังด้วยใจนิ่งงัน..
รับขวัญวันใหม่
ด้วยดวงใจแสนดีแสนงาม
ได้ยินเสียงหัวใจเต้นแผ่วละมุน
ได้ยินเสียงสายลมหอมกรุ่นพร่างพรมพัดพากลิ่นดอกไม้ไทยหอมๆ
ได้ยินเสียงสายน้ำระรินไหล..
เสียงขลุ่ยบรรเลงเพลงเศร้าโหยไห้
ราวอยากติดปีกให้หัวใจนกไพรลอยละล่อง
ท่องไปในไพรกว้างสู่ลำธารสวรรค์
แดนดินนิรันดร์แห่งอิสสระเสรี..
เสียงทะเลครวญ
คลื่นกระฉอกซัดกระแทกโขดหินริมผา
เสียงปลากระโดดผึง
เสียงนกร้องอึงอล..
โอ้..ดวงกมล..ทำไมเห็นงาม
ในนิ่งงันในใจขวัญ..ฝัน..ฝัน..
จัดตะกร้าเงินไปวัด..
ร้อยรัดดวงดอกไม้ด้วยศรัทธารัก
ไปกราบพระประธานกลางลานหิน..
แวะยืมเทปธรรมมะมาฟัง..10 ม้วนยามว่างสร้างสงบใจ
ซื้อหนังสือธรรมในดวงใจห้าเล่ม..วันนี้
*เมื่อฉันนิ่งเงียบ*เรื่องและภาพโดยธีรภาพ โลหิตกุล
*ความสุขนิรันดร์ *ท่านพุทธทาสภิกขุ
*กวีธรรมพุทธทาส*ท่านพุทธทาสภิกขุ
*ดอกไม้งามแห่งเทศกาล*โดยชัยชนม์..ซึ่งพุดพัดชาซึ้งใจมาก
*ส.ค.ส.2547*พระธรรมโกศาจารย์ 20เล่ม
แล้วพาตัวเองไปนั่งลำพัง
ใต้ร่มไม้ราวร่มพฤกษ์สีเขียว
สอดสลับระยับระยิบใบพร่างแดดเป็นสีทองส่องประกายพร่าง
ไผ่งามสบัดใบน้ำตาลร่วงละลิ่วปลิวควะคว้าง
ให้มองเห็นงามสัจจะอันไม่เที่ยงแท้แน่นอน..ของดวงชีวี
พอกันกับเศษเสี้ยวเรียวใบไม้นี้ยามหล่นลา...ตามกาล..ปัจจัย
นั่นกระรอกกระโดดไล่ล่ากันใหญ่
หางเป็นพวงระย้าย้อย..
ไม่กลัวภองภัยภยันตรายภายในวัด เขตอภัยทาน
สวดมนต์เช้า
พร้อมกัน...
ก้องกังวานหวานเสนาะ
ด้วยแรงแห่งศรัทธารักศรัทธาใจ
ของทุกดวงใจสวยใสงามนามพุทธมามกะ
นิ่งสดับฟังธรรมมะด้วยใจดื่มด่ำ..ล้ำลึก
สมาธิ ... ใส่บาตร.. และกรวดน้ำ..แผ่เมตตา..
ทำบุญค่าน้ำค่าไฟวัด..ตามศรัทธา..
แล้ว
พาตัวเองกลับสู่โลกวายวุ่น อีกครั้งครา
มาตลาดนัดที่ว่าด้วยงานมือมากมายงานงามง่ายมากมี..
ที่ร่ายมนตราทุกชีวีที่ปลิ้นปลอกเงินหมดกระเป๋า
ให้จากฟูฟ่องกลับ..บู้บี้เหี่ยวแฟบ
พาตัวเองเดินดูดวงดอกไม้นานาพันธุ์..พันธุ์พฤกษานานามี
และหมายตาหาตู้จากพม่าแสนดูดีที่ราคาไม่แพง
มาใส่หนังสือธรรมมะมากมายที่รวบรวมไว้
และอยากเก็บไว้ให้เป็นที่เป็นทาง..
ได้ตู้ไม้มาแล้ว..แจ้วแจ้วเสียงโทรจากเพื่อนรัก
บอกมีเซอร์ไพร์ส..ให้ตื่นเต้นจะตามมาสมทบ
ให้รอ..ขอเลี้ยงส้มตำเจ้าอร่อยที่ต้องคอยราวเล่นเก้าอี้ดนตรี
ที่เรานี้เบื่อ..ยิ่งนัก หารู้ไม่!
ช่วงที่รอ..เพื่อนรัก
เราก็ไปพักตาพักใจไปดูภาพเขียน
อาติสต์ในดวงใจ
กำลังลงสีแสงเงาให้นักมวยในท่าหนุมานถวายแหวน
แรงร้อนด้วยฟิลลิ่งความรู้สึก..
ดูภาพกล้วยห้อยปลีหวีใหญ่
กาบม่วงสวยกำลังรอร่วง
กลางใบลายริ้วพลิ้วพร่างเขียวสด
เขียวตอง เขียวอ่อนเขียวแก่
และเขียวไพลเขียวที่ประทับใจที่สุด
จนสะดุดตาและหวังต้องกลับมาให้วาดรูปตัวเอง
ในภาพสาวทวิภพสยบหัวใจใครบางคน
ด้วยสไบสีไพลเฉกกัน
เปิดเนินไหล่สล้างละมุน..นวลนิ่มหนั่นแน่น
ให้ฝันกระจุยทีเดียวคอยดูนะ..
ได้เวลา..กลับบ้าน
เรื่อง..ที่เพื่อนผ่านมาเซอร์ไพร์สให้ตื่นเต้น
คือเพื่อนซื้อรถคันใหม่
รถจิ๊ปแบบโฟวีลด์คันใหญ่เบาะไฟฟ้า
เจ้าของเดิมคือนักร้องนาม..ดัง
คู่นักเทนนิสมือดีในดวงใจ..ที่มีข่าว
เลยได้นั่งฟังเพลงไพเราะ
คลอเคล้ากลับบ้านสราญใจ.แค่นั้น
และใจไพลนั้นก็ยังเฉยเฉยชาชินในสรรพสิ่ง
ด้วยใจนิ่งงาม..มิตามตื่นเต้น
หลงในวัตถุนี้
ที่ดวงใจและดวงตา
แค่เห็นว่า
คือยานพาหนะพาไปไหนๆได้
ก็คือคล้ายเหล็กธรรมดาๆ
นะวันนี้ในวันหนึ่งเท่านั้นเอง..
ถึงนาทีนี้..
จันทร์ค่อนดวงลอยเด่น
หัวใจเต้นแรงเมื่อได้รับแรงใจ..
จากดวงใจในร่มรักเรือนไทย
ขอกล่าวคำอำลานอนหลับฝันดีนะคะและ..
ราตรีสวัสดิ์ค่ะทุกดวงใจ...
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4603.html
หัวใจถวายวัด
หลวงพ่อ เจ้าขา
ช่วยแผ่เมตตาลูกหน่อยได้ไหม
ลูกนี้อาภัพอับโชคหรือไร
มีรักครั้งใด หัวใจเหมือนไฟร้อนรน
หลายคน ที่พบ
พอเขาได้ซบต้องหนีหลบล่องหน
ขว้างทิ้งดังเศษดินข้างถนน
น้ำตาร่วงหล่น หาคนรักแท้ไม่มี
เข้าวัด ทุกวัน
ใส่บาตรทำทานบนบานขอให้โชค ดี
แต่ผียังตามหลอนหลอกย่ำยี
วันหยุดพักไม่มี บวชชีดีไหม
หลวงพ่อ เจ้าขา
ลูกหมดปัญญาเหนื่อยจังหัวใจ
สิ้นหวังรักทุกข์ครั้งสุดวุ่นวาย
จึงพร้อมมอบกาย หัวใจถวาย วัดเลย
หลวงพ่อ เจ้าขา
ลูกหมดปัญญาเหนื่อยจังหัวใจ
สิ้นหวังรักทุกข์ครั้งสุดวุ่นวาย
จึงพร้อมมอบกาย หัวใจถวาย วัดเลย...
26 มกราคม 2551 10:37 น.
พุด
ในมนตราธาราน้ำผึ้ง
ตราตรึงในดวงจิตชีวิตหวัง
แม้นดายเดียวเหน็บหนาวลำพัง
รมณีย์ฝันมิมลายสลายลา
คืนหนึ่งเดือนดับดาวเด่น
แลเห็นทางช้างเผือกเต็มฟ้า
งามเกินกว่าหาคำพรรณนา
ซึ้งค่าว่าเราแค่ธุลีดิน
ในเวิ้งดาวพราวพรายพริบพร่าง
กระจ่างสว่างไสวมิรู้สิ้น
คิดถึงสัจจธรรมระร่ำริน
จากดินน้ำลมไฟอนันตกาล
จักตราจำไว้ในดวงจิต
ตราบลมหายใจชีวิตพรากผ่าน
นิรันดร์ธรรมล้ำค่าลาราน
ดั่งบัวบานเหนือโลกย์สิ้นโศกรอย...!