29 กรกฎาคม 2552 11:54 น.
พุด
บทบันทึกความในใจ..
จากใจ..
ถึง..
ทุกยอดดวงหฤทัยน้องน้อง
ในร่มรักเรือนไทยเรือนธรรมเรือนทอง
แห่งมิ่งมิตรผองเราผู้รักรจนา
ผู้หยาดน้ำค้างคำน้ำค้างใจ
ต่อสายใจสายใยรักระหว่างเรา
และ..
หวังเป็นความงามความผูกพัน
ตราบชั่วนิรันดร์กาล
ในโลกฝันแสนหวาน
โลกแห่งดวงดอกไม้งามในท่ามความจริงใจ
ปรารถนาดี
ที่เราพึงมีพึงมอบให้แก่กันและกันค่ะ
....................................
*คืนรัง.*..งดงามในท่วงทำนอง
และ
มากท้นล้นค่า
ด้วยความหมายดายเดียว
เปลี่ยวเหงา....รอนไร้
ดั่ง..
นกไพรพเนจรร่อนเร่
แรมร้างห่างรวงรักแห่งรัก
นานมาแล้ว
เด็กหญิงผอมบางนั่งอ้างว้างว้าเหว่
ริมกราบเรือเดินสมุทรลำใหญ่
ที่..
เห็นเพียงน้ำจรดฟ้า
กับ
ฝูงนกนางนวล
ที่กำลังร่ายปีกกรายพรายฟ้อน
อ้อนนวลเมฆราวสายไหม
ในสายแสงสุริยา
ยามดวงตะวันลากำลังอ้อนอ้อยอิ่งพสุธา.
เพื่อรอท่า..
ทิ้งดวงลงสู่ผืนน้ำอย่างอาวรณ์อาลัย
เพื่อสัญญาว่า..
จักคืนหลังกลับมาใหม่ในยามอรุณรุ่ง
อย่างมุ่งมั่น
สัตย์ซื่อถือตรงเพื่อ..ธำรงดำรงโลก
เรือลำใหญ่สำหรับใจดวงน้อย
กำลังค่อยๆ
เร่งฝีจักรพรายพรากจากลา
แผ่นดินแม่มาตุภูมิ
*เกาะสวาทหาดสวรรค์*
อันแสนสงบสุข...
ห่างไกลทุกผู้คนราวมีทะเลกั้นขวางไว้
ดวงใจเด็กหญิงน้อยเหลือเพียงน้อยนิด
กับภาพพร่าเลือนด้วยหยาดน้ำตา
ที่เห็นแผ่นดินตรงหน้า
แผ่นดิน..
แห่งความรักความหวังความฝัน
อันแสนตราตรึง
ในซาบซึ้งทรงจำล้ำค่า
ที่แสนบริสุทธิ์ใส
ที่กำลัง...
ค่อยๆ..พร่าเลือน...หายไป
ใจดวงร้าวหันไป
หาก..
ไม่มีอ้อมกอดใครสักคน
ที่จะให้ซุกซบในอ้อมอกอ้อมใจ
เพื่อซับหยาดน้ำตา
นอกเสียจากพบเพียง
ทะเลเวิ้งว้างกับความว่างเปล่า
ตรงหน้าที่ยิ่งพาให้
ใจดวงเดิมดวงดินดวงดี
แสนโดดเดี่ยวเดียวดายทับทวี
เด็กหญิงน้อยกอดตัวเองเอาไว้
พร้อมกับกลั้นสายธารน้ำตา
ที่กำลังบ่าพรูให้ไหลย้อนกลับเข้าไป
ณ ภายในดวงใจอันแสนปวดร้าว
ด้วยใจดวงอดทน
เพื่อหลอมกมลให้กล้าหาญ
รู้กลืนกล้ำ
รู้ที่จะทำใจ...
เด็กหญิงน้อยในท่ามทะเลชีวิต
ถูกเพรงพรหมชะตากรรมลิขิต
ให้พานพบพายุร้ายมากมาย
เพื่อฝ่าฟันสู่ฝั่งฝันอันงดงาม
ได้เรียนรู้โลกย์ทั้งโศกสุข
ทุกมายาชีวิตอย่างเจนจบ
เพื้อค้นพบค่าคนค่างาม
คุณธรรมความดี
ตามสิทธิ์แห่งใจนี้ที่จะเลือก
เด็กหญิงน้อยยังคงเก็บใจ
อันแสนบริสุทธิ์ใส
ใจดวงอ่อนไหวอ่อนหวานอ่อนเยาว์
ไว้นานเนาและจักเป็นเช่นนั้นนิรันดร
ท่ามผู้คนมากมายผ่านผัน
พานพบ
จบ เจ็บ จาก พรากลา
ฝากปรารถนาอันแสนสั้น
มิใช่ดั่งฝันยาวยืน
หากใจดวงดินดวงดี
ก็มีเพียงอภัยอโหสิกรรม
คิดว่านั่นคือวิบากรรม
ที่จำต้องชดใช้หนี้รักภักดิ์พลี
ชีพนี้ได้ยังคงมิสิ้นฝันมิสิ้นหวัง
ยังคงมีพลังฝากดีงาม
ให้แผ่นดินแลผองชน
นานหลายปี
ที่เป็นเรือดอกไม้เรือธรรมเรือทอง
เพียรพายพาดวงจิตหลากชีวิตศิษย์รัก
ลอยล่องท่องให้ผ่านบทเรียนโลก
โศกสุขให้รู้ทุกข์รู้ธรรม รู้สร้างสรรปันดี
รู้มีเมตตา ใช่แค่เกิดมาเพียงเพื่อตวงตัก
มิพักถวิลคิด*ให้*ผู้ใด
นอกเสียจากพอกเปลือกให้ไสวรวย
ด้วยหลงใหลในศิวิไลซ์วัตถุ
อย่างผู้ยึดมั่นถือมั่นมิปันใคร
ปีแล้วและปีเล่า
ที่ส่งพวกเขาขึ้นฝั่งฝัน
เพื่อให้เขาเหล่านั้นไปฝ่าดั้นคว้าดาว
สุดแต่ใจจะไขว่คว้า
ด้วยความเข้าใจชีวิต
คิดเป็นผู้ให้ไร้หวังใด
รู้รัก
กตเวทิตา
ต่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ไทย
รู้รักษาจิตภายใน
ให้สวยใสประดุจดั่งอัญมณีที่จักไม่มีใคร
มาพรากไป แม้นดวงใจอาจโดนทำร้าย
แต่ใช่หมายว่า
*ชีพหนึ่งนี้จักสิ้นค่าสิ้นความหมาย*
ให้รู้มองโลกด้วยดวงตาสวยใส
ด้วยดวงใจเป็นธรรม
ด้วยดวงตาที่สาม
ดวงตาแห่งการเป็นผู้ให้
หมาย..
เพียงผดุงแผ่นดินให้รุ่งเรือง
ด้วยเรียวรวงระย้าระยับ
ให้..
พระรัตนตรัยยังเป็นที่พึ่งทางใจ
นำจิตสว่างไสวผ่องพราย
ได้ใช้ชีวิตอย่างผู้รู้สึกตัวทั่วพร้อม
หลอมละลายร่างรวมเป็นหนึ่งเดียวกับ
ธรรมะธรรมชาติ
ที่แสนบริสุทธิ์สะอาด
อย่างผู้ผ่านมาผ่านไป
และ..
อย่างผู้เข้าใจคำว่าเหนือโลกโศกมายา
เพื่อ...
วันหนึ่งข้างหน้ายามถึง*วันตะวันลา*
ดวงชีวาจะแย้มยิ้มพริ้มเพรา
อย่างแสนภาคภูมิปิติเกษมใจ
เพียงได้ฝากจิตวิญญาณไพรไว้
ใต้ร่มบรมโพธิ์พุทธิ์ พิสุทธิ์ไสว
ไปตราบอนันตกาล....
และ..
นี่คือปณิธาน สัจจะอธิษฐาน
จากงามดวงใจใครเล่ารู้นี้
ที่ยังมากมีสิ่งงดงามบริสุทธิใส
ดั่งหยาดน้ำค้างไพรที่รอหยาด
พร่างลงในท่ามดวงใจแลโลกแล้งไร้หมาย
ฝากดี
ก่อนวันที่จะกระซิบบอกเธอ
ทุกดวงใจที่ชิดใกล้ที่หมายรัก
ว่า..
*อย่าร้องไห้เพื่อขวัญ*
แต่..
จงจดจำน้ำค้างคำน้ำค้างใจ
ทำความดี
ด้วยดวงใจบริสุทธิ์ใสงดงาม
ไปตราบชั่วกาลนานเนานิจนิรันดร......!
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3282.html
อยากหยุดตะวันไว้ที่ปลายฟ้า
ท้องฟ้าที่กว้างใหญ่
อยู่ไกลและสูง
เหนือดินและแผ่นน้ำ
รู้ ดีฉันต้อยต่ำ
ไม่ต่างกับน้ำ ใต้แผ่นฟ้า ไกล
เหมือน ดูว่าใกล้กัน
แต่เส้นขอบฟ้า ก็ยังมากั้นไว้
แม้ เคยได้ชิดใกล้
แต่ว่าความฝัน นั้นไกล เหลือเกิน
เฝ้ารอ เพียงแสง ตะวัน
ปลอบโยน ความฝัน ที่ริบหรี่
เปลี่ยนสี ทะเล
สลาย ขอบ ฟ้าให้หายไป
ให้ความรัก ได้พิสูจน์
ใจแท้จริงต่อกัน
ให้คนรักได้พบกัน
ให้ฝันได้สมใจ
ให้แสง ตะวัน
ประสานเรารวมกัน
เป็นหนึ่งเดียว
ยอม จะสู้แสง ตะวัน
ก่อนจะต้อง ร้าง กันแสนไกล
ถ้าฉันทำ ได้
อยากหยุด ตะวัน ไว้ที่ปลาย ฟ้า
ให้ความรัก ได้พิสูจน์
ใจแท้จริงต่อกัน
ให้คนรักได้พบกัน
ให้ฝันได้สมใจ
ให้แสง ตะวัน
ประสานเรารวมกัน
เป็นหนึ่งเดียว
อยากขอ ตะวัน
หยุดไว้ นานๆ อย่าจากไป...
28 กรกฎาคม 2552 21:19 น.
พุด
เสียงพงไพรกระซิบเพ้อละเมอหมาย
เสียงสายธารธาราพ้อหาขวัญ
เสียงพสุธามณีสะอื้นรำพัน
เสียงพระจันทร์ถามดาวว่าเศร้าไย
เสียงสายลมพัดพรายคล้ายครวญคร่ำ
เสียงสายฝนพรมพรำใบไม้ไหว
เสียงดวงดอกไม้ทายทักเจ้านกไพร
เสียงหัวใจอิสราท้าโบยบิน
เสียงเรไรพริ้งพราวเฝ้ารอท่า
เสียงร่ำลาดวงดอกไม้ปลิดกลีบสิ้น
เสียงเทพีไพรวอนไหว้ฟ้าแลดิน
เสียงชีวินรอวันชื่นรักคืนรัง
เสียงรำพึงจากใจใครเฝ้ารอ
เสียงพะนอจากแม่ดวงดอกพุดซ้อนอรชรหวัง
เสียงแห่งภักดิ์รักเพียงเธอกระซิบสั่ง
ให้คืนหลังสู่วิมานไพร...สู่ใจนวล.!
.................................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4375.html
คืนรัง
โอ้ยอดรัก ฉันกลับมา
จากขอบฟ้า ที่ไกลแสนไกล
จากโคนรุ้ง ที่เนินไศล
จากใบไม้ หลากสีสัน
ฉันเหนื่อย ฉันเพลีย ฉันหวัง
ฝากชีวิต ให้เธอเก็บไว้
ฝากดวงใจ ให้นอนแนบรัง
ฝากดวงตา และความมุ่งหวัง
อย่าชิงชัง ฉันเลยยอดรัก
นานมาแล้ว เราจากกัน
โอ้คืนวัน นั้นแสนหน่วงหนัก
ดั่งทุ่งแล้ง ที่ไรเพิงพัก
ดั่งภูสูง สูงสุดสอย
โอ้ยอดรัก ฉันกลับมา
ดั่งชีวา ที่เคยล่องลอย
มาบัดนี้ ที่เราเฝ้าคอย
เจ้านกน้อย โผคืนสู่รัง
นานมาแล้ว เราจากกัน
โอ้คืนวัน นั้นแสนหน่วงหนัก
ดั่งทุ่งแล้งที่ ไรเพิงพัก
ดั่งภูสูง สูงสุดสอย
โอ้ยอดรัก ฉันกลับมา
ดั่งชีวา ที่เคยล่องลอย
มาบัดนี้ ที่เราเฝ้าคอย
เจ้านกน้อย โผคืนสู่รัง
ฉันเหนื่อย ฉันเพลีย ฉันหวัง...
28 กรกฎาคม 2552 16:57 น.
พุด
สุดปลายสายรุ้งแห่งความฝัน
มหัศจรรย์แสงทองยามอุษา
หยาดน้ำค้างไพรวะวิบวับงามจับตา
หมู่นกกาผกโผผินบินจากรัง
เทพีไพรยิ้มกับฟ้ากว้างสว่างใส
เริ่มต้นใหม่ตราบชีพนี้ยังมีหวัง
แม้นเบื่อหน่ายในวัฏฏะว่ายวนวัง
ราวกรงขังทุกข์ชีวีใช้หนี้กรรม
อยากหยุดรักเอาไว้เพียงแค่นี้
ก่อนฤดีจะหวามไหวใจถลำ
สู่ห้วงรักเหวลึกอันมืดดำ
สายน้ำตารินร่ำยามพรากลา
อยู่กับธรรมะธรรมชาติ
บริสุทธิ์สะอาดมิ่งขวัญหล้า
ใจอรชรอ้อนจุมพิตพสุธา
คงดีกว่ายอมภักดิ์ใครให้ใจตรอม...!
.............................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song129.html
หยาดน้ำฝน หยดน้ำตา
หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์
หลั่งความขื่นขมที่ถมอยู่ใน ใจตน
หยาดย้อยจากปรางสวรรค์เบื้องบน
สู่กลางแก้มดินในฐานถิ่นคน
นั้นคือหยาดฝน ฉ่ำใจ
สาดสายพร่างพรายพรมผืนไร่นา แนวเนิน
ป่าดอนโขดเขินคลองขลุงทุ่งหนอง นองไป
หล่อเลี้ยงพืชพันธ์ มีผลดอกใบ
โลกเคยหลับไหล พลันฝืนตื่นใจ
สวยงามสดใส จริงเอย
ทอแสงทองอาทิตย์ทาบทา
พลันน้ำตานางฟ้าระเหย
เป็นละอองไอน้ำอย่างเคย
ถูกลมรำเพย พัดเลยลอยวน
หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์
ฝากมากับลมเป็นฝนพร่างพรม ใจคน
แต่น้ำจากตาตอนช้ำกมล
ที่เราหลั่งลอย ระเหยกี่หน
ถึงกลายเป็นฝน ฉ่ำใจ
ทอแสงทองอาทิตย์ทาบทา
พลันน้ำตานางฟ้าระเหย
เป็นละอองไอน้ำอย่างเคย
ถูกลมรำเพย พัดเลยลอยวน
หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์
ฝากมากับลมเป็นฝนพร่างพรม ใจคน
แต่น้ำจากตาตอนช้ำกมล
ที่เราหลั่งลอย ระเหยกี่หน
ถึงกลายเป็นฝน ฉ่ำใจ...
27 กรกฎาคม 2552 20:30 น.
พุด
วันนี้พุดพัดชาถูกจี้
เป็นวันร้ายในรอบหลายปีเกือบเสียขวัญ
อาจจะพรากจากเธอไปนิรันดร์
ชีวิตนั้นไม่มีอะไรแน่นอน
ไม่เป็นไรใจดวงนี้อภัยให้
ผู้มุ่งร้ายแค่เมตตาอุทาหรณ์
ไม่ประมาทกับชีวิตทุกบทตอน
ที่ยอกย้อนแสนเศร้าเหน็บหนาวใจ
เสียทรัพย์ดีกว่าเสียชีวิต
ด้วยดวงจิตกรุณาน้ำใจใส
ยกให้เลยจะเอาอะไรไป
ขอลมหายใจยังมีพลีสร้างบุญ
ขออ้อมใจอ้อมกอดยอดมิ่งมิตร
ปลอบดวงจิตสร้างงามท่ามโลกหมุน
หยาดน้ำใจใสเย็นละไมละมุน
โอบเอื้ออุ่นแด่ทุกดวงใจในร่มรัก...!
........................
ไม่น่าเชื่อ
ว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับชีวิตเราเอง
ท่ามโลกแล้งไร้
มากมายคนร้ายรายรอบ
ที่เราไม่เคยคิดระแวดระวัง
มองผู้คนในแง่บุญแง่บวก
นาทีที่ผู้ร้ายมายืนตรงหน้า
ยังคิดว่าใครสักคนที่เคยเมตตา
มาทายทัก...
เพราะในละแวกบ้าน
พุดพัดชาชอบเดินเดียวดาย
มาเนานานนักหลายปี
และ..
น้องๆมากมีที่มักคอยแวะเวียนถาม
ด้วยความมีน้ำใจรับขึ้นรถไปส่งบ้านวิมานดิน
แต่...รอยยิ้มหายไป
เมื่อเห็นมีดปลายแหลมวะวาววับ
ว่านี่คือความจริงในสังคมนี้
ที่ผู้คนมากมีที่กำลังอดอยากหิวโหย
และ..
ทำได้ทุกสิ่งปล้นชิงวิ่งราว
พุดพัดชา ให้อภัยแล้วค่ะ
ที่เค้ามาทำให้ตกใจมากจนเกือบขวัญเสีย
เสียขวัญ อันตรายถึงชีวิต
เพราะคิดดีว่าบุญกุศลคงคุ้มครองเรา
ให้แคล้วคลาดปลอดภัยเสมอ
เค้าคงดูท่าทีว่า
พุดพัดชาคงพอมีเงินแบ่งให้ใช้ได้
ละกระมังอิอิ
* เอาไปเลยนะ**เอาไปเลย*
นี่คือคำที่พุดบอกเขาคนนั้นค่ะ
อย่างมีสติ..ด้วยเมตตา...
..........................
26 กรกฎาคม 2552 23:14 น.
พุด
ได้ยินไหมเสียงหัวใจในคืนค่ำ
ขับลำนำคิดถึงอันซึ้งซ่าน
ได้ยินไหมเสียงดอกไม้แย้มผลิบาน
เสียงสายธารกระซิบพรายกับสายลม
ได้ยินไหมเสียงหัวใจเต้นว่ารัก
มอบอ้อมภักดิ์ให้พักพิงทิ้งขื่นขม
ได้ยินไหมเสียงสายฝนครวญระทม
ว่าตรอมตรมร่ำสังเวยแม่ธรณี
ได้ยินไหมเสียงดวงใจไทยร่ำไห้
เหมือนสิ้นไร้ความหวังแผ่นดินนี้
ได้ยินไหมเสียงบรรพชนผู้หาญพลี
หลั่งเลือดสีทาแผ่นดินตราบสิ้นใจ
ได้ยินไหมเสียงน้ำตาบ่าท่วมล้น
แสนทุกข์ทนเกินต้านแลทานไหว
ทั้งโลกหล้าใกล้มลายแล้วหรือไร
วิปโยคใจถามสิ้นทั้งอินทร์พรหม....!
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song175.html
เย้ยฟ้าท้าดิน
ฟ้าหัวเราะเยาะข้า ชะตาหรือ
ดินนั้นถือ อภิสิทธิ์ ชีวิต ข้า
พรหมลิขิต ขีด เส้น เกณฑ์ชะตา
ฟ้า อินทร์ พรหม ยมพญา ข้า หรือเกรง
ฟ้า หัวเราะ เยาะเย้ย เหวยเหวยฟ้า
พสุธา อย่าครวญว่า ข้า ข่มเหง
เย้ย ทั้งฟ้า ท้าทั้งดิน สิ้น ยำเกรง
หรือใคร เก่ง เกิน ข้า ฟ้า ดินกลัว
ข้า ขอ ลิขิต ชีวิตข้าเอง ไม่เกรง ดิน ฟ้า
อีก พื้นพสุธา พญายม พรหมอินทร์ ทั่ว
ข้า กระทำ แต่กรรมดี มีหรือจะกลัว
มิใช่ใจชั่ว ลืม ตัว หลง ลำพอง
อัน สวรรค์ อยู่ในอก นรก นั่น หรือ
ข้า ก็ถือ อยู่ในใจ ไม่ หม่น หมอง
ละ การ ทำ ชั่ว ควรหรือจะกลัว นรก มั่นปอง
หาก ทำดี ฟ้าดินต้อง คุ้ม ครอง เอย...