แลโลกเห็นโลกรู้โลก เห็นโศกเห็นเศร้าหวั่นไหว เห็นทุกข์เวียนวนร่ำไป เห็นในความเป็นเช่นนั้น รู้โลกรู้โศกรู้สุข รู้ทุกข์ทันเท่าเฝ้าฝัน รู้ความเป็นไปนิรันดร์ ทุกชีวันเกิดดับมายา ชีวิตปลิดปลิวดั่งใบไม้ร่วง ปวงชนสร้างดีมีค่า อย่าเพียงแค่รอเวลา ผืนดินกลบหน้าไร้ค่าคน ทาน ศีล สมาธิ ภาวนา ปัญญาพาเราหลุดพ้น ปลดปล่อยความเป็นตัวตน จิตกุศลดั่งเพชรพร่างณ กลางใจ...! แด่ชีวิตหนุ่ม สาว พม่า ที่พรากลาทั้งหมด54 ชีวิต ด้วยความเศร้าสะเทือนใจจากข่าว.. วิมานหล้าวนาสวรรค์..! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2379.html (วนาสวาท) http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song401.html (ฟ้าแดง) ..................... หากตราบใดที่ยังมีสวน ตราบนั้นยังมีวันข้างหน้า และตราบใดที่ยังมีวันข้างหน้า ตราบนั้นชีวิตยังมีชีวา JOHN RICHARD MORELAND และ.... หากฟ้ามีตาและสวรรค์มีใจ คงมองลงมาเห็น*หญิงหนึ่ง* นอนนิ่งทิ้งตัวเหนือเนินหิน ผาสูง อย่างโดดเดี่ยว เดียวดาย ผมของเธอสยายแผ่ราวพัดคลี่สีอำพัน สะท้อนแสงสีส้มสุก ยามตะวันลา... ฟ้าโพล้เพล้แล้ว ...! หากราวกับเธอจะไม่ยอมรับรู้กาลเวลา ในหนาวปรารถนา .... เธอหลับตา แล้วใช้หมวกสานปิดเสี้ยวหน้า บังสายแสงแดดสีทอง ที่กำลังพรายส่องล่องลอดไล้โลมร่าง ผ่านกอไผ่ใบเรียวบาง เข้ามา และ หากฟ้าสังเกตสักนิด จะเห็นแวววะวิบวับ ราวกับหยาดเพชรรุ้งร่วงแตะแต้มตรงปลายตา และค่อยๆไหลริน ลงมาอย่างช้าช้า ท่ามงามเงียบ น้ำตา.. ที่พร่างรินมิใช่หมายถึงความสูญสิ้น หรือถวิลเศร้าถึงผู้ใด หากทว่าคือ น้ำตาจากปิติใจเกษมสุข ในทุกภูมิใจ.. ทุกรอยเท้า ที่ได้ก้าวเดิน ผ่านมาในทุกลีลาชีวิต ที่สอนบทเรียนและสัจจธรรมให้กับเธอ ให้กล้าเผชิญ ไม่ว่าพายุร้ายจากใคร หรือใจหวังมากรายกร้ำมาฝากระกำระทม หาก หาได้ฝากรอยตรมตรอม ฤาฝากรอยจำไว้ณ..กลางใจ..ดวงบริสุทธิ์ใสของเธอไม่ ด้วยเพียรอภัยลบลืม มากเข้าใจ เมตตา และเรียนรู้ค่าคำ *พลังเกษมแห่งชีวิตให้จงพยายาม คิดในทางบวกแด่พื่อนมนุษย์เสมอ* ให้หยุดคิดแค้นเคืองต่อทุกสิ่งที่ไม่ประเทืองประทับใจ เพียงคิดว่าแค่ ขยะใจขยะใด มิปล่อยไว้ให้ค้างคา สุดท้ายคือ เธอปล่อยให้กาลเวลาได้เป็นเครื่องพิสูจน์ ได้เยียวยารักษาใจด้วยตัวมันเอง ในทุกข์วิบากกรรม วิบากรัก ที่เคยทุกข์หนัก..วนรักมาย้ำรอย ให้เธอพลอยก้มหน้ารับชะตา ยอมรับกับทุกเรื่องราวดินฟ้ากำหนด ที่ราวกงกรรมกงเกวียน เวียนรอยถอยกลับมาให้จำต้องชดใช้ และ ในความไร้แล้งราวจะสิ้นแรงใจไฟฝัน ได้ฝากให้มีพลังในอีกด้านหากคิดเป็นเห็นงาม ที่ได้ตามเตือนตอกย้ำฝากความเข็มแข็งไว้ให้ ให้ใจดวงงามยิ่งกล้าฝ่าฟันแข็งแกร่ง ยิ่งโชนแสงราวเพชรกล้าพร่างใส มิมีวันหมองมัวด้วยกิเลสใดกิเลสใจ จากใคร...จากผัสสะใดที่มาพิพากษา ที่แค่มาสอนมาให้บทเรียน ให้คิดว่าแค่ลมลมลมมิให้รานไหวระทมนาน เสียงจั๊กจั่น จิ้งหรีด เรไร กรีดปีกร้องระงม ไปทั่วทั้งวิมานวนา ทั้งราวป่า..ลอยลมมาเป็นระยะๆ จากทุกแนวแถวถิ่นไพร ทั่วทิศทุกทางรายรอบ เธอเพิ่งจ้างคนงานพม่า...ราว10คนมาถางสวน เพียงหมดเงินไปยี่สิบพัน เพราะรวมเป็นสองครั้งแล้วในรอบปี สำหรับการให้มาฟาดฟันดงหญ้าและกอหนาม ที่คนงานทุกคน ถูกกำชับว่า...ให้คิดแล้วคิดอีก เลือกแล้วเลือกอีก ก่อนจะฟันฉับลงไป ว่าจะไม่ไปกระทบกับพันธุ์ไม้ต้นไหนต้นใด ที่เจ้าของ...รักแสนรัก...หวงแสนหวง..ดั่งดวงใจ เธอบอกว่าอยากพิทักษ์ปกป้องเอาไว้ให้ตราบนาน ให้ฝากหวานหวังให้จรัสแจ่มหล้า ใต้ผืนฟ้า ดั่งรัศมีพสุธา..อัญมณีไพร ณ..กลางเกาะมหัศจรรย์แห่งนี้ ให้ราวกับดินแดนในฝัน สวรรค์พนา ที่เธอทิ้งร้าง มานานนับสิบปี ให้แมกไม้นี้ได้เติบกล้า ดั่งสวนขวัญ สวรรค์สรวง ดารดาษด้วยพวงรุกขชาติเทวา จากน้ำมือเทวดานางฟ้า ที่พากันช่วยมาหว่านโปรยโรยเมล็ดพันธุ์ พร้อมกับพาฝนมาฝากฝัน ให้พลันชื่น มาโปรยระรื่นร่ำให้มวลไม้รอวันผลิแย้ม แต้มสวย ไปทั่วทั้งราวไพรเลยทีเดียว นั่น... กอรสสุคนธ์มณฑาทิพย์ มณฑาทอง แสนหอม หวานพรายขึ้นป่ายปะปน ไปกับพื้นหญ้า เกาะเกี่ยวด้วยเถาวัลย์ชื่อว่าม่านพระอินทร์ แถมมีดอกไม้ป่าให้ถวิลหอม ที่รอให้เธอค้อมดวง มาดอมดมให้มิสิ้นสุดมิหยุดรักได้เลย ที่เธอเผยว่าอยากจะขนานนามเอง เธอตั้งใจจะบรรเลงชื่อ ให้อย่างไพเราะเพราะพริ้งพราว..ฝากประดับหล้าประดับใจ วันที่ฟ้าคงเฝ้ารอให้เธอกลับมา และให้สถิตคู่วิมานหล้าวิมานวนา ฝากจิตวิญญาญ์ร่างใจไว้ที่นี่ไปตราบชั่วกาล ให้มาแตกช่อกอฝัน มาหว่านหวังหวาน มาดมกลิ่นระรินบานของหอมอวลมวลพะยอมไพร ด้วยใจดวงเหว่ว้า หากทว่าคงสุขล้นจนเกินรำพึงรำพัน.... วันนี้ ริมชายสวนวิมานวนา มีตะแบกม่วงอมฟ้า มีศรีตรังสดสะพรั่งแจ่มดอก มีสักทองออกช่อพราว มีทองกวาวและเหลืองละมุนช่อชัยพฤกษ์ และ นับไม่ถ้วนกับอีกพันธุ์พฤกษ์ไพร ที่เพียงบันทึกไว้ในใจมิได้เป็นลายลักษณ์อักษร แค่นำมาฝากอรชรเท่าที่พอจะจำได้ คนงานพม่า ชมเจ้าของสวนตลอดเวลา ด้วยภาษาพูดไม่ชัด ที่พาให้เจ้าของสวนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อย่างพยายามคิดว่านั่นคือความจริงใจ แบบสบายๆใจ แบบรู้สึกไม่ค่อยคิดเข้าข้างตัวเองสักเท่าไรเลย ว่าจริงไม่จริงก็นิ่งไว้ก่อนจะดี... และยิ่งพาให้ต้องยิ้มขำขำไปตามคำชมมิให้เหลิงลมลอย ต้องค่อยๆยันเท้าไว้ให้ติดดิน เจ้าของสวน ที่จำต้องใส่กางเกงลูกฟูกสีฟ้าแจ่มตัวโปรด และใส่เสื้อยืดรัดรูปผ้านิ่มนวลชวนฝันสีขาว ก่อนที่จะทับด้วยแจ๊กเก๊ตยีนส์ตัวเก่งอย่างมิดชิด ทำไมนะหรือถึงต้องปิดเนื้อหนังขนาดนั้น เพราะว่า ป่าทั้งป่าจะฮือกันออกมาด้วยฝูงยุง ที่แสนชุกชุมจะพากันมากลุ้มรุมกัดกินเลือดอย่างหิวโหย ให้คันผิวลายพร้อย ห้อยจ้ำเลือดไปทั่ว เพราะสภาพป่าปิดมานาน ทั้งๆที่ใกล้ชิดทะเลฝันสวรรค์ลอยนิดเดียวเอง เจ้าของ จะใส่หมวกสานปีกกว้างแสนเท่ห์ราวสาวชาวไร่ เพราะกันแดดได้และไว้พัดวียามไร้ลม ด้วย เธอนอนราวเจ้าหญิงไพร บนเนินผาในท่ามวิมานวนา เพราะ คนงานช่วยกันระดมกวาดลานหินอย่างสะอาดงาม ให้เธอได้พักบ้าง หลังจากเดินปีนเขาไปมา จนล้าแรงแล้วไม่รู้ว่าจะสักกี่กิโลเมตร หากนับเป็นระยะทาง เธอ ... จึงนอนแย้มยิ้มยินดีพลีใจฝัน เมื่อจิตสงบงามดีแล้ว หลังจากหลั่งรินน้ำตาไปกับฟ้ายามค่ำ ฟังเสียงเรไรร่ำร้อง ราวดนตรีธรรมชาติ มาวาดพลีบูชาเทพแห่งไพร เทพีแห่งไพร และกับ ดวงใจแสนรื่นรมย์เป็นสุข เธอนอนแย้มยิ้ม เพราะนึกตลกคนงานหนึ่งในสิบ หยิบมือเดียวของเธอ ที่ต้องนุ่งโสร่งพันทับกางเกงทำงาน เขาเพียรอธิบายว่า เพราะทำให้เขาทำงานสบายสะดวกขึ้น ทั้งๆที่เธอดูจะแสนเกะกะตา หากทว่าเขาบอกว่ามันทำให้ชิน คนงานคนนี้ที่ตาเศร้า และขยันมาก ที่เฝ้าวอนของาน บอกว่าเมียเพิ่งตายได้แค่สองเดือนเอง และ ลูกก็ยังไร้เดียงสา รอท่าพ่อหาเงินส่งกลับบ้าน เขาบอกเมียเป็นไข้ ยามไร้เขาไม่ยอมกินยา กลัวมาก และหากมีเขาเคียงข้างถึงจะกิน และ เธอก็สิ้นลมอย่างอ้างว้าง ไร้ร่างเขาเคียงคู่ดูลมหายใจสุดท้าย ที่พรายพลัดไปในยามพลบค่ำ เพราะ เขาต้องมาทนตกระกำลำบาก เพื่อทำงานเพื่อเงินงาม เพื่อปากท้องที่ร้องหิวโหยที่เฝ้ารอ นี่คือละครโลก ละครชีวิตจริง ที่มากโศกพรากสุขทุกข์กระหน่ำแด่ผู้ยากไร้ หากยอมพ่ายแพ้...จักหยัดยืนไม่ได้ จักต้องตายไปด้วยความตรอมตรมระทมทุกข์ แต่สำหรับเขาคือผู้กล้า ผู้ขอทายท้าชะตาโชค อย่างมิยอมงอมืองอเท้า จึงทำงานได้ทุกสิ่งอันพันละน้อยค่อยๆเก็บหอมรอมริบ เพื่อแลกกับการได้ฝันไกลไปให้ถึง มีเงินสักก้อนหนึ่ง ไปต่อสายใยชีวิตให้ลูกน้อยตาดำดำ ที่เฝ้าคอย... เธอ..จึงแสนเศร้าหากคิดมาก นอกเสียจากรู้ทำใจให้ใสว่าง หัดวางว่า *วิบากใครวิบากเขา* วิบากเรา เราก็รับ หากให้พิงพักได้ ก็แค่โอบเอื้อช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้ แก่เพื่อนมนุษย์ ผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น เธอ.. จึงนอนนิ่งมิไหวติง มิคิดใดนานให้รานโศกสลดใจ ทั้งๆที่ในตัวปวดร้าวระบม ราวพิษไข้ จึงแค่ราวนอนสมาธิภาวนา พยายามใช้ลมหายใจเข้ากำกับไว้ว่า ให้วาง ว่างใส ไม่เจ็บไม่ปวดรวดร้าวใด เพียงแค่ตามลมหายใจทุกอณู นึกรู้ละเมียดละมุน อย่างช้าช้า ไป กับฟ้ากว้าง กับพร่างระยิบใบของพันธุ์ไพรพฤกษา ที่กำลังร่ายฟ้อนทาบไล้ด้วยพรายแดดสีทองอันอ่อนอุ่นเอิบอาบ กับเสียงอ้อนของชะนีป่าเพรียกหาตัวผู้ กับเสียงกู่ของสายลมกลางวสันต์..ราวพายุกำลังจะมา กับฟ้าเริ่มพรายแสงสีฉ่ำเย็นเป็นเรียวรุ้งที่ใกล้ค่ำเต็มทีแล้ว คนงานเริ่มหยุดพัก พร้อมกับเดินมาทายทักเธอ เธอเผยอตัวดูฟ้าสลัวสลัวด้วยพรายหมอกตรงหน้า เบื้องล่างนั้น คือทะเลเหว่ว้า เวิ้งน้ำสีทองรับฉ่ำฟ้าแสงสีแสนสวย ทอทาบไล้ไปด้วยตามตะวันสีทอง.... นกกาเริ่มบินกลับรัง ทะเลฝัน ผืนกว้างตัดเส้นขอบฟ้าไกล ดูละลิบในเงาเมฆหม่นรางเลือน เสมอเสมือนดั่งวิมานหล้าในนาทีนั้น...!!!!!!!!! *********************** http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2379.html วนาสวาท .........ม.ร.ว.ถนัดศรี-รวงทอง ช ฉันคิดถึงเธอ ตั้งแต่หัวค่ำ จนอุษาสาง ญ จนอุษาสาง ช ด้วยเกิดความรัก ผุดขึ้นที่กลางหว่างหทัย ญ หว่างหทัย ช พอรู้ตัว ก็รักเธอ เต็มดวงใจ ญ รักเต็มดวงใจ ช ยอดพิสมัย ยอดรักอาลัยโอ้จอมขวัญชีวี ญ ฉันคิดถึงเธอ ตั้งแต่หัวค่ำ จนอุษาสาง ช จนอุษาสาง ญ ด้วยเกิดความรัก ผุดขึ้นที่กลางหว่างฤดี ช หว่างฤดี ช ใจเราตรงกัน ญ วิญญาณสัมพันธ์ ช เพราะวนาลี ญ วนาลี คู่เราจะรักภักดี ร้อยวิญญาณชีวี ที่วนาลีเอย ดนตรี ญ ฉันคิดถึงเธอ ตั้งแต่หัวค่ำ จนอุษาสาง ช จนอุษาสาง ญ ด้วยเกิดความรัก ผุดขึ้นที่กลางหว่างฤดี ช หว่างฤดี ช ใจเราตรงกัน ญ วิญญาณสัมพันธ์ ช เพราะวนาลี ญ วนาลี คู่เราจะรักภักดี ร้อยวิญญาณชีวี ที่วนาลีเอย... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song401.html ฟ้าแดง .......สุนทราภรณ์ อโศก สุขศิริพรฤทธิ์ สนธยาฟ้าแดง สุรีย์ร้อนแรงโรยอ่อนรอนแสงหม่นมัว สกุณาเรียกหารังตัว ชะนีเรียกผัว รัวเร้าร่ำกำสรวล โอ้ชีวิตชีวิตจิตใจ มันหนาวเย็นเป็นไข้ พิไลพิลาศครวญ สิ้นตะวันสรวลสันต์จาบัลย์รัญจวน เห็นลางพบพรางร่างนวล ให้โหยหวนชวนเศร้า สิ้นแสง สิ้นสีโศลกแดงแฝงแทงใจเรา สายัณห์เงื้อมเงา ลบล้างสล้างเสลา จางห้วงหาวพราวใจ ฟ้าแดง ฟ้าแดงผันแปรเปลี่ยนแปลงแผลงไป ตราบอาสัญฉันยังฝันใฝ่ จูบแดนฟ้าอาลัย ฝังรอยรักใคร่ฝากเธอ สิ้นแสง สิ้นสีโศลกแดงแฝงแทงใจเรา สายัณห์เงื้อมเงา ลบล้างสล้างเสลา จางห้วงหาวพราวใจ ฟ้าแดง ฟ้าแดงผันแปรเปลี่ยนแปลงแผลงไป ตราบอาสัญฉันยังฝันใฝ่ จูบแดนฟ้าอาลัย ฝังรอยรักใคร่ฝากเธอ... ...................
เส้นทางธรรมทางทองทอดรอ ขอเพียงมุ่งมั่นไปข้างหน้า ตามรอยบาทองค์พระศาสดา ดั่งบัวบูชาถวายใจ เกิดมากี่ภพชาติวนซ้ำ ย้ำรอยเวียนว่ายมิไปไหน เพรงกรรมนำทางหรือไร นับแต่นี้ไปภาวนา สิ้นรักสิ้นโศกโลกใส สิ้นโซ่สร้อยใจเสน่หา สิ้นลวงบ่วงกรรมพันธนา รอหยาดน้ำค้างฟ้าพรมพรำ เส้นทางสีขาวงดงาม ในท่ามโลกแล้งดินร่ำ ให้หยาดน้ำทิพย์นิรมิตนำ รินธรรมในวันมิ่งมหามงคลสงกรานต์...! ........................................ สงกรานต์..สิ้นเสน่หา.. http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1618.html http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song11.html (เสน่หา) ยามเช้า...แสนหวาน วันที่ฟ้าใส.. วันแห่งงามใจไทยทุกดวง *วันสงกรานต์* วันแห่งความภาคภูมิปิติใจ ในการร่วมมือรวมใจสามัคคีกันอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีไทย ที่มีมาแต่โบราณกาล ให้หนุ่มสาวไทยทุกวัยวัน ต่างพากันแต่งตัวด้วยผ้าไทยผ้าไหมแสนสวยแสนงาม จากฝืมือภูมิปัญญาชาวบ้านในทุกวิถีทิศ ที่สามารถหยิบจับ มาให้เกิดก่อลายมหัศจรรย์..*หนึ่งเดียวในโลก* ด้วยสองมือหยาบกร้าน..มือชาวบ้านชาวนา มือที่ไร้เพชรนิลจินดา.. มาหมุนเกลียวด้ายมาสาวสายไหม มาใช้เพียงพลังหอมแห่งหัวใจ จากสายใจสายใยรัก... ภักดิ์เพียรมิท้อ..มิพ้อมิพ่าย.. ให้เราได้เสพสุนทรีย์มีผ้าผืนงาม มาวางไว้ในตู้ไว้หยิบดูชื่นชมศรัทธา มาไว้สวมใส่ครอบครองเป็นเจ้าของ ได้จับจองอุดหนุน.. เพื่อเติมต่อตาม.*.ให้น้ำใจ* รักษาวัฒนธรรมไทยอันหอมร่ำด้วยเครื่องแต่งกาย ให้คงไว้เป็นเอกลักษณ์ไทย มิพักสูญหายสลายหล้าลาจากพรากไปในเร็ววัน มาคลี่คลุมกาย มาหมายพาใจให้ได้นวลละมุน ตามแรงรักหอมกรุ่นละมุนละไม อย่างรู้ค่าแรงใจแรงกาย แรงที่ต้องใช้ทั้งพลังสมองแลสองมือ พร้อมพลีหยาดเหงื่อรินพร่าง ถึงจะได้งานงามทอสวยสม..ล้นคุณค่า..เกินกว่าตาแล และ ก่อนที่ เราจะได้หยิบจับ ชมความงามระยับเป็นเจ้าของปองขวัญ เพื่อต่อสายใจสายใยฝันสวรรค์ผ้าไทย รู้ภูมิใจ ในงานงามจากสองมือทอง จากมือแม่ดวงดอกน้ำค้าง จากธารน้ำใจแสนสวยใสของมิ่งมิตรน้องพี่ ผู้ที่ถึงแม้คนดีจะมีชีวีชีวิตแสนยากไร้อย่างไร หากได้ฝากงานงามจากใจ ได้ครองจิตใสนวล ได้เติบโตมาอย่างมีหัวใจดวงดีที่แสนอ่อนหวานอ่อนโยน อย่างรู้ละเมียดไม่รีบร้อนเกร็งเครียด ไม่เบียดเบียนใคร ให้คิดผิดแผกแตกต่าง ห่างจากใจมนุษย์เมืองเรืองรุ่งในโลกศิวิไลซ์ ที่ต่างพากันเร่งรีบร้อนไม่ทันใจไปเสียหมด จนต่างยกโลกให้กับเครื่องจักร ที่นับวันจะสร้างมลพิษ ในทุกสรรพสิ่ง ให้มาลิขิตเสนอสนอง ครองความอยากที่แสนมากมีมากมาย มาสนิทแนบร่างใจให้ใกล้สิ้นไร้ ให้ยิ่ง มิลอยห่างวนพ้นดงกรรมผสานกล้ำลมหายใจไปทุกวันๆ วันนี้.. วันที่ฟ้าไสวลมระรื่น พาให้ใจสาวไทยในร่างงามอรชรอ้อนแอ้น ควงแฟนหนุ่มในชุดหนุ่มโบราณนานที ต่างเดินยินดีเข้าไปสร้างทิพยนิรมิตในดวงใจ ให้ยิ่งสวยใสแสนสดชื่นอิ่มบุญ หนุนนำให้ใจยิ่งฉ่ำเย็น ไปตักบาตรทำบุญ ที่วัดให้น้องพี่ได้พลีจิตอธิษฐาน พี่ชายตักบาตรด้วยข้าว น้องสาวน้องหญิงตักบาตรด้วยของคาวหวาน ในเวลานั้นใจดวงงามดวงขวัญจะได้รับพรจาก พระสงฆ์ที่จะสวดคาถา พาหุง แล้ว.. ช่วยกันยกอาหารคาวหวานไปกราบกรานถวายพระ ขณะพระฉัน ก็ฟังการอ่านประกาศสงกรานต์ ยกมืออนุโมทนา ด้วยพลังใจอิ่มท้นล้นบุญ แล้ว... ก่อเจดีย์ทราย ถวายวัด จะก่อเป็นเจดีย์ขนาดไหน ให้งามสะบิ้งสะบัดทิ้งทวนปักธงอย่างไรก็ได้ ตามแต่กุศลจิตคิดดีคิดเพียรให้เวียนวนกลับวัด ซึ่งจะเป็นประโยชน์ ให้ได้ใช้ในการก่อสร้าง เป็นกุศโลบายจะได้เหลือทรายไว้ถมพื้นที่ เป็นเรื่องที่น้องพี่จะได้ ทำบุญและสนุกสนาน แล้ว พากันไปปล่อยนกปล่อยปลา เป็นการทำบุญเพื่อแสดงความกรุณาต่อสัตว์ ตามมาด้วยการสรงน้ำพระ มีทั้งสรงน้ำพระพุทธรูปและภิกษุ สามเณร เพื่อความเป็นศิริมงคล ในโอกาสขึ้นปีใหม่อันเป็นเวลาที่อากาศร้อน แล้วกลับไปรดน้ำผู้ใหญ่ เพื่อพลีใจแสดงคารวะ ด้วยความเคารพนับถือ นำผ้า ๑ สำรับ คือ ผ้านุ่ง ๑ ผืน ผ้าห่ม ๑ ผืน มอบให้ท่านพร้อมกับ ดอกไม้ธูปเทียน ขอพรท่าน ให้ท่านให้ศีลให้พร ให้มีความสุขปีใหม่ ตั้งแต่วันสงกรานต์เป็นต้นไป แล้วทำบุญอัฐิ นิมนต์พระ ชักบังสุกุลอัฐิของญาติที่ล่วงลับไปแล้ว แล้วอุทิศส่วนกุศลให้ โดยนิมนต์พระไปยังสถานที่เก็บหรือบรรจุอัฐิ หรือถ้าไม่มีอัฐิ จะเขียนชื่อผู้ที่ล่วงลับไปแล้วก็ได้ เมื่อบังสุกุลแล้ว ก็เผากระดาษแผ่นนั้นเสีย แล้ว มาสาดน้ำ เป็นการสนุกสนานรื่นเริง ใช้น้ำสะอาดมีน้ำอบน้ำหอม หรือแป้งหอมผสมบ้างมิร้างรัก มีเวลาก็ดู.. การแห่นางแมว เพื่อขอฝนในวันรื่นเริงเถลิงศกใหม่ เพื่อขอโชคชัยดับความแล้งไร้ ซึ่งเป็นเรื่องสนุกสนานรื่นเริง แต่ก็แกมแถมหวังผลในทางเกษตรกรรมด้วย... และ ในวันนี้หลังเสร็จทุกพิธีการ ในเส้นทางธรรม..ธรรมชาติ เส้นทางทองทาบอาบรวงเรียว..นาข้าวเขียวไสว เส้นทางสายใต้... ที่ทอดตัวคดเคี้ยวเลี้ยวลัดเลาะราวงูเลื้อย เลียบขนานไปตามสองฟากฝั่งทะเลใต้แสนงาม นาม...อันดามัน...และอ่าวไทย ที่มากมายเกาะแก่ง แหล่งท่องเที่ยวมากมาย ที่มาตรแม้นจะดีจะร้าย.. เพิ่งพ้นผ่านธรรมชาติฝากพิโรธฝากสอนบทเรียนไว้ หากแดนดินถิ่นนี้ ก็ยังมีมนต์ขลังให้ฝากฝังสวาทหวามเสน่หา ยังเต็มไปด้วย.. หาดทราย..สายลม..แสงแดด...เกลียวคลื่น..น้ำทะเลเขียวมรกต ที่แสนงดงาม ในท่ามทะเลสีทอง สายฝนพร่างหอมห่มพรมพรำเกือบตลอดปี ให้สวนยางที่สูงไสว เรียงเป็นระเบียบ.. ราวปราการไพรปราการแรงแห่งรัก ที่เพียรเฝ้าเททุ่มอุ้มชู ให้ได้หยัดยืนฝืนร้อน..สอนใจ ให้เราชาวสวนชาวไพร ได้พากันเรียนรู้สัจจะแห่งความอดทน น้ำยางข้นคือเลือดน้ำแรงแห่งรักจากแรงกายภักดิ์พลี ที่เฝ้าทนทะนุถนอมฟูมฟักตั้งแต่แตกช่อกออ่อน ได้สอนได้บอกถึงความกตัญญุตา ไม่ว่ากับคนหรือต้นไม้หากเราให้น้ำใจรักทุ่มเท เพียรเฝ้ากล่อมเกลิ้ยงดูแล... ไม่ช้านาน... ก็จะพากัน.. ผลิบานแตกช่อกอกตเวทิตาคืนกลับ..แด่โลกงาม และแด่เจ้าของคนดี ที่ยอมอดหลับอดนอนมานานปี สู้ยอมตื่นมากรีดเลือดรักจากยางใหญ่ ที่ยอมสละเลือดจากลำต้นไพรให้คนไทยได้ส่งออกได้มีกิน ................ .............. รถสปอร์ตสีแดง... วิ่งมาด้วยความเร็วพอประมาณ ตามเส้นทางสายธรรมชาติ ที่ยามนี้ สายแสงทองยามตะวันอรุณรุ่ง กำลังอาบไล้ทาบทาไปทั่ว..นาข้าวเขียวไพลราวแพรพรม.. ที่กล้าห่มหอมไปทั่วทั้งท้องนาไกล ดูราวดรุณียังเยาว์วัยแรกรุ่น ..ละมุนนวล เจ้าของรถค่อยๆประคองรถให้ค่อยๆช้าลง...ๆ เมื่อขับเข้าเขตเมือง น้ำตาลหวานงาม ที่มีตราประจําจังหวัดเพชรบุรีเป็นรูปเขาวัง ผืนนา และต้นตาลโตนด เขาวังหมายถึง เขาที่ตั้งของพระนครคีรีซึ่งรัชกาลที่4 ทรงสร้าง และพระเจดีย์ พระธาตุจอมเพชร นับเป็นเจดีย คู่บ้านคู่เมือง ผืนนาหมายถึง เมืองเกษตรกรรม และความอุดมสมบูรณ์ ต้นตาลโตนด หมายถึง ต้นไม้ สัญลักษณ์ ของจังหวัดจังหวัดเพชรบุรี ใช้ อักษรย่อว่ า พบ คําขวัญของจังหวัดเพชรบุรี เขาวังคู่ บ้าน ขนมหวานเมืองพระ เลิศลํ้าศิลปะ แดนธรรมะ ทะเลงาม และ นี่คือเมืองเพชรบุรีศรีไทยแสนงาม.. ที่เป็นเมืองหนึ่งในดวงใจไทยทุกดวง และเป็นหนึ่งในแผ่นดินธรรมแผ่นดินทองของไทย ที่ควรค่าแห่งการจารึกรัก.. เจ้าของรถวงหน้านวลรูปไข่ผมยาว ที่พันทบเกล้าตลบสูงแล้วเสียบไว้ด้วยปิ่นปัก ยิ่งงามแผกหากพิศร่าง ยามเยื้องย่างก้าวลงมาในผ้าถุงชาวเขาสีดำ เชิงชายแดง และมีลูกปัดเงินแวววะวับปักประดับงามตามขอบริม.. เธอ.. ค่อยๆลงจากรถมาพร้อมหูแว่วบทเพลงแสนหวาน ........................................................ เพชรบุรีศรีไทย.. บุรีเอยบุรีรมย์ เรือง โฉมเอยโฉมเมือง งามประเทืองเรืองฝัน พริ้งพราวราวพรหมภินันท์ เพชรบุรีรัมย ์ลอยฟ้ามาสู่ ดิน พร่างเพชรพลอยแพร้ว สมแล้วเมืองปราณวิมานถิ่นถวิล เลิศบุรินทร์ เลื่องลือระบิลสินไพร เพชรเอ ยเพชรบุรีศรีไทย แผ่นดินแดนใจของผองไทยทั่วกัน บุรีเอ๋ยบุรีโอฬารรักเคยสําราญ แก่งกระจานธารใส วิมานสถานชั้นใด เพชรบุรีให้ เราไว้ในอุรา พร่ างเพชรพลอยแพร้ว สมแล้วเมืองปราณตาลนํ้าตาลหวานซ่านดินฟ้า ใครได้ มา จากไปโศกาซมซาน เพชรเอ๋ยเพชรบุรีศรีไทย แผ่นดินแดนใจของผองไทยทั่วกัน บุรีเอ๋ยบุรีรมย์ ราย พระเคยเยื้องกราย เดินหาดทรายสนาน เขาหลวงเป็นสรวงสําราญ เขาวังเป็นบ านสถานสถิตองค์ พร่ างเพชรพร้อมพริ้ม แย้มยิ้มยวนใจ ทักทายขวัญให้ โลมหลง ลืมไม่ ลง ไม่ ตายแล้วคงพบกัน เพชรเอ ยเพชรบุรีศรีไทย แผ่นดินแดนใจของผองไทยทั่วกัน ......................................................................................... เธอ..คนดี.. จึงลงมาหยุดยืนนิ่ง ทิ้งใจฝันฝัน กับเงาตาโศกราน หวานเศร้าดายเดียวราวน้ำผึ้งรวง ที่ราวรอร่วงหยาดสายหวาน ปานประหนึ่งจะรอปลอบประโลมโลกย์หล้าแลฟ้าดิน เธอ..ยิ่นนิ่งนาน ใต้ร่มเงาต้นตะแบก แบกพราวดวงดอกดก ที่ไล่โทนสีชมพูพริ้งพราย ขาวนวลแกมม่วงหม่น จนถึงปลายพวงกิ่งทิ้งช่อพ้อลมพร่างไสว และ.. ในคลองตา.. คือคูนเหว่ว้าเหลืองพราวราวสายฝนสีทอง ที่กำลังอวดดอกเหลืองไสว สดกระจ่างในท่ามเขียวไพลไปทั้งสองฟากฝั่งถนน ให้น้ำนัยน์ตาเธอเริ่มซึมซึ้งวะวับวาวด้วยคิดถึงใครบางคน ในกมลลึกลึกในรำลึกแห่งบึ้งใจเธอ ที่กำลังเกิดนิรมิตกระจ่างใส จากจิตภายในใจดวงแสนงามของเธอเอง คูนไสว..สว่างพร่างพราว... ราวธรรมชาติ กำลังอยาก กระซิบฝากบทเรียนสอนสัจจะใจสัจจะจริงทิ้งสัจจธรรมไว้ให้ ให้ทุกดวงใจไหวรู้รำลึก รู้สึกว่า... ธรรมชาตินี้หนา ช่างแสนมากมีมหัศจรรย์แห่งรัก..พลังแห่งรัก ที่... สามารถสร้างสรร..สีสัน มารับขวัญพลีกำนัลแด่โลกและมวลมนุษยชาติ ให้พิลาสพิไลในทุกสรรพสิ่ง ให้ได้พึงพิงพึ่งพา โอบอ้อมเอื้อหล้า ด้วยพลัง...แห่ง..ดิน..น้ำ..ลม..ไฟ พอเหมาะพอดี..ที่จะมีชีวิตรอด พร้อมประทานพร.. มอบดวงตาแสนงาม ให้รู้รับรสสดฉ่ำสล้างนาม *สุนทรีย์ธรรม ธรรมชาติ* อย่างแสนน่าอัศจรรย์ใจ.. อย่างแสนยิ่งใหญ่..อย่างแสนงามเสียเหลือเกิน! ธรรมชาติให้สีแก่ดวงดอกไม้ ให้สายธาร..ระรินร่ำ ให้สายฝนพรำพรมห่มห้วยหนองคลองบึง ท้องไร่ท้องนา ทั่วฟ้าทั่วเมืองทั่วพงพฤกษ์ไพร ให้ปีกนกไพรผกโผผินเหิรบินบนฟ้าได้ ให้อากาศหนาวร้อนฝน ผ่อนคลายกลายฤดูคู่ฤดี ให้มีรักคู่ชีวีชาวโลกลบโศกเหงาเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย ให้มวลดอกไม้แมลงได้แสร้งชมดอมดมผสมพันธุ์เกสรสล้าง สร้างดอกดวงใหม่ มิให้โลกแล้งไร้กลายเป็นทะเลทราย ให้น้ำมันกำนัลแดนเผ่าที่ขาดแล้งน้ำเพื่อตามเติมชดเชย ให้หมอกเหมยราวเรียวรุ้งเมืองหนาวร้อนได้อ่อนหวานอ่อนโยน ให้ห่อหุ้มโลกไม่เพิ่มโศกร้อนจนมากไป ให้ลมหายใจ มวลมนุษยชาติ ได้อากาศบริสุทธิ์ที่พอเหมาะพอดี ให้ไฟคือ..พระอาทิตย์สีแดง ดวงแรงร้อนสอนพลังธรรม ธรรมชาติอันแสนยิ่งใหญ่ ให้ทุกดวงใจยังมีพลังหวังหวาน ตื่นมารับสายแสงแสนงามราวเรียวรุ้งยามอรุณรุ่งทอประกายจรัส เพื่อเริ่มต้นนับหนึ่งกับปัจจุบันขณะ.. เริ่มต้นชีวิตใหม่.. หากใครทำผิดพลาดไปมิอาจหวนไปในอดีตเรียกคืนมา.. ที่.. ไม่ว่าจะพบเศร้าร้าวรานในอดีตสักแค่ไหน ก็แค่กาลเวลาที่ผ่านมาผ่านไป ที่สอนความไม่เที่ยงแท้แน่นอน ทุกเหตุปัจจัยที่ไม่เคยมีวันคงที่คงทน ให้เราทุกดวงกมล คนในธุลีหล้าได้ตระหนักว่า *เรามวลมนุษย์หาได้ยิ่งใหญ่กว่าธรรมชาติไม่!* เพราะ.. ไม่ช้านาน..ร่างรานใจร้าวอย่างไรก็ต้องถึงกาลแตกดับ.. คืนกลับลงสู่พสุธา.. หาก...ทว่า ดวงสุริยันแลจันทรา จะยังคงเยือนแย้มหล้าฝากงามไปนานแสนแสนนาน.. ยากที่ใครจะมาดับดวงได้ แม้มากมีบารมีเงินตรามากองไว้จนท่วมพสุธา.. ก็อย่าหวังเลย...!!! .......................................... ........................................... ติดตามภาคสองค่ะ นางเอกล่องไพร..ไปพบกับ...อะไร..ใครกันละหนอ..รออ่านนะคะทุกดวงใจ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song11.html (เสน่หา) ความ รัก เอย เจ้า ลอยลมมาหรือ ไร มาดลจิต มาดลใจ เสน่-หา รัก นี้จริงจากใจหรือเปล่า หรือ เย้า เราให้เฝ้าร่ำหา หรือแกล้งเพียง แต่แลตา ยั่วอุรา ให้หลง ลำพอง หื่อ ฮือ ฮือ ฮื้อหื่อ ฮือ ฮือ ฮือ ฮื้อ ฮือ ฮือ หื่อ ฮือ หื่อ ฮือ ฮือ ฮื้อหื่อ ฮือ ฮือ ฮือ หื่อ ฮือ หือ ฮือ ฮือ ฮื้อ สง สาร ใจ ฉันบ้าง วาน อย่าสร้าง รอยช้ำซ้ำเป็นรอยสอง รักแรกช้ำ น้ำตานอง ถ้าเป็นสอง ฉันคงต้องขาดใจตาย หื่อ ฮือ ฮือ ฮื้อหื่อ ฮือ ฮือ ฮือ ฮื้อ ฮือ ฮือ หื่อ ฮือ หื่อ ฮือ ฮือ ฮื้อหื่อ ฮือ ฮือ ฮือ หื่อ ฮือ หือ ฮือ ฮือ ฮื้อ สง สาร ใจ ฉันบ้าง วาน อย่าสร้าง รอยช้ำซ้ำเป็นรอยสอง รักแรกช้ำ น้ำตานอง ถ้าเป็นสอง ฉันคงต้องขาดใจตาย...
เหนื่อยล้าแลทดท้อ เพียงรอคืนเรือนเจ้าคุ้มขวัญ จักกี่ปีกี่เดือนนานนิรันดร์ จักกี่ฝันลอยลาพรากฟ้าไกล เดียวดายหมายใดไม่สม ลมลมลวงลวงหวั่นไหว ลำพังหนาวเหน็บดวงใจ หรือไรสิ้นเมตตาจากฟ้าดิน ภาระหน้าที่พลีภักดิ์ แด่ทุกที่รักถวิล ปลดปล่อยโซ่ตรวนให้สิ้น ระรินน้ำตาบูชายัญ เหลือเพียงร่างใจใสว่าง ร้างไร้ผู้ใดแม้นในฝัน เพียงงามเงียบในดวงจิตนิจนิรันดร์ เป็นมิ่งขวัญประดับหล้า...ก่อนลาไกล..ไปชั่วกาล.. ..........................................
เรือชีวิตท่ามทะเลโลกย์โศกมืดมิด ดาวลิขิตหม่นแสงทุกแห่งหน ฟ้ารินร่ำหยาดน้ำตาดั่งทุกข์ทน ท่ามทะเลคนวนว่ายคล้ายคล้ายกัน ให้ธรรมะดั่งเข็มทิศชีวิตหนึ่ง พาจิตซึ่งสะอาดใสไปสู่ฝัน สู่แดนดินงามว่างเป็นนิรันดร์ ตราบชั่วกัลป์อย่าผูกภพจบชาตินี้ พบรักรู้ทุกข์เห็นธรรม เพ้อพร่ำเพียงหมองเพียรหนี ชีพสั้นวันเศร้านะคนดี คือชีวีชีวาน่าหน่ายนัก กี่ครั้งคราวหนาวร้อนมารานรุก กี่ทุกข์สุขสอนสัจจะให้รู้จัก กี่วิปโยคโลกสะเทือนนะที่รัก ให้ประจักษ์จิตกระจ่าง..เลือกทางใด...!
โมกค้อมดวงร่วงพรูพร่าง ยามฟ้าสางอวลกลิ่นมิสิ้นสาย ดวงดาราสุกใสบนฟ้าพราย เดือนเสี้ยวรายแสงพร้อยลอยคว้างดวง ธรรมชาติอวดงามนิยามรัก มาทายทักทุกทิวาที่ลาล่วง สอนสัจจะความยิ่งใหญ่เหนือใดปวง เกินกว่าบ่วงมายาพันธนาชีวิต สุดแต่ใจใครเล่าจะแลเห็น คงจะเป็นเช่นนี้อัญมณีจิต เพรงพรหมชะตาใช่นำพาเพียงชีวิต เรามีสิทธิ์เลือกหนทางสว่างไป เป็นเส้นทางสายธรรมทองที่ทอทอด ลบมืดบอดจากโซ่กรรมทำหวั่นไหว เพียรอธิษฐานภาวนาสงบใจ พบไสวเย็นพร่าง ณ กลางจิตนิจนิรันดร์...! .......................