7 ตุลาคม 2551 22:26 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song161.html
(เพ้อ)
....................
แด่แผ่นดินอันแสนงดงาม
...........................
เช้าที่แดดทอสวย...
กับ..
ทางลูกรังเล็กๆ....
คดโค้งที่ทอดตัวสู่เส้นทางชนบทสายงาม
เส้นทางที่ขึ้นเนินและเลาะเลียบไต่ตามภูผา
กำลังพาผมเข้าสู่..กระท่อมเชิงเขา
กับพริ้วลมแสนหวานฉ่ำจากสายลมป่าที่ช่ำปอด
ราวมีละอองฝนปรายปนมา
ราวกับว่าหัวใจของผมนะนาทีนี้
กำลังได้รับละอองเย็นจากสายวสันต์อันแสนรื่นร่ำปลอบประโลมใจ
เป็นเช้าวันหยุดที่แสนสดใส
ฟ้าสีครามงามเข้มเต็มผืนกระจ่าง
มีเพียงมวลหมอกเมฆ
บางเบาราวขนนกลอยประปรายประดับให้นวลนภา
พาให้หัวใจผมแสนสงบสุขเงียบงามอย่างเหลือเกิน
..........
ผมตื่นมาตั้งแต่ยามฟ้าสาง
ได้ยินเสียงนกดุเหว่าร้องตู้วู้ๆๆๆ
ปลุกให้รู้ว่าฟ้าเริ่มสว่างรำไรๆแล้ว
ให้..ทุกผู้คน..ขยันออกหากินแต่เช้าตรู่
อย่ามัวเอาแต่นอนคุดคู้
ให้เอาเยี่ยงอย่างนกกาบ้างท่าจะดี...
และ...
สำหรับ
ผม..เตรียมจัดข้าวของเครื่องใช้ไม่กี่ชิ้น
กับของกินไม่กี่อย่าง..ที่จำเป็น
เพื่อเตรียมตัวเดินทาง
ไปใช้ชีวิตสักสามสี่วัน
ใน..กระท่อมเชิงเขาใกล้เงาลำธารฝัน..
ที่ดินที่ผมแผ้วถางซื้อเตรียมรองรับเอาไว้..
ยามผมเหนื่อยล้า
ยามที่ผมเบื่อสังคมเมืองเสียเต็มประดา..
หากทว่า..
ยังต้องประกอบหน้าที่การงาน
ที่ยังรัดรึงตรึงร่างผมไว้ด้วยความจำเป็น
กระท่อม..เชิงเขา
ที่ผม..มาใช้ชีวิตลำพัง
บ่อยครั้งเสียเหลือเกิน
ราวเป็นที่ซุกซ่อนหลบเลียแผล
จากความเป็นโรคแพ้เมือง และผู้คน
เพื่อจะหลุดพ้นทางจิต ให้มีอิสระ
แม้ใครๆอาจจะคิดว่าช่างน่าเงียบเหงาว้าเหว่
ที่มาใช้ชีวิตดายเดียวราวฤาษีชีไพร
ในราวป่าที่ห่างไกลแสงสี
มีเพียง..
เสียงดนตรีไพร..
จั๊กจั่นจิ้งหรีดกรีดร้องประลองเสียงเคียงประโลม
หากคือความคลี่คลาย รู้สึกดี
กับทุกนาทีที่ได้นอนใต้ร่มไม้
ริมลำธารสายเล็กๆและเฝ้าดูดอกไม้ป่า
หลากสีสัน
พากันปลิดปลิวละลิ่วลอยมากับสายน้ำอย่างช้าช้า
พร้อมได้ยินเสียงสายน้ำไหลซอนเซาะอย่างแผ่วเบาขับกล่อม
ในยามนั้น
ผมจะ...
หลับตานิ่งนิ่งเพียงอย่างเดียว
วางทุกเรื่องราวไว้ภายนอกใจ
ให้จิตภายในเพียงผสานรับกับทุกสรรพสิ่งเป็นธรรมชาติ
ราวกับว่า...
ผม..กำลังว่ายวน..
เป็นผีเสื้อไหวร่างไปตามลำเนาไพร..
ท่องไปในแดนดินสุดหล้าฟ้าฝัน...
กับเรียวรุ้งอันแสนตระการหวานนวล..
ผม..
ดีใจที่ตัดสินใจซื้อที่ดินผืนนี้ไว้
ราวกับรู้ว่าโลกเล็กๆที่นี่
คือที่ที่เหมาะกับชีวีชีวิตผมอย่างที่สุด
ในทุกโมงยาม ..
ผมรักผืนดินทองในคลองตายามขับรถผ่านมา
รักไร่นาเขียวเขินเนินไศล
ที่กำลังไสวรวงเรียว
รักพฤกษ์ไพร
ที่กำลังห้อมห่มด้วยสไบใบไม้หลากสีสัน
ทั้งเขียวส้มอมน้ำตาลทอง
ที่พากันผลัดใบไหวระยับ
ราวถูกสาดสลับสีด้วยฝืมือธรรมชาติให้แสนสวยสงบงาม
ในท่ามความห่างไกลเมืองศิวิไลซ์
เป็นฉากยิ่งใหญ่
ที่ผู้สร้างคนใดผู้กำกับมือทองก็ต่างต้องยอมแพ้
ยิ่งยามตะวันลา
ยามฟ้าโพล้เพล้เริ่มเปลี่ยนสี
ให้เวทีฟ้าแสนจรัสเจรือง
ด้วยสีส้มอมชมพูพรายพร่าง
ที่กำลังสร้างความรู้สึกแสนหวาน
ออดอ้อนอาลัยอ้อยอิ่ง..อำลาแผ่นดิน
ที่ราวสะบัดสะบิ้งทิ้งแสงรักเอาไว้นะเบื้องหลัง
ผ่านลานดอกไม้สยายกลีบชันชูช่อ..นับล้านดอกดวง
ผ่านกอบัวล้วนถ้วนหล้าหลากสีหลายพันธุ์
ผ่านดงดอกหญ้าอันไหวเอนโอน
ราวพากันร้องเพลง
หยอกล้อพ้อพร่างกับสายลมราวแพรหมอก
หรือ
ที่กำลัง..กระซิบบอกลากับท้องทุ่งนาดงตาล
กับทะเลงาม อาบสายแสงราวทองทาบทา
และ...
กับ..
ทุกธุลีหล้าในผืนดินแผ่นดินธรรมแผ่นดินไทยนี้
ที่คือความงาม..อย่างยิ่งใหญ่
เหนือจิตรกรใดจิตรกรรมใดจะเทียมเท่าถ่ายทอด
ได้งามออกมาอย่างหมดจดใจ..
มีเพียง
หัวใจดวงใสดวงนวลดวงเนียนเท่านั้น
ที่จะซึมซับประทับงามไว้ได้ในซอกส่วนลึก
ผนึกเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณ
ที่คือแค่เราผ่านมาทายทัก
ได้พิงพักโอบเอื้อ..รู้ค่ารักรักษ์ธรรม ธรรมชาติ
อย่างมิหยาบไร้ฉาบฉวย
มาผลาญพล่าทำลายให้แหลกราญเป็นผุยผง
ลงในชั่วพริบตา
มิทันผ่านตาไปถึงลูกหลานเหลนโหลน..ภายหน้า..
ช่างน่าแสนเศร้าโศกสะเทือน..เสียเป็นยิ่งนัก..
ผม..กำลังใกล้จะถึง
*กระท่อมริมเชิงเขาเหนือเงื้อมเงาลำธารฝัน*เข้าทุกทีแล้วนะครับ
ตามผมมาสิ
ผม...
จะพาไปพบกับความสุขแบบเรียบง่าย
หวัง...
คุณคงอยากชิดใกล้ตามติดมานอนเคียง
ริมลำธารสายหวานใสราวกระจก
มาฟังเสียงนกไพรเพ้อละเมอหาคู่
มานอนนับดาวพรูพร่างฟ้า
ราวกับมือนางฟ้ามาหว่านโปรยกำนัลมอบแด่คุณเพียงผู้เดียว
มาลองนอนเปลี่ยวเหงาฟังสายน้ำระริน
ดูนกไพรโผผินยามสายัณห์
ดูฟากฟ้าฝัน
กับ..
พรายพระจันทร์แสนหวาน
ที่รอหยาดสายธารน้ำผึ้งรวงให้หอมรินสู้ห้วงหอมใจ
มาดูปวงดอกไม้ไพรดอกไม้ป่าร่ายฟ้อน
อ้อนให้คุณซึ้งค่าความงามเงียบ...เงียบงาม..อย่างดายเดียว..ลำพัง
ว่า..งามนั้นจะตราตรึงจิต....
ให้...ชีวิตคุณ.แสนสุขซึ้งสักปานใด..
มาตรแม้นหัวใจจะไม่มี..คนรัก..เคลียคลอ..คลอเคียง..แม้สักคน!
......................
ติดตามตอนต่อไปค่ะ..
ในวิถีชีวิตพระเอกกับ
แสงตะเกียง ..เคียงหัวนอน
กับการเฝ้าดูไก่ฟูมฟักออกไข่เหลืองนวล....
.....
.......
ตามไปใช้ชีวิตงามเงียบเรียบง่าย
ในกระท่อมเชิงเขาในเงาลำธารฝันกันค่ะ
...............................................................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song161.html
เพ้อ...
เห็นลมละเมอเพ้อหวาดผวา
เห็น ฟ้า พะวงหลงโทษโกรธดิน
เห็นสายน้ำหลาก สาดเซาะ แก่ง หิน
เห็น พื้น ดิน แยก แตกเพราะถูกรอยไถ
เห็นใบไม้ครวญหวนอยู่ริมธาร
เห็น ศาล เพียงตาแล้วข้าปวดใจ
เห็นแสงเดือนส่อง ยิ่งมอง ใจหาย
เห็น เธอร้อง ไห้ ช้ำใจเพราะใครเขาทำ
เธอ ช้ำใจเพราะถูกใครลวง
บอกกับฉันอย่ามาหวง ใครลวงให้เธอชอกช้ำ
บอกฉันสักหน่อย อย่าปล่อยให้ใจระกำ
เธอร้องไห้เพราะใครเขาทำ
เธอช้ำเพราะใครหรือเธอ
เห็นเธอระทมขมขื่นตื้นตัน
แล้ว ฉัน ยิ่งตรมขมขื่นกว่าเธอ
ฟ้าสิ้นดินหล่น ขาดลม แรงเพ้อ
หาก ใคร แกล้ง เธอ ฉันนี้ จะยอมตายแทน
เห็นเธอระทมขมขื่นตื้นตัน
แล้ว ฉัน ยิ่งตรมขมขื่นกว่าเธอ
ฟ้าสิ้นดินหล่น ขาดลม แรงเพ้อ
หาก ใคร แกล้ง เธอ ฉันนี้ จะยอมตายแทน...
........
4 ตุลาคม 2551 20:56 น.
พุด
โลกอดีตงดงามยามรำลึก
งามรู้สึกงามกุลสตรีมากมีค่า
งามน้ำคำงามน้ำใจเกินพรรณนา
งามจรรยาละมุนละม่อมหอมงามใจ
ดั่งดอกไม้มณีเป็นศรีชาติ
สวยสงบสะอาดบริสุทธิ์ใส
รู้รักษาวัฒนธรรมละเมียดละไม
รู้ประคองใจใฝ่ธรรมนำชีวิต
ร้อยมาลัยดอกพุดซ้อนมาวอนหวัง
กระซิบสั่งอย่าหลงโลกย์เศร้าโศกจิต
สร้างคุณค่างามภายในนะมิ่งมิตร
นิรมิตดั่งทองแท้อย่าแพ้ภัย
งามดวงใจเพชรพรายหมายดับโศก
ฝากให้โลกตราจำน้ำค้างใส
มากเมตตานวลมณีแห่งพงไพร
ก่อนสายไปสิ้นแสงตะวันฝากฝันงาม...!
29 กันยายน 2551 22:22 น.
พุด
วสันต์ในสายหมอกหยอกนาข้าว
วันที่ฟ้าฉ่ำพราวด้วยม่านฝน
นกในดวงใจไหวหวานในกมล
ซึ้งเสียจนอยากกระซิบถึงคนดี
นานเท่าไรแล้วหนาฟ้าสีโศก
โลกทั้งโลกเหน็บหนาวเศร้าปานนี้
เพราะหลงทางขวัญคว้างร้างฤดี
หวังคงมีใครสักคนบนทางใจ
เศร้าลำพังลึกลึกเกินนึกนับ
กับการรอสายน้ำวนกลับเริ่มต้นใหม่
วันที่ดวงดอกไม้หวานหอมมารำไร
วันที่เจ้านกไพรหวนคืนรัง
ตราบสายนทียังระรินร่ำ
งามบานฉ่ำจันทร์พูนดวงมิสิ้นหวัง
ดวงตะวันยังรักฟ้าฝากพลัง
ประดุจดั่งใจดวงนี้ที่เฝ้ารอ.....!
วันที่ฟ้าพรายฝนหล่นร่วงบนรวงข้าว
วันที่ใจเหน็บหนาวราวเพลงฝน
วันที่ฟ้าฉ่ำสวยลมพัดวน
วันที่ดวงกมลอยากซุกซบอ้อมอกเธอ....
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song336.html
ปีศาจวสันต์
เรา จากกันวันนั้นยังจำ
จากกันวันนั้นฝนพรำ
พรางม่านกรรม คล้ำครึ้มคลุมเวร
ลมครางฝนครวญ ไพรสั่นชวน รวนระเนน
ความกดดัน ขั้นเดน เหมือนจะเค้น ฆ่า กัน
เรา จากกันวันนั้นนานมา
แต่เมื่อวสันต์ลีลา ฤาสร่างซาฝนฟ้าฟูมฟาย
ฤดู ฤดี มันไม่มี วันคืนวาย
มันสาปใจ สาปกาย คล้ายมนต์ร้าย พรายผี
ผี วสันต์ มันหลอก มันหลอน
ปีศาจวสันต์วันก่อน ยังสังวรณ์ เวรนี้
ฟัง โถฟัง ฟังฝนตกซี เหมือนนรกตกตี
ย้ำ ขยี้ ใจ ตรม
ไป จากไป ไปแล้วไปเลย
อย่ามาชวนชิดชวนเชย
ปีศาจเอย ร้างเลยอารมณ์
ลมมา ฝนมา จงอย่ามา พาระทม
เพียงโศกทราม เศร้าซม ฉันจะล้ม ตายแล้ว...
15 กันยายน 2551 14:17 น.
พุด
นำดอกไม้หวานละมุนดอกหอมหอม
อีกทั้งพวงพะยอมในราวป่า
วางประดับในอ้อมใจทุกดวงชีวา
วันที่ฟ้าไทยเศร้าหนาวฤดี
หมายปลอบขวัญเห็นเป็นธรรมดาโลก
อย่ารานโศกทุกข์เรื่องราวเช่นวันนี้
กี่ครั้งคราฟ้าสีทองยังผ่องพรายในธาตรี
รอวันที่ดอกประชาธิปไตยผลิเบ่งบาน
มากระซิบคำหวานลบรานเศร้า
หลังเหน็บหนาวในดวงจิตคิดสร้างสาน
ใช้สติมีปัญญาเป็นกรรมการ
หวังไทยผ่านเรื่องร้ายหมายผดุงธรรม
วันนี้แม่พระคงคาบ่าพิโรธ
รอลงโทษคนไทยใจระส่ำ
หากไม่เทิดคำพ่อหลวงมาน้อมนำ
โลกมืดดำรอวันสิ้นชาติเพราะขาดสามัคคี...
.....................
15 กันยายน 2551 13:04 น.
พุด
เธอคือความสงบงามในยามยาก
ที่ขวัญฝากดวงจิตสนิทหวาน
ระหว่างเราดวงดอกรักเพิ่งแย้มบาน
ทิวาฝันราตรีผ่านนานเนารัก
ท่ามทุกข์ทนทุกหย่อมหญ้าฟ้าสีโศก
โลกทั้งโลกยังอวลอุ่นด้วยความภักดิ์
เกี่ยวก้อยกันฟันฝ่าพายุหนัก
ซึ้งประจักษ์สร้างสรรดีพลีแด่กัน
ด้วยเข้าใจในชีวิตที่แสนสั้น
จึงแบ่งปันก่อนชีพลับดับสิ้นฝัน
เพียงภาคภูมิฝากซึ้งค่านิจนิรันดร์
หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวศรัทธาใจ
ดั่งดวงจิตชีวิตหนึ่งไร้ยึดมั่น
เป็นมิ่งขวัญมิ่งมงคลส่องไสว
นำทางรักนำทางฝันทุกดวงใจ
ก่อนลาไกลเพียงฝากไว้ให้โลกงาม....