งดงามในยามนึก ล้ำลึกดื่มด่ำทุกคำหวาน ในเส้นทางสายรุ้งดอกไม้บาน ทิวาวารตราตรึงซึ้งใจจำ ราตรีที่ดารารายพรายดวง เรียวรวงริมทางพิรุณร่ำ ดวงดอกหญ้าสีทองเริงระบำ รับแสงก่ำยามอาทิตย์สนธยา ใบไม้ป่าสอดสีซ้อนสลับ กระท่อมทับงามเงียบในเงาฟ้า เสียงเรไรหรีดหริ่งกล่อมวนา หนีมายาเมืองลวงหอมปวงไพร น้ำพุร้อนในอุ่นอวลสายลมหนาว ทิ้งเรื่องราวร่างรานเคยหวั่นไหว หลับตาลงผสานจิตยามฟ้าไพล สุขเกินใดกับวันดีที่เลือกเดิน....
หลับตาคิดนึกลึกซึ้ง คำนึงสิ่งใดในฝัน ดำรงลมหายใจวัยวัน ธำรงขวัญมหัศจรรย์ชีวิต ภาระกิจเมตตาหน้าที่ ปรารถนาดีพลีให้สายธารจิต ก่อนพรากลาสู่แดนธรรมนิมิต ว่างสถิตตราบนิจนิรันดร์กาล อันคือสวรรค์สว่าง พร่างพราวดาวดวงดอกไม้หวาน ปาริชาติทองผลิผ่องตระการ ไร้รานไร้ร่างกระจ่างกมล ภาวนาสงบลบลืมโศก สละโลกย์สร้างบุญสร้างกุศล รัตนมณีคล้องทรวงคุ้มค่าคน หว่านดอกผลให้ชูช่อกลางกอใจ สอนสัจจะแด่คนดีที่รายล้อม ให้ห่มห้อมหอมศีลไสว รู้รักธรรมธรรมชาติวิถีไพร อวลอาบไอในอุ่นอกอนันตกาล.....! ..................................... (เพลงต้นทางสวรรค์ ศิลปินชุติมา) ทุกคนเสาะหาหนทางสวรรค์ แต่ไม่พบกันเพราะมองข้ามไป ทั้งที่ต้นทางนั้นแสนกว้างใหญ่ และอยู่ไม่ไกล ใกล้ตัวแค่เพียงนิดเดียว เหมือนมีเส้นผมที่มาบังตา ดั่งคล้ายขอบฟ้าที่มาขวางกัน ให้มองไม่เห็นถึงความเฉิดฉันท์ ต้นทางสวรรค์อันเรืองรอง จงมองด้วยหัวใจที่สดใส หากเห็นรอยยิ้มผู้ใด เป็นรอยยิ้มที่ไม่เหมือนใคร นั่นแหละคือทางผ่านไปสวรรค์ ท่านเป็นพระในบ้าน ที่ลูกต่างมองผ่านกัน มองผ่านท่านทุกวัน จึงไม่เห็นประตูทอง แม่คือพระในบ้าน เป็นดอกบัวบานของลูกทุกคน แค่ธุลีความดีของท่านล่วงหล่น พระคุณท่วมท้นล้นจักรวาล
คือวิมานในม่านหมอก มีดวงดอกไม้ป่าทุ่งหญ้ากว้าง หอมอวลมาในอรุณยามรุ่งราง อุษาสว่างรับหวานชื่นสุนทรีย์ กระท่อมไพรเรียบง่ายหมายฝากฝัน ท่ามนวลจันทร์กระจ่างพรายพร่างสี พสุธาทองให้หยัดยืนสร้างความดี เพาะผลิพลีเมล็ดพันธุ์มิ่งขวัญไทย สายเลือดเราทั้งผองคือน้องพี่ สามัคคีรวมกันคิดทำใหม่ หลอมรวมภักดิ์เทิดพ่อหลวงเหนือดวงใจ คือยิ่งใหญ่ที่เกิดมาคุ้มค่าคน หอมเอยหอมดวงดอกหญ้าใต้ฟ้าคราม งดงามในท่ามโลกแล้งทุกแห่งหน สยามนามเมืองยิ้มโลกแย้มยล ขอดอกกุศลเกิดในดวงใจไทยทั้งแผ่นดิน......!
ให้อดีตฝันวันร้ายได้ผ่านพ้น ดอกเสรีบานในกมลดั่งมั่นหมาย ดวงดอกธรรมบานประดับใจตราบชีพวาย รานสลายโศกลาอย่าอาลัย ดั่งสายน้ำไหลไปไม่วนกลับ ไม่นึกนับเศร้าหมองครองใจใส กับลมหายใจวันนี้ด้วยเข้าใจ ความเป็นไปแห่งโลกนี้ที่มายา สมมุติทุกข์สุขเย็นหนาวร้อน ดายเดียวอาวรณ์เสน่หา น้ำผึ้งพิษหลงจารจิบเติมวิญญาญ์ แท้ไขว่คว้าเพียงเงาช่างเปล่าดาย ให้จิตอิสระพบกระจ่าง พบเส้นทางสายว่างก่อนจะสาย เดินลำพังถึงฝั่งฝันก่อนชีพวาย อย่าวนว่ายวิบากภพจบแค่นี้....จบชาตินี้..!
ท่ามกลาง.. ฟ้าสวยสงบด้วยแสงดวงตะวันยามพลบค่ำ สาดสีส้มอมชมพูทองส่องประกายเจิดจรัส ในเส้นทางสายรุ้งสู่ทุ่งข้าว ดงตาล ยามนี้ดูช่างอ่อนหวานด้วยเรียวรวงระย้าระยับ พลิ้วไหวดั่งแพรไหม เมื่อยามต้องสายลมโบกโบย ฟ้าใกล้ค่ำลงทุกขณะ ในขณะที่มวลหมู่นกกาผกโผผินบินกลับรัง สองข้างทางสะพรั่งด้วยนาข้าว ทั้งเขียวขจี และ บ้างก็ผลิรวงระย้าย้อย..ห้อยเคลียดิน ลึกเข้าไปในเส้นทางสายสงบจะพบ ความบรรเจิดมหัศจรรย์เกินกล่าว ในราวไพรพฤกษ์พงพนา ใบไม้นานาพรรณ สลับสีสัน แดงน้ำตาล เหลือง ทอง ผ่องประกายไปทั่วทั้งทิวเขา ยามกระทบเงาแสงตะวันลา ประหนึ่งดั่งภาพวาดวิจิตรศิลป์ แลไกลไปลิบตา.... พบ.. สายหมอกหยอกเคลียเคล้ายอดผาภู ดูดั่งปราการอันแข็งแรง ทะมึน ฝูงวัวกำลังเลาะเล็มหญ้า อยู่ในแปลงนาหลังฤดูกาลเก็บเกี่ยว แลดูเสมือนภาพวาดในปฎิทิน... และ..ณ ที่นี่ราวสวรรค์บนดิน ที่ไม่จำต้องรอจนถึงวันชีพวาย จึ่งจักได้พบสงบงาม เพราะมีจริง... บนผืนแผ่นดินไทยนี้ ที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเมืองลวง ที่มากด้วยปวงมายาวัตถุ ไม่กี่ร้อยกิโลเมตร จากกรุงเทพ คุณจะได้พบ... เส้นทางสายรวงข้าว ในวันที่... ฟ้าฉ่ำพราวด้วยเมฆฝน พบบึงบัวบาน พบดงตาล ในเส้นทางที่ทอดตัว งามสลัวเลือนลาง ในท่ามอาทิตย์อัสดงลงหลังเหลี่ยมเขา ริมทางดวงดอกหญ้า จะยืนอรชรฟ้อนร่ายระบำ รับแสงตะวันยามอำลา.... กับแสงฟ้างดงามที่กำลังเล่นแสงแปรสี อย่างสนุกสนาน ให้หัวใจของคุณได้พบเอิบงาม สุขเกษมเปรมปรีย์..ปิติ ยามได้แย้มยลเยือน.. เสมอเสมือน ดวงใจหญิงหนึ่ง ที่แสนเงียบงาม ในทุกยามได้ทอดทัศนา ฟ้า..ยังคงเปลี่ยนสีเสมอไป หากมีเวลา จงแหงนเงยเพ่งพินิจดู สีแสงแห่งธรรมชาติฟ้า เราจักพบว่า... ในแต่ละวันวาร... ในแต่ละฤดูกาล ที่ผันเปลี่ยนเวียนผ่าน ไม่มีฟ้าวันใด จะเหมือนกันเลยแม้นเพียงวันเดียว แม้นจัก ดูว่าคลับคล้ายละม้ายเหมือนกัน หากสีสัน ที่สวรรค์ประทาน ย่อมงามแผกแตกต่างพิเศษพิสุทธิ์ ให้มวลมนุษย์ได้เรียนรู้สัจจะ ถึงความจริงแท้ ที่ธรรมชาติเฝ้าเพียรสอน ให้รู้ ให้เห็นธรรมดา ให้ซาบซึ้งค่าว่า ชีพชนม์ชีวิตหนึ่งนี้แสนสั้น แม้นจะจบจากพรากลา คืนสู่ธุลีหล้าเดียวกัน หากทว่า รายละเอียดแห่งชีวิตใครชีวิตมันนั้น ย่อมผันแปรแตกต่าง อยู่ที่ว่า.. เราจักคอยสร้างสาน เส้นทางแห่งชีวีเราให้งดงาม ได้เฉกเช่นไร.... และ.. สำหรับหญิงหนึ่ง... ฟ้าในดวงใจคือ ความโอบเอื้อแบ่งปัน ได้เกิดมาทำหน้าที่..ให้..น้ำใจรัก รู้ภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ด้วยศรัทธายิ่งเหนือสิ่งใด วัน..คืนล่วงเลยผ่านพ้น มีทั้งวันดี วันร้าย มากเรื่องราวผันผ่าน มาสอนให้เข้าใจชีวิต ขอบคุณชีวิต.. ไม่มีอะไรเที่ยงแท้ธำรง.. ในโลกอันมากไปด้วยผู้คน ที่ยังมีรักโลภ โกรธ หลง เป็น.. *ประดุจดั่งแกนกิเลส* ให้เกิดอาเพทภัย ไม่รู้จักจบสิ้น... ปลดปล่อย กงล้อชีวิต หยุดคิด ผ่อนเพลา ให้เบาสบาย ก่อนที่จักถีงเวลา...... ได้หยุดพัก ตราบชั่วนิจนิรันดร....!!!! พายุพัดแรงเฝ้าครวญคร่ำ ฟ้าร่ำพลีแด่โลกโศกเหลือแสน ดวงดอกไม้ปลิดโปรยทั่วดงแดน ดั่งแทนรักแทนใจอาลัยลา ฤดูกาลผ่านมาสอนสัจจใจ มีสิ่งใดเที่ยงแท้เล่าละหนา ทุกข์ทนวนว่ายพันธนา แท้มายาทั้งนั้นราวฝันไป ดั่งน้ำค้างพร่างพรมชั่ววูบ ไล้ลูบกลางกลีบเกสรใส อาทิตย์มาระเหยหายทันใด ราวไม่เคยมีร่องรอย เสมือนเสมอลมหายใจแห่งชีวิต สั้นนิดใช่นานเคลื่อนคล้อย อย่ามัวหลงสิ่งใดหวังใครคอย เป็นมณีดวงหนึ่งในร้อยสร้างโลกงาม...