พี่พุดครับ ทุกเรื่อง และแทบจะทุกคำ ผมอ่าน ที่บอกว่า แทบจะทุกคำ ผมอ่านแบบจับใจความ.... จริงๆ ผมมีหลายเรื่องจะพูด จะเขียน จะพิมพ์ แต่ผมเป็นคนเดียว ไม่อาจทำในหลายๆสิ่งที่ต้องการ... คือ งานที่พี่พุดตอบผมในเรื่องที่แล้ว ผมอ่านแล้วอ่านอีก แต่ผมไม่อยากอธิบายอะไรมากมาย ขอ สรุปเลยแล้วกัน ผมเชื่อว่า ดอกไม้งามคู่ควรกับคนดี แต่ผมเองแค่เห็นดอกไม้งาม แม้หวังจะหยิบมาดมดอมให้ชื่นใจก็ถูกห้าม เมื่อห้ามไม่ให้นำดอกไม้จากต้นๆนั้นมา ผมก็จะไม่เอาหรอกครับ หากทว่า ถ้าผมบอกว่า นำดอกไม้ไปบูชา บางทีผมอาจได้รับค่าจากต้นไม้ต้นนั้นก็ได้.... ผมเองก็ยังเป็นตัวตนของผม ที่มีทั้งดีและชั่วตามประสา หากใครมองผมดีเกินไป ก็อาจไม่ใช่ตัวผม และหากมองว่าแย่จนเกินไป แล้วนั่นคือตัวผมจริงหรอ... จริงๆ ผมไม่น่ามาทำให้บ้านพี่พุด รกรุงรัง จากถ้อยคำที่ไม่งดงาม แต่คนอย่างผมก็ยังเดินตามฝัน ที่เลือนลาง และแบกความหวังจาก พ่อและแม่เอาไว้ รวมถึงพี่ๆ และน้อง ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นผม... ทั้งๆที่ความฝันและความหวังของพ่อและแม่กับผม เดินคนละสาย หากผมไม่เคยศึกษาธรรมะบ้าง ผมอาจไม่ได้มีชีวตถึงปานนี้ ผมเคยคิดว่าถ้าคนอย่างผมต้องตาย จะมีคนสักคนร้องไห้เพราะผมไหม? นั่นเป็นเรื่องที่ผ่านมาในอดีต ใครจะรู้ว่า ผู้ชาย ที่ดูจะมีอารมณ์ขัน คือคนช่างคิดและเก็บกด รวมถึงอดทนอย่างไร้สาระ ที่ผมไม่คิดฆ่าตัวตาย...ทั้งที่ผมไม่ได้ผิดหวังอะไรมาก แต่สภาวะแวดล้อมที่แก่งแย่งชิงดี ทำให้ผมเบื่อหน่าย ผุ้ชายที่โง่เขลาอย่างผม เป็นเพียงแค่ที่รองรับอารมณ์ อาจจะมองผมเป็นแค่เศษสวะ ชีวิตรอบข้างผมแสนจะเครียด........... แต่การฆ่าตัวตาย เป็นบาปมาก เท่ากับ 1 ทำให้พระพุทธเจ้าเลือดห้อ-กรณีพระเทวทัตกลิ้งหิน สะเก็ดถูกข้อเท้า 2 ฆ่าพระอรหันต์ 3. ทำพระสงฆ์ให้แตกแยกสามัคคี 4 ฆ่าพ่อ 5 ฆ่าแม่ ซึ่งผมไม่แน่ใจว่า จำได้หมด หรือถูกต้องไหม? แต่ที่แน่ๆ การฆ่าตัวตายเป็นบาปมากๆ ที่ผมเกริ่นมาบอก เพราะมีช่วงหนึ่งเวลาหนึ่ง ที่ผุ้ชายคนนี้เครียด และกังวลกับหลายๆสิ่ง แต่เพราะผมได้อ่านหนังสือธรรมะอยู่บ้าง แบบนานๆที ผมจึง ยังมีชีวิตอยู่เท่าทุกวันนี้ และผมก็ต้องการเสนอว่า อย่าฆ่าตัวเองเลย.... สามสี่วันก่อน ผมรู้จักน้องสาวคนหนึ่ง ที่รู้จักกันมาเกือบปี เธอผิดหวังและเสียใจกับคนรักบ่อยครั้ง แต่เธอก็มาปรึกษากับผม บ่อยๆ เวลามีปัญหา แต่ไม่นานมานี้ เธอฆ่าตัวตาย ผมจึงเสียใจและสงสารเธอมาก ทุกครั้งที่ผมนึกถึง คนที่เคยรู้จัก คนที่เคยสนิทสนม ผมได้พูดว่า ไม่น่าเลย..และน่าสงสาร เพราะชีวิตหลังความตาย ต้องรับกรรมแสนสาหัส นี่เเหละที่ผมสงสาร ผมเป็นชอบคิดไปเรื่อยเปื่อย ดังนั้น ถ้าไร้สาระก็ขอ อภัยด้วยนะครับ แต่อย่าได้มองว่า ดอกไม้ที่ผมเก็บมานั้น จะต้องเหยียบย่ำซ้ำรอย ตราบใดที่ผมยังไม่ได้ทำ พี่พุดเคยบอกผมเองว่า มองแต่โลกในแง่ดี แล้วพี่พุดไม่มองในแง่ดีล่ะครับ เผื่อพี่พุดจะเห็นอีกทาง ที่มันดีบ้าง.... รักแลเคารพ พี่สาวแสนสวย น้ำใจงาม นามพี่พุด ยอดรักแห่งน้ำ-ไพร ที่หนึ่งเสมอ กวีน้อยเจ้าสำราญครับ น้องชาย...ในสายใจ ฝนกำลังปรอยสาย ในนาทีนี้ ในขณะที่สายตาพาสายใจ ไล่ไปตามตัวอักษรของน้องอย่างตั้งใจ อย่าง.. แสนซาบซึ้ง ในฤดีของพี่พุดอย่างที่สุดแล้ว น้องชาย...ที่รัก แก้วหน้าบ้านกำลังให้หอม ราวอยากฝากกระซิบบอก ข้ามขอบฟ้าไกล.... ไปปลอบประโลมใจน้อง ว่า.. อย่าคิดมาก อย่าอาวรณ์วาดหวัง สิ่งใด.. ทั้งในอดีตที่ลาเลือนลอยลับมิหวนกลับคืน และ.. อนาคตที่ไม่แน่ว่าจักชื่นฤาช้ำ จะพบระกำระทมตรอมตรมสักเพียงไหน น้องรัก.. ยิ้มสิครับผม ยิ้มหวานหวานรับแสงอรุณสีทองที่สาดส่อง มาสอนจิตเตือนใจ ให้ดวงใจเรายังคงปิติเกษมไสว ไม่ยอมท้อแท้แพ้พ่าย.. และ.. ไม่หลงใช้ลมหายใจ ณ ขณะปัจจุบัน ไปกับความหวั่นหวามไหว ที่ไม่มีสรรพสิ่งใดเที่ยงแท้แลแน่นอน ลมแห่งภักดิ์ รักอันละเมียดอันละมุน อันกรุ่นด้วยเมตตาธรรม จักล้ำค่า จงใช้เวลาทุกนาทีแห่งชีวิต อย่างภาคภูมิที่เราเกิดมาในพสุธาทอง ในแผ่นดินแห่งร่มพระรัตนตรัย เป็นคนไทหัวใจทอง ใต้ฟ้าพุทธภูมิ... น้องรัก... น่าปลาบปลื้มเพียงใด ที่เรามีร่มฉัตรเพชรกางกั้น ประดุจดั่งขวัญหล้า ภายใต้ร่มเศวตรฉัตรแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ที่มีพระพ่อหลวงทรงทศพิธราชธรรม มีพระจริยาวัตรเลิศล้ำ มีน้ำพระทัย ดั่งหยาดน้ำค้างฟ้า ที่พร่างลงมาจากสวรรค์สรวง ด้วยทรงห่วงใยพสกนิกร อย่างเท่าเทียมทุกถิ่นที่ ทุกธุลีหล้า ข้าแผ่นดิน... พระองค์ทรงรินน้ำใจผ่านหยาดพระเสโท ที่ราวหยาดเพชรร่วง พลีแด่ปวงชนใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร ให้.. รู้ซึ้งค่าคำว่า*ให้*อย่างไร้ร้องขอ สอนสัจจธรรมล้ำเลิศให้รู้สร้างสรรปันพลี ความพอดีพอเพียง ................................ น้องรัก... บทที่น้องอ่านถึงในเรื่อง *ธรรมรจนา โพธิจิต* ชายคนหนึ่งที่เขาไม่เคยได้ซาบซึ้ง ในรสพระธรรม ชีวิตเขาจึงพลันว่ายวนในโลกวัตถุ ที่แม้นตัวเขาก็ยังไม่รู้คำตอบด้วยซ้ำ ว่า.. ชีวิตนี้เกิดมาทำไม เพื่ออะไร และ นั่นคือความเบื่อหน่าย พาให้เขาได้ค้นพบความล่วงหลุดพ้น จากสิ่งที่รัดรึงตรึงตรมพันธนา จาก... มายาแห่งการเกิดดับนับเนื่องอสงไขย จากกรรมใดใครก่อใครรับ และ.. นับไม่สิ้นภพชาติ... จิตจึ่งจะพบความสว่างสงบสะอาด แล้ว.. เลิกยึดมั่น ในความเป็นตัวตน ให้กมลได้รักษาศีล สร้างกุศล สะสมเสบียงบุญภาวนา จนมีสติปัญญา พาค้นพบอัญมณีล้ำค่า ณ ภายในใจเราเอง... จนสิ้นเพรงกรรม น้องรัก.... พี่พุด.. ตระหนักดีถึงความเป็นธรรมดาแห่งเสน่หา มายามนตราพิสวาท กับทุกบทบาทชีวาชีวิต ที่ยังติดในรสเกษมซ่านซึ้งหวาน ปานประดุจดั่งน้ำผึ้งสวรรค์ ยังคงหวังวาดอย่างงดงาม ว่า... ในท่ามโลกแล้งหลอนลวงนี้ เราจะพบคนดี ใครสักคน ที่ใช่เลย ที่ประทับใจ ที่จักเกาะเกี่ยวก้อยกันไป สู่แดนขวัญสวรรค์รมณีย์ หรือ.... บางทีคือแดนสุขนิรันดร์ หลัง.. เรียนรู้ ผ่านพ้นบทเรียนทางโลกย์ ทั้งซึ้งโศกแสนสุข.. เลือก..ตามรอยบาทพระบรมศาสดา ไม่เอาทั้งสุขสนุกแลทุกข์ร้อนร้ายมากรายกล้ำ หลัง... พบพระธรรม ณ กลางใจ ที่สว่างไสวสุกใส ราวดวงแก้วประภัสสร ให้.. ค่อยละอาวรณ์อาลัยถวิล สิ้น... ความยึดมั่นถือมั่น ให้ละทิ้งตัวตน ไม่ต้องวนมารับอนันตกรรม อันเวียนว่ายวนซ้ำย้ำรอยเดิม ไม่รู้จักกี่ภพชาติ น้องชาย... เวลาจะสอนให้รู้ค่า คำว่า *เห็นทุกข์เห็นธรรม* เห็น.. สายน้ำตาร่ำจะเบื่อหน่ายคลายกำหนัด และ.. สามารถขจัด..ทุกข์กิเลส เหตุแห่งทุกข์ ให้ค่อยๆพัฒนาไปสู่ความสิ้นสุดหลุดพ้น แห่งการหลง พะวงภักดิ์พลี ที่.. ทุกชีวิตนี้ต้องเรียนรู้และค้นพบด้วยตัวเองค่ะ...! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song774.html สี่แผ่นดิน คนมี ชีวิตและกายา ถือ กำเนิดเกิดมา เป็นหญิง หรือว่าเป็นชาย ผู้มี พระคุณอันแสนยิ่งใหญ่ กว่า สิ่งใด ก็คือแผ่นดิน เป็นแดน ที่ให้ชีวา พึ่งพา อาศัยและอยู่กิน คุณใด จะเปรียบแผ่นดิน เอื้อชีวิน จากวันที่เกิด จนตาย ยามใด ความทุกข์กรายมาเยือน ทุกข์ใดเล่าจะเหมือน ความทุกข์เยือน เรือนกาย หากเรือน ของเรามีทุกข์ กรายใกล้ สุขอย่างไร อย่างไรตัวเรา ยามดี เราดีตาม ในยาม มีทุกข์ควรแบ่งเบา บุญคุณ ยิ่งใหญ่นานเนาว์ หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน ยามใด ความทุกข์กรายมาเยือน ทุกข์ใดเล่าจะเหมือน ความทุกข์เยือน เรือนกาย หากเรือน ของเรามีทุกข์ กรายใกล้ สุขอย่างไร อย่างไรตัวเรา ยามดี เราดีตาม ในยาม มีทุกข์ควรแบ่งเบา บุญคุณ ยิ่งใหญ่นานเนาว์ หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน...
จะลงเรื่องใหม่แทนค่ะ คืนนี้นะคะ เพราะซ้ำกันค่ะ อ่านเรื่องเก่าของพี่พุดไพรไปพลางๆ ขอตัวไปเต้นระบำก่อนค่ะอิอิ ในนามแห่งความรัก! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song200.html (ในฝัน) ................... นวลบุญ.. กำลังเอนกายลงนอนบนเตียงไม้ไผ่ ในกระท่อมพิมานสรวงแสนขวัญอย่างช้าช้า ที่มีฟูกอัดนุ่น ปูผ้าสีขาวสะอาดสะอ้าน รอรับร่าง มีหมอนสองใบที่ริมหมอนยังหอมกรุ่น ด้วยดวงดอกลั่มทม ราวรับรู้ระทมระกำล้ำลึก ภายในดวงใจดวงรานดวงหวานซ่อนซึ้งโศกดวงนี้ ที่กำลังดายเดียวสุดทน..แล้ว เธอ..คนดี.. นอนนิ่งงัน..กับทุกสรรพสิ่ง มีเพียงเสียงจิ้งหรีดเรไรนกไพร ร้องหวานแว่วแผ่วมา ราวรับรู้ซึ้งโศกสะเทือนแทน ในท่ามแสงตะเกียงวูบไหว กับชายมุ้งไหวระบัด ที่เธอค่อยๆผูกเก็บชายขึ้นไว้อย่างเรียบร้อย มีเพียงโต๊ะเล็กริมหน้าต่างกับลั่นทมดอกงามสะพรั่ง กำลังบานพราวอวดดอกหวานเศร้า ให้ยิ่งหนาวใจในทุกราวกิ่งราวใจให้ยิ่งเงียบงาม น่าแปลกนัก ที่ในราตรีเงียบงามนี้ ผู้หญิงที่เจ้าน้ำตาเหมือนเด็กขี้แย อ่อนแอ อ่อนหวาน ด้วยนวลใจรับรานเศร้าดายเดียวได้ง่ายดายนัก กลับ..สิ้นไร้น้ำตา... เสมือนเคยมีคนกล่าวว่า..แสนจะน่าเป็นห่วง... หาก วันใดที่หัวใจดวงนวลละมุนสลาย! คล้ายแม้นน้ำตาก็มิอาจหลั่งริน นั่น.. คงหมายถึงความสูญสิ้ถวิลเทวษเหลือคณานับ.. เธอ.. เห็นบุหลันงาม... ลอยดวงเด่นเหนือทิวเขาสลับซับช้อน แห่งไพรพฤกษ์พงพนา ที่ซ่อนตัวหลับลึกหลีกเร้น จากความวายวุ่นของเมืองหลวง ในท่ามกลาง *กระท่อมพิมานสรวงแสนขวัญ* กระท่อมที่ก่อเกิดในพื้นพิภพนี้ ที่มีเพียงสองแห่งในหล้าโลก ด้วย*นามแห่งความรักภักดี*ระหว่างเราสอง.. ด้วยน้ำพักน้ำแรงของ.. ยอดรักยอดหฤทัยของเธอ *ภาคย์* คือนามแห่งเทวดา ผู้หอบรักแท้รักนี้รักพลีภักดิ์เดียว มามอบให้แด่เธอ... ผู้ฝังตัวปลีกร่างห่างไกลจากแสงสีศิวิไลซ์ ห่างไกล จากใจผู้คนในโลกวัตถุทุกข์ทนมากมายวายวุ่น ราวอยู่ปลายโลกร้างลำพัง อันแสนงามเงียบเรียบง่าย ที่เธอและเขาพอใจที่จะเลือกมาใช้ชีวิตด้วยกัน.. เขาคนดี สุภาพบุรุษชาติไพร ที่มีหัวใจดวงธรรมดวงทองอันผ่องผุด ที่บานพราวราวดอกบัวแก้วพิสุทธิ์ ลอยเหนือโลกย์นิรพาน เขา....คนดี! ที่สอนให้เธอได้เรียนรู้รัก รับตระการดอกไม้หวานบานพราว *ราวอัญมณีเพชร* ที่พรายพร่างช่วงโชติชัชวาลย์ หวานแสนหวานงามแสนงาม มาส่องกระจ่างนำเส้นทางใจเส้นทางจิตเส้นทางชีวิต ให้เคียงคู่จับมือกุมกันไปในเส้นทางธรรมเส้นทางทอง เพื่อลอยล่องพานาวาทองแห่งชีวิต ไปสถิตทอด *เป็นดั่งรักนิรันดร์* ในอาณาจักรแห่งพระนิพพาน แดนดินที่มิไกลห่างหากมีกุศลทานมากบารมี เพียงเพียรให้พอ ด้วยการรักษาศีลบริสุทธิ์ฝึกสมาธิภาวนา จะเกิดดวงปัญญาฉายฉานชัด แจ่มจำรัสราวนิรมิตจับจิตใสว่าง จน พบวิมุตติหลุดพ้นทาง แห่งการเวียนว่ายตายเกิดนับอสงไขยชั่วกาลกัปป์ เขาคนดี ...เทวดาแห่งภักดิ์พลี ที่มาสอน.. ให้รู้ค่าคำ*รักด้วยจิต* อันล้ำลึกเหนือโลกย์โศกสุขนี้ ที่.. มิหวังครอบครองแค่เนื้อหนัง ที่มินานวันก็จะเน่าเปื่อยหลุดร่วง เป็นหนึ่งเดียวกับธุลีหล้าฟ้าแลดิน แลบางทีอาจสูญสิ้นสลาย กลายร่างงามเป็นเหยื่อเต่าตมเสียก่อน หาก... ประมาทและพบกับการหลับไม่ฟื้นตื่นไม่ได้แล้ว ฝึกคำตายก่อนตาย การใช้ชีวิตไม่หลงยึดติดยึดมั่น ให้มีมรณาณุสติกำกับใจกายมิให้ประมาท และ... เพียรวาดวงชีวี ให้ใช้เวลาทุกนาที กับลมหายใจนี้ที่พลีพร้อมยังประโยชน์ เพื่อผองชนคนทุกข์ทนยาก อีกมากมายนัก ที่เกิดมา เป็นเพื่อนร่วมทุกข์เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ให้รู้ซึ้งถึงค่าคำล้ำเลอเลิศ *ปาฎิหารย์รักมหัศจรรย์รอ* มาโบกโบยความงาม แล.. มาสอนให้เชื่อมั่นศรัทธา รู้ค่าแห่งความงามความดีพลีจิต อุทิศชีวิตเพื่อแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง.. ที่เราผองได้พากันหยัดยืน..ในผืนดินอันงามอุดม ทั้งด้านจิตวิญญาณและทรัพยากรธรรมชาติ ราวฟ้าบันดาลสวรรค์เมตตา นวลบุญ... รัก..*กระท่อมพิมานสรวงแสนขวัญ* ที่ราวสวรรค์เรียบง่ายลอยลงมาเยือนหล้า บ้านป่าบ้านไพร ที่.. มาสอนให้เข้าใจ ถึงวิถีงามแห่งการพึ่งพาพึ่งพิง ได้เอนอิงอ้อมจิตอ้อมใจไปกับธรรมชาติงาม รู้รักความพอดีพอเพียง ทุกสิ่งภายนอกในโลกนี้ก็เพียงแค่นี้แค่นั้น หากจิตใสภายในรู้อิ่มทิพย์อิ่มฝันอิ่มสุขอิ่มงาม ก็.. ราวอัญมณีพร่างพราว ไร้ความต้องการมายาวัตถุใด มาต่อเติมมาเพิ่มสุขเพียงภายนอกอีกต่อไป ที่.. แค่หลอกให้หลงยึดมั่นถือมั่น หลงฝันหลงเพ้อละเมอวนว่ายในวิบาก เทวดา..เดินดิน...ที่เธอแสนรัก สร้าง *กระท่อมทับแห่งรักนิรันดร์นี้* ด้วยน้ำพักน้ำแรง ด้วยแรงรักภักดี ที่เธอแสนภาคภูมิปิติ ที่.. เขาบอกชั่วชีวิตนี้ เขามีเธอเท่านั้น ที่จะจำตราติดตรึงไปตราบชีวิตจะหาไม่.. ที่ช่างแผกคิดพิเศษพิสุทธิ์นัก กระท่อมไม้ไผ่หลังย่อม มุงด้วยจาก ที่ภาคย์คนดีที่แสนรัก เพียรเลือกใบจากแต่ละใบด้วยตัวเขาเอง ก่อนที่.. ผู้เฒ่าในหมู่บ้าน ผู้แสนอารี รับปาก เต็มใจทำหลังคาจากให้กับเขา โดยไม่รับค่าตอบแทนแม้แต่บาทเดียว ไม้ไผ่ที่เรียงรายขนาน ไปกับสายน้ำที่หล่อเลี้ยงหมู่บ้านแห่งนี้ น้องชายคนดีหัวใจซื่อ ที่เขาแสนถูกชะตา อาสาตัดให้เขา และ ลำเลียงมาส่งให้ถึงกระท่อม โดยให้ญาติช่วยกันแบกไม้ไผ่มาส่งให้ถึงที่ นวลบุญ รำลึกด้วยน้ำตา วันที่...ภาคย์ โอบกอดเธอไว้ในวงแขนอันแน่นหนัก ด้วยรักภักดี และ.. กระซิบริมหูว่า คนดีครับ... ผมจะสร้าง *กระท่อมรักนิรันดร์ที่นี่นะ *ชื่อพิมานสรวงแสนขวัญ* เพราะผมรู้ดีว่าคุณต้องชอบที่นี่ คนดีรู้ไหมที่นี่ มีแต่ผู้คนเอื้ออารีเอื้อเฟื้อแบ่งปัน ระหว่างกันภายในหมู่บ้าน ใช้ทรัพยากรธรรมชาติร่วมกัน หากไม่ใช่สักแต่ว่าใช้ พวกเขายังช่วยกันอนุรักษ์ฟื้นฟู ดูแลเพื่อเก็บรักษาไว้ให้ลูกหลานต่อไป ยอดรัก มองที่โค้งฟ้าสิครับ งามนักงามหนา ยามวสันต์ลา ฟ้าใกล้ค่ำ หรือ... วันที่บุหลันลอยดวง อวดอรชรอ้อนสองเรานะดวงใจ ที่เราจะประคองเคียงกันชี้ชม บนเปลยวนหน้ากระท่อม ที่.. ผมจะผูกไว้ให้เราสองได้เบียดซุกแอบอกอุ่น อิงแก้มแลกหอมให้แก่กันและกัน เป็นระยะยามคลอเคลียเฝ้ามอง คนดี..ดวงใจ ผมรู้นะครับ คุณรักสถานที่สงบ สันโดษ เรียบง่าย ซึ่งเต็มไปด้วยความงดงามแห่งวิถีธรรมชาติ คนดี..ครับ ฝันของยอดรักยอดดวงใจของผมกำลังจะเป็นจริง คือสิ่งที่ผมพลีได้เพื่อคุณยกเว้นดาวเดือน ผมจะสร้างกระท่อมนี้ ที่ไม่มีพื้น เป็นไม้ หากใช้ทรายละเอียดเป็นพื้น ที่ผมจะหาบหามาเองจากแม่น้ำก่อนใส่ ด้วยตาข่ายสีน้ำเงินชนิดละเอียด เพื่อให้ได้เม็ดทรายละเอียดที่สุดเท่านั้น ก่อนโรยกรวดไว้เต็มพื้นกระท่อม และ... ผมจะบรรจงเรียงหินกรวดมนจากแม่น้ำ ที่เช้าตรู่ทุกวัน ผมจะไปเดินลุยลำธารน้ำใส เพื่อ.. คัดเลือกหินกรวดมนแต่ละก้อน ด้วยหัวใจละเอียดอ่อน ที่ผมจะวางเฉพาะจุดที่เป็นทางเท้าสำหรับ เดินในกระท่อมเท่านั้นครับคนดี นวลบุญ.. เศร้านัก..! หากในวันนี้เธอรู้ดี คืนวันแสนดีแสนรักระหว่างกัน ที่ได้ผูกพันถักทอ ด้วยรักด้วยเข้าใจก็เกินมากพอ ที่จะตราจำหวาน ให้เธอทบทวนด้วยความงามความภาคภูมิใจ ในรักอันแสนยิ่งใหญ่เหนือคำบรรยายนี้ ที่.. เธอแสนโชคดี... ได้พบได้รักได้ภักดี ได้มีคืนวันที่แสนดีแสนงาม ยามเคียงข้างประคองได้ใช้ชีวิตร่วมกัน คืนวัน.. ที่มีแต่คำหวานคำรัก เฝ้าคอยทนุถนอมห่วงใยกันและกัน ปันแบ่งทั้งทางโลกทางธรรม เพื่อน้อมนำชีวิต ให้งดงามเตรียมผ่านภพภูมิรักนิรันดร์ มิพัก.. พรากจากแล้วจากเล่า รักแล้วรักเล่า เฝ้าแต่โหยหาคร่ำครวญ ยามอีกฝ่ายจากไปไม่หวนคืนกลับมาอีก... ยอดรัก นวลบุญ..กำลังหลับตา และในเวิ้งฝันอนันตกาล นวลบุญ พาร่างตัวเองไปเคียงกับคุณแล้ว *ในดอกบัวแก้วนิรมิตแสนงามจิตงามใจ* สองดวงใจคงมั่น*หลอมรวมรักภักดี* แล้ว.... ก้มศิระลงกรานกราบ เบื้องหน้าพระพุทธองค์ ด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้งปิติเกษม พร้อมกันแล้วนะบัดนี้ ก่อนที่..จะ หันมายิ้มหวานฉ่ำเย็น ให้แก่กันและกันนะยอดรัก *ในอ้อมภักดิ์แห่งรักนิรันดร์* *ในนามแห่งรักนี้* ที่จะ ไม่มีวันพรากลากันอีกต่อไป ตราบนานแสนนาน ตราบจนชั่วกาลกัปป์กัลป์...ที่มิมีวันจะสิ้นสลายลา! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song200.html ในฝัน หากฝันว่าฉันและเธอ ละเมอความรักร่วมกัน ทุกๆ วันแสน สุขฤทัย หากความรักนั้นหนักเหลือ แนบเนื้อเชื้อ รักดังไฟ ฉันขอตายบน ตักนาง หากเราได้รักร่วมกัน ผูกพันกระสันแน่นเหนียว ขอรักเดียวไม่ จืดและจาง หากเป็นดั่งเช่นที่หมาย จะตายฉัน ไม่ขอห่าง ขอรักนางเนื้อนวลแน่นอน มอบ ใจ และกาย ทุกสิ่งมั่นหมาย ถึงตัวตายไม่คลายรักก่อน สู้ ทน อ้อนวอน ยอมฝันแม้ยามหลับนอน ทนกอดหมอน นานมา หากฝันฉันไม่หลอกหลอน ตื่นนอนคงพบหน้าน้อง สมดังปองใจปรารถนา หากเป็นดังเช่นที่หมาย จะตายฉัน ไม่นำพา ขอบูชาน้องนางแน่นอน หากฝันฉันไม่หลอกหลอน ตื่นนอนคงพบหน้าน้อง สมดังปองใจ ปรารถนา หากเป็นดังเช่นที่หมาย จะตายฉัน ไม่นำพา ขอบูชาน้องนางแน่นอน...
บันดาลใจจากบทกวี *คำพิพากษา* ปลอบขวัญรับวันชื่นลืมเรื่องราน แด่น้องปรางทองปรางทิพย์ ยิ้มหวานหวานรับดอกไม้บานในยามเช้า อย่ามัวเศร้าโศกจิตชีวิตฝัน แค่มายามาเรียนรู้ผ่านวัยวัน คำคนนั้นแค่น้ำลายปลายปากกา ชีวิตคนมีมากด้านดูตรงไหน ยุติธรรมใจเที่ยงแท้ฤาแค่ว่า เชื่อตามคำเขาไปสิ้นเมตตา พิพากษาตามจิตคิดมืดดำ เจริญสติดูตัวเองดีกว่าไหม ใช่เพ่งโทษผู้ใดหมายเหยียบย่ำ เมตตาอภัยมองข้ามไปใจเป็นธรรม ต่างเกิดมาชดใช้กรรมเพื่อนมนุษย์ กระจกเงาสะท้อนความคิดเราคงดีกว่า พัฒนาจิตงามใสบริสุทธิ์ รจนาเรื่องธรรมะธรรมชาติล่วงวิมุติ พาตนหลุดจากปลักตมบัวจมโคลน....! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song72.html หนึ่งในร้อย พราว แพรว อันดวงแก้วแวว-วาว สด สี งาม หลายหลากมากนาม นิยม นิล-กาฬ มุกดา บุษรา คัมคม น่า ชม ว่างาม เหมาะสม ดี เพชรน้ำหนึ่ง งามซึ้ง จึงเป็น ยอดมณี ผ่อง แผ้วสดสีเพชรดี มีหนึ่งในร้อยดวง ความ ดี คนเรานี่ ดีใด ดี น้ำ ใจที่ให้แก่คน ทั้งปวง อภัย รู้แต่ให้ไปไม่หวง เจ็บ ทรวง หน่วงใจให้รู้ ทัน รู้ กลืน กล้ำ เลิศล้ำ ความเป็น ยอดคน ชื่น ชอบตอบ ผล ร้อยคน มีหนึ่งเท่านั้นเอย รู้ กลืนกล้ำ เลิศล้ำ ความเป็น ยอดคน ชื่น ชอบตอบผล ร้อยคน มีหนึ่ง เท่านั้นเอง...
พลีแด่น้องช่อรักอักษราลี น้องน้อยในดวงใจพี่พุดไพรค่ะ จาก..*น้ำค้างคำ* มาอ่านงานงามๆค่ะ ชอบดอกลีลาวดีมากเลยค่ะ ถ้า.. เป็นไปได้ อยากปลูกข้างๆบ้านในสวน ให้เต็มไปเลยค่ะ เคยไปยืนข้างๆต้น แม้เพียงต้นเดียว กลิ่นหอมยังโชยไปไกลเลยค่ะ ช่ออักษราลี ลีลาวดีหวานเศร้าเคล้ากลิ่นฝน เก็บระทมบ่มไฟธาตุปรารถนา ผลิกลีบขาวพราวไสวใต้จันทรา เบ่งบานมาสืบหาค่าแห่งใจคน ลั่นทมภิรมย์พรายหมายรักแท้ หนาวดวงแดฤดีร้าวคราวสับสน บริสุทธิ์ใสไฉนเลยรู้เล่ห์คน ลวงกมลไม่นานหวานมลาย อธิษฐานจิตชิดใกล้ธรรมะธรรมชาติ สิ้นสวาทวาดเพียงฝันบรรเจิดฉาย ปลิดกลีบรักร้างพร่างพราวพราย พลีโปรยปรายหมายสอนสัจจะใจ ดอกลั่นทมรู้ซ่อนภักดิ์สลักลึก ด้วยรู้สึกเศร้าโศกโลกหวามไหว อดีตฝันวันลาลับดับสายใย มิเคยไขว่อย่าไปคว้ามายาชีวี จงเบ่งบานอย่างบุปผาบูชาสรวง งามเด่นดวงชูช่อหอมศักดิ์ศรี สะสมบุญกุศลเมตตาบารมี เป็นมิ่งมณีประดับสรวงพ้นบ่วงกรรม...! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song406.html บนลานลั่นทม แดนดินใด ไม่แม้นแดนลานลั่นทม ดุจดั่งสวรรค์แดนพรหม สวยสุดสมคำชมได้ ฮือฮือ ฮือ ฮือ ฮือฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ทิว เขียว ลิ่วไกล เพลินมองไป เสียงลมไกวกิ่งไหวดังซู่ ทิ้ง ขั้ว หล่นปลิว ลั่นทมพริ้วโชยร่วงพรู แม้น ดังพรม ลาดปู ดุจทางสู่ สุดสวรรค์ เทวัญ ลมรำเพย ความหอมชวนดอมลั่นทม สูดกลิ่นถวิลเชยชม แสนสุขสมอารมณ์มั่น ฮือฮือ ฮือ ฮือ ฮือฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ใจ หวน ตื้นตัน เกินจำนรรจ์ เพ้อรำพันว่าหอมใดเท่า หอม ชื่น ลั่นทม เมื่อลมพริ้วมาเบาเบา ล้าง สิ่งตรม อกเรา ให้คลายเศร้า ที่คอยเผา โทรมใจ...
ท่ามลำเนาเขาไพรในห้วงฝัน นิจนิรันดร์ผันเวียนเปลี่ยนมนุษย์ พบนิพานสานจิตสถิตสุด เพียงหมายหยุดรุดธรรมนำจิตใจ พี่พุดคะ ภาพต้นไม้ร่มรื่นใกล้ริมน้ำนี่ ดั่งรู้ใต้จิตใจปรางเลยนะคะ ร่มเย็นเสียเหลือเกิน ในฝันของปราง ก็ต้องการ ที่จะอยู่ในที่สงบเงียบ มีเพียง แค่เรา.... อ่านหนังสือ พักกายใจที่เหน็ดเหนื่อย มานานแสนนาน เขียนเรื่องราวหรือ บทกลอน มองต้นไม้ใบหญ้า เสียงนกการ่ำร้องในพนา แค่นี้ แค่นี้เท่านั้นที่ปรางฝันถึง พี่พุดเชื่อมั๊ยคะ ฝันของปรางกำลัง ก่อร่างเกือบเป็นรูปธรรมแล้วค่ะ ปรางจะเก็บเกี่ยวความงามในบ้าน เรือนไทยแห่งนี้ ไปสร้างวิมานในฝัน เผื่อวันนั้นมาถึง ปรางจะได้มีพี่พุด อยู่ในใจเสมอค่ะ ด้วยรักพี่พุดเสมอค่ะ ปรางทิพย์ น้องปราง คะ งามคำที่ระบายรักระบายใจ มาให้พี่พุดรับฟัง และ พลอยแสนชื่นฉ่ำสุนทรีย์ใจ ไปกับน้องด้วยค่ะ คนดี.. ความฝันสมถะเงียบงามเรียบง่าย คงเป็นจริงได้สักวันค่ะ พี่พุด เอาใจช่วยภาวนานะคะ และ บางทีฟ้าอาจลิขิตให้เราได้พบกัน ได้มานอนในเรือนดอกไม้หอมนับดาว พราวพรรณรายด้วยกัน ฉันท์น้องพี่ ที่แสนมีความปรารถนาดี อย่างงดงามจริงใจค่ะ พี่พุดขอพลีกำนัล น้องด้วยเรื่องรักรจนา สายใจเจ้าพระยา.! ไพล.. ในชุดผ้าลินินสีขาวยาวกรอมเท้า เปิดไหล่ล้ำกลมกลึง ให้เห็นผิวสีน้ำผึ้งรวง รายรอบคอจับจีบรูดระบาย ผูกเป็นโบว์ ปล่อยชายพลิ้วไหวสะบัดลม..ยามย่างเยื้อง หมวกลายลูกไม้ สีขาว ขับเรียวหน้าละออ เนียนละมุน งามสะอ้านหวานจับใจ แสงอาทิตย์ยามสนธยา ทอทอดสาดส่องต้องเรือนผม จน.. เป็นประกายสีน้ำตาลทอง เจิดจ้าจรัสมลังเมลือง ไล้เรียวหน้าดั่งทองทา.. รองเท้าผ้าใบสีขาว รอบข้อเท้าคือสร้อยทองเคงามเรียบ มีเพียงเสียงกังวาน กรุ๊งกริ๊ง กระทบกันเบาเบา แสนเสนาะ...ยามเธอก้าวเดิน ไพล..ก้าวลงเรือ ข้ามไปยังอีกฝั่งฝันเจ้าพระยา ยามอาทิตย์เริ่มลาลับลา ทิ้งแสงสวยเศร้าส้มสุกทั่วทั้งท้องนภา แล.. ท้องน้ำราวอาบด้วยมนตราของทองคำ ทาทาบอาบเปลวระยิบระยับ ไพล.. ทอดสายตาซึมซับรับซาบซึ้ง ที่.. กำลังลึกล้ำถึงด่ำดื่ม ให้สายน้ำ ซอนแทรกฉ่ำหวาน ระรินละล่องเข้าครองเนื้อใจนวล ยิ้มหวานตรงเรียวปาก ให้กับคนขับเรือ เพราะเที่ยวนี้มีเธอข้ามมาเพียงลำพัง กับ.. ค่าโดยสารข้ามฝั่งที่ราคาแค่สองบาท ตั้งใจว่าให้คุ้มค่าน้ำใจ ค่าน้ำมัน เธอ คงจะวางเงินมากกว่าจำนวนนั้น โดยมิหวังเงินทอน และ.... ทุกคราที่เธอข้ามา ณ.เกาะเล็กๆแห่งนี้ ซึ่งเป็นเกาะ ที่สามารถมาซุกซ่อนสุขทุกข์ ซึ้งเศร้า เคล้าคลุกงานงาม เครื่องปั้นดินเผา ที่เลืองชื่อฝีมือชาวมอญ ละเมียด ให้ลืมโลกจริงไปชั่วขณะ ที่มากเรื่องร้อยราว มากเศร้ามากสุขมากคน หมุนวนหมุนเวียนซ้ำๆซากๆ.. ไพลจะเดินเดียวดาย นั่งริมฝั่งชลใต้เงาไม้ ดูลำน้ำลำนำเจ้าพระยา เฝ้าเห่กล่อมหลอมดวงใจ...หอมดวงใจ.. ดู.. บ้านเรือนไทยริมน้ำ ที่พาให้หลับตาตามฝันไกลไป ถึง.. อดีตอันเรืองรุ่งต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ที่คงงามเรียบง่ายสงบสบาย และ คงเหมือนฉากในละครดัง ในยามนี้ทางช่องเจ็ดสี เพื่อให้อบร่ำดวงใจ ใสเย็น ให้ผู้มองเห็นงามง่าย ได้ชิดใกล้การใช้ชีวิตกับสายน้ำ และความสะมุนละไม กับ ธารน้ำรักน้ำใจที่ยังระรื่นชื่นฉ่ำ ไหลเอื่อยอ่อยลอยละล่อง ราวแดนหิมพานต์.. เป็น ธารน้ำใจระรินร่ำที่ยังมีเยื่อใยผูกพัน เชื่อมโยง ดั่งลำนำลำน้ำแห่งชีวิต ไพล..จะแวะเวียนซักถาม ถึงงานดินงานงามดิบนี้ ที่ ต้องเสกสรรปั้นแต่ง แฝงปรัชญาในการรักษาใ ห้ดำรงคงอยู่คู่ชีวีคนไทยมากมี มากมายที่รู้คุณค่า ที่.. ผ่านตาผ่านสมองสองมือ คู่ใจคู่บ้านมานานหลายชั่วอายุคน ฝีมือปราณีตแฝงเสน่ห์เนียนละออ พ้อหาให้ดวงใจคนชม คนรุ่นหลังคนรุ่นใหม่ ผู้กำลังหยั่งรากฝังลึก อิงเทคโนโลยี่ หันกลับมามองที่หัวใจแสนดี ที่.. คิดงามคิดเป็นอย่างผู้เข้าถึง.. ในงานงามศิลปะอันประณีตนั้น ไพล..น้ำตาซึมทุกครั้ง เมื่อไปยืนซึมซับ ช้างปั้นตัวจิ๋ว ที่ปั้นด้วยฝีพระหัตถ์ของ *สมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาสยามราชกุมารี.* ที่.. ทรงประทานไว้ให้ที่บ้านช่างปั้น ให้รำลึกนึกถึงจดจำ ว่าวันหนึ่งได้เสด็จมาเยี่ยมและ ฝาก ผลงานเลอล้ำค่าเลิศล้ำใจไว้ให้รำลึก นึกถึงทุกคราคราว ในพระกรุณามหาธิคุณ จากน้ำพระทัยที่ใสงาม ที่ทรงมากพระปรีชารอบด้าน และ ทรงมีพระทัยงามติดดิน ผ่านงานที่ใสบริสุทธิ์ ราวหยาดน้ำค้างพร่าง จากผืนฟ้าลงสู่พสุธาทุกถิ่นที่ ด้วย พระเมตตา บารมีไปทุกหย่อมหญ้า อย่าง.... ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง เพื่อ.. ให้ผืนดินไทย ผืนดินทอง ของเรานี้ ให้มีแต่ ความงามสงบร่มเย็นเป็นสุขอย่างทั่วถึงกัน...ตราบนานนิรันดร์ ................. สายน้ำไหลล่อง คิดถึงบทเพลงนี้ ที่กำลังดังก้องกึกในใจดวงนี้ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song25.html ลุ่มเจ้าพระยา..... ลุ่มเจ้าพระยาเห็นสายธารา ไหลล่อง เพียง แต่มองหัวใจให้ป่วน น้ำไหลไป มักไม่ ไหลทวน ชีวิตเรา ไม่มีหวน ไม่กลับทวนเหมือนกัน เรา เกิดมา ผูกใจรัก กันดีกว่า เพราะว่าชีวา แสน สั้น เรา อย่าได้ สะเทือนหัวใจต่อกัน ทิ้งชีวิตอัน สุขใจ อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชย ชิดมั่น จง ผูกพันรักกันด้วยใจ ขอจงเป็น เหมือนเช่น นกไพร ที่เหิรบินคู่กันไป หัว ใจ คู่กัน เรา เกิดมาผูกใจรัก กันดีกว่า เพราะว่าชีวา แสน สั้น เรา อย่าได้ สะเทือนหัวใจต่อกัน ทิ้งชีวิตอัน สุขใจ อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชย ชิด มั่น จง ผูกพัน รักกันด้วยใจ ขอจงเป็น เหมือนเช่นนกไพร ที่เหิรบินคู่กันไป หัว ใจ คู่ กัน... ............. หัวใจนวลดวงน้อยนี้ กำลังฉ่ำ กำลังสดชื่น อย่างแปลกประหลาดพิลาสพิไล ยามที่ไพล.. เดินเข้าไปในโบสถ์ พร้อม ดอกไม้ไทย ใส่กระทงใบตอง พร้อม พวงมาลัยหอมงาม ที่ไพลเลือกมาผสานล้ำลึก ให้จรุงแจ่มจรัสใจ ในการ นำมาบูชาพระ กราบพระ โบสถ์เก่า หลังงามนั้น กำลังซ่อมแซมทุกบานหน้าต่าง ให้.. ช่างมาเขียนลายที่หลุดลอก มี องค์พระนอน สมัยอยุธยา ในท่าสิริไสยาสน์ งามจนอิ่มใจเอิบงาม โอษฐ์แย้มยิ้มด้วยพระเมตตาธรรม พระพักตร์เปี่ยมกรุณา จน.. ไพลน้ำตาซึม กับสายพระเนตรอับโอบเอื้ออ่อนโยน ไพล.. ทรุดตัวลงนั่ง น้อมมโน ดื่มด่ำ ด้วยศรัทธา แล้ว.. ก้มลงกราบนิ่งนาน เย็นมากแล้ว .. นกกาเริ่มจ๊อกแจ๊กโผบินกลับรัง คืนรัง ลำแสงสนธยา ลอดผ่านบานหน้าต่างที่แง้มบานไว้ แสงสีทองส่องสว่า งสาดจับไปที่พระพักตร์ผุดผ่อง ดังพุทธะ พาให้กลางใจสว่างไสวลดมืดมน ชั่วหลับตา.. ไพลราวย้อนหลังไป ในอดีตอันเรืองรุ่ง แว่วเสียงสังคีตดีดกล่อม หวานแว่วแผ่วเบามากับลำน้ำลำนำเจ้าพระยากับ ลมรำเพย เย็นร่ำฉ่ำหวาน ผ่านในอณูนึก... ไพล.. เงยหน้าขึ้นมา พร้อม..... หยาดน้ำตาพร่างรินสิ้นสาย....!