21 มกราคม 2552 12:07 น.
พุด
สู่ทุ่งกว้างเรืองรองด้วยแสงดาว
ดอกไม้พราวเต็มป่าบานสะพรั่ง
หอมเอยหอมหวานในภวังค์
ธรรมชาติยังงดงามท่ามคืนวัน
หยาดน้ำค้างกลางกลีบเกสรบัว
หมอกหม่นมัวสลัวลางราวภาพฝัน
ดอกราตรีผลิเศร้าลาตะวัน
นั่นแสงจันทร์พูนดวงทอนภา
หนีโลกสับสนวกวนว่าย
นึกหน่ายทางชีวิตเหว่ว้า
ทะเลโลกย์โศกเศร้าหนาวน้ำตา
กาลเวลาเลือนลับกับเปล่าดาย
เจ้านกไพรร้องเพลงอำลาดวงดอกไม้
ไม่หมายพันธนาใดให้สาย
อัญมณีงามกระจ่างสว่างพราย
สุดท้ายพบสวรรค์ว่าง ณ กลางใจ..!
..........................
19 มกราคม 2552 15:07 น.
พุด
โลกงดงามแหลกลงที่ตรงหน้า
มวลมนุษย์ไขว่คว้ามายาฝัน
ทุนนิยมโหมบุกรุกชีวัน
สิ้นคืนขวัญวันเรียบง่ายไร้หวังใด
แผ่นดินเก่าเราก่อนยากย้อนหวน
หอมลำดวนกรุ่นแกมริมแก้มใส
ร้อยมาลัยมะลิลาถวายพระรัตนตรัย
อธิษฐานใจเบื้องหน้าองค์พระทอง
นุ่งห่มงามสรรพสมศักดิ์ศรี
มิ่งมณีพิสุทธิ์งามผุดผ่อง
เป็นขวัญหล้ารู้ธรรมตามครรลอง
รู้จักครองจิตใสใจเมตตา
กระซิบถามในท่ามโลกโศกสับสน
ถึงกมลกุลสตรีไททั่วหล้า
ไขว่คว้าใดไหนเล่าเจ้าดวงตา
ค่าชีวาเพียงรู้จบพบงามให้..ณ..ภายใน..!
19 มกราคม 2552 14:08 น.
พุด
พบสงบเงียบงามยามลำพัง
เติมพลังจากธรรมชาติสะอาดใส
ฟ้าโพล้เพล้เหว่ว้าลมรำไร
มองภายในจิตกระจ่างช่างสุขล้ำ
ชื่นชมไม้ใบเขียวเอิบอ่อน
ใจอรชรอ่อนหวานดื่มด่ำ
เมฆคล้อยลอยเคลื่อนยามค่ำ
รินร่ำหอมอวลนวลดอกไม้..
ฉัน..ชอบนอนนิ่งๆทิ้งใจว่างๆ
ให้จิตภายในกระจ่างแจ่ม
อ่อนน้อมพร้อมพลีรับความสุขอันแสนดื่มด่ำ
ล้ำลึก พบรู้สึกแสนดียามฟ้าโพล้เพล้
อาทิตย์สนธยา
ย้อมเมฆสวยเกินกว่ารจนาร่ำรำพัน
ม่านฟ้า..
อวลด้วยแสงแห่งตาวันนวลราวสายไหม
ใจดวงภายใน แลเห็นธรรมชาติ
ที่แสนยิ่งใหญ่ ผ่องใส สดชื่นสุนทรีย์
เป็นสิ่งที่มีดั้งเดิม
เพียงเพิ่มเติมต่อให้ใจทุกดวงค้นพบ..
การะเวก..
ยังคงให้หอมอบหอมอวล
นวลกลิ่นร่ำมากับสายลมหนาว
เดือนยังพราวดาวยังระยับแย้มแต้มผืนฟ้า
ลบ..มืดหมองหม่นให้ผองชนบนผืนพสุธา
ได้เรียนรู้ว่า...
*ความสุขนิรันดร์นั้นสำคัญที่ใจ
ใช่...ไกลเกินไขว่คว้า....
เพียงเรา..ซึ้งค่าสัจจธรรม*
......................
18 มกราคม 2552 17:22 น.
พุด
แสงแรกในอรุณรับยามเช้า
กับลมหนาวอวลโอบไร้ไออุ่น
ดวงดอกแก้วให้หอมกรุ่นกลิ่นละมุน
ทิ้งวายวุ่นสู่ความสงบพบฝันดี...
ในท่ามกลางโลกแล้งไร้ที่วายวุ่น
แสงแรก...ตื่นรับอรุณด้วยดวงใจผ่องแผ้ว
และ..
ได้ยินเสียงนกเขาไกวเปลกิ่งแก้วร้องขันคู
ริมหน้าต่าง
วันนี้เป็นวันพระ
ที่แสงแรก..ตั้งใจจะไปกราบพระ
พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร"
หรือเป็นที่รู้จักกันดีในนาม "
หลวงพ่อทองคำ
ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทองคำที่ใหญ่ที่สุด
และ
ได้รับการบันทึกในหนังสือ
กินเนสบุ๊คออฟเรคคอดร์
ว่าพระพุทธรูปทองคำองค์นี้
มีหน้าตั้งกว้าง 3.01 เมตร สูง 3.91 เมตร
องค์พระสามารถถอดได้ 9 องค์
จากฐานองค์พระขึ้นไปเนื้อทองบริสุทธิ์ 40 %
พระพักตร์มีเนื้อทอง 80 %
ส่วนพระเกศมีน้ำหนัก 45 กิโลกรัม
เป็นเนื้อทองบริสุทธิ 99.99 %
สันนิษฐานว่า
สร้างในสมัยสุโขทัย ปางมารวิชัย เข้าใจว่า
เดิมประดิษฐานอยู่ที่วัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย
ต่อมา
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
ได้โปรดให้กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท
ไปอันเชิญ พระพุทธรูปมาจากเมืองเหนือ
เพื่อนำมาประดิษฐานยังวัดสำคัญ
พระพุทธรูปที่เชิญมามีจำนวนมาก
ทำให้ดูแลไม่ทั่วถึง
ขุนนางผู้หนึ่งจึงแอบเอาปูนไล้พระพุทธรูปทองคำ
แล้วนำมาไว้ยังวัดที่ตนสร้าง
จนได้อันเชิญมาไว้ที่วัดพระยาไกร (วัดโชติการาม)
ต่อมาบริษัทอิสท์เอเซียติก
ได้ขอเช่าที่วัด (ซึ่งขณะนั้นเป็นวัดร้างแล้ว)
เป็นโรงเลื่อยจักร
จึงได้อันเชิญไว้ที่ข้างพระเจดีย์
และ
ปลูกเพิงสังกะสีมุงเป็นหลังคากั้นไว้ อย่างหยาบ ๆ
หลังจากนั้นเป็นเวลาเกือบ 20 ปี
เมื่อพระอุโบสถ
และพระวิหารหลังใหม่สร้างเสร็จ
จึงได้อัญเชิญชั้นประดิษฐาน
แต่
ในระหว่างการเคลื่อนย้าย
ปูนที่หุ้มองค์พระกะเทาะออก
จึงทำให้เห็นองค์พระข้างในเป็นทองคำ
เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2498
นั่นคือประวัติอันแสนยิ่งใหญ่งดงาม
ที่แสงแรกรู้สึกดื่มด่ำประทับใจ
และ
เคยไปกราบไหว้มาครั้งหนึ่งแล้ว
แสงแรก..แย้มยิ้มอิ่มบุญ
และ
จัดแจงแต่งตัว
เพื่อไปน้อมศิระกรานกราบขอพร
บัดนี้....
พระมหามณฑปประดิษฐาน
พระ พุทธมหาสุวรรณปฏิมากร
(หลวงพ่อทองคำ)
วัดไตรมิตรวิทยาราม กำลังก่อสร้าง
ไม่ช้านาน..
แสงแรกคิดว่าคงแล้วเสร็จ
คงจะมีความวิจิตรงดงามควรค่า
แก่องค์หลวงพ่อทองคำ
ตามที่พุทธศาสนิกชนทั้งชาวจีนและชาวไทย
ได้หลอมรวมใจ ร่วมแรงศรัทธาสร้างถวาย
เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในวโรกาสอัน
เป็นมหามงคลนี้ที่
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงครองสิริราชสม บัติครบ 60 ปี ในปี พ.ศ.2549
และ
ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษาในปี พ.ศ.2550
วันนี้แสงแรก...
จึงรู้สึกปิติบุญที่ได้ไป
กราบพระประธานในโบสถ์วัดไตรมิตร
กราบพระพุทธไสยาสน์
ที่วัดเชตุพนวิมลมังคลาราม
และ..
กราบพระแก้วมรกต..
อันงดงามเกินกล่าวในดวงจิตนิดน้อยนี้
และ..
แสงแรก...รู้สึกว่าในวันอาทิตย์นี้
ช่างเป็นวันหยุดแสนดีอีกวัน
ที่ได้ซาบซึ้งดื่มด่ำกับคำว่า
*ความสุขใด
เกินกว่า
ความสว่างสะอาดสงบในดวงใจเป็นไม่มี*
14 มกราคม 2552 15:49 น.
พุด
คนดี..
ดอกความดีเบ่งบานไร้รานหมอง
หากตราบใดใจเรายังคงครอง
ธรรมครรลองสู่แดนว่างสว่างใจ
เฝ้ามองดูรู้สึกตัวทุกข์ผัสสะ
เพื่อลดละกิเลสเหตุหวั่นไหว
ใครจะพิพากษาว่าอย่างไร
ไม่เป็นไรให้อภัยใจเมตตา
ลมหายใจใช่จะยาวยืนถึงร้อยปี
ไม่วันนี้วันหน้าพรากสู่หล้า
ผสานผสมดินน้ำลมไฟในไม่ช้า
แท้มายาสมมุติทางสุดท้าย
เกี่ยวก้อยกันไปในเส้นทางสว่างชัด
สงบสงัดเงียบงามนิยามหมาย
สู่แดนฝันสวรรค์สรวงยามชีพวาย
เลิกเวียนว่ายวกวนบนทางกรรม....!
.......................