23 สิงหาคม 2546 19:52 น.

หลับไม่ลง..หมูหนี มีแต่ผัก...

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4590
หลับไม่ลง.....หมูหนี มีแต่ผัก... 
...........
เคยบ้างไหม.....ในบางค่ำคืน ที่คุณหลับไม่ลง .
และนอนคิดถึงใครบางคน .... 
ด้วยรักเต็มล้นดวงใจ...ด้วยถวิลหาอาวรณ์....
ด้วยใจร้าวรอน...ด้วยความวาดหวัง... 
ด้วยพลังแห่งรัก.....ด้วยทุกความหวัง..ด้วยแรงแห่งใจ.... 
ที่อยากให้คนที่คุณรักกลับมาสู่อ้อมแขนคุณ 
มาเป็นลมหายใจที่สดชื่นของชีวิตคุณ 
โดยเฉพาะในคืนวันที่คุณเดียวดายจนเกินใจจะทน.......... 


แน่นอน...ถ้าคุณเคยมีความรักกับใครสักคน 
และเคยจำพรากจากไกล..
และถ้าคุณมีอารมณ์ละมุนมากมายในใจพอ คุณคงปฏิเสธไม่ได้ .....

แม้จะมีใครบางคนที่ใจแข็งจะบอกกว่าอารมณ์นี้คืออารมณ์..รักน้ำเน่า...
แต่มันคงเป็นอารมณ์รักน้ำเน่าคู่โลก 
และคู่กับชีวิตมนุษย์ที่รู้จักรักและเกิดมาเพื่อจะรัก...... 

สำหรับดวงร้างราอารมณ์นี้มานานปี.....
ในทุกๆค่ำคืน ถ้าจะนอนไม่หลับก็คงเป็นไป ด้วยเหตุผลอื่นๆ..
ดวงชอบที่จะอยู่กับความเงียบ ชอบที่จะมองหาแสงดาวเดือน .... 
ดูราตรีหลับไหล และเพียรเฝ้าดูใจของดวงเอง..
ทบทวนชีวิตที่ผ่านมา..และกำลังจะผ่านไปในแต่ละคืนวัน 

ดวงชอบนอนเงียบๆซุกตัวใต้ผ้าห่ม..
และมองออกไปไกล บางค่ำคืนก็มีจันทร์คู่ใจมาเยี่ยมเยือน....
กระทงใบตองใส่ดวงดอกปีบ..จากใจรักวางไว้ใกล้หมอน 
ส่งกลิ่นประโลมใจให้หวามไหวในยามราตรี...
มีวิทยุทรานซิสเตอร์เล็กๆที่ดวงชอบเปิดเบาๆไว้เป็นเพื่อนยามที่ใจต้องการ....... 

ดวงชอบฟังเพลงลูกทุ่ง 
ดวงคิดว่าคำเว้าวอนของหนุ่มคนซื่อมันบาดลึกเข้าถึงใจ.... 
เรียบง่าย ตรงไปตรงมา 
และบางครั้งทำให้ดวงถึงกับน้ำตาซึมเมื่อได้ยิน ..คำพ้อ...จากบทเพลง.... 



ร้องไห้กับเดือน   
........... 
มองดูเดือน
เหมือนเตือน ให้ใจคิดถึง
ที่รักรักจ๋า หนุ่มนารำพึง
คิดถึง นงคราญบ้านนา
พอไกลลืมกัน
สาบาน ก็ลืมสัญญา
ปล่อยให้หลง คอยท่า
ลับลาไม่กลับแม้เงา
เคยเคลียคลอ
พนอ เดินเล่นกับน้อง
ครั้งเมื่องาน
เดือนเพ็ญสิบสอง
เมื่อตอนลมล่องข้าวเบา
เพื่อนฮาเราเฮ
สรวลเสรักกันหนุ่มสาว
อุ่นไอรัก รวงข้าว
โถเจ้า ไม่น่าหน่ายหนี
พอเดือนแรม
รักก็แรมร้างเลื่อน
โถดาวขาดเดือน
ฉันก็เพื่อนไม่มี
แต่เดือนยังมา
ให้ดาวเห็นหน้าทุกที
แต่คนรักข้าซิ
เป็นปี มิเคยเห็นหน้า
คงมีใคร
เขาคอยเอาใจเก่งนัก
เจ้าถึงลืม ลืมชายที่รัก
ให้คอย เหงาหงอยอยู่นา
ยิ่งมองดูเดือน
เหมือนเตือนให้ใจผวา
ยิ่งคืนนี้ เดือนจ้า
ฉันมาร้องไห้กับเดือน
  
พอเดือนแรม
รักก็แรมร้างเลื่อน
โถดาวขาดเดือน
ฉันก็เพื่อนไม่มี
แต่เดือนยังมา
ให้ดาวเห็นหน้าทุกที
แต่คนรักข้าซิ
เป็นปี มิเคยเห็นหน้า
คงมีใคร
เขาคอยเอาใจเก่งนัก
เจ้าถึงลืม ลืมชายที่รัก
ให้คอย เหงาหงอยอยู่นา
ยิ่งมองดูเดือน
เหมือนเตือนให้ใจผวา
ยิ่งคืนนี้ เดือนจ้า
ฉันมาร้องไห้กับเดือน... 
 

จะไม่ให้ดวงซึ้งใจได้อย่างใรเล่า...
เมื่อหนุ่มนาลงทุนหลั่งน้ำตาลูกผู้ชายท่ามกลางแสงเดือนน่ะ..นะ 

และถ้าคุณเคยฟังเพลง... โปรดเถิดดวงใจ .. ของทูล ทองใจ.....
ในยามดึกค่อนคืน 
คุณคงจะยิ่งอยากมีใครสักคนตื่นขึ้นมากระชับอ้อมกอด 
พร้อมกระซิบใกล้หูด้วยคำรักที่มากล้นจากใจ..... 

และทุกคืนค่ำของดวงในยามนี้...
ดวงจะชอบฟังรายการเพลง..หลับไม่ลง.. 
ซึ่งเป็นรายการที่น่ารักมาก ผู้จัดมีอารมณ์ขัน 
และสามารถจะทำให้คนฟังคลายเหงาเศร้า......... 
บางครั้งทำให้ดวงคิดว่าโลกนี้มักจะมีอะไรๆ สองด้านเสมอ.........

ในอารมณ์เหงา...... 
ในอารมณ์เศร้า...ถ้าเราคิดว่าเราสามารถเปิดใจ
รับความเบิกบานของชีวิต...เราก็จะค้นพบ.. 

แม้ดวงและใครหลายๆคนจะหลับไม่ลงในบางค่ำคืน...
แม้เราจะเหงา..จะเศร้า...จะคิดถึง 
และสงสารตัวของเราเองและใครบางคนที่อยู่ไกลแสนไกล ....
ที่อยู่ในอ้อมใจของเรา... 
แต่เราก็ต้องเรียนรู้ ต้องรู้จักปล่อยวางให้ชีวิตด้านนั้นดำเนินต่อไป.................... 

ดวงค้นพบโลกที่ดวงจะมีความสุขแกล้มไปกับความทุกข์....... 

คืนนี้ เมื่อดวงเปิดใจ และเปิดฟังรายการ ..หลับไม่ลง.. 
ดวงอดที่จะเบิกบานใจและอดหัวเราะคนเดียวไม่ได้ ..
เมื่อมีคนขอเพลงมา และผู้จัดบอกว่า..จะจัดเพลง..หมูหนี มีแต่ผัก.. ให้ฟัง...... 
ซึ่งสำหรับดวงมันฟังดูตลกและน่ารักซะเหลือเกิน......... 

คุณ หลับไม่ลงหรือเปล่าคะ คืนนี้.......

ถ้าใช่ ก็ลองเปิดใจฟังดูนะคะ 
บางทีคุณจะค้นพบโลกของคนกลางคืน 
โลกของความบริสุทธิ์ใส โลกของคนกลุ่มหนึ่ง
ให้ก้าวเข้ามาทายทักในชีวิตของคุณ 
โลกที่มีวิถีเรียบง่าย และสงบงาม ของเพื่อนร่วมแผ่นดิน 
และร่วมหลับไม่ลงของคุณนะ คนดี....จะบอกให้................. 

				
23 สิงหาคม 2546 18:59 น.

ฉันถือเป็นโชค(สอง)!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=14
ความในใจอ้อมใจอ้อมฝนอ้อมฝัน
บันดาลใจจาก น้องอ้อมนะคะจากบทกวี..... เพื่อนรัก  ค่ะ
ขอมอบด้วยรักจากใจที่เข้าใจเหมือนนั่งอยู่ในหัวใจน้องน้อยนะคะ
.........
ถึงเพื่อนแสนดีที่อยู่ไกล
คิดถึงมากรู้ใหมในวันนี้
เพราะความผูกพันที่เรามี
สะสมความรู้สึกดีดีสองปีมา

หลายครั้งอ้อมตั้งใจจะไม่คบ
อยากจะจบลบไปพร้อมปัญหา
เราทิ้งเพื่อนเอื้อนเอ่ยเคยบอกลา
ทุกทุกครานายไม่ยอมพร้อมคืนดี

จะมีใครกี่คนทนอ้อมได้
เอาแต่ใจไม่น่ารักผลักเพื่อนหนี
เพราะจริงใจนายไม่ทิ้งเราสักที
รู้สึกดีมีอภัยให้ทุกครา

จะไม่เอ่ยคำลาสัญญาไว้
ตอบแทนใจเพื่อนคนนี้มีรักษา
คำว่าเพื่อนให้ยืนยาวเราสัญญา
นายมีค่ามากมายในใจเรา 



คนดีคะ...เศร้าใจจัง เพราะฝนตกค่ะ คนดี..ก็รู้ดีว่า  ออนคนนี้แพ้ฝน..
เพียงยังไม่พ่ายฝันแค่นั้นค่ะนะนาทีนี้..นะเวลานี้.. 

นั่งดูหยาดฝนพร้อมหยาดเพชรที่ เรียวตาจะพรายพร่างแล้วค่ะ
คิดถึงเหลือเกิน...ยิ่งฟังเพลงปีศาจวสันต์ ใจก็ยิ่ง..รอนล้า..ราวสายฝนร่วงรินในใจ..
ออน..ว่าคนใจละมุนนี้บางทีก็เหมือนดังแกล้งตัวเองนะให้มองโลกไปทางเศร้า
หากยิ่งเคยผ่านบทเรียนรานร้าวมาจนใจดวงระกำ
ดั่งแก้วบางเขาทุบทิ้งแหลก..ก็ยากแก้ไขให้ดีดังเดิม

แม้คนดีจะพยายาม..ปลอบใจ เข้าใจ ทำเป็นรู้ใจ มันก็ใช่ใจจริง
มันแค่ความพยายามเพียงนั้น และหลอกให้ออนฝันลมลมแล้งแล้งว่า 
มีคนเข้าใจถึงจิตวิญญาณอันยากหยั่งถึงนี้ ในโลกนี้...
ที่ยังมีใครสักคนพอจะหลงเหลือให้พิงพักใจดวงบอบช้ำ..

แต่มันมิใช่เลย! มิใช่แล้ว..ค่ะยิ่งนานวัน..
ใครกันจะรักจะชอบคนหัวใจร้องไห้ดายเดียวทั้งปีทั้งชาติ
แบบปลุกไม่ฟื้นคืนชีพมาเป็นคนทนกันไม่ไหวดอกนะ..คะ

ออน..ยังเบื่อตัวเองเลยค่ะ 
หาหมอที่ไหน หมอก็ส่ายหน้า บอกไม่รับรักษาแล้ว ให้ตายๆไป หมดเรื่อง
ก็..ช่างมันเหอะนะ อนาคต อนางอ ขอแค่ใส่ความเมตตาอภัยในใจให้มากพอ
เหมือนต่อเวลาให้..ออนค่อยๆตายไปทีละนิดต่อหน้าดีกว่านะคะดีกว่า
จะมาเชือดหัวใจสับละเอียดแบบให้กากิน
มิถวิลหันมาแลเหลียว..เลย

ออน.เสียใจตัวเองมากกว่าค่ะ ที่ทำให้คนดีมีแต่ความน้อยใจ เสียใจ
คิดมาคราใด หัวใจออนก็อ่อนยวบละมุน ด้วยความสำนึกผิดค่ะ

ออนเหมือนขยี้หัวใจตัวเองด้วยน้ำมือ..มารร้ายนี้
ที่มันแฝงฝังมากับบาดแผลแห่งใจนี้ที่ฝากรอยไว้มิให้ลบเลือนหายตายจาก
แต่มันจะคอยมาผุดกระชากให้เลิกศรัทธาในรัก ในหัวใจคน
ที่หมุนวนดั่งวังวนดั่งสายน้ำเชี่ยวกับเกลียวโลกนี้ที่แสนสลับซับซ้อน
อย่างที่ใจออนดวงอ่อนดวงนี้ ตามไม่ทัน..มีแต่ฝันร้าย คิดในทางร้าย 

และคนดี..ถึงอย่างไรระหว่างเรา..
คิดร้ายหรือดี ก็คงมีผล..เท่าๆกัน..นั่นคือรอวันจบลบลาเลือนเหมือน
พรากลาชั่วนิจนิรันดร์กาล ไม่ช้านานนี้นะคะ..


 คนเดียวในดวงใจ   
ศรีไศล สุชาติวุฒิ : : Key C  
เธอ มาจากไหน เธอจะเป็นใคร
ฉันไม่เคยคิด รู้ แต่บัดนี้ เธอมาสถิตย์
มาอยู่ใกล้ชิด ในดวงใจฉัน
เธอมาจากไหน จากดินผืนใด
หรือจากสวรรค์ ฉันก็จะรัก
รักเธอเท่ากัน ไม่เคยจะหวั่นแม้คำนินทา
คนเดียวเท่านั้น ในชีวิต
คนเดียวสนิท แนบ อุรา
คนเดียวที่ฉัน บูชา 
ยอดปรารถนา คนเดียวในโลก
เธอ มาจากไหน เธอจะเป็นใคร
ฉันถือเป็นโชค แม้รักเธอแล้ว
ฉันต้องเศร้าโศก เป็นคนโชคร้าย
ในโลกก็ยอม

คนเดียวเท่านั้น ในชีวิต
คนเดียวสนิท แนบอุรา
คนเดียวที่ฉัน บูชา 
ยอดปรารถนา คนเดียวในโลก
เธอมาจากไหน เธอจะเป็นใคร
ฉันถือเป็นโชค แม้รักเธอแล้ว
ฉันต้องเศร้าโศก เป็นคนโชคร้าย
ในโลกก็ยอม...
 





				
23 สิงหาคม 2546 10:00 น.

สองมือล้วงกระเป๋าสองเท้าติดดิน!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=716
สองมือล้วงกระเป๋าสองเท้าติดดิน.....

วันนี้ ดวงไปเที่ยวชมงาน แสดงสินค้าและเฟอร์นิเจอร์ส่งออก 
ที่ยิ่งใหญ่มโหฬาร 
จัดคู่กันกับ..งาน Brave new World 
ของสมาคมสถาปนิกสยาม..ที่จัดขึ้นมาเพื่อ แสดงผลงาน 
หาญกล้าท้าทายโลกใหม่ในสหัสวรรษหน้า

งานของสถาปนิก..
ดึงดูดใจคนไทยช่างซื้อ ได้น้อยกว่าอีกงานมาก เพราะงาน 
แสดงสินค้า นั้นมีของล่อตา ล่อใจ ล่อให้ล้วงกระเป๋า 
พาสองท้าวก้าวเดิน จับจ่ายอย่างเมามันส์ 
มือเป็นระวิง วิ่งเข้าใส่ ด้วยใจแห่งความอยากได้..
ตามประสามนุษย์ปุถุชนคนเดินดิน 
บางคนถึงกับเอารถลากมาไว้ลากเสียเอง 
ยามที่ซื้อจนทั้งหิ้วทั้งห้อยย้อยเป็นพวงลากดิน... หิ้วไปไม่ไหวแล้ว..... 

ดวง ขอเล่าถึงงานสถาปนิกก่อนแล้วกันนะคะ 
คงไม่มีอะไรมันส์ เพราะดวงเองเป็นแค่ สถาปนึก ทำทุกอย่าง 
ของบ้านตัวเอง ทั้งทุบ ทั้งจัด ทั้งเป็นแจ๋ว ... 
บางครั้งกลัวจะไม่ได้ทุบ ได้รื้อ 
แล้วเราก็ทำทุกอย่างที่ขวางหน้า..ได้โดยนึกๆเอาเอง... 


ดวง..รู้ศัพท์แสงแทงตลอด ของเหล่า ยอดอาคิเทค 
เพราะ ดวง....ชอบแต่งบ้าน จัดบ้าน 
ชอบฝันที่จะมีบ้านสวยหลายสไตล์ 
เพราะการทำบ้านให้สวยงาม น่าอยู่ดูดีนั้น 
ใจเราเองก็แสนสุข แสนสบายกายใจนะ
 ดวงจึงชอบดูทุกอย่างที่เกี่ยวกับบ้าน ที่จะทำให้บ้านเป็นวิมานของเรา.... 
วันนี้ก็ไปเห็นบ้านสำเร็จรูป น่ารัก เหมาะที่จะมาวางไว้ 
บนระเบียงดาดฟ้ากว้างของบ้านดวง 
ไว้ให้นอนฝัน นอนจินตนาการ สร้างงานเขียนให้ดีๆ 
ยิ่งๆขึ้นไป แต่คงเหมาะเจาะเฉพาะบ้าน 
เพราะดูราคาแล้ว ช่างไม่เหมาะ เบาะๆก็แค่ 7 แสนเอง.. 
จึงจำใจ จำลา จำจาก มานอนเต้นท์หรู ดูดาว ต่อไปดีกว่า 
ดูพอดี พอเหมาะ พอเพียง กับชีวีนี้ที่เป็นของเรา....
บ้านนั้นคงเหมาะกับชีวิตคนอื่น
 คิดได้ดังนี้เราก็ไม่มีปัญหาพาให้ใจแสนสุขเหมือนเดิม...... 


งานนี้ ดีตรงที่มี โบชัวร์ แจกมั่วไปหมด 
ให้จดจำไม่หวาดไหวในรายการสินค้า ท้าทายทั้งท่านผู้ชม 
และคนออกแบบ ที่จะได้นำไปใช้ในงาน
ให้ออกมาดูดี มีประโยชน์ใช้สอย ตามใจไปกับกระเป๋า เจ้าของบ้าน......... 

ดวงมิอาจ.. วิจารณ์งานใครไหนได้ 
เพราะใช้เวลาสั้นมาก เดินไม่ได้นานกับส้นสูงสวย
ที่แทบม้วยเพราะเมื่อย...เห็นผลงานผ่านตาน่ายกย่อง 
ของสถาปนิกรุ่นใหม่ไฟแรง ขอเอาใจช่วย ให้กล้าหาญ 
ชาญชัย ออกไปสู้ตลาดโลกกับเขาดูบ้าง 
แค่ประเทศเพื่อนบ้านก็ยังดี.... 
อย่างที่รุ่นพี่เคยสร้างวีรกรรม 
หิ้วไม้ทีอันกับกระเป๋าหนึ่งใบไปประกาศศักดา .
ว่าสถาปนิกไทยนี่หนา เก่งจริงเก่งจัง กันมามากต่อมาก 
เพราะเป็นการช่วยชาติ และที่สำคัญช่วยชีวิตตัวเอง 
ในสถาพที่บ้านเมืองถดถอย..อย่ามัวน้อยอก น้อยใจในโชคชะตา หวังรอท่าให้นายกคนใหม่มาโปรดอยู่......เลย..... 

สถาปนิกไทย....แม้ไปไม่ไกลอย่าง สถาปนิกมีชื่อเสียงของโลกดังเช่น..... FRANK LLOYD WRIGHT... LE CORBUSIER .....PHILIP JOHNSON.. และKENSO TANGE....ยังมีรุ่น..NORMAN FOSTER...RICHARD ROGER 
RICHARD MEIER...และ I.M. PEI.....แต่...... 

ท่านเหล่านี้ก็เป็น ดั่งปราชญ์ของสถาปนิก 
ให้ก้าวเดินตามหาฝัน แบบฉบับแห่งแรงฝันบันดาลใจ 
ให้มีจินตนาการ รุดหน้า ท้าทาย 
มิใช่แค่ลอกเลียนแบบเอามาวางไว้ ราวไร้สมองและสองมือ 
เพียงรู้จักการผสมผสาน 
ให้งานเหมาะกับวิถีไทย 
ยังไว้ซึ่งความภาคภูมิใจ ในผลงาน 
แม้ฝีมือเรายังล้าหลัง 
ห่างไกลลิบ จาก คำว่า GREAT ARCHITECT..โลก.....ก็ตามที..... 

อยากบอกว่าเมื่อเดิน..ไปอีกงานหนึ่ง 
ที่มีผลงานของดีไซน์เนอร์ ที่ออกแบบเฟอร์นิเจอร์และสินค้า 
ทำให้ดวงชื่นใจ อย่างที่สุด 
ที่เห็นงานหัตถกรรมไทย และการใช้วัสดุพื้นบ้าน เช่นไม้ไผ่ ผักตบชวา 
งานไม้ งานเซรามิค ไม้สัก นำมาดีไซน์เก๋ แสนเก๋ เป็นข้าวของเครื่องใช้ .....เยอะแยะมากมาย 

และที่ดวง...ประทับใจมาก คงเป็นเทียนที่หลอมลงในลูกมะพร้าวผ่าซีก.....
เป็นเทียนที่คงหอมกาบมะพร้าว ยามที่ถูกจุด
ดวงยังแนะนำให้ไปหาวัสดุที่เกาะพะงัน 
เพราะตอนนี้ราคามะพร้าวตกต่ำ 
ชาวสวนต้องปล่อยให้หล่นเกลื่อนไป 
ไม่มีปัญญาหาทางจำหน่ายระบายออก....... 

และที่ชอบที่สุดคือ การจัดบู้ธ ที่บางบู้ธใช้สีดำ แดง ทอง ของเอเชีย 
มาผสมผสานกับงานหัตถกรรมของเฟอร์นิเจอร์ 
ทำให้ดูดีมีมนต์ขลังแห่งอารยธรรมเอเชียของเรา.... 
ให้อารมณ์ ลุ่มลึก เร้นลับ มีเสน่ห์ น่าค้นหา 
ในความงามเรียบง่าย ถ่อมตัว ที่ดึงเอาธรรมชาติ 
มาผสานได้อย่างกลมกลืน ไปกับวิถีชีวิต...
ที่ดูด้วยใจ ด้วยความรู้สึก ด้วยตา ก็รู้ว่าสไตล์นี้หนา 
มาจาก....เซน..แบบญี่ปุ่น ซึ่งลึกซึ้งถึงวิญญาน 
ให้โล่ง ว่าง สะอาด สงบ เรียบง่าย 
ไร้มายา..แห่งการปรุงแต่ง.....
เน้นเพียงชีวีนี้หนาพึ่งพาธรรมชาติ ธรรมะ ธรรมดาๆคล้ายหลัก 
ธรรมคำสอนของเรา........
เช่นกันที่ไม่ให้วุ่นวาย ยึดมั่น ถือมั่น หนักกายหนักใจไปเปล่าๆ..... 

ดวง ชอบงานทุกชิ้นที่ใช้วัสดุพื้นบ้าน 
และออกแบบให้มีประโยชน์ใช้สอยเข้ากับยุคสมัย 
หากสวยแล้วไซร้ ไร้ประโยชน์ แค่วางโชว์ก็ดูไม่คุ้มค่า...ราคา..... 
ดวงแพ้ใจ..ไปกับงาน...แฮนเมด....มือทำ..ทำด้วยมือสอง 
เช่นตะกร้า ผ้าทอ .....และอีกหลายสิ่ง 
หลายอย่างที่ทำให้ใจงงงวย อยากได้ไว้มานั่งชื่นชม..
เป็นสมบัติของตัวเอง.... ที่รักนะรัก...เพราะใจมองเห็นค่าของงานที่ต้องอาศัยฝีมือ สมาธิ ความละเอียดอ่อน อดทน 
พรสวรรค์ที่จะแฝงฝันไว้ในงาน ให้ออกมาประณีต ละเอียดสวยงาม ....... 
มิใช่โขกออกมากับเครื่องจักร ที่ไม่นานนาทีก็มีเกลื่อน.... 

แต่มาวันนี้จะ ซื้ออะไร....
คนเราต้องคิดหน้าคิดหลัง แม้จะคลั่งไปกับความงาม 
ดวงมักจะถามตัวเองเสมอ ซื้อไปทำไมมี... 
ถ้าใช้ไม่คุ้มค่า เพราะคิดว่าการสะสม 
ทำให้บ้านหนัก และเราหนักใจไปด้วย
 ดวงอยากมีบ้านเรียบโล่ง โปร่งสบาย 
มีแค่เสื่อผืน หมอนใบ 
กับขอแค่ใจที่สว่าง สะอาด สงบ พบสุขก็เพียงพอแล้ว 

ดวงอยากจัดบ้านใหม่ ให้บ้านนี้มีแต่สีขาว 
สีเอิร์ทโทน ธรรมชาติเรียบง่าย 
มองสบายตาสบายใจ ไม่กังวล 
และค้นพบสัจจธรรมว่าคนเรานี้หนาอยู่ที่ไหน 
ก็ไม่สบายใจเท่ากับได้...ใกล้ชิดเคียงกายและใจ 
ไปกับธรรมชาติของ ดิน น้ำ ลม ไฟ 
ที่ให้ชีวิตเราก่อเกิดกำเนิดมา ท้าทายความผันแปรไม่แน่นอน...... 
และยังสอนเรา...ให้รู้จักหยุด รู้จักพอ 
ขอเพียงแค่ มาใช้โลกใบนี้ เป็นที่พักกายใจ 
ให้ใสเย็น ไม่มืดบอด รอเวลามิช้านาน 
คืนร่างลงสู่พสุธาลาจากไป อย่างนิรันดร์....


>
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=716
 บ้านของเรา   
สวลี ผกาพันธ์ : : Key Bb  
บ้าน คือวิมานของเรา
เราซื้อเราเช่า
เราปลูกของเรา ตาม ใจ
ย่อมเป็นสถานทิพย์วิมานพอหาได้
เป็นที่เกิด ที่ ตาย
ที่เราสร้างเอาไว้คอยท่า
บ้าน คือวิมานของ คน
ถึงแม้ยากจน
ก็ต้องดิ้นรน
อย่าจนปัญญา
หาบ้านสักหลัง
ที่พอประทังชีวา
เพื่อสนิทในนิทรา
ให้ตื่นมามองโลกชื่นใจ
บ้าน ฉัน มีเพลงฝันให้ฟัง
มีเสียงระฆัง
จากกังสดาลพริ้งไป
มีสวนไม้ดอก
ผลิบานก้านกอช่อใบ
มีความรัก มีน้ำใจ
มีให้อภัย มีกรุณา
บ้าน คือวิมานของเรา
ยามพบความเศร้า
รีบกลับบ้านเรา
จะเปรมปรีดา
เพราะบ้านมีรัก
น้ำใจอภัยกรุณา
คอยเราอยู่ทุกเวลา
ในชายคาเขตบ้านของเรา

บ้าน ฉัน มีเพลงฝันให้ฟัง
มีเสียงระฆัง
จากกังสดาลพริ้งไป
มีสวนไม้ดอก
ผลิบานก้านกอช่อใบ
มีความรัก มีน้ำใจ
มีให้อภัย มีกรุณา
บ้าน คือวิมานของเรา
ยามพบความเศร้า
รีบกลับบ้านเรา
จะเปรมปรีดา
เพราะบ้านมีรัก
น้ำใจอภัยกรุณา
คอยเราอยู่ทุกเวลา
ในชายคาเขตบ้านของเรา... 

				
23 สิงหาคม 2546 09:13 น.

ทฤษฎีรักนี้ ที่ต้อง ซ.ต.พ.!.

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4407

บทที่1......... ผู้หญิง คนหนึ่ง พบกับผู้ชาย คนหนึ่ง ทั้งคู่ มีความรักซื่อตรง มั่นคงต่อกัน 
ความรักเช่นนั้น ดัง...เส้นตรงไปข้างหน้า พาไปสู่ ความอบอุ่นเป็นสุข 
ตราบวันตาย 
ซ.ต.พ (ซึ่งไม่ต้องพิสูจน์มาก) 

บทที่2....... 
ผู้หญิงคนหนึ่ง....พบกับ ผู้ชายสองคน หรือ ผู้ชายคนหนึ่ง พบกับผู้หญิงสองคน 
เกิด..มุมหักเห ไม่กล้าตัดสินใจ จะหันมุมของหัวใจไปทางไหนดี 
รักแบบนี้ เป็นรักสามเส้า(สามเศร้า) เศร้าทั้งสาม ดั่งน้ำเซาะทราย มีแต่วันจะพังทะลายลงมา แบบไม่เป็นท่า.. 
ซ.ต.พ. (ซึ่งพิสูจน์แล้วไม่ผ่านการยอมรับจากสถาบันครอบครัว) 

บทที่3...... 
ผู้หญิงคนหนึ่ง หรือ ผู้ชายคนหนึ่ง มั่นคง ในรักภักดี แต่พบกับคนที่ ไม่เข้าใจ 
ไม่เหลียวแล รักร่อแร่ แบบนี้เรียกว่า รักข้างเดียว ข้าวเหนียวนึ่งค้างปี 
มีแต่ต้องเททิ้ง ควรจะวิ่งทำคะแนน หาคนใหม่ ที่เข้าใจในรัก ซึ่งกันและกัน 
ซ.ต.พ. (ซึ่งพิสูจน์แล้วว่า น่าจะเวิร์ค กว่า) 

บทที่4.... 
ผู้หญิงคนหนึ่ง....หรือผู้ชายคนหนึ่ง...รักมากเกินไป ไม่มีความพอดี ชอบหึงหวง 
เจ้ากี้เจ้าการ ชอบพาลหาเรื่องทั้งปี รักแบบนี้ ไม่นาน..จะกลายเป็นรักกุด...... 
ต้องสะดุด กับ มุมแหลม ทิ่มแทงใจ ให้เจ็บปวด อย่างแน่นอน 
จงมองย้อนแก้ไข ก่อนจะสายเกิน 
ซ.ต.พ. (ซึ่งต้องพิสูจน์รักนี้ด้วยความพอดี พอเพียง ยึดหลักสายกลาง) 

บทที่5...... 
ผู้ชายคนหนึ่ง...รักผู้หญิงคนหนึ่ง รักมากไป ไม่มีจุดจบ แต่ลืมประจบด้วย 
ความเอาใจใส่ ลืมเอาใจ ด้วยการให้ ของขวัญ ของกำนัลตามสมควร 
ผู้ชายแบบนี้ ไม่มีเสน่ห์ ไม่รู้จิตวิทยา ว่าผู้หญิงเป็นเพศอ่อนหวาน ต้องการ 
ความรักแบบละมุนละไม ไม่จำเป็นต้องให้ของขวัญล้ำค่า ถ้ายากจน 
ขอเพียงให้รู้จักแสดง ว่ายังคิดถึง ยังแคร์... 
ผู้ชายที่แน่ๆ จะพ่ายแพ้ ถ้าขาดสิ่งนี้ ทั้งปี..ถ้ารักใครจะเหนื่อยใจนาน 
ซ.ต.พ. (ซึ่งต้องพิสูจน์ว่ารักนี้หนา ต้องเอาใจใส่ ในความต้องการกันและกัน) 

แพมตั้งใจเขียน..ทฤษฎีรักภาคสองต่อ ขอเวลา ด้วยรู้ว่า ท่านผู้อ่าน ไม่ชอบเรื่องยาวๆ 
จึงขอจบทฤษฎีรัก....ในภาคนี้ ด้วยบทสรุป 

บทสุดท้าย....... 
ทฤษฎีรัก มีหลายร้อยบท ถ้าจะนำมาร้อยเรียง เขียนสอนใจ ให้หญิง..ชาย ได้จำจดไว้ศึกษา 
พากัน เข้าใจในรัก....ว่า....รักนี้หนา กว่าจะได้มานั้นแสนยากลำบาก.... 
สิ่งไหน ได้มาง่ายนัก มักไม่รู้คุณค่าทะนุถนอม เท่าที่ควร.... 
เมื่อได้รักแล้ว จงมีความเข้าใจ รู้จักอภัย ยอมรับซึ่งกันและกัน และจงรู้ว่า 
คนสองคน...นั้น...ย่อมมีความแตกต่าง...อย่าคาดหวัง..เธอของฉันนั้นต้องตามใจ 
ไปเสียทุกอย่าง อยู่ข้างเดียว ไม่แลเหลียวรู้คืนกลับ ให้น้ำใจเผื่อแผ่และแบ่งปัน... 
ขอเพียงทำใจ นั้น ให้หนักแน่น มั่นคง ฟันฝ่า พากันปรับปรุง แก้ไข 
เพื่อเดินไปในเส้นทางของคู่ครอง คนดี ที่มีรักและเข้าใจไม่มีวันจบ พบแต่ความสุขจนนิจนิรันดร 

พบกับทฤษฎีรัก บทใหม่ ในเร็ววันนี้นะคะ ด้วยรัก...

 พิษรัก   
ฮอทเปเปอร์ : : Key C#m  
อยากจะถอนพิษที่คั่งฝังใจ
พิษรักที่คุณฝากไว้
ช่างแสนร้ายกาจ
ถึงเป็นไข้ กินยาก็ยังหายขาด
แต่พิศวาสตัดไม่ขาดอนาจใจ
ไม่ควรริรักที่เกิดระทม
พิษรักนี่มันขื่นขม
ตรอมตรมหมองไหม้
เหมือนในอก
หมกเพลิงราวภูเขาไฟ
ตัดรอนถอนพิษไม่หาย
ก็เปรียบดังตายไปแล้วทั้งเป็น
อยู่ตรงไหน
เปรียบเหมือนอยู่ในป่าช้า
อยู่กลางแสงจ้า
เหมือนคนในตาไม่เห็น
เบิ่งตาลอย คอยรักทั้งเช้าทั้งเย็น
พิษรักมันบีบมันเค้น
ไม่เป็นอันกินอันนอน
อยากจะถอนพิษที่คั่งฝังทรวง
พิษรักที่คุณหลอกลวง
ทำฉันร้าวรอน
ฝังในเลือด
เชือดกายต้องตายแน่นอน
โอ้ความรักทำเดือดร้อน
ถ้ารู้มาก่อนไม่ริรักเลย

อยู่ตรงไหน
เปรียบเหมือนอยู่ในป่าช้า
อยู่กลางแสงจ้า
เหมือนคนในตาไม่เห็น
เบิ่งตาลอย คอยรักทั้งเช้าทั้งเย็น
พิษรักมันบีบมันเค้น
ไม่เป็นอันกินอันนอน
อยากจะถอนพิษที่คั่งฝังทรวง
พิษรักที่คุณหลอกลวง
ทำฉันร้าวรอน
ฝังในเลือด
เชือดกายต้องตายแน่นอน
โอ้ความรักทำเดือดร้อน
ถ้ารู้มาก่อนไม่ริรักเลย... 


รักเอย.......... 
รักเอย จริงหรือที่ว่าหวาน หรือทรมานใจคน 
ความรักร้อยเล่ห์กล รักเอยลวงล่อใจคน หลอกจนตายใจ 
รักนี่...มีสุข ทุกข์ เคล้าไป ใครหยั่งถึงเจ้าได้ คงไม่ช้ำฤดี 

รักเอย... รักที่ปรารถนา รักมาประดับชีวี 
หวั่นในฤทัย เหลือที่ เกรงรักลวงฤดี 
รักแล้ว ขยี้ใจ(ฮัม) 

ขืนห้าม ความรักคงมิได้.... 
กลัว หมองไหม้ ใจสิ้นสุขเอย(ฮัม) 


				
23 สิงหาคม 2546 07:48 น.

ดอกเอ๋ยดอกโศก!.แด่คะน้าน้องรัก

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=836
  ดอกเอ๋ยดอกโศก!. 

ดอกเอ๋ย ดอกโศก.. 
วิปโยคแสนเศร้าหมดสิ้นหวัง 
ตะวันจ้าส่องนำทางเป็นพลัง 
ตะวันหวังใจดวงนี้แตกดับไป..  

น้ำเอ๋ย น้ำตา.. 
ท่วมใจข้าวันนี้รู้บ้างไหม 
ทุกข์ท่วมท้นสิ้นอกอุ่นเคยปลอบใจ 
โอ้ไฉน..รีบลาลับกับตะวัน...  

กี่เอ๋ย กี่ภพ.. 
ขอได้พบได้เกิดเป็นคู่ขวัญ 
อย่าบุญน้อยเหมือนชาตินี้ต้องจากกัน 
ฝันแค่ฝันใจดวงนี้ที่ตรอมตรม.. 

 ดวงเอ๋ย ดวงใจ... 
รู้บ้างไหมใจดวงนี้แสนขื่นขม 
รอและรอรักและรักจนระทม 
ฝากสายลมห่มร่างรักถักทอใจ.. 

 มะลิเอ๋ย..มะลิลา.. 
แพทรู้ค่ารักเธอเกินขานไข 
เกิดชาติหน้าได้เคียงใกล้นะดวงใจ 
อย่าเสียใจเหมือนชาตินี้ที่พรากกัน  

ดอกเอ๋ย ดอกลั่นทม..
ตรอมตรม ช้ำชอกจนเสียขวัญ 
ดอกโศกบานระทมเราพรากกัน 
ดอกเศร้าพลันพลัดพรากจากชั่วกาล.. 

 ดอกเอ๋ย ดอกรัก 
มาทายทักฝากจำแล้วผันผ่าน 
ทิ้งดอกโศกคาต้นเหลือร้าวราน 
ดอกลาบาน..ชั่วกับป์กัลป์..แพทสัญญา..
(ชาตินี้ชาติหน้าเราพบกันเรารักกันทุกภพทุกชาติไป)


แทนอ้อมกอดที่อยากปลอบประโลมนะน้องรัก!


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=836

ถ้าวันนี้ยังมีเขาอยู่
เราคงยืนสู้ ดูโลกอย่างทรนง
ปัญหาใดใด ไม่เคยพะวังพะวง
เรื่องราวใหญ่ก็เล็กลง
สองคนช่วยกันคลี่คลาย
แต่วันนี้ไม่มีเขาอยู่
ทิ้งเราทนสู้
ดูโลก อยู่เพียงเดียวดาย
เหมือนคนเดิน
หลงทางกลางทะเลทราย
ซอกซอน หอบสังขารไป
ทิศทางใดใด จุดหมายไม่มี
บุญเราสร้าง ร่วมกันมาน้อยนัก
เคราะห์และกรรม นำชัก
ต้องจากกันชั่วชีวี
ขอบูชาด้วยน้ำตา แห่งความภักดี
คิดถึงอยู่ทุกนาที
ร้าวฤดีเหลือนั่น
ไม่มีแล้วความชื่น ความสุข
ไร้ความสนุก ดูโลกอยู่ไปวันวัน
ขอแรงบุญ เกื้อกูลส่งผลอนันต์
ชาติหน้าให้เราพบกัน
คู่ครองรักมั่น ชั่วนิรันดร

ไม่มีแล้วความชื่น ความสุข
ไร้ความสนุก ดูโลกอยู่ไปวันวัน
ขอแรงบุญ เกื้อกูลส่งผลอนันต์
ชาติหน้าให้เราพบกัน
คู่ครองรักมั่น ชั่วนิรันดร... 
 

				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด