11 กันยายน 2546 22:52 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=152
ในจักรวาลอันเต็มไปด้วยหมู่ดาว พราวพร่าง
นับร้อยนับพัน นับล้านดวงนี้
มีโลกเราเป็นหนึ่งในนั้น..โลกที่ค่อยเยือกเย็นลงอย่างช้าช้า..
ในความมีด... มีดวงจันทร์ส่องสว่างกระจ่างฟ้า
มีเดือนดาราระยิบพริบพราวพร่างงามยามราตรี
มีแสงอาทิตย์ ฉาดฉายแสงแรงกล้า
เพื่อปลุกนิทราของสรรพสิ่งบนผืนพิภพ
มีต้นไม้สีเขียวเติบใหญ่ในไพรพฤกษ์
มีดอกไม้แย้มบาน ท้าสายลมพลิ้วพัดสัมผัสหวานละมุน
มีผลไม้ ให้มวลมนุษย์ ได้ยังชีพ
มีผีเสื้อ มีแมลงแสนสวยนานา
มีขุนเขาเสียดฟ้า ท้าสายหมอกเย็น
มีธารน้ำตก ใสไหลเย็นฉ่ำ อวดริ้วละอองฟองฝอย
มีมหาสมุทร ทะเล เกาะแก่ง ฝูงปลา
และมวลสัตว์น้ำที่แหวกว่ายใต้โลกสีคราม
น่าติดตามลงไปสัมผัส
และแสนโชคดีนัก ที่ฉันได้เกิดมากลางเกาะที่งามราวไข่มุก
ของอ่าวไทย ที่ไกลจากแสงสี
เป็นความยิ่งใหญ่มหัศจรรย์บันดาลของโชคชะตาฟ้าดิน
ที่มอบให้กับผู้หญิงช่างฝันอย่างฉันที่แสนภูมิใจแสนดีใจ..
และขอกราบกรานพระพรหมที่ท่านเมตตาให้ลูกมิรู้สิ้น
ได้พบกับสิ่งที่งามติดดินถวิลไพร ได้เรียนรู้โลก
จากใจที่สวยใสตั้งแต่วัยเยาว์ที่เกิดมา กับธรรมชาติตรงหน้า
ที่กับทุกสรรพสิ่งที่ดำรงสวยซื่อตรง
จงรักให้พักใจมานานเนา..ให้หลับฝันดี
ฉันคิดถึงทุกเม็ดทรายที่เคยย่างเหยียบ
ที่สุกปลั่งราวทองคำทาบทา ยามอาทิตย์ใกล้ลาลับฟ้า
ในยามแสงสนธยา ตกต้องมลังเมลือง
ไปทั่วทั้งผืนน้ำและหาดทรายขาวนวลยาวเหยียด...
ฉันถูกตรึงด้วยมนตรา ของงามง่ายไร้มายา
งามแบบตรงไปตรงมา ราวสาวบ้านไร่
สาวชาวเกาะที่ถูกเพาะบ่มห่มร่ำเนื้อใจด้วยวิถี
ดิบเดิมของความพอเพียง ที่บางทีมิเพียงพอ
ด้วยยากไร้ ให้เราได้หล่อหลอมซึมซับและรับรู้ในลำบากทุกข์ทน
ที่เกิดมากับคำว่าความจน คนจนจนในชนบท
ที่ทำให้หัวใจเรางามงดแข็งแกร่ง
มีเรี่ยวแรงที่จะฝ่าฟันที่จะขยันและต่อสู้..
เพื่อแค่ดำรงอยู่รอดไปวันวัน..
เป็นชีวิตแห่งความหลัง
ที่หันกลับไปมองคราใด ดวงใจอ่อนละมุนดวงนี้ก็อ่อนยวบ
ด้วยสำนึกลึกล้ำ กตัญญูรู้คุณ รู้ค่า
ของคำว่า ยาก คำว่าจน..คำว่าอดทน และคำว่าไม่ลืมตัว
นะวันนี้..ดวงใจดวงนี้
อยู่เพียงทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ รอคืนหลังไปสู่ฝั่งฝัน
ฝังใจ..ฝังร่าง..ฝังจิตวิญญาณไว้ใต้งามลั่นทมดอกพราว
ที่ราวปลูกไว้รอรับ..รับรู้..
และก่อนตะวันในดวงใจจะลาลับหล้า
ละครชีวิตจะปิดฉากลาลง..เป็นนิรันดร์
นักฝัน คนนี้ อยากยึดเวที ร่ายมนตรา
สะกดหัวใจท่านผู้ชมนะเรือนไทยนี้ให้
เลิกเหว่ว้า และอย่าอ้างว้าง
ไปกับบทบาทเศร้าเหงาดายเดียวเลยนะ..
เมื่อวันม่านอำลาชีวิตคลี่ปิดลง
เพราะเธอออกจะมีความสุขในเศษเสี้ยวใจ
ในเรียวงามแห่งความทรงจำที่หวานหอมนะที่แห่งนี้..
ที่มากมีหลายบทตอน และยังนำมาสอนใจ
อย่าให้เดินตามไป
ในเส้นทางสายโศก..สายฝันที่ร้างไร้..สิ้นไร้ใครเคียงข้าง..
และ..อย่าร้องไห้เพื่อฉันนะคนดี
เก็บน้ำตาเธอนี้ไว้ให้หลั่งรินรดหยดต่อผืนดินเกิดของฉัน
เพื่ออธิษฐาน....
ต่อสายไยฝัน
สายใจรักผูกพัน
ให้เราได้พานพบกันอีก
หากเธอรักฉันอย่างหนักแน่นมั่นคงใจ.ไปนิรันดร์...
พุดพัดชาเขียนยามเหว่ว้าและคิดถึงบ้าน
กับความไม่ประมาทกับการพรากจาก
ในทุกโมงยามแห่งดวงชีวีนี้
ที่เตรียมพร้อมรับ..
ตะวันตกดิน
เฝ้าถวิลมิสิ้นอาลัย
ครวญหาเหว่ว้าดวงใจ
ไม่มีใครคู่เคียง
ฉันกลัวความเหงามันโหดร้ายขื่นขม
ยามค่ำคืนระทม หักอารมณ์เหลือข่มใจ
ตะวันตกดิน...
.......
11 กันยายน 2546 14:56 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=452
(ฟ้าต่ำแผ่นดินสูง)ไพเราะมากอยากให้เปิดคลอนะคะดวงใจ!
แม้นไม่มีปีกโผบินได้เหมือนนก
ฝันในอกยกปีกใจไปตามฝัน
หลับตาเจ้าใจคลึงเคล้าโลกเงียบงัน
ปล่อยวิญญาณฝันเสรีไม่มีแดน..
บินไปไกลเท่าที่ใจอยากไปถึง
อยากไปซึ้งซุกซบใครในอ้อมแขน
อยากรักใครกอดใครให้แนบแน่น
หลับตาแทนท่องดวงใจไปได้เลย!..
ขอเพียงฝันนั่งดูฝนในไพรพฤกษ์
พอยามดึกดูดาวพรายสายหมอกเหมย
ฟังเพลงไพรกล่อมพนาวาดภิเปรย
ดนตรีเอ๋ยดนตรีไพรในใจเรา..
สรรพเสียงเพียงธรรมชาติวาดเวิ้งฝัน
เอนอิงกันนับดาวไร้เศร้าเหงา
สบตากันหวานฉ่ำล้ำลึกเรามีเรา
ให้เงียบเงาสะท้อนหวานผ่านดวงใจ..
ในงามเงียบคือดิ่งด่ำงามล้ำลึก
เป็นรู้สึกซ่านซึ้งถึงไหนไหน
แค่กุมมือกันและกันใจแลกใจ
สุขเพียงไหนฝันเพียงนั้น..ฉันรักเธอ!
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=452
ฟ้าต่ำแผ่นดินสูง
เกศินี วงศ์ภักดี : : Key G
เพลงฟ้าต่ำแผ่นดินสูง
ต่ำคือแดนเขตแผ่นดิน
เขตเมฆินทร์เขตแดนฟ้า
สูงส่งเหลือคณาพาให้คะนึง
แดนดินแดนฟ้าตราไว้ประหนึ่ง
แยกส่วนที่พึงตรึงรั้วกั้นฟ้าแบ่งดิน
แต่ดวงใจคน ดิ้นรนไม่รู้แดนถิ่น
ไม่อาจแบ่งฟ้าดิน มันโผผินบินผ่านหาญกล้า
เรื่องดวงใจไม่มีแดน
เขตเมืองแมนจะไปหา หัวใจมันกล้า
แดนฟ้าต่ำดินสูงได้ไม่นึกกลัว
แต่ดวงใจคน ดิ้นรนไม่รู้แดนถิ่น
ไม่อาจแบ่งฟ้าดิน มันโผผินบินผ่านหาญกล้า
เรื่องดวงใจไม่มีแดน
เขตเมืองแมนจะไปหา หัวใจมันกล้า
แดนฟ้าต่ำดินสูงได้ไม่นึกกลัว...
10 กันยายน 2546 19:59 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=101..
เคียงคู่ขวัญ วันแสนไกล
ที่รัก..เวลานี้.............
คุณคงสดชื่นเริงร่า ท้าสายลมร้อน
ที่ กับเมฆขาว ฟ้าใสกระจ่างสว่างไสว....
ทะเลสวย สีน้ำเงินเข้ม ฟ้า คราม
เปลี่ยนไปตามแสงสีแสนงาม ตามเวลา เช้า สาย บ่าย เย็น
กับหาดทรายขาว ยาวเหยียด ละเอียดดังแป้ง หยุ่นเท้ายามก้าวเดิน.......
ดงมะพร้าวคงพลิ้วไหว สะบัดใบไปตามลม
และดอกไม้เมืองร้อน คงออกดอกสะพรั่ง เบิกบาน หวานไหว ไปกับคุณ........
เวลานี้.........
คุณคง ขี่มอ วิ่งฉิวปลิวลม
ปล่อยผมงามสยายล้อเล่นลม ชมวิว ไปทั่วเกาะ
ผม...ฝันแล้วฝันอีก..ว่าคุณให้โอกาสผม
เกาะเอวคุณแนบแน่น พาลอยละลิ่วขึ้นภูเขา ...
ที่สูงสุดสวย จุดชมวิวงาม
ที่ที่คุณเคยเล่าให้ฟัง ให้เราสองดื่มด่ำ
ราวมีสวรรค์ลอยตรงหน้า แต่สวรรค์ใดไหนเล่าจะเทียมเท่า
สวรรค์ในอกในใจดวงนี้ ที่ได้ชิดใกล้คุณ นะ..คนดี....
เวลานี้......คงใกล้วันงาน
ที่ยิ่งใหญ่ของคุณยาย ที่มีแขกมาหลายร้อยคน
ผมฝันอีกว่าน่าจะเป็นงานของเราสองนะ ที่รัก.....
คุณบอกจะนุ่งผ้าถุงสวยของคุณยาย
ผมเห็นภาพนางในใจของผม .....
งามเรียบง่าย แบบสาวชาวเกาะ
ที่ทัดดอกไม้แสนสวยเคลียแก้ม แต่ดอกใดไหนเล่าจะแย้มบาน
หวานเท่ายามคุณแย้มยิ้ม....
ผิวสีน้ำผึ้งของคุณคงผ่องผุด ในแสงสีอำพัน ในฝันในใจของผม
แม้มิได้เคียงข้าง....
คุณจะรู้บ้างไหม ผมฝันร้าย เมื่อได้ฟังคุณเล่าว่า.....
มีชายเหลียวจ้องมองคุณจนเกือบตกสะพาน.... ในเย็นวันหนึ่ง
เวลานี้.....วันนี้ ผมไปเรียนตามปกติ
วันนี้เรียนเรื่อง การแตกตัวของอะตอม
ใจผมกลับคิดถึงอะตอมแห่งรักนี้ ที่มีให้คุณ....
มีแต่แตกเติมเพิ่มต่อรอให้คุณรัก อย่างไม่รู้จบ ทบ ทวี ไม่มีสิ้นสุดเลย
.
มีคนถามผมว่า...เรียนเอนจิเนียร์ เกี่ยวกับกลไกเครื่องบิน
ผมต้องฝึกบินด้วยมั้ย...
รู้ไหม..ผมอยากฝึกบินจะตาย...
แต่ไม่ไว้ใจตัวเองเอาเสียเลย.....เพราะ....
ถ้าบินได้...ผมคงอยากบินมาเกาะ
เพื่อมารับคุณกลับไป ครีบแลนด์ด้วยกันเสียที
คงเข้าทีดีนะ.....
ไม่ต้องห่างไกลกันคนละซีกโลกให้โศกตรมระทมอยู่อย่างนี้....
เวลานี้.....ผมอยู่กับความฝัน..ยามหลับตา...
และกับความจริง.....ที่ตอนนี้ แสนยุ่ง.....
งานพรอมใกล้เข้ามา.....
สาวๆตัดชุดกันใหญ่ ผมช่วยมอม ออกแบบบางชุด
ลึกๆทุกครั้งที่ออกแบบ ผมตั้งใจจะออกแบบให้คุณสวมใส่
และผมคิดว่าคงสวยสุดใจ
เมื่ออยู่บนร่างงามเฉิดฉัน ของคุณ มากกว่าหญิงใดในหล้า....
แม้ผมจะชินตากับความงามเรียบง่าย ไร้ปรุงแต่ง ของคุณ..ที่ยังไงก็งามล้ำในใจของผมเสมอมา.....
วันก่อน ผม..เข้าเมือง...ในม่านตา..ม่านใจ
เห็นภาพสาวผิวสีน้ำผึ้งงามตากับชุดกำมะหยี่สีดำรัดรูป
ผมสยายงาม สร้อยผีเสื้อสีดำตัวน้อยร้อย รอบคอ
กลมกลึง สูง สวย สง่า ยามเยื้องกราย....
คุณคือ...แม่มดเจ้าเสน่ห์ของผม.....
ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ไม้เท้า และ เวทมนต์ใดใด...หัวใจของผม
ก็พร้อมยอมพลี เพียงชายตา แลมา ก็พาใจให้ไหวหวั่น......ศิโรราบ.....
เวลานี้.......เพลงตะวันตกดิน....
กำลังบรรเลง ครวญคร่ำ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ร้าวรอน...ใจสุดทน
ผม......ฝันว่าได้นั่งคู่เคียงกับคุณ
ที่เวิ้งอ่าวแสนสวย เห็นแสงตะวันกำลังจะลาลับฟ้า
และ...เมื่อแสงสุดท้ายอำลา
ผมอยากกระซิบบอกคุณว่า....
ผมจะไม่ลาลับทิ้งคุณให้ดายเดียวต่อไปอีกแล้วนะที่รัก.....
เวลานี้.....
ผมอยากฝากสายลม ดวงดาวที่พราวพร่าง
ด้วยบทเพลงนี้ จากใจของผม..ถึง..คุณ..นะคนดี
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=101
เพื่อน้อง
เพื่อ น้อง พี่ปอง หมายพยายาม
เพ้อพะวง เพียงนงราม
คอยติดตามเหมือนเงาตามตัว
เพื่อ น้อง พี่ปองรักมาพันพัว
เพ้อรำพันจึงเมามัว
ยังหวั่นกลัวหลวมตัวลืมตาย
มอบ รัก ฝากใจไว้เป็นประกัน
ขายชีวิตเป็นเดิมพัน ใจประกันมิมีวันกลาย
อย่า ทำ ให้พี่ช้ำเพียงเดียวดาย
แม้ชวดชมตรมใจตาย คงจะอายทั่วทั้งโลกา
อย่า ทำ ให้พี่ ข้องจิต พี่นั่งและนอน ยัง คิด
อยู่ตั้งหลาย เว ลา
ตรม อยู่ในทะเลน้ำตา
ไม่รักพี่ก็บอกมา ไม่ปรารถนา มากวนเจ้า
อยาก รู้ ก็จงคิดดูเป็นไร
ทั้งโลกนี้มีใครใคร
คอยใส่ใจเหมือนดังเป็นเงา
อยาก รู้ ว่าใครภักดีนงเยาว์
น้องคิดดูเพียงเลาเลา
ใครจะเท่าพี่รักเจ้าเอย
อย่าทำ ให้พี่ ข้องจิตพี่นั่งและนอนยัง คิด
อยู่ตั้งหลาย เว ลา
ตรม อยู่ในทะเลน้ำตา
ไม่รักพี่ก็บอกมา ไม่ปรารถนา มากวนเจ้า
อยากรู้ ก็จงคิดดูเป็นไร
ทั้งโลกนี้มีใครใคร
คอยใส่ใจเหมือนดังเป็นเงา
อยาก รู้ ว่าใครภักดีนงเยาว์
น้องคิดดูเพียงเลาเลา
ใครจะเท่าพี่รักเจ้าเอย...
10 กันยายน 2546 13:03 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=3698
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2461
เกาะพะงัน ในใจของดวง
ถ้าถามว่า..ใครรู้จักเกาะพะงันบ้างในวันนี้......
แน่นอนทุกคนอาจจะตอบว่า.........
รู้จักสิ....เกาะที่มี.......FULL MOON PARTY...ใช่มั้ยล่ะ
และโดยเฉพาะถ้าถามคนต่างชาติแถวถนนข้าวสาร
ทุกคนคงตอบเป็นเสียงเดียวว่า...PARADISE ISLAND...........
แต่ถ้าถามดวง...........
ดวงอาจจะมีคำตอบที่ไม่เหมือนใคร
เพราะดวงเกิดที่นั่น.... ที่นั่นเป็น...........
แผ่นดินเกิดของดวง................
คำตอบของดวงมันคงมากกว่า.......FULLMOON PARTY .....
หรือ....เกาะสวาท หาดสวรรค์...
สำหรับใครๆที่ผ่านมา และผ่านเลยไป.................
ดวงอยากบวกความรู้สึกพิเศษภายในใจของดวงลงไป
เป็นความพิเศษของผู้ที่รักทุกเม็ดทรายของบ้านเกิด.........
ของผู้ที่รู้จักสายลมเพียงมิใช่แค่สายลมที่พัดผ่าน
แต่รู้ว่าในแต่ละฤดูกาลของสายลมแห่งเกาะพะงัน
เราจะเรียกชื่อต่างๆกัน...............
ลมว่าว....ซึ่งจะมาพร้อมกับคลื่นถาโถม...
กระแทก กระทั้นราวกับกำลังบรรเลงเพลงเฮฟวี่..............
ลมตะวันออก...มากับฝนชุก และคลื่นที่แตกฟองขาว
เหมือนข้าวตอกแตก เราเรียกคลื่นแตกตอก.............
ลมอุตรา.....ฝนน้อย พัดจากตะวันออกเฉียงเหนือ ไป ตะวันตกเฉียงใต้
ลมตะเภา....ลมเดือน 3...4..5...6
และยังมีลมเดือน...6...7...8...9...10...11.......
ลมพัทธยา ....
ลมนี้จะทำให้ใบมะพร้าวพัดแกว่งไกว
เอนพลิ้วไสว และลำต้นจะโก่งดั่งคันธนู........
กลางวันน้ำทะเลแห้งเหือด.....ราวกับทะเลเปลือย..........
อยากดูก็ต้องไปเกาะพะงันยามลมพัทธยาพัดผ่าน......
ลมตะวันตก.....เป็นลมคู่ขากับลมพัทธยา คลื่นจะแตกฟองแถวแนวปะการัง.....
ลมพัดหลวง..... จะทำให้ในทะเลไม่มีปลา.........
ลมสลาตัน ........มักมากับฟ้าแลบแปลบปลาบเหมือนฝนจะตก
แต่พอพัดกลับไม่มีฝนราวหลอกล่อ .....
สิ่งเหล่านี้ยังน้อยนักที่เป็นรายละเอียดภายในใจของดวง
ดวงยังจำได้ ......
ความสุขของดวงและเด็กๆ เรามีชายหาดขาวยาวเหยียดเป็นสนาม..........
เรามีทะเลกว้าง.........เป็นสระว่ายน้ำ
เรามีท้องฟ้ายามเย็น
ให้เรามองดูเมฆสวยใสพร้อมกับใจดวงน้อยจินตนาการ
และให้เรานอนนับดวงดาวสกาวสุกใส..
ใกล้ราวกับจะเอื้อมมือคว้าได้ในยามค่ำคืน........
เรามีพระอาทิตย์ดวงโตเท่ากับจานใบใหญ่ที่จะค่อยค่อยจมหายลงไปในท้องทะเล ให้เรานับถอยหลัง ยามอัสดง.....
และเห็นประกายสีทองระยิบระยับบนผืนน้ำ......
เรามีทุกสิ่งที่เป็นความงามพิเศษ..พิสุทธิ์
ที่ธรรมชาติหยิบยื่นให้
และ ดวงขอขอบคุณด้วยใจดวงนี้ที่พิสุทธิ์ล้ำ...ต่อ...
ทุกสิ่งที่หล่อหลอมให้ดวงเป็นอยู่ คิดอยู่
และมองโลกอยู่ด้วยดวงตาภายในที่อาจจะไม่เหมือนใคร
ถ้าสวรรค์มีจริงดวงขอขอบคุณสวรรค์มา..ณ....ตรงนี้..........
ขอบคุณชะตาฟ้าลิขิต
ที่ดวงไม่ต้องเกิดมาและพบแต่ศูนย์การค้า...จอทีวี......
จอคอมพิวเตอร์........
ดวงยังมีความในใจมากมาย...ที่จะบอกทุกคน ................
สัญญาว่าวันหนึ่ง ดวงจะเขียน......
บันทึกรัก..ถึงเกาะพะงัน.......
บ้านเกิด และเพื่อนเก่า.........
ที่ดวงเก็บไว้ในใจก่อนสิ้นแสงตะวัน แห่งชีวิตดวง ..............
เพื่อคารวะ ต่อแผ่นดินที่สวรรค์หยิบยื่นให้...
ด้วยรัก......
จากใจสงบงาม เราคงได้พบกันอีกนะเกาะพะงัน..............
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2461
ทะเลไม่เคยหลับ
ดิอิมพอสซิเบิ้ล : : Key Eb
มอง ซิมองทะเล
เห็น ลม คลื่นเห่จูบหิน
บาง ครั้งมันบ้าบิ่น
กระแทก หินดัง ครืน ครืน
ทะเล ไม่เคยหลับไหล
ใครตอบ ได้ไหม ไฉน จึงตื่น
บาง ครั้งยังสะอื้น ทะเลมันตื่น อยู่ร่ำ ไป
ทะเล หัวใจของเรา
แฝง เอา รักแอบเข้าไวั
ดู ซิเป็นไปได้ ตื่นใจเหมือนดัง ทะเล ครวญ
ยาม หลับไหล ชั่วคืน
ก็ถูก คลื่นฝัน ปลุกฉัน รัญจวน
ใจ รักจึง เรรวน
มิเคย จะหลับ เหมือนกับ ทะเล
ทะเล หัวใจของเรา
แฝง เอา รักแอบเข้าไว้
ดู ซิเป็นไปได้ ตื่นใจเหมือนดัง ทะเลครวญ
ยาม หลับไหล ชั่วคืน
ก็ถูก คลื่นฝัน ปลุกฉัน รัญจวน
ใจ รักจึง เรรวน
มิเคย จะหลับ เหมือนกับทะเล...
10 กันยายน 2546 10:12 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=973
(ดวงใจในฝัน)
**********************
ราตรีนี้...
พระจันทร์ดวงหวานสีส้มสุก
กำลังค่อยๆโผล่พ้นออกมาจากเรียวเมฆหม่นเทาทึม..
ขับความมืด ด้วยรัศมีจันทร์..กระจ่างฟ้า..ลอยทายท้าเด่นดวงละออ
ณ..ลานกว้าง รายรอบด้วย ไม้ไพรโมกไพรเป็นฉากชั้น..
หลังเสียงดนตรีกระหึ่ม ที่ค่อยๆจางหายไปกับสายลมละมุนในยามค่ำ
ผู้คนหญิงชาย ก็พลันกระจายราวฝูงผึ้งแตกรัง ราวกับนกคืนรัง
ราวกับฉากในหนังหลังงานเลี้ยงเลิกรา..
ไม่มีผู้ใดเสียเวลา ให้กับฟ้ากว้าง
ให้กับพระจันทร์ดวงหวาน ดายเดียว ดวงเดียวที่กำลังแย้มยิ้มพริ้มเพราบานแฉ่ง
รอทายทักให้พักใจ..ให้สวยใสฉ่ำเย็น..ให้เห็นงาม..
ทุกคนคงคิดไปฝากท้องในห้างสรรพสินค้า
หรือไม่ก็ก้มลงมองหาวัตถุมากมีมากมายไว้บำรุงบำเรอชีวิต..
จะมีสักกี่ชีวิต ..ที่รอเติมเต็มจิตวิญญาณ
กับฟากฟ้ากว้างกับมวลดารา พราวพรายแสง..
และ....
ลำพัง..คราครั้งนี้มิใช่กับจันทร์เสี้ยว ดวงเศร้า
หรือกับจันทร์รานร้าว
จันทร์ครึ่งดวง
หรือดวงจันทร์ในทะเล ในไพรพฤกษ์ที่ไหน
แต่..ไพลกลับนั่ง..กลางเมืองกรง กลางลานกว้าง กับใจเคว้งคว้างร้างไร้
ทั้งที่มีมนุษย์มากมีมากมาย...
หากแต่ใจหาย! เสียยิ่งกว่า กับโลก..กับชีวิต..
ฟ้าสีน้ำเงิน..กระจ่างสว่างขึ้น..
ด้วยแสงแห่งแรงใจ ..
แห่งพลังจันทร์.....พลังฝัน..แม้นจันทร์ยัง
เป็นจันทร์ดวงเดิม จันทร์ใจดี จันทร์ดายเดียว
ยามเหลียวมองลำพัง และลำพัง นะคืนค่ำนี้ นะราตรีนี้
จันทร์ยังคงหมุนวน..มาทำหน้าที่ส่องสว่างนำทางใจ
ให้สวยใสงาม ในทุกยาม ที่ได้ฝากฝัน ฝากใจ..ไปถึงกัน
ไม่ว่าฉันและเธอ หากยังเพ้อครวญถึง
และ..
ในคะนึง
ยังมีใจดวงเดียวกันคอยเกี่ยวประหวัดรัดรึง..ซึ้ง..มิรู้สิ้น..รู้จบ
หรือ...
เพียงเพื่อรอวันได้พบ พราก จากลา..อันเป็นธรรมดาๆโลก..
ให้โศกสุขเวียนวนเฉกเช่นจันทร์..
จันทร์เพื่อนใจ...
ยิ้มประโลมให้หัวใจไพล ..
ผู้นั่งแหงนเงย ให้เหงาคลาย
ผู้รู้ใจดีว่า ไม่ว่ากี่ราตรี สักกี่ที่ สักกี่ปี สักกี่ภพกี่ชาติ
เธอ..คงนั่งดูจันทร์ดวงงามตามลำพัง ..
ไม่ว่าจะเป็นจันทร์ในทะเลบนเนินผาริมเกาะเต่า
หรือ..
ในน้ำจรดฟ้า หรือว่า..ในไพรพง ..ในฝัน...
คงเป็นลำพัง..ที่แสนสุข โศกซึ้งตรึงใจ..
ที่โลกใจดีหยิบยื่นให้ได้เพียงนี้ แค่นี้ เท่านี้
ที่น่าจะพอใจพอเพียงเพียงพอ..โอ้ละหนอใจ.
แม้นมิมีผู้ใด ที่มีเนื้อใจละมุนพอกัน
ให้ใช้ไหล่กว้าง ได้เอนอิงพิงพัก ฝากหัวใจรักหัวใจฝัน
และฝากฝันนั้นฝากใจนี้
ไปกับจันทร์ดวงงาม
ในยามค่ำที่แสนงามแสนดีไปพร้อมกัน..
คิดถึง..ใครคนหนึ่ง คนไกล ที่อยู่แสนไกลเกินครึ่งฟ้ากว่าซีกโลก
กับจดหมาย เหว่ว้า ที่เราเคยได้รับ กับคำแสนหวาน..
let share The moon to night...ในทุกสุดท้ายทุกจดหมายรัก..
และนะราตรีนี้..
ไม่ว่าเธอ..คนดี จะอยู่นะ แห่งหนใดในโลกแสนกว้างทางไกลนี้
ไพลจะกระซิบคำนี้กลับไป ฝากไป กับขุนเขา มหาสมุทร ทะเลกว้าง
ข้ามขอบฟ้าไกลถึงเธอนะคนดี
ที่ยังอยู่ในเรียวระลึกในหอมงามแห่งความทรงจำ...
ไพล..เดินเดียวดายมานั่งใต้ชายคากระท่อมไม้สน..
กล้วยไม้หลากสีที่คาคบ ใต้ต้นพญาสัตตบรรณ ช่อชั้นแค่ระดับสายตา
พากันแย้มยิ้มต้อนรับ
ดอกพุดพิชชา ดอกพราวขาวนวลน้อยน้อย คอยรอรับในกระถางที่วางไว้ริมชานเรือน
นั่นโมกพราวสะพรั่ง ร่ำหอมไห้หัวใจอย่าโศกราน
ดอกชบาและกุหลาบหวาน..
ค่อยค่อยคลี่กลีบบานชูช่อรอรับหยาดน้ำค้าง...น้ำผึ้งพระจันทร์
คิดถึงคู่ฮันนี่มูน ที่พากันขับรถมาลา พากันไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ไกลถึงชายทะล
แสนงาม...ที่ป่านนี้ คงอิ่มฝันอิ่มสุขกับ
คืนฝันวันพระจันทร์หวานอย่างนี้ อย่างนี้
และบางทีคงมากพอที่จะทำให้น้ำทะเลลดเค็มขมไปได้สักครึ่งนึงกระมังนะ..
กลิ่นกาแฟ หอมหอม ลอยคละคลุ้งมาอวลตรงหน้า พาให้คะนึงถึงคืนฝนพรำ
ที่คงหวานฉ่ำ บนภูไพรที่ไหนสักแห่ง
กับฉากฝัน นอนดูพรายพระจันทร์ ผ่านหน้าต่างกระท่อมหลังคาจาก ชายคาจาก
กับหยาดฝนพร่างสาย กับเรียวใบไม้ซัดส่ายเอนไหวไปตามลมแรงกระชั้น
และคงมิหนาวใจ เพราะมีอ้อมอกอ้อมใจใครบางคนและไหล่กว้างให้ซุกซบ..
ในอ้อมอกอุ่น ..ออดอ้อนเอาใจ..
โอ้ละหนอ..
เมื่อ..ดึงหัวใจกลับมาเผชิญ ความจริงตรงหน้า..
กลับคิดถึง..กวีซีไรท์ คุณกนกพงศ์ สงสมพันธุ์ นักเขียนในดวงใจ
ที่ชอบเรื่องหุบเขาฝนโปรยไพร และยามเช้าของชีวิต..
เขากล่าวถึง เด็กหนุ่มคนหนึ่ง
ในบทหนึ่งของยามเช้าแห่งชีวิตอย่างน่าฟังว่า..
..ถูกระบบเมืองกลืนกินจิตวิญญาณ จนแห้งด้านตายซาก
ไม่มีเวลาแม้กระทั่ง จะแหงนเงยดูฟากฟ้า
พรายพระจันทร์หรือตามฝันตามตะวันไปกับแสงพระอาทิตย์ในยามเช้า...
ยันดึกดื่นดายเดียว
เพราะเที่ยวท่องสนองความอยากมากมีตามวัตถุตามค่านิยมคนเมือง
เพื่อประเทืองใจไปตามสังคมระบบผ่อนส่งตรงไปหาโลกเทคโนโลยี่
ที่ช่างมากมีมากมายให้อยากได้อยากเป็นมิมีวันสิ้นสุด...
จนดวงใจ อ่อนล้า หากไม่รู้จักคำว่าหยุดคำว่าพอ..โอ้ว่าละหนอเนื้อใจมนุษย์..
จนกระทั่ง..วันนึง ..
เขาตกใจ เมื่อคิดขึ้นมาได้ว่า นานเท่าใดแล้ว
ที่มิได้แหงนเงยหน้าจากตรากตรำ เฝ้าฝันเฝ้ามองขึ้นไปยังฟากฟ้ากว้าง
ยังฟากฟ้างาม ยังเทือกเขาลำเนาไพร
ยังดอกไม้ไพรที่ยังบานรอหัวใจดวงละมุน
ให้เกี่ยวเก็บมาดอมดมบริสุทธ์ผุดผ่องให้งามพร่างสว่างกลางใจ..
ที่หากคิดคิดไปก็แสนสั้นเป็นยิ่งนัก
กับชีวีนี้ที่ได้เกิดมาชิดเคียงใกล้ธรรมชาติได้ทำตามใจชอบใจฝัน
ในโลกแห่งความจริง ที่สุดแต่ใจใครจะไขว่คว้าหางามจากมุมมองด้านใดของชีวิต..
เขา..คนนั้นพลันตระหนัก..เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า..
ก้าวหันหลังคืนรังคืนถิ่นถวิลไพรไปปลุกชีวิตไพร...
สร้างสวนป่าผสานผสมแบบพอเพียงตามกระแสพระราชดำรัส..
ที่ทรงตรัสไว้ให้พสกนิกรไทยได้ไหวตามทันกระแสโลก
ที่ดั่งน้ำเชี่ยวกรากมากมีความอยาก จนเกินความพอดี พอเพียง
มีแต่เอียงเทใจไปให้รับทุกข์ทนยาก..แบบไม่มีวันสิ้นสุดหยุดลงได้เลย...
และ..นับวันนี้ไป...ท่ามกลางเทือกเขาหลวง..แสนงามนั้น
ไพล.. ขอเอาใจช่วยใจหวังเป็นพลังให้หนุ่มน้อยคนนั้น
ได้สานฝันทำฝันให้เป็นจริง..
ได้อิงชีวิตกับแนวไพรพะเนิน..
ให้พบชีวี สมถะ งามเรียบง่ายสงบงัน...
ในท่ามกลางพงไพร ในท่ามกลางความเป็นธรรมดาๆธรรมมะ ธรรมชาติ
ที่ผู้มีดวงตาที่สาม..เพียงนั้นถึงจะพาฝันไกลตามไปได้ถึง...
มิโศกซึ้งเหนื่อยยากมากเรื่องรกรุงรังดั่งขยะชีวีอีกต่อไป..ในสังคมหน้ากาก..เมืองหลวง..ลวง!
ที่มากมีทั้งคนดี คนชั่ว..มามากมั่วมากความ ตามๆกันไป
ตามกระแสโลก...กระแสใจที่หมุนเร็วรี่..นะคนดีที่เรานี้พาชีวีตาม.แทบไม่ทัน...เอาเสียเลย..
และ.......
ชีวิต..คืออะไร ไยสั้นนัก
นกปีกหัก รักโผผิน อยากบินหนี
เจ้านกหนาว เจ้านกน้อย คอยอะไรกันเล่า..ยอดชีวี
จึงขังฤดี ขังจิตวิญญาณ ในม่านกรรม!....
..............
และหันหลังกลับมาอีกครานะโลกจริง
ไพล...เดินกลับบ้าน..เฉกเช่นทุกคืนค่ำ กับจันทร์ทุกฉาก เป็นเพื่อนเคียงใจ
ไม่ว่าจันทร์เสี้ยว จันทร์เศร้า จันทร์ดายเดียว
หรือ..
กับจันทร์ใจดีกับจันทร์ดวงนี้ในคืนค่ำ..
ที่เคยมีเธอ..คอยออดอ้อนพะเน้าพะนอคลอใจให้ไหวหวาม
ไปตามเส้นทางสายโศก สายฝัน
ที่ยากนักที่ใครจะจินตนาการเห็นงาม..หากมิตามมาดูมาเดิน..
ไพล ...หยุดกลางสะพานข้ามลำประโดง...
และมีดงดอกโสน เป็นกอล้อลมเหลืองพราวพร่างกระจ่างรับกับเงาจันทร์ เงาใจ
ไพล..หยุดหัวใจ และฝากคำอ้อนใจถึงใครบางคน
ให้ชื่นชมแบ่งปันคืนฝัน คืนพระจันทร์เต็มดวงงามแอร่ม
แต่..ฝันคว้าง คว้างขวัญ..
ฝันพลัด ฝันกระจัดกระจายร่วงหล่นหายมลาย ไปกับสายน้ำ
ที่มิได้มีสายไย สายใจพอกัน
ที่จะรับฟังรัดร้อยพันผูกอีกต่อไป..
ช่างเถอะนะ! หัวใจ.. ช่างเถอะนะ! คนดี..
คนเราย่อมมีเหตุผล กับทุกการกระทำ..
หากมิได้หยั่งใจ หรือใช้ใจคิดถึงใจเขาใจใคร
ให้หมุนละไมละมุนหมุนหัวใจมาตรงช่องกัน ..
เหลือเพียงก็แต่จะหันหลังพรากลา ชั่วกาล..
ขอให้พรายพระจันทร์พาใจดวงฝันให้ดับดวงเร็ววัน
อย่าให้พ่ายใจพ่ายจันทร์ต่อไปอีกเลย..แล้ว!
และ..
ยังมีเรือนจำปี..รอรับร่างใจที่สวยใสงาม ในทุกโมงยามแห่งชีวี
มิใช่ละหรือ!
นะค่ำคืนนี้..
ที่ผู้คนพากันหลับไหล ..จะเป็นไรไป..
หากใจยังมีไฟมีฝันมีจันทร์ให้ฝันค้าง..
ไพล..จึงจุดตะเกียง เขียนเรื่องนี้
ในท่ามกลางราตรี ระดะดาว พราวแสงจันทร์งามลอยเด่นดวง
ที่ที่มีมากแมกไม้ไทย หอมไกล หอมพร่าง
กับดวงดอกจำปีที่ดกพราว กับลมหนาวแผ่วแผ่วพรม
กับกอแก้วระทมกลางใจ กับนวลพราวของโมกดอกนิดนิดน้อยน้อย..
กับทุกสิ่งที่มิไหวติง นิ่งเงียบสงบงาม
กับจันทร์ดวงหวานหยาดฟ้า กับชายคาให้ร่มรักได้พักพิงใจ
กับก้านกิ่งเขียวใบ เขียวไพรของริ้วเรียวใบจำปี
ที่พาพรายจันทร์ทอทอดลอดส่ง..สายน้ำผึ้งหวานหยาดมาพร่างพรม มาห่มใจ
มากระจ่างใจ..ให้สว่างไสว..
มิให้ใจพ่ายจันทร์
หากให้มี แต่ฝันดี ฝันงาม ....
ยามระลึกนึกถึง ความทรงจำ..
ที่แสนหวานที่แสนงาม..ที่ผ่านเลย...มานะดวงใจ นะยอดดวงใจ!