28 ตุลาคม 2546 23:53 น.

ราตรีคลี่ดาวใจ!

พุด



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=304


ใน...ราตรีหนึ่ง
ไพลนั่งดายเดียวเดียวดาย
ดูไฟพริบพราวบนตึกสูง..สูงลิ่ว 
กับลมหนาวละลิ่วละล่องมาปะทะร่างราน.... 
แลละลิบลงเบื้องล่าง แลรายรอบราวเมืองสวรรค์ฝันสับสน.. 
กับชีวิตผู้คน..อลวนอลเวง..ในเมืองลวง และ..
รอดาวนำทางใจศรัทธาใจดวงไกล
ที่กำลังลอยละลิ่วปลิวด้วยลมรักลอยมาหา
มาปลอบประโลมใจ
ยามที่ไพลราวธุลีเล็กนิดเดียว 
ในโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้


 

ที่ไพลเฝ้าเพียรแต่สงสัย ถามใจตัวเองว่า..
จะมอบนิยามใดให้แก่โลกใบนี้ดี..ละหนอ ละหนา
ที่มีทั้ง ดิ้นรนเหว่ว้าสับสนต่อสู้ 
สุขแสนสุขในบางมุมของโลก
และโศกแสนโศกโลกแทบสะเทือนไหวในบางชีวาชีวิต
ที่ถูกลิขิตไปตามกาลไปตามแกน

ความงามซ่อนอยู่มากมาย 
ความชั่วร้ายก็ซ่อนอยู่มากมี
สุดแต่ใจเรานี้จะไขว่คว้าและ
ชะตากรรมนำพาหมุนวนให้ไปพานพบกับสิ่งใด

บางวันสุขล้นหัวใจอยู่ดีดี..
พออีกนาทีต้องมานั่งเศร้าดายเดียวลำพัง
น้ำตาพร่างพลันพรู
ร้างไร้ผู้ใดรู้เห็น....
โอ้ช่างไฉนเลย  สวรรค์เอ๋ยสวรรค์ลา สวรรค์ปิด

........


ไพลจึงพลันคิด..
ฝันใฝ่
ใส่จินตนาการงาม..ให้..เมืองมลังเมลือง 
เบื้องล่างนั้น
คือเมืองสวรรค์ในฝัน....


ที่มีแม่น้ำเนรัญชราไหลผ่าน 
มีม่านหมอกราวสายไหม 
มีดวงดอกไม้หวานแอร่มแต้มไพรระดะดวง
มีเส้นทางสายงามทอดทาบราวอาบทองทา 
นำพาไปสู่ป่าหิมพานต์ 

ณ.แดนดินแห่งมนต์ขลัง 
เป็นป่างามสะพรั่งพรรณตระการตา 
มีดวงดาราพร่างดาระดาดกระพริบพราว 
มืทางช้างเผือกงามอะคร้าว
ราวรุ้งเรียวรอรับร่างขึ้นไปไกวชิงช้าเมฆ
เสกรวงดาวหว่านพราวพร่างพรมห่มให้โลกงามเลยค่ะ.. 

ไพล..พรรณนายากจังเลย 
หากวาดเป็นภาพออกมาได้คงดีนะคะ.... .



หยาดน้ำค้างพร่างพรมลมลูบไล้ 
แสงจันทร์ฉายคลายเศร้าคอยเฝ้าขอ 
ไกวชิงช้าเมฆเสกรวงดาวพราวสร้อยคอ 
คล้องขวัญรอขอเกี่ยวใจไปนิรันดร์...


ไพล.. ใส่เสื้อหนาวชาวเขา 
ออกมานั่งรอดูดวงดาวแห่งศรัทธารัก 
หวังจักโชนแสงส่องมาปลอบประโลมใจ ในยามเหว่ว้า 

และดาวในดวงชีวาก็พลันส่องกระจ่างกลางใจ
ดาวประจำใจดาวประจำเมือง..แห่งรักเราสอง
รอหัวใจไพลลอยละล่องติดปีกฝัน 
พลันสู่ไพรพฤกษ์พงเลยค่ะ.


ในฝัน ไพลนุ่งผ้าถุงชาวเขาผืนงาม 
และคลอคล้องร่างห่มพรายให้หนาวคลาย 
ด้วยผ้าไหมทอทอดสอดดิ้นทองสีไพล.. 
และ 
บนภูผาสีเงิน ที่ใกล้แสนใกล้ 
ราวเอื้อมมือคว้าดาวสุกใสเอามาใส่อุ้งมือได้ 
ไพลมีเขาคนนั้นยืนนิ่ง 
ให้พิงไหล่อยู่ในอ้อมโอบอ้อมอกอุ่นละมุนหอมหอมหอม 
ทั้งกรุ่นกลิ่นดอกไม้ไพร.
และกลิ่นอุ่นไอไออุ่นจากอ้อมอกแนบละมุนละไม..
ไปถึงหัวอกหัวใจให้หนาวคลาย..ให้คลายหนาว



และใครคนนั้นพลันชี้ชวน 
ให้ไพลชมทางช้างเผือก

ไพลกระซิบขออธิษฐานใจ.... 
ใครละหนอ ใครกันละนี่ ที่จะได้รับรู้รับทราบ
หรือ.. 
อาจมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้ยินได้ฟัง.. 

พระเอกในฝันในใจ
หรือมีเพียงใจดวงเศร้าร้าวไหวของไพลได้ยินคำดายเดียวลำพัง.. .

  

ฉันเห็นเธอในดอกไม้สายลมไหว
มวลนกไพร ในฝนพราย แมกไม้ฝัน
ในดวงดาว ในอุ่นแสง แห่งตะวัน
ในความฝัน ในยามตื่น ชื่นฉ่ำใจ..

ฉันเห็นเธอ ในดวงจันทร์ ฝันเคียงฟ้า
ในเมฆา ในเรียวรุ้ง กระจ่างใส
ในผีเสื้อ ในสายน้ำ ในขุนเขา ในเงาใจ
เธอสถิตอยู่กลางใจในเรียวตาในศรัทธาในรักนี้ มิมีวันจะลบเลือน!.>

***************


ทะเลเมฆเสกรวงดาวละลิบลิ่ว 
ราวโปรยปลิวพริ้วสายไหมทอไยฝัน 
วิมานใดไหนเล่างามเทียมทัน 
ลุ่มหลงฝันวันแสนดีราตรีไพร... 

เดือนหยาดหวานปานโปรยโรยน้ำผึ้ง 
ใจดวงซึ้งซ่านสุขซุกหวามไหว 
กุหลาบงามยามนี้คลี่กลีบหอมยวนใจ 
ดอกไม้ไทยไหวกิ่งก้านหวานรับลม... 


ลั่นทมระทมช่อล้อลมไหว 
หอมเศร้าใจยิ่งไหวหวั่นวันขื่นขม 
ลำธารหอมหลอมระรินกลิ่นลั่นทม 
หมอกพร่างพรมห่มร่างร้าวช่างหนาวใจ.... 

ฝันฝากร่างอ้างว้างกลางไพรพฤกษ์ 
ดาวยามดึกพริบพราวว่าอย่าร้าวไหว 
อีกไม่นานดอกไม้หวานบานรับใจ 
ไม่ห่างไกลทิ้งใจร่างกลางผืนไพรดาวพร่างพรม 


********


วันนี้ไพลเด็ดการะเวกเสกมนต์เศร้า
นำเข้าไปวางให้คุณหมอ.ที่โรงพยาบาล..
คุณหมอพระเอกทอลดาร์คและแสนดี
ผู้เป็นดั่งศรัทธารักในดวงใจไพล...
ยิ้ม..หวาน
และบอกว่าหอมจังเลย!
ค่ะ
แค่นี้ เพียงแค่นี้..หัวใจไพลก็แสนมีความสุขแล้วละคะ..ทุกดวงใจ!
 
				
28 ตุลาคม 2546 07:11 น.

ผู้ชายพันธุ์ไม้เลื้อย!...

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=6301..
********

ใจของเธอเหมือนตำลึงพันทุกรั้ว
เลื้อยไปทั่วพันไปในทุกหน
ใช่ไม้ใหญ่ไม้ไพรเนื้อกมล
ขึ้นทุกหนพันทุกแห่งแหล่งน้ำมี...


ใจของเธอเหมือนสายธารไหลผ่านเซาะ
ใช่ยึดเกาะแค่ของเหลวไหลทุกที่
หว่านสายหวานผ่านดินแล้งซึมทันที
มิคงที่มิคงทนวนวกใจ...


ใจของเธอใช่ภูผาท้าลมฝน
แค่ลมบนพายุร้ายพัดไม้ไหว
ใช่..ลมรักลมเย็นลมหายใจ
พัดผ่านไปพายุทรายกลายกลบตา!


ใจของเธอดั่งน้ำค้างพร่างพรมพฤกษ์
พอยามดึกพร่างดอกไม้ให้โหยหา
ในยามเช้าหายวับไปกับตา
น้ำค้างฟ้าหาได้พร่างกลางดอกเดียว!


ใจของเธอเหมือนฤดูกาลไม่คงที่
วสันต์ฤดูฤดีก็เหงาเปลี่ยว
คิมหันต์มาคงออดอ้อนนอนดายเดียว
ฝากใจเกี้ยวสาวกลางไพรละไมละเมอ!..


ใจของเธอไร้ใครครองก็ของแน่
เพราะผันแปรเรื่อยไปตามใจเพ้อ
วันนี้รักพรุ่งนี้ร้างหลงละเมอ
ร้องเพลงเพ้อพูดพร่ำลำนำรัก!..


ใจของเธอไร้แก่นสารน้ำผึ้งขม
แค่ลมลมแล้งแล้งแกล้งเพ้อภักดิ์
ทำทุกอย่างให้ตายใจสะใจนัก
ยิ้มชนะหรือชนักลองตรองดู..!


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=6301..
บทเพลง..ให้..นี้..ขออุทิศให้ทุกหัวใจลูกผู้ชายพันธุ์ไม้ไพรใจยืนต้นหนักแน่นฝังรากรักมั่นคง..ค่ะ				
25 ตุลาคม 2546 14:32 น.

หนึ่งในทรวง!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2068
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=223

จากเจ้าพระยาถึงไพรกว้างมิร้างรัก
กี่เศร้าหนักกี่ฝนหนาวกี่ร้าวฝัน
กี่ลมร้อนอ้อนดอกไม้พรายพระจันทร์
กี่วสันต์ หว่านสายครวญ หวนหานา..!

เก็บภูผาเดียวดายซ่อนไว้ในใจขวัญ
เก็บคืนวันเปลี่ยวเหงาใจเหว่ว้า
เก็บวัยเยาว์ทอดซึ้งเงากาลเวลา
ยามรอนล้าติดปีกฝันพลันสู่ไพร..!


ทิวเขาสูงถูกโอบกอดยอดเคลียเมฆ
งามราวเสกสรวงหวานปานสายไหม
กี่ลมแล้งแกล้งพัดพายุใจ
มิหวั่นไหวทายท้าโลกโศกสุขคลาย..!

คิดถึงรอยเท้าพ่อรอตามย่ำ
ดอกฝนพรำ เรียวรวง เพชรพร่างสาย
ภาพผืนนาอาบทองทาหอมพร่างพราย
หัวใจร้องไห้กับคืนฝันวันตื้นตัน..


ไผ่เสียดกอ ออดออเซาะ ซัดส่ายไหว
สายลมไกวพลิ้วระบัดพัดรวงฝัน
ขลุ่ยหวานแว่วแผ่วผ่านทุ่งพ้อผูกพัน
เพลงเรียมขวัญเที่ยวท่องล่องตำนาน..

ดวงดอกรักฝากรักร้อยสร้อยสวาท
ดอกพุทธชาติวาดวัยเยาว์ซ่อนกลิ่นหวาน
พิกุลแกมแก้วเกศหอมชั่วกาล
ละอองซ่านหวานดอกหมากฝากมิคลาย..


กล้วยแตกกอคลอรั้วทั่วแนวบ้าน
ห้อยหวีหวานสุกงอมหอมไม่หาย
มะละกอลูกคลอต้นดกมากมาย
ตำลึงพรายเลื้อยพันช่อล้อหลักไพร..

บัวหลากสีคลี่กลีบรับน้ำค้าง
อุษาสางพร่างเกสรน้ำค้างใส
พายเรือน้อยเด็ดบัวตูมตูมตั้งใจ
บนหิ้งใจแทนศรัทธารักจักธำรง..


จุดเทียนทองส่องบูชาหน้าพระพุทธ
เงาผ่องผุดจับพระพักตร์งามสูงส่ง
กระท่อมน้อยเงียบงามในไพรพง
ทั้งแดนดงดนตรีไพรลั่นไพรวัลย์..


กลิ่นข้าวใหม่หอมอวลร่ำกับลมหนาว
ใบเตยเคล้าอรุณรุ่งกรุ่นกลิ่นฝัน
กระดังงาหอมหวลกับนวลจันทร์
สาวนาพลันซุกซบหมอนนอนหนาวใจ....


กลิ่นฟืนไฟจากก้อนเส้าแตกปะทุ
หอมระอุนวลหอมน้ำข้าวใหม่
ตำน้ำพริกแกงเลียงตำลึงไพร
แว่ววิหคไพรไก่นาขันกระชั้นมา..

ตัดใบตองรองกระเฌอนำไปวัด
จีบบัวจัดดอกไม้เจิมอุษา
งามดวงใจนุ่งผ้าถุงเรียบงามตา
วันพระมายินเสียงฆ้องเสียงกลองชัย..


เดินเรียงรายผ่านสายธารหวานดอกไม้
วัดใกล้ใกล้เดินขึ้นเขินเนินไศล
ในดงไม้เจดีย์ทองโผล่รำไร
สวรรค์ไพรใจสาวนาพาอิ่มบุญ..

ชีวิตงามเงียบฟังธรรมล้ำกุศล
กลางกมลนิ่งใสน้อมใจหนุน
แก้วกระจ่างว่างหัวใจอิ่มเอิบบุญ
โลกละมุนใจละไมใฝ่งามธรรม


เป็นอดีตที่สาวนารอท่ากลับ
โลกลี้ลับราวสวรรค์ฝันเลิศล้ำ
ภาพในฝันวันวัยเยาว์เฝ้ารินร่ำ
ลืมระกำกรรมเก่าก่อนเพียรสอนใจ

สร้างสมาธิ มีปัญญา อย่าหม่นหมอง
มิได้ครองหัวใจใครไม่หวั่นไหว
ในชาตินี้มิว่าเรามิว่าใคร
สุขทุกข์ใจเวียนว่ายชดใช้กรรม..

หวังโซ่กรรมตัดขาดสวาทสิ้น
มิถวิลมิไห้หวนทวนวนซ้ำ
ถอดหัวใจดวงน้อยน้อยลอยถวายวัดเลิกระกำ
สิ้นรักกันทุกทุกชาติสวาทวาย!!!

***************


พุดพัดชาเขียนบทนี้ขึ้นมาด้วยแรงฝันบันดาลใจ
สองประการ..

จากลำนำบทกวีของลำน้ำน่าน..จากทุ่งนาจรดเมือง..และ..
จากชีวีที่ดิบเดิมติดดินถวิลไพรของพุดพัดชาเอง..


จากคำงามล้ำ..ลำน้ำน่าน..ในที่มา..ว่า..
หลายๆคนที่กำลังคิดถึงบ้านในยามที่ฤดูกาลเปลี่ยนแปลง
คงจะเศร้าไม่น้อยสำหรับความรู้สึกนี้ที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่

ช่างเป็นคำโดนใจกระหน่ำใจ..
ที่ตรึงใจจนน่าขอบใจลำน้ำน่าน
กวีดีไรท์ได้แน่..จากใจพี่พุดดวงนี้ที่ยินดียกให้นะคะ

ผู้ที่รับบทนักอยากจะเขียนเพียรสร้างฝัน
รจนางานงามชมธรรมชาติได้ล้ำเลิศเป็นยิ่งนัก..
ซึ่งมิพักต้องถามก็พอรู้ว่า..

ลูกผู้ชายชาติไพรหัวใจสิงห์ หัวใจทรนง คนนี้นั้น
เกิดมาจากเนื้อดินผืนใด
เนื้อดวงใจจึงพิสุทธิ์ใสเข้าถึงแก่นกระพี้ผู้ยากไร้ 
ได้อย่างดิบเดิมถึงแก่นใจเสียนี่กระไร


และ...
อย่าได้สงสัยเลย...
ทำไมพุดพัดชาถึงให้กำลังใจ พลังใจ 
ในงานงามล้ำนี้อย่างซาบซึ้งถึงแก่นใจเฉกกัน

เพราะระหว่างเราสอง..นั้น.
เนื้อดิน..ผืนดินเกิด..คงก่อเกิดก่อเกื้อมาจากพงไพร
จากลำธารสายใสหวานละไมละมุน
หลอมละลายร่างหลอมละลายใจ

ให้กลายผ่าน มาเป็นเนื้อใจ
เนื้อจิตวิญญาณใกล้เคียงกัน..
อาจจะห่างกันแค่วัยวันและ
ผืนดินฝันก็คงแค่ชั่วทะเลกั้น.แค่นั้น..ก็แค่นี้..


พุดพัดชา..ถึง
รักงานแนวนี้..
และบอกได้อย่างเต็มปลื้มอย่างเต็มภาคภูมิแทนใจว่า..
นานทีปีหนจะได้พานพบกับคน..
ที่รักงานเขียนในแนวธรรมชาติไพร
ได้อย่างถึงแก่นกระพี้ใจ 
ที่พุดพัดชาอ่านทีไร น้ำตาในดวงใจในดวงตาก็ร่วงก็ริน..

และ.
อีกแรงบันดาลใจ...
จากชีวิตพุดพัดชาเอง..

ที่เกิดมากับไพรพงพะงัน
ที่ใครบางคนฝันและคิดเอาเองว่า..
คงไม่มีทุ่งนา ป่าเขาลำเนาไพร
ลำธารสวยใส สัตว์ป่านานา..ดวงดอกไม้ในหุบผา..

และที่งามยิ่งกว่าสิ่งใดคือบุหลันราตรี..
ที่ทั่วโลกต่างบินมาชื่นชมโสมนัสจัดปาร์ตี้เริงระบำรับ


และ..แน่นอนค่ะ
เกาะของพุดพัดชา มีมากกว่าทุกสิ่งที่ว่าเสียอีก
ในงามละเอียดละเมียดละมุนไพร
เพราะว่าเกาะมหัศจรรย์รักของพุดพัดชานั้น
มีทะเลฝัน ทะเลกว้างอยู่ตรงหน้า

และอีกด้าน..
ในป่งดงดิบล้ำลึกลึกลับกลับงามเงียบ
ด้วยพันธุ์ไม้ร้อนชื้นนานาพรรณ
มีกล้วยไม้พันธุ์มงกุฏไพร
ที่งามล้ำหายากยิ่งนักในปฐพี..

อยากรู้จักเกาะมหัศจรรย์รัก
ก็ไปหาอ่านจากแผงหนังสือ
และกับอีกสองชื่อเรื่องราว
พลังแสงสีเงินและมนต์รักเกาะพะงัน
จากนามปากกา ..นาวี..รังสิวรารักษ์..
นักเขียนคนเกาะ
ผู้เป็นดังดวงใจพุดพัดชานะคะ ขอฝากไว้ด้วย..


และด้วยเหตุฉะนี้เพราะมีที่มา
พุดพัดชาจึงมีชีวิตยามวัยเยาว์ที่ติดดินถวิลไพรเฉกเช่นนี้

ทุกฤดูร้อน....

ที่ดวงดอกไม้เบ่งบานตระการตาตระการใจไปทั้งราวป่า

พุดพัดชาจะเดินข้ามทุ่งนาป่าละเมาะ
และลำธารสายหวานระริน
ผ่านสายลมระรินบางเบาพัดโบกโบยในทุ่งนา
ที่กำลังโอบอุ้มรวงเรียวระย้าย้อย
จนหนักห้อยค้อมเกือบถึงดิน

พุดพัดชาจะแอบเก็บลูกไม้ในป่ากิน
จนปากเขียวเลยค่ะกว่าจะถึงที่หมาย
ดีที่ไม่ตายเพราะผลไม้ป่าเป็นพิษ..
คิดคิดก็ทั้งตลกและน่าสงสารตัวเอง..

...
คุณตาพุดพัดชา เป็นเจ้าของเทือกเขาทั้งลูกเลยค่ะ 
ครอบคลุมทั้งแนวเนินไศล ที่พุดพัดชาแอบเรียกชื่อ..
ให้ว่า..เทือกเขาไพรพะงัน..

มีหินงามระเกะระกะก่ายกอดกัน 
ก้อนใหญ่ยักษ์เท่าตึกสองชั้นก็มี 

ทางขึ้นไปนั้นจะเป็นทางสายงามสายเล็กๆ
ทอดคดเคี้ยวเลี้ยวลัดเข้าไปในซอกหินงาม
ที่พุดพัดชาเคยรจนาบางฉากฝากเอาไว้ในเรื่องกระท่อมใบไม้ไงคะ

และที่พุดพัดชา ซาบซึ้งใจมากคือ
คุณตามีกระท่อมไม่ไผ่ขัดแตะ
ปลูกตรงที่เนินสล้างสวยสุด 

มองไกลไปจะเห็นฝั่งทะเลล่างละลิบ
ผ่านดงไม้ดงมะพร้าวหลายพันไร่ มากมาย 
บางเวลาเราจะมองเห็นเรือลำน้อย
ฝ่าคลื่นฝองฝอยขาวนวลฝ่าทะเลเงินระยิบระยับ


และ..
ยามตะวันรุ่ง..ตะวันรอน..
คุณตาจะหุงข้าวไร่สีแดงๆหอมๆด้วยหม้อดิน 
ด้วยเตาไฟที่ใช้หินสามก้อนวางไว้
เรียกก้อนเส้า..
และจะใช้กระบอกไม้ไผ่เป่าโหมกระพือไฟ
ยามต้องการให้ไฟลุกแรง

พุดพัดชาชอบรอ..ขอน้ำข้าวแดงจากข้าวไร่หอมๆ
ที่ชาวนาที่เกาะมีพันธุ์พิเศษเพาะปลูกไว้กินเองอุดมวิตามิน.

คุณตาจะมีชามอ่างใส่ไว้หลังจากรินออกมา 
โดยใช้ไม้ไผ่แข็งแรงเหลาละเมียดไว้ขัดหม้อ  มิให้เลื่อนหลุด
และต้องหันหม้อไปหันหม้อมา
เรียกว่าการดงข้าว  ดงไฟมินานนาที 
มิให้ข้าวไหม้ เพียงให้ข้าวในหม้อระอุ
อิ่มนวลหอมงามพอดี..พอดี.


พุดพัดชาจำรายละเอียดเหล่านี้ได้ราวหลับตาเห็น 
และ
อยากเก็บซ่อนเร้นค่อยๆ
ละเมียดละไมเทใจถอดใจถ่ายทอดออกมา
ที่หวังว่าจะงามระยับในความงามดิบเดิม ของชีวิตไพรในป่าดง

แต่นะวันนี้..ขอเพียงตีแผ่เศษเสี้ยวที่เกี่ยวกระชากใจ 
ให้ไหลทะลักออกมาเสียบ้างเพียงนั้น..
........
พุดพัดชา..
จะรอกับข้าวง่ายๆ(ที่จะไม่ขอเขียนบรรยายรายละเอียดเก็บไว้เขียนคราวหน้า)

แล้วจะพาตัวเองไปนั่งรับประทานบนก้อนหินใหญ่ 
ที่ต้องปีนไปจนชามข้าวจะตกมิตกแหล่
แต่แฝงความลุ้นระทึกและตื่นเต้น 

และสนุกเสียยิ่งกว่าเด็กเมืองที่ต้องสิ้นเปลืองเงิน
ขอแม่พ่อปีนป่ายภูเขาและผาหินจำลอง
ในงานเมืองทองธานีที่พุดพัดชาเคยเห็น
ยามโปรโมทการท่องเที่ยวทั่วไทย
..........


..........
ทั้งเทือกไพรพะงันของคุณตา..
จะมีดงมะพร้าวขึ้นลดหลั่นไปตามแนวไศลไพรพง 

งามไปทั้งดง
ด้วยมะม่วงพิมพานต์พร่างพร้อยพวงชมพูดั่งชมพู่ห้อยระย้า
มีเม็ดโผล่อะร้าอร่ามทายท้าเด็ดดึง..แต่ห้ามเด็ดดมพรมจูบ
เพราะจมูกจะพังด้วยยางรัก..

และยังมีพันธุ์ไม้ผลนานาพันธุ์ 
หัวมันหลากพันธุ์หลายชนิด
ที่นำมาย่าง มาต้มและโยนลงเตาหุงข้าวรออบแบบธรรมชาติ

ไหนจะสับปะรดพันธุ์พื้นเมืองกรอบฉ่ำหวานลูกน้อยๆมีจุกแฉกน่ารัก..
ยังมีลูกกำซำกินแล้วอร่อยล้ำแถมปากฟันดำปี๋ตาม
และยังมากมีมากมายมากพันธุ์..
ที่นำมาเก็บกินมิรู้สิ้นมิรู้เปลืองเงินเลย
..และ..



ที่เป็นเสน่ห์มนตรา....
ตามตรามาตรึงให้โหยหาพาคะนึงครวญก็คือ

ภาพยามสายัณห์รัญจวน..
ยามบุหลันลอยเลื่อนข้ามขอบโค้งภูเขา
สาดแสงเงินงามหวานนวลแอร่มแต้มราวไพร
กวาดเอาหวานหอมดอกไม้ไพรลอยละล่องลมละมุน
มากรุ่นกลางใจเด็กผู้หญิงช่างฝัน..ที่
จะพาตัวเองปีนภูหินงามแห่งฝัน..

มานอนรอนับดาวพราวเต็มอ้อมฟ้า
เต็มอ้อมฝันและ

เต็มผืนตาคือพระจันทร์ดวงโตสีส้มสุกจัด
หยาดสายหวานผ่านม่านเมฆลอยล้อใจ
ให้ไหวหวามละเมียดละมุน

เด็กหญิงจะค่อยๆช้อนตา
หากระรอกตัวน้อยน้อยจ้อยจ้อยที่หางห้อยเป็นพวงพวงฟูฟูที่พากัน
กระโดดกันกราวเกรียวจากกิ่งไกวไหวทางมะพร้าว
หยอกเย้ากันระงม

ยามนั้นเด็กผู้หญิงจะทำเสียงจิ๊กจั๊กขับไล่ให้พากันหนีไปให้ไกล
มิฉะนั้นแล้วไซร้ หากโชคไม่ดี 
มะพร้าวที่ถูกกระรอกเจาะกัด
อาจสลัดร่วงลงกลางกระบาล..ให้หวานหาย..ตายเงียบได้..

..
นี่คือความจริงในใจ
ที่เต็มอิ่มงามในทุกยามแห่งความทรงจำ
อันงดงามหวานหอมอันหายากยิ่ง

และสิ่งสุดท้ายนาทีนี้ที่ขอเผยต่ออีกนิด
นอกนั้นขอขยักอีกหน่อยไว้ค่อยรอเวลารจนา
ในเรื่องใหม่ให้งามเนียนมากเนื้อหาละเอีอดละออยิ่งกว่า..นี้..


คือเสียงสุดท้ายที่ยังหวานแว่วแผ่วมา
ในสายลมหนาวให้ร้าวใจ

คือเสียงระฆังก้องกังวานไพร
หวานแว่วแผ่วผ่านพ้นทิวไม้
กึกก้องกลางหุบเขาใหญ่ไพรกว้าง
เศร้าใสหวานปานดนตรีจากสรวงสวรรค์ทิพยวิมาน

เป็นเสียงระฆังยามสนธยาที่สะท้อนไพร
มาสู่ดวงใจละไมละมุนนี้
ราวดังดนตรีไพรหอมกรุ่นกลางใจ 
ให้ทุกคราที่รำลึกให้เศร้ารำงับ
และกลับสร้างงามเงียบในใจดวงน้อย
ให้งามล้ำดำดิ่งผนึกแน่นแม้นวันคืนจะล่วงลาลับ...

เดือนดวงงามจักแปรฟ้า 
และแม้นว่าพุดพัดชาจะร่อนเร่พเนจรรอนแรมร้างไพร
ห่างไกลสุดฟ้าไกลตาแค่ไหน
ก็ไม่มีวันลบลาเลือน..ไปจากงามดวงใจใครเลยจะรู้นี้
ที่จะเป็น..งามนานเนิ่น..นานเนานิรันดร์...
...............

กลับมา..จากแรงบันดาลใจ..ทูอินวัน
ให้พุดพัดชานั้นได้รจนาบทกวีที่ยังด้อยค่า
ด้วยมิอาจ  ทำได้ดีไปกว่านี้   
ที่อยากเผยใจเผยในรักไพร

เฉกเช่นลำน้ำน่านผู้ชายชาติไพร
ที่มีพรสวรรค์ไพร
พรสวรรค์ในดวงใจละไมละมุนรจนาคำได้งามล้ำกว่า
ซึ้งใจกว่า ดิบเดิมกว่า..


แต่ทว่าก็ยังดี..

และบางทีและบางครา
พุดพัดชาจึงต้องพาตัวเองนี้
ข้ามเรือมาหาบรรยากาศช่วยอีกแรงใจ

ในฝั่งฝันตรงข้ามวิมานดินพุดพัดชา
ที่พุดพัดชาแอบขนานนามเพิ่มเอาเองว่า..เกาะเกร็ดตระการ

ในทุกยามที่หัวใจพุดพัดชาต้องการงามเงียบสงบสุขไร้ร้างผู้คน

พุดพัดชาจะมานั่งสุขใจละเมียดละไมกับต้นไม้สูงใหญ่
ริมฝั่งชล ฝังฝัน

และที่งามด่ำดิ่งใจ ยังมีต้นพิกุล..ต้นไม้ในดวงใจในวัยเยาว์
ของพุดพัดชา ที่โหยหาในคำนึงมิคลาย
และสิ่งแสนงามยิ่งใหญ่ ศรัทธาใจ
ที่ทำให้จิตวิญญาณไพรพงพุดพัดชาเลิกหมองเศร้า

ทุกคราคราวที่มีเรื่องกระทบใจ

ในภาคปุถุชนผู้หญิงคนธรรมดาๆ
ที่ยังมีหัวใจยังมีเลือดเนื้อยังมีนวลใจอ่อนล้า 
ยังมีสุขทุกข์ผันผ่านทดสอบใจ

ให้ดวงตายังมีพรายน้ำใสใสในบางวัน
ยังมีฝันพร่างในบางคืน
ยามที่ดวงใจหันไป
ไม่มีใครแสนไหวเหว่ว้า ไร้สิ้นหวัง ไร้สิ้นใคร
เหลียวมองหาฝั่งฝันมิพบเจอ..


พุดพัดชา จะพาตัวเองพร้อมมาลัยดอกไม้สด
 หรือไม่ก็ดอกไม้รายรอบบ้าน

ที่แสนงามแสนรักเจียดใบตอง
ห่อหอมอย่างละเมียดละมุน
กรุ่นกลิ่นหอมจากดวงใจพิสุทธิ์ใสนี้  ที่มิหวังให้ใครรับรู้

น้อมนำก้มกราบเบื้องหน้า
พระพุทธสิริไสยาสน์ในวิหาร
ที่งามอร่ามมลังเมลือง
ผ่องผุด..ให้หัวใจพุดผุดผ่องตาม 

หยุดและวาง ......
เหว่ว้าทุกเรื่องราว

ให้ใจนิ่งงัน
เกิดปัญญาสมาธิพลัน..
เพียงชั่วยามก็ยังดีก็แสนดี..แล้ว
ให้หัวใจหอมมงคลงาม
หลอมดวงใจให้รำงับดับเหตุทุกข์ได้แม้สักชั่วขณะหนึ่ง


..........

พุดพัดชารจนาบทกวีข้างบนนี้ 

ณ.เจดีย์สีขาวกลางน้ำ..
หากใครนั่งเรือผ่านมาในเจ้าพระยาฝั่งฝัน 

ระหว่างร่องน้ำแยกนั้น
เป็นสองฝั่งสายพรายพราก..
จะเห็นภาพผุ้หญิงในชุดน้ำเงินขลิบขาวสวมหมวกฟางถักละออ
ล้อวงหน้าเศร้าละมุน..
กันสายฝนลมแรงที่กำลังพร่างสายปรายโปรยพร่างพรม

และอาจงามจนอาจเป็นดั่งฉากเด็ดในดวงใจ
หากทุกดวงใจใส่จินตนาการพลัน
ให้ภาพนั้นเป็นดั่งนางใจนางในฝัน
ในนิมิตรของตัวเอง 
ผู้หญิงอันเป็นที่รัก..ในดวงใจรักในดวงใจฝัน
ของคนดีทุกท่านที่ได้อ่านผ่านตานะนาทีนี้นะคะ


และเคียงใกล้
นางใจนางในฝันนั้นคือพราวลั่นทมหลากสี
ชูช่อดอก..ระบัดไหวไปกับลมรำเพยผ่านผิวแผ่วประพรมดวงใจ

กับลำนำลำน้ำเจ้าพระยา
ที่เป็นดั่งนวลใจในสายน้ำนิรันดร์นานเนา


ลาด้วยภาพ...
แพนจับร่างงามล้ำ 
ทัดดวงดอกลั่นทมหวานริมแก้ม

ดวงตา นิ่งงันฉ่ำเศร้างามเงียบ
ท่ามกลางสายฝนพรำ 
ที่พร่างสายสู่สายชลเบื้องล่างและกับ
เรียวน้ำค้างหยาดสายราวพรายเพชรร่วงลงเคลียนวลแก้มเรียว..และ
ราวฉากฝันสวรรค์ชะลอวิมานลอย...!

				
23 ตุลาคม 2546 09:11 น.

ดอกดวงใจลั่นดาลรักสลักตรึง!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2940
.......

ดอกพุดตานหวานละออล้อพรายฝน
ปลอบกมลพุดพัดชาอย่าใจหาย
พุดตานสอนวอนว่าอย่าเดียวดาย
ดั่งดอกไม้บานพ้อล้อโลกลวง..
ดอกพุดซ้อนซ่อนบังใบไม่แย้มเผยอ
หลงละเมอบอกกับใจไม่ห่วงหวง
ดอกรักซ้อนซ่อนรักมากล้นทรวง
เลยลาร่วงพื้นพราวราวถอดใจ
ดอกจำปีบานทั้งปีเศร้าทั้งชาติ
ดอกฉลาดบานสอนใจอย่าหลงใหล
ดอกลั่นทมทิ้งตรอมตรมสลัดใบ
ดอกดวงใจลั่นดาลรักสลักตรึง!



และ
จากน้ำใจใสเย็น..ในเรื่องฉันมิใช่นางเอกค่ะ

พุดพัดชา..
ตื่นมาตอนฟ้าสางน้ำค้างพรมตามเคยค่ะ
เช้านี้..
อากาศที่นี่หนาวนิดนิด วสันต์พร่างหน่อยๆ
เลยคิดถึงทางเหนือบ้านเราอากาศคงสดชื่นมาก
อยากไปเที่ยวในป่าในดอย..ก็ไม่เคยได้ไปไหนเลยจ๊ะ



และที่ทำให้หัวใจสดชื่นเช้านี้
ก็เพราะมีแค่สิ่งเล็กๆดอกไม้เล็กๆสักดอกก็พอเพียงก็เพียงพอ
ในชายคาแห่งรักนี้
ที่คลี่กลีบหวานบานรับใจดวงร้าวเศร้าตลอดปีตลอดชาติของพุดพัดชา..



เช้านี้ดอกพุดตานกำลังบานค่ะ
คลี่กลีบพราวนวลใจ..บอบบางละออใจมาก
พาให้คิดถึงบทกวี พุดตานของคุณเวทย์
และพุดพัดชาอยากเขียนสักบท..
เพื่ออุทิศให้พุดตานบานเช้า..
ที่ราวรู้ใจพุดพัดชาประโลมใจพุดพัดชาในนาทีนี้ค่ะ

.............

ค้างคาวพี่พุดซึ้งใจและโดนใจจึงนำมาแปะแล้วนะคะ ขอบคุณ 
เขียนงานงามเยอะหน่อยนะชอบและรอรักที่จะอ่านค่ะ..
........
ทิ๊กกี้..
กาแฟหนึ่งถ้วยเหมือนกันทุกเช้าทั้งๆรู้
น่าจะเป็นน้ำผลไม้ได้แล้ว..
พุด..ชื่นชมความเข้มแข็งของทิ๊กกี้เทพีหัวใจสิงห์
พุด..ภาวนาและขอให้เพื่อนมีทางออกในเรื่องงาน.
.ภาวนาสวดมนต์ให้และเชื่อหากเราเป็นคนดี 
ทุกทีไปทุกที่ไปจะมีใครสักคนมาโอบอุ้ม
ให้ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้..
เชื่อเถอะนะ..
อย่างมากก็ตามพุดไปอยู่เกาะดีไหมไปนะในไม่ช้านี้แล้ว นะ



อิม..
พี่พุด..ว่าระหว่างเรามอร์แอนมอร์
ความรักความเข้าใจความซึ้งใจ..ไม่ต้องพรรณนานะคะ
....
น้องเรนน้อย..
นับวันน้องก็ยิ่งทำให้พี่พี่ทึ่ง
และซึ้งใจในความเดียงสา
ที่มากล้นค่าน้ำใจประโลมใจพวกพี่พี่
โดยเฉพาะพี่พุดที่อายุสมองราว
จะหยุดลงตรงที่15ตลอดเวลาเลยค่ะ ยามอยูในโลกเนต เฮ้อ!

ที่จนป่านนี้ยังไม่คิดจะลืมตาตื่น
มาจากโลกฝันอันแสนงามเอาเสียเลย..
ตลกดีไหม?

หรือว่าพยายามรักเข้าใจพี่พุดกันจนตลกไม่ออก..แล้วคะ..



ยังไงๆพุดพัดชาก็รักเรือนไทยร่มรักเรือนใจแห่งพวกเรา
ที่ได้มาสามันคีรวมรักระบายใจ
ได้มาแบ่งฝันปันใจทั้งทุกข์สุขกันมายาวยืนแล้วนะคะ
และ..
พุด..เคยบอกบางคนว่า 
เราโชคดีนักหนาที่มาตรแม้นว่า
โลกอารยะภายนอกและโลกจริงบางเรื่องราว
จะทำให้หัวใจของเราเจ็บปวดปานใด

เราทุกดวงใจก็ยังมี



ณ.ที่หนึ่งนี้...ที่จะมาซุกซบ
ในอ้อมอกอ้อมใจกันและกัน 
ได้มาแชร์ฝันแชร์น้ำใจ
เพื่อหาญกล้าพาพลังใจน้ำใจใสพร่างสวย 
ออกไปสู้โลกอีกครั้งอีกครา 
และ
จนกว่าจะชีวาจะลาลับ...
ให้ได้พักพิงกับ
โลกใบเล็กนี้..
และ


พุดพัดชาเฝ้าเพียร
ขอให้คนดีทุกคนพยายาม
ถนอมใจช่วยกันสรรสร้างสานฝัน
เก็บโลกแสนสุขนี้ไว้ให้เราทุกๆคนทุกๆดวงใจ


.
ดั่งธารน้ำใส.เอาไว้ดื่มกิน
ยามสิ้นหวังยามแห้งกระหายใจ นะคะ

และนี่คือความในใจ
จากพุดพัดชาผู้ยาวย้วยสวยน้อยค่ะ
และด้วยรักและซาบซึ้งใจจนน้ำตาซึมค่ะ
				
22 ตุลาคม 2546 07:13 น.

เทพีวสันต์!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=400

เส้นทางสายฝันสายงามสายชนบท
ทอดสงบเคียงทุ่งรุ้งโค้งฟ้า
อุ่นอรุณทอเมฆหวานหว่านมนตรา
เสกส่องหล้าสู่หัวใจละไมละมุน..

ดุเหว่าหวานเคียงตาลคู่ต้นหว้า
หมอกเคลียป่าโอบอ้อมไพรไออ่อนอุ่น
พราวน้ำค้างพร่างยอดหญ้าเพชรอรุณ
อรุโณทัยหมุนฤดูกาลผ่านฝนพรำ...



หอมน้ำค้างพร่างพรมกลางเกสร
กลีบอรชรคลี่รับหวานบานรับฉ่ำ
หอมนวลนวลหอมยวนใจหอมลึกล้ำ
กี่หวานล้ำกี่นิทราพาหอมซึ้งถึงไม้ไพร..

น้ำค้างฝันมิเคยหายพรายพรมพฤกษ์
ในยามดึกเดียวดายพรมพร่างใส
กลางกลีบหวานให้ซ่านซึ้งสุขดวงใจ
คู่พงไพรคู่ใจฝันนิรันดร..



วิหคไพรพรูพร่างกลางฟ้ากว้าง
บัวสล้างกลางบึงแย้มเกสร
ผึ้งคลึงเคล้าดูดดื่มหวานคู่ภมร
เป็นฉากตอนธรรมชาติวาดหวานมา..

ภาพราวป่าสลับสีไล่โทนใส
ดอกไม้ไพรงามพรายพร่างกลางอุษา
หว่านกลีบหวานกลางสายธารหวานธารา
ไพรพนาเงียบงามซ่านซึ้งใจ...



เสียงขลุ่ยลอยลมพรมพลิ้วผ่านทิวทุ่ง
กับลมรุ่งพลิ้วหวานผ่านทิวไผ่
พรมยอดภูสู่ฟ้ากว้างเศร้าซึ้งใจ
ฝากดวงใจปลายฟ้าฝ่าดงแดน...

ความรักเอยจากสาวนารอท่าอ้าย
กับฝูงควายกับนกเอี้ยงรอสวมแหวน
หมดหน้านาหนาวนี้ห่มเนื้อแทน
รักแนบแน่นกระท่อมไพรรอใครคลอ...



เช้าวันใหม่ใกล้รุ่งพี่ไปนา
หุงข้าวปลาตำน้ำพริกใบตองห่อ
แกล้มผักบุ้งริมทุ่งอร่อยพอ
หอมละอออุษาสางน้ำค้างไพร..

นี่คือหวังจากสาวนารอฟ้าสาง
หวังรุ่งรางรักเราพิสุทธิ์ใส
รอชาตินี้บุญไม่พอมิท้อใจ
สร้างกุศลใหม่หวังชาติหน้าหวังว่ามี..

อธิษฐานใจหนักแน่นดังแผ่นผา
รอเมตตาจากฟ้าดินสิ้นชีพนี้
รักพงไพรรักดวงใจตราบชีวี
รอวันที่ฟ้าปรานีมีเมตตารู้ค่ารักรู้ค่ารอ..




ชีวิตคือลิขิตจากสวรรค์
ดั่งดวงตะวันยามอรุณรุ่ง
หมุนวน จนกว่าจะถึงยามสนธยาลาลับเหลี่ยมโลกทิ้งไว้ทั้งโศกสุขเบื้องหลัง
และจะวนหวังวนเวียนมาใหม่ในวงกรรม
เฉกเดียวกับกับฤดีและฤดูกาลที่เฝ้าผลัดเปลี่ยนเพียรสอนให้ยอมรับความผันแปร
มิแน่มินอน มิให้อาวรณ์อาลัย มิให้ยึดมั่นถือมั่นกับสิ่งใดใด
ทั้งร่างและใจเราเอง..
ธรรมชาติคือธรรมดา 
สอนให้ยอมรับว่าแม้นดวงชีวายังต้องลาลับมิกลับคืน
และ


หากชาตินี้ เรามีบุญใจ..แค่ได้ผ่านมา พานพบรู้จัก 
รู้ค่ารัก มาแบ่งปันคืนฝันวันแสนดี
มาแลกจิตวิญญาณงามพร้อมพลี ให้ความดี ให้น้ำใจ ก็พอเพียงก็เพียงพอ
และจะมิท้อ ขอสร้างกุศลใหม่ สร้างงามดวงใจ แม้นไม่มีใครรู้ ให้ถึงพร้อม
ให้หอมด้วยกุศลจิตแห่งความดี ให้ฟ้าเบื้องบนปรานีมีเมตตา 
หวังรอท่าชาติใหม่ เพียงดำรงร่างอย่างรู้หน้าที่
ดำรงดวงใจนี้ด้วยความดี ด้วยดวงตามองเห็นแสงธรรม
นำมาส่องนำเส้นทางใจไปนิรันดร์


				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด