9 ธันวาคม 2546 22:05 น.

พระจันทร์เดือนธันวา!

พุด


ดวงนั่งดายเดียวมองเดือนดวงงาม 
พระจันทร์งามพราวราวส้มสุกสีทอง
นวลผ่องยองใยอร่ามเรืองอย่างรัญจวนใจ..
กลางชานไม้ริมระเบียงเคียงชายคา
กระท่อมไม้สนที่หอมอวลไปด้วยกลิ่นกาแฟหลากรส...
หอมตระลบไปทั้วทั้งร้านแสนงาม..
*******



ดอกพุดพิชญา ดวงดอกน้อยๆนวลนวลพราวกิ่ง
โมกห้อยกิ่งชูดอกหอมอวลแกล้มแถมมากับกลิ่นกาแฟ
กับสายลมค่ำแล้วในฤดูหนาว..

ดอกพุดพิชญา..มิใช่พุดพัดชา 
ที่เคยมีคนถามว่านามปากกา
นั้นดวงได้จากแรงฝันบันดาลใจได้แต่ใดมา
ก็ขอชี้แจงแถลงใจไว้ณ.ตรงนี้เสียเลยนะคะว่า



ดอกพุด เป็นดอกไม้งาม
พันธุ์ไม้ไทย ที่มีกลิ่นหอมละมุน 
ดอกสวยสะอาดตา ดูบอบบาง 
แต่อ่อนหวาน และอ่อนโยน.......... 

ในขณะเดียวกัน
มีเสียงคล้องเปรียบประดุจ....
พุทธะ..ประจำใจ
ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน 
ที่จะบานไสวอยู่ในใจของตัวเอง
เพื่อนำทางชีวิตให้สว่างไสว ตลอดไป...

และ....
จริงๆอยากใช้นามปากกาว่าพุดซ้อน
เพราะชอบดอกหอมแผก
ดอกนวลขาวพราวละมุนกรุ่นกลิ่นกลางกลีบ
บานหวานซ้อนซ่อนสุขซึ้งงามเป็นชั้นๆ
ที่ใครๆได้หอมได้เห็นงามแล้วคงอยากจะ
นำไปประดับใจประดับหวานให้หอมงามชั่วกาลเลยเชียว!




แต่คำว่าพุดซ้อน
ดูราวชีวิตต้องซ่อนซึ้งสุขซุกเศร้ายาวนานตลอดกัลลปาวสานต์

พุดพัดชาจึงได้มาโดยการหาคำมาเติมเต็มให้พุด..นั้น
ผันคำให้นิ่มลงไปเป็นอื่นที่หวานแหววแต๋วจ๋า
ฟังดูน่าจะเข้าท่าเข้าทีกว่า..ก็แค่นั้น..


จริงๆพุดพัดชาก็พัดช้าคิดช้า..
ก็เคยคิดอยากจะหานามปากกาใหม่
ที่เข้าทีดีกว่ากันเยอะๆเลย
มาตั้งใหม่ให้เป็นสิริมงคลนามแบบชั่วกาลนานนิรันดร 


แต่คิดไปคิดมา
ไม่ว่านามปากกาอะไรหากหัวใจไม่มีไฟฝัน
มีแรงบันดาลใจไม่มีกำลังใจจากท่านผู้อ่านแล้ว

ต่อให้นามปากกามลังเมลือง
วิจิตรตระการใจประเทืองใจยังไง
ก็คงไปไม่ถึงไหน
ไม่ถึงดวงดาวพราวรุ้ง
ที่อยากจะเอื้อมไขว่คว้ามาสู่อุ้งมืออ้อมใจเรา สักดวง!

ให้มีพลังสรรสร้างสิ่งแสนดีคำแสนสวย..
กำนัลทุกดวงใจให้ใสเย็นแสนหวานชุ่มฉ่ำรักตามๆกัน

และอีกเรื่อง



ก็คือเกรงใจปีกฟ้า..
ว่าจะหาเรื่องยากมากเรื่องมาให้ปวดศรีษะเพิ่มขึ้น

เพราะว่าแค่บรรดาปัญหามวลสมาชิกมากมายราวล้านกว่า
ที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเพิ่มเฟรนส์ไชส์
อาจจะต้องขยายสาขาเวบไซต์เป็นไทยโพเอม1 2 3...
เติบโตต่อไปแบบมิหยุดยั้งมิยั้งหยุด..
ก็ทำให้ปีกฟ้าหายหน้าไปเลย
ด้วยมากมีมากมายความวายวุ่นที่ต้องจัดการ



เหลือก็แต่ความหวังจาก*นักอยากจะเขียน*นักฝันค้าง
ต่างละเมอรอท่าว่าเมื่อไรละหนอละนี่
ที่ปีกฟ้าหรือว่ามีแมวมอง
มาจ้องขอลิขสิทธิ์งานเราไปตีพิมพ์รวมเล่ม 
อวดบนแผงสวย
ให้เราทุกดวงใจในร่มรักเรือนไทย
พากันไปแห่อุดหนุนกันเอง
แบบอัฐยายซื้อขนมยาย 
ให้ขายให้เกลี้ยงแผงชั่วพริบตาเดียวเลยค่ะ
****



อ้าว..นี่ย้วยยานจากเรื่องพระจันทร์
มาร้านกาแฟแห่มาถึงนามปากกาได้ไงนี้ 
เอาใหม่นะคะคนดี 
นั่นคิดว่าเป็นบทแทรกเรื่องรักหวานเศร้า
ตามประสาพุดพัดชาก็แล้วกัน
นะคะนะ
มาเว้ากันใหม่เลยดีกว่านะ
***



ดอกพุดพิชญา ดวงดอกน้อยๆนวลนวลพราวกิ่ง
โมกห้อยกิ่งกอหอมอวลแกล้มแถมมากับกลิ่นกาแฟ
กับสายลมค่ำแล้วในฤดูหนาว..
ที่หนุ่มสาวต่างพากันหาเนื้อนุ่ม
มาห่มแทนผ้าห่มให้หายหนาวกายใจ
ได้เรื่องใหม่มาแทนคือชุลมุนวุ่นรักหักอกแหกใจ.
ตามมาตามกติการักกติกาโลกโศกสุข
คลุกเคล้าให้ร้าวรวดและสมหวัง



ประกายดาวพราวพร่างเต็มอ้อมฟ้าสีกำมะหยี่
กลับพากันหรี่แสง...

มิบังอาจแข่งกับแสงนวลพราวเหนือดาวทุกดวง
.*.เทพีจันทร์ เทพีใจ*แทนใจคนในปฐพี
ที่ได้มีโอกาสฝากใจกับจันทร์ฝากฝันกับดาว

และทุกคราครั้ง..



ที่ดวงเต้นออกกำลังกาย 
ก่อนจะปิดท้ายด้วยจังหวะลีลาศ
ให้วาดลวดลายสวิงสวายเนิบช้า
และเร่าร้อนผ่อนหนักเบาไปตามจังหวะเพลง
มีทั้งตะลุง รุมบ้า ชะชะช่า แบบสามช่าสามโทน
ให้ได้สะบัดสะบิ้ง
ทิ้งเท้าทิ้งทวนแบบไฟแลบแปลบปลาบเลยทีเดียว



ดวง..จะมีความสุขมาก
ดวงใจจะชุ่มฉ่ำ
รับพลังหยาดหวานพรายจากสายน้ำผึ้งพระจันทร์
และ


ดวงตาผู้หญิงช่างฝันพลันก็จะมีน้ำรื้นเรียวตาในทุกครา
ที่แหงนเงยเห็นจันทร์เพ็ญเด่นดวงงาม
ที่คอยวิ่งตามแย้มยิ้มพริ้มเพรา

ราวหยอกล้อให้พะนอรักพะนอใจ อย่างเข้าใจอย่างรู้ใจ
เป็นการเต้นรำท่ามกลางแสงจันทร์โลมไล้ร่าง
ให้สล้างฝันสว่างไปถึงกลางดวงใจ
ให้สวยใสงามรับน้ำใจหวานๆๆๆจากจันทร์
ให้หลับฝันดีตลอดราตรียาวนานเลยทีเดียว
***



ดวงจะมานั่งพักเหนื่อยตรงริมชายคาแห่งนี้ 
ที่เจ้าของร้านใจดีแสนสวย
เธอให้เกียรติดวงให้ช่วยตั้งสะโลแกนร้านใหม่ของเธอ..
ที่ดวงแสนยินดีและเต็มใจจะคิดจะทำให้..
***


ณ..ชายคาแห่งนี้ที่พักใจ ทุกคาคบของพญาสัตตบรรณ 
ที่เริ่มสูงขึ้นเป็นช่อชั้นแฉล้มแต้มใจให้ร่มเงานั้น
จะงามบรรเจิดด้วยกอกล้วยไม้หลากสีสันชูช่อล้อลมไสว
เย้ยจันทร์ท้าใจอยู่ในนาทีนี้ที่ดวงรจนางาน..
และที่แสนน่ารักนัก..


จนดวงต้องทายทักตั้งชื่อ
คือบานหน้าต่างกระจกกว้างตลอดแนว
ให้ใหม่ว่า.*.หน้าต่างโมก*หยุดโลกหมุน....

ที่ทุกราวกิ่งดอกดก..
พราวนวลขาวหอมคอยหลอมละลายใจแขก
คอยกวักมือเรียกแขกผู้มีหัวใจยังใฝ่
ยังฝันยังอยากหามุมสวรรค์บนดินนั่งจิบกาแฟละมุนลิ้น
ท่ามกลางกลิ่นดวงดอกไม้ไทยหอมพร่างเคล้าราตรี
ที่มีพรายพระจันทร์อมยิ้มมาทายทักให้พักใจอยู่บนฟ้า
***


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2438
กล้วยไม้ 
 กล้วย ไม้ ของเราแต่เก่า ก่อน
อยู่ในดง ใน ดอน เจ้าซ่อนช่อ ซ่อน ใบ
ไกล ภู่ ไกล ผึ้ง
เจ้าอยู่ถึง ไหนไหน
ใครจะเด็ด จะดม ได้ เราไม่เห็น เลย
ใครจะเด็ด จะดม ได้ เราไม่เห็น เลย
โอ้ กล้วย ไม้ เอย
น่า ชื่น น่า เชย เจ้าไม่เคยชอก ช้ำ
เช้า สาย บ่าย ค่ำ
ชื่นบ่ช้ำ ชอก เลย

เดี๋ยว นี้ ดูรึ กล้วย ไม้
มาชูช่อ ชู ใบ บานอยู่ใน กระเช้า
ลืม ดง ลืม ดอน
ที่เคยอยู่ก่อน อยู่เก่า
ภู่จะคลึง ผึ้งจะเคล้า ให้เจ้าเฉา ลง
ภู่จะคลึง ผึ้งจะเคล้า ให้เจ้าเฉา ลง
โอ้ กล้วย ไม้ เอย
เจ้า ไม่น่า เลย ที่จะมาไหล หลง
เจ้าลืมสุมทุม พุ่ม พง
ลืม ดง ดอย เอย...
**************



และ..
ใจดวงหวนกลับไปถึง....

คืนหนึ่ง..ที่ยังซึ้ง  ตราตรึงอยู่ในใจดวงมานานเนิ่น..
ยามที่ดวงตื่นขึ้นมาในยามดึก 
ใต้ชายคากระท่อมไม้มะพร้าว
เคล้าเสียงคลื่นลมริมทะเลฝัน
ยามที่ดวงต้องรีบตื่นมาดูโลก

ที่ดูราวฝันไป...
ราวสวรรค์หวานที่มีจริงบนโลกจริง..
ที่มีพระจันทร์ดวงโตมายิ้มเผล่
จ๊ะเอ๋กับดวง..ตรงหน้ากลางทะเลกว้าง..


และ
สว่างพร่างแสงสีเงินยวง
ร่วงรายพรายพรมห่มผืนน้ำทะเล
ให้งามระยิบระยับ
ราวกับประดับด้วยประกายเพชรเก็จแก้วก่ำจรดฟ้าไกล...
ไม่สิ้นสุดในเรียวตา งามเย้ยหล้าสวยบาดใจ
พาใหลหลง หลงใหล 
ดั่งต้องมนตรานางพญาพรายน้ำกระพริบวิบวับใต้สมุทร
******



ดวงจะเดินเหว่ว้า เดียวดาย ร้างไร้ใครในยามดึกสงัด
มีเพียงเสียงลมคลอคลื่นพัดวู่หวิว
พลิ้วใบมะพร้าวซัดส่ายเสียดสีซอกแซกๆ
เสียงคลื่นคลอทราย ราวพ้อเพ้อตามลมละเมอ
*****



เป็นความสุขสงบงามเงียบ
แม้นจะเฉียบเย็นในดวงใจเป็นยิ่งนัก
แม้นจะดูราวสาวเจ้าจะอกหัก
หรือกลับกัน..หักอกใครไม่ไยดี
ยอมหนีหน้ามาเดินดายเดียวเปลี่ยวเหงา
ในเกาะร้างห่างไกลเพียงลำพัง..
******


นวลจันทร์เดือนธันวา ..
ทอทอดลอดลวดลายเมฆลงมา
ส่องกระทบหาดทรายขาวยาวเหยียดสุดตา
ให้เกิดประกายจรัสจ้าเรืองแสงเงินพร่างสว่างโพลนรำไรๆ
ใต้เงาดาวพราวนวลจันทร์...



ยามนั้น..
จะมีเพียงดวง...และ..รอยเท้าที่เหยี่ยบย่ำไปบนผืนทราย
ให้สายน้ำจากทะลผืนงาม..แผ่กว้างแตกฟองกระจาย กวาดรอย.!.

ไม่อาวรณ์อาลัยไม่ไยดี..
ให้มลายหายวับไป..



เหลือดวง..กับใจดวงเดิมดวงดีดวงเดียวกัน
ที่ยังช่างฝันยังดายเดียวเดียวดาย
คล้ายเดินโดยลำพังอยู่บนปลายโลกร้างกลางโลกสิ้นไร้รัก..



เป็นสุขล้ำ..สงบลึก  ทุกยามนึกถึงคะนึงครวญ
หวนหัวใจไปถึงคืนนั้นที่สวรรค์ล่ม
ที่อกดวงตรมกลัดหนองนานมา.
ทว่ากลับได้บางสิ่งมาแทน
ธรรมชาติแสนงามไงและธรรมดาใจผู้รู้ตน..
********



นั่นคือ..
คืนฝันวันพระจันทร์หวานผ่านเดือนธันวา
ที่ดวงจำแม่นยำทุกครา..
เพราะว่ามีพายุจริงแถมมากับพายุใจ
ให้ทะเลปั่นป่วนเป็นระลอก กระฉอกซัดฝั่งมิรั้งรอ.รีรอ.


หากทว่า...
พยับโพยมบนท้องนภาเวหาหนนั้น
ทะเลเมฆงามเกินกว่าจะหาค่าคำงามล้ำ
มาพรรรนามารจนาให้เทียมเท่าเล่าได้

ขอแค่ให้ลองติดปีกให้หัวใจบินไปตามใจฝันใจจินตนา
คิดถึงแค่คำว่าทะเลเมฆทะเลรุ้ง
ยามที่เราพุ่งร่างโผบินไปได้ราวกับนกก็แล้วกัน
นะทุกดวงใจในฝัน...
***********


ดวงขอกลับมา..
สู่งามจันทร์งามจริงในค่ำคืนนี้ในราตรีนี้อีกครั้ง

ที่เปรียบดั่ง..ดวงจันทร์คือ..เทพีนภา..!
เป็นพลังที่ฟ้าหยิบยื่นประทานให้โลกหล้ายามราตรี
มิต้องหม่นมัวหมองครองใจไปทุกค่ำคืน

ให้มวลหมู่มนุษยชาติใช้ใจดวงฉลาดแสนงามแสนดี
วาดหวังใช้พลังจันทร์เติมพลังใจในทุกยาม
ให้กับดวงชีวีอันแสนสั้นฝันมิยาวยืน...



ให้เราสร้างพลังบวกมิมอดสิ้น

จะพ่ายกี่ครั้งจะพลั้งจะแพ้กี่หน
เราทุกคน...ทุกคน..
ก็ยังมี....
ดวงตะวันในตอนเช้าเฝ้าหมุนมาใหม่ให้เริ่มต้น
มี
พระจันทร์เบื้องบนท้องนภาในยามราตรี
คอยโปรยหวานหยาดสายให้
ขอแค่ใช้ดวงตาดวงใจแหงนเงยฝากฝันฝากใจ...
เพียงนั้นเท่านั้น..



ธรรมชาติจันทร์..ธรรมดาใจ 
ที่โลกมอบให้มนุษย์ทุกส่วนเสี้ยวทุกซีกโลก
อย่างเท่าเทียมกัน..


สุดแต่ใจใคร...
จะใฝ่..จะฝัน...จะคว้าจันทร์..จะปองใจ
ได้ครอบครองดวงใจ
ได้จิตวิญญาณใครจิตวิญญาณคนนั้นคู่กัน

ตามกุศลผลบุญหนุนนำ
ที่ได้สร้างได้ตักบาตรร่วมกัน
ได้ฝันรวมใจกันมาแต่ชาติปางก่อน....



เสมือนดวงตาสวรรค์ 
ดวงดาราที่จะจรัสจ้า
ที่จะเป็นพลังใจเคียงข้าง...
มิให้อ้างว้าง..ว้าเหว่ใจ..ไม่ดายเดียวเดียวดาย..ลำพัง.
ตราบชั่วกาลนานชั่วนิจนิรันดร...				
9 ธันวาคม 2546 14:53 น.

บ่มคิดถึง!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2438..ที่สุดของหัวใจ

นาทีนับนาที..บ่มรอพ้อคิดถึง
วันต่อวัน..ซึ้งเศร้าโศกโลกเลือนไหว
เดือน..ดวงงามตามเย้ยย่ำพ่ายทั้งใจ
จำปี..ไหวไกวกิ่งรอพ้อฝากจันทร์


บ่มคิดถึง..ลึกซึ้งถึงใครหนอ!
บ่มค่ารอ ค่ารัก ภักดิ์เพียงฝัน
บ่มสายไยสายใจรักยังผูกพัน
บ่มสวรรค์บ่มนรกตกบ่วงใจ..


บ่มคำหวานซ่านซึ้งกระซิบริมเรียวแก้ม
บ่มหอมแถมแก้มสากวาบหวามไหว
บ่มเสน่หาสุกงอมหลอมร่างใจ
บ่มดวงใจรอหนึ่งเดียวเกี่ยวใจเรา


บ่มความจริงนิ่งงันกับฝันค้าง
บ่มอ้างว้างดายเดียวชินเปลี่ยวเหงา
บ่มรอยช้ำระกำรักคว้าเพียงเงา
บ่มโง่เขลาหลงคอยฝัน..อันไม่จริง!


*************

http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=82
 รักข้ามขอบฟ้า   
ศรีไศล สุชาติวุฒิ : : Key F  
ขอบฟ้า เหนืออาณาใดกั้น
ใช่รักจะดั้น ยากกว่านก โบยบิน
รักข้ามแผ่นน้ำ รักข้าม แผ่นดิน
เมื่อความรักดิ้น ฟ้ายังสิ้นความกว้างไกล
ขอบฟ้า ทิ้งโค้งมาคลุมครอบ
อ้าแขนรายรอบโอบโลกไว้ ภายใน
เหมือนอ้อมกอดรัก แม้ได้ โอบใคร 
ชาติภาษาไม่ สำคัญเท่าใจตรงกัน
รัก ข้ามขอบฟ้า รักคือ สื่อภาษาสวรรค์
อาจมีใจคนละดวง ต่างเก็บอยู่คนละทรวง
ไม่ห่วงถ้ามีสัมพันธ์
ขอบฟ้า แม้จะคนละฟาก
ห่างไกลกันมาก แต่ก็ฟ้าเดียวกัน
รักข้ามขอบฟ้า ข้ามมา ผูกพัน
ผูกใจรักมั่น สองดวงให้เป็นดวงเดียว

รัก ข้ามขอบฟ้า รักคือสื่อภาษาสวรรค์
อาจมีใจคนละดวง ต่างเก็บอยู่คนละทรวง
ไม่ห่วงถ้ามีสัมพันธ์
ขอบฟ้า แม้จะคนละฟาก
ห่างไกลกันมาก แต่ก็ฟ้าเดียวกัน
รักข้ามขอบฟ้า ข้ามมา ผูกพัน
ผูกใจรักมั่น สองดวงให้เป็นดวงเดียว... 




				
9 ธันวาคม 2546 00:19 น.

ตะวันเดือนธันวา!

พุด


ตะวันเดือนธันวา...
ยามเย็น..สีส้มสุกก่ำ ฉ่ำดวงแดง
ค่อยค่อยรอนแสง ลอยเรี่ย ระดงไม้งาม
มองผ่านต้นไม้แผ่กระจายก้านกิ่งราวกัลปังหาสีดำ
งามดั่งภาพฝัน ท่ามกลางม่านหมอกเมฆพร่างพราย
ประกายเหลือบสีสันสายรุ้งสวย..

แพน..เดินตามตะวันดูตะวันงามตามใจฝัน
ผ่านถนนสายโลกสายโศกสุข
เหมือนเฉกเช่นทุกวัน ทุกวัน และทุกทุกวัน...


แต่กลับ..
มองตะวันแตกต่าง ต่างแตก แผกผิดไม่เหมือนเดิมสักวัน

ทั้งๆที่ตะวันสำหรับใครหลายๆคน
มองแล้วก็เท่านั้น ตะวันก็ยังคงดวงกลมเท่านี้!ก็เท่านี้!

ไม่มีเวลาให้ดวงตาไม่มีเวลาให้ดวงชีวี..
ว่างพอที่จะแหงนเงยมองเสียด้วยซ้ำไป


ตะวันก็ยังเป็นตะวัน..
มีขึ้นมีลงทุกวัน....

ขึ้นตามอรุณฝันทางทิศตะวันออก 
และบอกได้เลยโดยไม่ต้องดู...
ตกทางทิศตะวันตกไงเล่า..
แล้วจะเฝ้าดูไปทำไมละหนอละนี่ ให้เสียเวลา
ว่าจริงไหมเล่า ?นะคนดี..
สำหรับบางคนที่..คิดดีคิดได้คิดเป็น
เห็นเพียงแค่นี้ก็แค่นี้ก็แค่นั้นก็เท่านั้น..



และบอกได้อีกทีอย่างแม่นยำว่า.. 
อรุโณทัยจะกลับมาในยามฟ้าสาง
ตราบทุกเมื่อเชื่อวันมิว่างเว้น..มิรู้เหน็ดรู้เหนื่อย
มิห่างหันห่างหาย พรายพลัดพราก 
ลาจากโลกไปไหน อย่างแน่นอน..

แต่สำหรับแพน..แม่สาวแขนไม่อ่อนดั่งนางรำคนนี้
นอกจากมีแต่สองมือที่เต็มไปด้วยเส้นเอ็นเน้นย้ำว่า
ทุกคืนวันที่ผันผ่านมากับดวงสุริยา
ตลอดชีวาชีวีมิเคยสบายเลย...


กลับมองเห็น..ตะวันจริงและตะวัน..ในใจ
แสนแปลกใจ บางวันงามกระจ่างสดใส
บางวันแสนสวยซึ้งเศร้ามิเหมือนเดิมเลย..สักวัน ..
ทั้งตะวันและจันทราระย้าระยับ
ที่มีดาวเคียงเดือนประดับ
เหมือนมิยอมให้ราตรีมีวันดายเดียว



แม้นเป็นธรรมชาติกาลเวลา
ที่แปรไป ตามเงื่อนไขโลก
และตามใจเราคิดเพ่งพินิจดู 
ที่ยังคงหมุนวนหมุนเวียนเปลี่ยนหนาวร้อนมาทายทัก 


ทั้งทุกข์โศก สุขคลุกเคล้าให้ชีวีมีรสชาติประหลาดล้ำ
ได้บทเรียนบางบทนำมาสอนใจ มิให้หัวใจหลงเดินผิดทางรัก
จนกว่าวันที่แสงแห่งดวงชีวาจะลาลับหล้าลงเป็นหนึ่งเดียวกับผืนพสุธา
มิต้องคะนึงหาใคร ไหวครวญอีกต่อไป..
****



ตะวันเดือนธันวา.....
ขึ้น..
ในไพรพฤกษ์พง
 คงหยอกมวลแมกไม้ สายลมแห่งขุนเขา
สายหมอกสายเหมยพรายราวสายไหมพร่าง
บนเทือกเขาสลับสล้างทอดตัวเป็นแนวยาว 
เย้ายวนใจในงามพิสุทธิ์ใสของอากาศเย็นฉ่ำ
ราวพรำพรมด้วยเมฆฝนปกคลุม..ครึ้มทะมึนเทาทาบ
ทอทอดค่อยๆลอดแสงรำไรลงโลมไล้ประโลมดวงดอกไม้ไพร
ให้คลี่กลีบหวานใสบอบบาง
ให้มวลหมู่ภมรมาร่อนภิรมย์คลึงเคล้า 
ให้วัฎฎะแห่งไพรยังดำรงไปมิสิ้นสุดสะดุดลง..
*******



ตะวันเดือนธันวา
ขึ้น...
ในดงตาล 
ยามเช้าแสนหวาน 
ที่มีฝูงนกกระยางขาวเดิน
เหยาะย่างเลาะเลียบริมนาริมหนองมองหาเหยื่อพอประทัง
สีเขียวพร่างใสของรวงไหวเอนไปตามแรงลมล่อง
ทั้งทั้งห้วยหนองคลองบึง
จะได้ยินเสียงร้องก้องระงม..ของกบเขียดท้องนาคลาคล่ำ
บรรเลงร่ำลอยลมด้วยท่วงทำนองดนตรีธรรมชาติ..
ราวให้วาดเวิ้งฟ้างามได้พลอยยลยิน..
******



ตะวันเดือนธันวา..
ขึ้น...
ในทะเล สีมรกตใส  
ที่ตะวันดวงใหญ่ค่อยๆลอยตัวโผล่พ้นจากผืนน้ำ 
พร่างสีเงินงามสาดแสงอ่อนอุ่น

 เรือหาปลาลำน้อยที่ลอยลำมาลิบๆ....
เห็นเพียงเสากระโดงเรือ
ลอยใกล้เข้ามาๆ..กับคลื่นแห่งความฝัน
ถึงฝั่งจริงฝั่งใจที่มีใครบางคนคอยเฝ้ารอเฝ้าหวังจะได้ปลา
มาร้อยเป็นพวง.. 
ร้อยเป็นห่วงสร้อยแสนคาว..หากมีราคาแปรค่าเป็นเงินงาม

แทนความหวังพลังกายใจทุ่มเทของ*พรานทะเล*
ที่ยอมเร่ร่อนรอนแรม...
มีชีวิตคราคร่ำกลางน้ำเวียนวนสู้ทนเหว่ว้า
ทายท้าทั้งพายุใจและพายุจริง..
ที่มองไปทางไหนก็มีเพียง*น้ำจรดฟ้า*
ราวเพลงพรานทะเล ที่แสนงาม


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=34

พรานทะเล สุนทราภรณ์ : :
ชีวิตที่คร่ำ กลางน้ำเวียนวน
ลอยล่องกลางชลไม่พ้นทนไป
อยู่กับเรือเบื่อใจ ผองพรานทะเลเร่ไป
อยู่ห่างไกลกลางสายชล
มองน้ำตรงหน้า จรดฟ้าไกลไกล
ว้าเหว่ดวงใจไม่เห็นผู้คน
คลื่นและลม สู้ ทน ทุกข์ใจปานใดไม่บ่น
สู้แดดฝนลำบาก กาย
อยู่หว่างทะเล นาน นาน
ท้องเรือเป็นบ้าน ท้องธารเรือนตาย
สิ้นชีพสิ้นชนม์ เคราะห์ร้าย
ศพฝังโดยง่าย ฝากเอาไว้ใต้ คงคา
เพียงเห็นริมฝั่ง สักครั้งดีใจ
มาบกทีไรให้แสนปรีดา
ใกล้แผ่นดิน เข้า มา
เหมือนมีวิมานตรงหน้า
ปลื้มหนักหนา แทบจูบดิน
อยู่หว่างทะเล นาน นาน
ท้องเรือเป็นบ้าน ท้องธารเรือนตาย
สิ้นชีพสิ้นชนม์ เคราะห์ร้าย
ศพฝังโดยง่าย ฝากเอาไว้ใต้ คงคา
เพียงเห็นริมฝั่งสักครั้งดีใจ
มาบกทีไรให้แสนปรีดา
ใกล้แผ่นดินเข้ามา
เหมือนมีวิมานตรงหน้า
ปลื้มหนักหนาแทบจูบดิน...



และบางคราแม้นเห็นแต่ปลากลางทะเล
ก็อยากผวาจูบแทนหน้าลูกน้อยและเมียขวัญ...

 เป็นหนทางทำกินทางเดียว
ที่ต้องเที่ยวท่องล่องไปตามสายชล
ไม่เว้นวัน..วารไม่มีกาลเวลาหยุดเช่นกัน
*****



ตะวันเดือนธันวา
ขึ้น
กลางหุบเขาลำเนาไพร เทือกเขาสูงไสว
ที่แพนนั้นเห็นเพียงในฝันในฉากภาพยนตร์

ตะวันที่ขึ้นกลางใจในหุบเขาประเทศฑิเบต 
ที่แพนหวังจะได้เห็นสักคราครั้ง
มิใช่แค่มานั่งเทียนเขียนเขียนเอาให้งามตามวาดฝัน
อย่างในหนัง 7 YEAR IN TIBET 
ที่พระเอกจอมกวนแบรดด์ พิทท์
เปลี่ยนบทบาทการแสดงเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ
ให้แก่องค์ดาไลลามะน้อยได้อย่างซึ้งอกซึ้งใจพระเดชพระคุณ
ก่อนที่จีนจะมาย่ำยีเรียกสิทธิในดินแดนมาปกครองเสียเอง..
**



ตะวันเดือนธันวา
ขึ้น...
ในท่ามกลางป่าดงดิบอัฟริกา
ที่แพนเพิ่งได้ดูยามตะวันขึ้นและตะวันลา
อย่างรู้ค่าและแสนซาบซึ้งใจ
*จากเกมคนจริงSERVIVER เกม*
ให้เหลือผู้อยู่รอดปลอดภัยเพียงหนึ่งเดียว
ที่ต้องอาศัยพลังสติปัญญาและไหวพริบ
พร้อมมนุษยสัมพันธ์อันดียิ่ง
เพื่อช่วงชิงสิ่งสุดท้ายคือรางวัลหนึ่งล้านดอลลาร์
ซึ่งกว่าจะได้มานั้นก็ต้องเลือดตาแทบกระเด็นตามค่าเงินงาม


และอย่างที่แพนอยากเห็นนั้น ใครๆก็ฝันๆเอาได้
หากชอบดูหนังเกี่ยวกับสารคดี
NATIONAL GEOGRAPFIC
เกี่ยวกับการท่องไพรพนาป่าเขาลำเนาไพร
 มีฝูงสัตว์ป่าน้อยใหญ่ธรรมชาติไพรนานา
ที่ยังเหลือพันธุ์สัตว์ป่าพอหาได้ให้เห็น

เช่นเสือสิงห์กระทิงแรดหมูป่าช้างกวางหมียีราฟ
ที่พากันเริงร่าในทุ่งหญ้ารอรับอรุณ..
หอมกรุ่นกลิ่นดอกไม้ป่านานา ท้าแสงแดดอ่อนอุ่นรำไรๆ

แพน..ชอบดูหนังทุกเรื่องราว
ที่มีฉากสัตว์ป่าและยังมีงามล้ำค่าจากธรรมชาติไพร
ชอบอ่านหนังสือทุกเล่ม ย้อนยุคสู่โลก
ที่ยังไม่เปลี่ยนทิวไม้เป็นทิวตึกแทนที่มากมายมากมีอย่างทุกวันนี้



จะยังมีก็แต่อ้อมกอดไพร......
โอบกอดให้หอมหอมดวงใจให้พักพิงนิ่งเงียบงาม
ให้ไหวหวามดิบเดิมดิ่งด่ำติดดิน 

มิพักดิ้นเดือดเลือดพล่านหาเงินมาเสนอสนองครอบครองวัตถุ
ตามความอยากนี้ที่ถูกป้อนปลอมปรนเปลอมิรู้จบรู้สิ้น
ตามวัฎฎะโลกตามค่านิยมโลก
พาให้โศกวายวุ่นหมุนหาเงินตัวเป็นเกลียวแทบไม่พอกินพอใช้


แพนอยากพาตัวเองไปสร้างกระท่อมทับที่นั่น 
และนอนดูดวงตะวันในทุ่งหญ้า แม้จะมีสัตว์ป่า
ก็คงมีพระเอกสักคนมาพลีอ้อมกอดอันอบอุ่นอ่อนโยนปกป้อง
ถนอมนวลใจและกายให้ปลอดภัย และหลับไปนิทรารมย์อันแสนสุข..
****



ตะวันเบิกฟ้า ..
หรือ ตะวันลา ก็คงงามหยาดหล้าทั่วฟ้าดินทุกถิ่นที่
ที่ฟ้าใจดีมีเมตตาประทานมาให้เรา...
*มนุษย์บนหล้าโลกให้ลืมโศก
*มีพลังสร้างสุขใหม่*ตามตะวันมิมีวันยอมแพ้พ่าย
ให้เรามีอรุณหวังอรุณหวานเริ่มชีวิตใหม่ได้ในทุกทุกวัน
นำมาสอนใจ เป็นธรรมชาติใจธรรมดารัก
ตราบจนกว่าชีวิตจะแตกดับตามดวงตะวัน..
********



ตะวันงาม ที่ปราสาทพนมรุ้ง
ตะวันลา ที่นครวัตนครธม
ตะวันโศกตรมยามดายเดียวริมทะเลงาม
ตะวันหวานในกรุงกรงบางวัน..



แต่...
ทุกดวงตะวัน..
ที่ไหนๆ..ก็ไม่งามเท่าตะวันกลางใจ
ปลุกดวงใจไทยทั้งชาติให้ตื่นให้เบิกบาน
ให้มีพลังสรรสร้าง คุณงามความดี 
ทุกธุลีชีวีที่พร้อมพลีอุทิศใต้เบื้องบาทพระองค์
ด้วยความจงรักภักดี..
ให้ทั่วผืนดินไทยแข็งแรงด้วยพลังแห่งดวงใจรู้รักสามัคคี
ได้หยัดยืนทายท้าอารยะโลกอย่างผู้รู้ตนอย่างคนรู้ค่าชีวิต
แบบพอเพียงแบบเพียงพอ
แบบไม่ลืมตนไม่ลืมตัวไม่ลอยละล่องฟองฟู
ดั่งว่าวเหลิงลมคราได้รับคำชมคำเยิรยอ


หรือต้องแฟบฝ่อห่อเหี่ยวแทบสิ้นเรี่ยวแรง
แม้นถูกคำคนพิพากษาไม่เข้าใจเหยียบย่ำกระหน่ำใจ
เพราะไม่ว่าคำใดใครคนไหนมอบให้


ก็แค่ลมลมมิยั่งมิยืน..เท่างามดวงใจใครจะรู้
ให้เฝ้าทนสู้เก็บกลืนกล้ำ
ให้เลิศล้ำความเป็นยอดคน
ให้ฝึกอดทนอภัย มากมีน้ำใจเมตตา
ที่จะเผื่อแผ่แบ่งปัน
ให้ไปไม่หวงไม่หวัง..
ไม่กลัวใครจะมาลวงมาหลอน..มาย้อนยอกหลอกใจ
ก็ไม่หวั่นไหว ไหวหวั่น


ยึดมั่นงามดวงใจให้สวยใสกระจ่างงาม
ตามดวงตะวันกลางใจ
ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท..
พระผู้เปรียบประดุจยอดปราชญ์
พลังรวมชาติรวมงามสิ้นแห่งผืนดินทุกหย่อมหญ้า
ทั่วหน้าพสกนิกรชาวไทยได้ร่มเย็นเป็นสุข
และ..


ดั่งมีดวงตะวันสดใสส่องนำทางใจนำไทยทั้งผืนดินนี้ 
ให้อบอุ่นเป็นสุขตราบชั่วกาล..นานชั่วนิจนิรันดร...

*******



บันดาลใจจากอรุณรุ่งเช้าวันที่5ธันวาคม
ที่แพนพาหัวใจละมุน
ไปใส่บาตรทำบุญน้อมถวายเป็นพระราชกุศล
แพนได้ทำบุญกฐินถวายวัด ได้สวดมนต์ทำวัตรเช้า
ได้แผ่ส่วนกุศลให้แก่ตนเองและทุกดวงใจ
ที่แพนแสนรักค่ะในร่มรักเรือนไทยแห่งนี้

ให้มองตะวันเป็นเห็นงาม
รู้เก็บตะวันกลางใจ....
ดวงกระจ่างใสดวงงาม
ไว้ส่องนำเส้นทางใจสนองพระบรมราโชวาทที่ว่า
รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่ รู้เพียงพอพอเพียง..
เพียงแค่นี้...
ก็พอเพียงก็เพียงพอแล้ว..นะแก้วตานะดวงใจ				
7 ธันวาคม 2546 21:56 น.

สุดปลายสายรุ้ง!

พุด


นานหลายราตรี...
ที่ดวงนอนดายเดียวเดียวดายกับใจดวงเดิม
จากจันทร์ครึ่งดวง ใจครึ่งเดียว
เหลือเพียงเสี้ยวใจพอกับเสี้ยวจันทร์


เฝ้าฝันเฝ้านับวันรอคืน ..
รอจันทร์เพ็ญกลับมาเต็มดวง
เติมใจให้เต็มให้เปล่งงาม
ตามหวานหยาดสายพรายน้ำผึ้งพระจันทร์


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=973
 ดวงใจในฝัน   
อรวรรณ เย็นพูนสุข : : Key Eb  
รำพึงรำพัน ฝันรัก รักเอยใฝ่หา
ยังจำติดตาชวนปลื้ม ฉันลืมไม่ลง
เป็นรอยพิศวาส ปักใจมั่นคง
ฝังใจพะวง หลงรอคอย
อาวรณ์ใจครวญ หวนคิด คิดจนพร่ำเพ้อ
พาใจละเมอหมองหม่น คิดจนเลื่อนลอย
ยามนอน ถอนสะอื้น ตื่นตาแลคอย
คิดจนดาวลอย คล้อยเมฆา
ฝันกอดเชยชม ภิรมย์รื่น พี่ชื่นตื่นผวา
จนใจ ไม่มีใครเมตตา
เพียงนิทรา นิจจานึกว่าสุขเอ๋ย
บางคืนมองจันทร์หรรษา นิจจาอกฉัน
บางคืนขาดจันทร์เยือนหล้า น้ำตาหลั่งเลย
ลมเอยพริ้วยังแผ่ว ไม่มีแววเลย
เหงาใจจริงเอย หลงเชยแต่เงา

บางคืนมองจันทร์หรรษา
นิจจาอกฉัน
บางคืนขาดจันทร์เยือนหล้า
น้ำตาหลั่งเลย
ลมเอยพริ้วยังแผ่ว
ไม่มีแววเลย
เหงาใจจริงเอย
หลงเชยแต่เงา... 



ณ.สุดปลายสายรุ้ง..
ดวงฝันเห็นดวงใจในฝัน
ยามอรุณรุ่งอุษาสาง 
กับดวงตะวันดวงโตแสนงาม
ค่อยๆชักรถออกมาแย้มเยือนโลก
แหวกม่านหมอกเทาทึมยามราตรีคลี่แสงสว่างรำไรๆ
ทอทอดลอดเรียวเมฆเสกพรายแฉกแหวกเวทีโลกตระการตากระการใจ



ส่องฟ้าสีฟ้าให้เข้มกระจ่าง
น้ำทะเลสีสวยใสแจ๋วราวกระจก 
ราวมรกตน้ำงาม..ล้ำ
ปะการังชูช่อตระการ
ราวดอกไม้งามประดับโลกสีน้ำเงิน
กิ่งกัลปังหาแตกก้านกระจายพรายไหวไหวในน้ำทะเลลึก
ฝูงปลาเล็กๆนับหมื่นหลากพันธุ์
 แหวกว่ายเริงร่าใต้โลกบาดาล


หาดทรายยังขาวสะอาด ยาวเหยียด 
ทิวมะพร้าวไหวเอนลู่ลม..เสียดส่ายใบพลิ้ว
รับเสียงทะยอยจากทิวคลื่นถะโถมฝั่งมิยั้งหยุด


ลำนำอัศจรรย์กลางเกาะเปล่าร้าง ราวสวรรค์สร้างพระเจ้าเสก
ราวสวนอีเดน ริมทะเลสาบสีเงิน

ที่ปรากฎขึ้นมาท่ามกลางดงดอกไม้พันธุ์พื้นเมืองหลากพรรณ
มวลพลังดอกไม้รื่นรมย์ร่ำ ฉ่ำสีสันสดใส
หอมคละเคล้ามากับสายลมอ่อนๆบางเบาๆ	


ราวกลิ่นจรุงของมวลเกสรน้ำผึ้งหวาน แสนหวาน..
กลิ่นอ้อยอิ่งของไม้บางชนิดที่หายาก
กลิ่นหอมแรงของดวงบุหงาลดาวัลย์
ที่โอบล้อมสลับสล้าง ส้ม แดง
เหลือง ทองละออละอองพรายพร่าง
งามจนยากจะบรรยาย..


ณ..สุดปลายสายรุ้ง....
ดวงฝันเห็นดวงใจในฝัน
ในท่ามกลางม่านเมฆเรียวรุ้ง 
ท่องเรือใบไปในอ่าวที่แสนสงบงาม..
ยามอาทิตย์สนธยา ทั่วทั้งท้องนภาและผืนน้ำ..
เป็นสีส้มเหลือบชมพูแดงรอนรอนอ่อนๆเทาๆทองทอง
ส่องอาบทาบทาประกายวะวิบระยิบระยับ 
งามจับตาทั้งเวิ้งฟ้าแลเวิ้งน้ำ
งามเกินคำพรรณา รำพึงรำพัน..


ณ..สุดปลายสายรุ้ง.....
สองดวงใจเอนอิงพิงไหล่ ทอดตาทอดใจ
ดูอาทิตย์สีไพลดวงโตกำลังโรยตัวช้าช้าร่ำลาผืนน้ำสีคราม
ที่ยามนี้ถูกเปลี่ยนสีถูกคลี่คลุมด้วยมนตรา
สีทองจรัสเรืองจรดฟ้างามล้ำ
อย่างละมุนละม่อมอย่างออดอ้อนอาลัย 
ทิ้งแสงเรื่อเรื่องจางจางขับฟ้างามให้ยิ่งงามบรรจิดใจ..
ตะวันอ่อนอุ่น ทิ้งแสงสวยไว้ก่อนกลายหมุนลาโลกเพียงชั่วยาม



ฝูงปลา กระโดดผึงโผล่พ้นน้ำออกมา เริงร่า
ชูเกล็ดสีเงินวะวาววับรับแสงสะท้อนอ่อนหวานจากดวงสุริยา
หมู่ปลาวาฬ..พ่นน้ำขึ้นฟ้าฟู่ฟู่..
ในทะเลสาบสีเงินงาม..ยามใกล้ค่ำ
มีเพียงสวรรค์กลางใจดำเนินไปสู่เงียบงามสงบสุข



เรือใบลำน้อย ค่อยค่อยลอยเลื่อนละล่อง
ไปท่ามกลางครรลองคลื่นและริ้วเรียว
ของเสี้ยวตะวันลา..  
ยามคลาไคลใกล้ลับหล้า
ทิ้งศรัทธารักไว้กับกาลเวลา ไร้เหว่ว้าหมองหม่นใด..


 **************

ณ..อีกสุดปลายสายรุ้ง....
อีกด้าน.ของอีกงามหนึ่งที่ตราตรึงใจพอกัน
อีกซีกโลกฝัน โลกไพร...
อาทิตย์อัสดง ตรงนาข้าวเขียวขจี
ที่มีกระท่อมไพรริมบึงบัว หลากสีสันชูช่อไสว



สาวนา สาวไพรทูนกระด้งผักสดนานา
ที่เพิ่งเด็ดมาจากริมท้องนาท้องไร่..
หวังกลับไปตำน้ำพริกแกงเอง
บรรเลงโขลกตำด้วยสมุนไพรสดสดข้างครัว
ข่าแก่ตะไคร้พริกขี้หนู ขมิ้น หอมแดง 
กระเทียม พริกไทย เคยปลาเผาให้หอม ก่อนแกง
พริกแห้งข่าอ่อนหั่นแว่นค่อยใส่ลงไปกินแทนผัก
แล้วใส่ปลาดุกชิ้นทีหลัง ให้เลิศล้ำอร่อยรส

จากน้ำคำเล่าเรื่องรอบทะเลสาบ..
ตำราขมิ้นศรี..คนดีที่ขอยืมมาทำ
อยากให้เสน่ห์ปลายจวัก
กวักรักตามมาเคลียเคล้า
ยามเข้าใต้เข้าไฟนะคนดีนะดวงใจ



แต่..ไฉนเลย..เล่า..!

ณ..สุดปลายสายรุ้ง...
สาวนา..คนดีที่น่าสงสาร
ยังคงนุ่งผ้าถุงดอกสีไพล ใจลอยคอยหนุ่มนา

ยังยืนฝันริมลอมฟางข้างกอข้าวเขียวไสว 
ให้สายลมพัดตึงเคล้าคลึงยอดตอง
ราวบทเพลงแห่งท้องทุ่งคอยโบกโบยกระหน่ำใจ

พัดพาหัวใจน้องนางบ้านนาไปไกลแสน
ให้สายลมหนาวยามค่ำแนบร่างงามล้ำ
ที่ถลำลึกในภวังค์ดายเดียว...เดียวดาย..ลำพัง

มีเพียงเสียงนกไพรโผผินบินกลับรัง 
ราวตอกย้ำฤดีนางรอ!				
4 ธันวาคม 2546 13:38 น.

รักนี้ที่หนีไม่พ้น

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=92
รักนี้.... ที่หนีไม่พ้น.... 
 
ดวง พยายาม เขียนเรื่องรัก.... 
ให้ห่างจากความพิศวาสบาดจิต.... 
เพราะทุกๆเรื่อง.... ทุกๆรัก.... มากล้นจอเลยค่ะ 

ถ้าเอาคำว่ารักมารวมกัน.... 
จะยาวไปถึงเหนือจดใต้.... หรือเปล่านะนี่.... 

ดวงอยากสรุปว่า.... 
ล้านดวงใจ.... ล้านคน.... ล้านคู่.... 
ก็ล้านความคิดเห็น.... 
จะต่างกันตรง รายละเอียดปลีกย่อย....
 ข้อใหญ่ใจความ.... ในแบบฉบับรัก.... 
มักมีอยู่แค่สองรูปแบบ...


รักสมหวัง.... กับ.... รักผิดหวัง.... 
และแยกไปว่าสมหวัง.... เพราะอะไร.... 
เพราะเข้าใจ.... อภัย.... เสียสละ.... อดทน.... 
หนักแน่น.... และอีกจิปาถะเหตุผลที่ดี....


 ที่มีเองบ้าง หามาหลอกตัวเองบ้าง 
ล้วนแล้วแต่ โดนใจจนจังงัง.... 
ทำให้ในที่สุดสามารถจูงมือ.... 
เข้าประตูวิวาห์หน้าบานแฉ่ง....
 แสนหวาน.... แสนสดชื่น.... 

แต่บางคู่.... 
ตอนเข้า เข้าประตูเดียวกัน.... 
แต่อยู่ไปไม่นาน.... 
ต่างคนต่างตัวใครตัวมันแทบปีนออก ทางหน้าต่าง.... 
รีบหนีให้พ้นหน้ากันเร็วๆ....
หน้ายิ้มแฉ่ง.... กลายเป็นหน้ายักษ์ 
ลืมความหวานชื่นเสียสิ้น 


ส่วนรักผิดหวัง.... 
ก็เช่นรักเขาข้างเดียวข้าวเหนียวนึ่ง....
หรือรักแล้วอีกฝ่ายแปรเปลี่ยนใจ.... 
หรือ.... รักแล้วพ่อ.... แม่ไม่ชอบ.... ไม่ให้แต่ง....

อันนี้อาจจะเหลือน้อยแล้วในปีพ.ศ.. 2547..กับปี.2004.. 


หรือรักแล้วมีมือที่ สาม.... สี่.... ห้า.... 
มือใครไม่รู้.... มือยาวราวนางนาคมาสาวได้สาวเอา
ไปรับประทานสบายแฮ.... 
หรือรักได้สักระยะ ก็ไม่เข้าใจกัน.... 
เห็นธาตุแท้.... ดิน....น้ำ.... ลม.... ไฟ.... 
ที่ไม่สามารถรวมกันเราอยู่ได้ 
เลยต้องกระจุยกระเจิง.... ไปคนละทิศละทาง.... 


เขียนเรื่องรักร้อยคน.... พันคน.... 
ก็มีอยู่สองประเด็นนี้.... 

ดีใจ.... เริงร่าท้าฟ้าดิน.... ยามสมหวัง.... 
โลกก็สวยใสสีชมพูงามงด.... สดชื่น.... 

เสียใจ.... น้ำตาท่วมจอ.... 
ระบายคลายทุกข์ที่ถูกทอดทิ้ง.... 
เขาไม่เข้าใจเรา.... เราไม่เข้าใจเขา.... 
ต่างคนต่างเลยไม่เข้าใจ.... 

แล้วใครที่ไหนจะเข้าใจไหมนี่.... 
ทำให้ โลกนี้เป็น.... สีน้ำเงิน.... 
มองอะไรก็.... Blue.... Blue.... My.... World.... Is.... Blue.... 
เหมือนดั่ง เพลงเก่าในอดีต....
 
ดวงอยากบอกว่า.... 

ตอนอายุ.... 20.... ต้นๆ
ยังเต่งตึ๋ง ตึงตัง ก็จะเป็นอย่างนี้.... 
วัยที่พร่ำเพ้อละเมอหารัก.... 
จนกว่าจะได้ พบเจอของจริง.... 

ตานี้จะหยุดเรื่องรักสักระยะ.... 
เปลี่ยนรูปแบบ.... 
จากรัก.... 
มาเป็นรบกับการก่อร่าง....สร้างตัว.... และสร้างครอบครัว.... 

ทั้งรบทั้งรักทั้งรับมือกับเจ้าตัวน้อยๆที่เป็นผลผลิต.... 
ผลิตผลที่เป็นรัก แสนชุลมุนวุ่นวายไปอีกแบบ.... 


ตอนอายุ.... 30.... กว่าๆ.... 
เริ่มเข้าที่เข้าทาง.... รักจะเริ่มราโรย.... 
บ้างก็จะคลายเครียดโดยการเปิดมิติรัก 
ในรูปแบบใหม่เติมพลังให้ชีวิต.... 
เรียกรักสามเส้า (เศร้า)....


บ้างก็ต้องแยกกันอยู่.... แยกกันไป
เรียกว่า.... ปีคัน.... ทนอยู่นิ่งไม่ได้.... 
ต้องหาคนเกาใหม่ที่เล็บสวยๆ.... 
หน้าตาเอ้าะๆหน่อย.... เกาไป.... อ้อนไป.... 
ให้ใจเบิกบาน.... หวานฉ่ำ.... 

แร้งๆทึ้งๆ อยากทิ้งเสียที.... 
ท่าจะเข้าท่าเข้าที.... ดีที่สุด....
 ตอนหน้ามืด.... นะ.... น่ะ.... 


แต่บางคู่.... 
มากคู่ที่ประคับประคองกันไปได้ตลอดรอดฝั่ง.... 
ด้วยใจที่หนักแน่น มั่นคง....
 และเพื่อ ลูกกะตาดำๆ ที่มิรู้อิโหน่อิเหน่.... 
พยายามปรับตัว.... ปรับใจ.... และปรับปรุง.... 
ให้ไปในทางดีงาม.... 


ตอนอายุ.... 40.... 
วัยนี้จะไม่อยากรักใครแล้ว.... 
เริ่มเรียนรู้ที่จะต้องรักตัวเอง.... 
เพราะสุขภาพ กาย.... และใจเริ่มเสื่อมถอย.... 
ภาระต่างๆมากมาย .... 

ที่แบกมาตั้งแต่.... 20.... ต้นๆ.... 
ทำให้อยาก ปลดแอก.... 
ให้กายและใจของตัวเอง.... 


แต่ยากค่ะ.... หนูว่ายากแล้วค่ะ 
เพราะถลำมาเกินครึ่งทางแล้ว 
ต้องเดินหน้าค่ะ.... แบบถู่ลู่ถูกัง.... 
เคี่ยวเข็ญทั้งเราเองทั้งลูกกระโตงกระเตง.... 
ให้ถึงฝั่ง.... โดยอาจจะถึง.... คนละแบบ...


ของตัวเอง ประคองให้ถึงฝั่ง.... ที่ลาลับไป.... อย่างสุขสงบ....
 
ส่วนของลูก.... ให้ก้าวเข้ามารับช่วงต่อ.... 
เซ้งต่อ.... มาสู่วัฏจักรรักวนเวียน.... 
หลีกลี้หนีไม่พ้น 
ตราบเท่าที่ยังได้ชื่อว่าเป็นมนุษย์..
 

รักของมนุษย์.... 
แบบฉบับมาตรฐาน.... 
ก็มีแค่นี้.... 

ตอนเป็นเด็กก็รักพ่อ รักแม่.... 
แบบฉบับของรักนี้ ที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย.... 
โตหน่อยก็รักแบบหนุ่มสาว...


ซึ่งจะแปรรักเป็นรักแบบคู่สามี.... ภรรยา 
หวานแหวว.... แต๋วจ๋า.... 
จนก่อกำเนิด.... กุมารา.... กุมารี.... มาจนจะล้นโลก.... 

จึงมีรักแบบ รักสายเลือดในอุทร.......

และแล้วในที่สุดต้องกลับมารักและเริ่มใหม่

คือรักของเด็กที่จะเริ่ม รักพ่อ.... รักแม่.... 
ดั่งวงเวียนชีวิต.... มิรู้จบ.... 

และเมื่อรักแล้วต้องหวง ห่วง อาวรณ์ อาลัย.... 
พยายามทำทุกสิ่ง.... เพื่อให้คนที่รัก.... 
และรักนั้นของเรา ให้สมบูรณ์แบบ.... ให้ดีที่สุด.... 
ยอมเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า.... 
พาใจและชีวิต.... สู้ไปเพื่อรักนั้น.... 


แต่...
จะมีบางคน ที่มีเวลา 
นอกเหนือจะรักครอบครัวอันเป็นที่รักแล้ว.... 
ยังได้ช่วยเหลือ.... เผื่อแผ่.... แบ่งปันรักไปยังผู้อื่น.... 
ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมโลก.... ที่ไร้รัก.... ไร้หวัง.... 

หวังใจจะมิให้ชีวิตนี้เกิดมาเพียงเพื่อ.... 
กิน.... ทำงาน.... นอน.... และสืบพันธุ์.... เพียงนั้น....
 

และนี่คือรักแบบฉบับธรรมดาๆของโลกเรานี้.... 
ที่คงยังต้องหมุนเวียนเปลี่ยนผันไป 
พร้อมๆกับโลกของเรา.... ตราบชั่วกาลนาน....				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด