1 มิถุนายน 2552 19:13 น.
พุด
ในไร่ขวัญวันซึ้งซึ้ง
ปานประหนึ่งสวรรค์สัมผัสหล้า
หยาดน้ำค้างพร่างซึมในเงาตา
มองเห็นฟ้าแลเห็นงามนิยามไพร
กระซิบกับดวงตาคนว้าเหว่
ดอกรักเร่ริมทางระบัดไหว
งามติดดินสอนชีวินสัจจะใจ
ค่ายิ่งใหญ่ใดเกินธรรมชีวี
ยิ้มกับฝนกับฟ้าที่ครวญคร่ำ
กับระบำดวงดอกหญ้าในแสงสี
ตะวันลาสาดแสงทองชื่นสุนทรีย์
รอราตรีดาวรายหมายฝากใจ
หอมกลิ่นเกสรบัวละมุนละเมียด
ผลิพราวเพรียกภู่ผึ้งรับวันใหม่
แสนดื่มด่ำท่ามงามเงียบในพงไพร
ละมุนละไมในดวงจิตนิจนิรันดร์....!
................................
1 มิถุนายน 2552 17:57 น.
พุด
จากเนินผาแลละลิบลงเบื้องล่าง
มนุษย์ต่างเวียนว่ายสายธารฝัน
เรียนรู้โลกโศกเศร้าหนาวนิรันดร์
แท้วนวันวนวัยในวังวง
เดียวดายหน่ายนึกล้ำลึกนัก
เบื่อรักเบื่อรอกิเลสหลง
พาจิตดวงใสใจดวงงามคิดพะวง
อยากเดินตรงสู่เส้นทางร้างไร้ใด
ลำพังนั่งเฝ้าดูละคอนสอนชีวิต
หยุดคิดหยุดปรุงแต่งแย่งสิ่งไหน
แค่เพียรเจริญสติภาวนารักษาใจ
ต่อสายใยกุศลพ้นแรงกรรม
หยาดน้ำตานางฟ้าระรินหลั่ง
ราวจะสั่งคำลาอย่าครวญคร่ำ
ไม่ช้านานหวานฤาตรมในรอยจำ
ผ่านคืนค่ำรออรุณรุ่งอาทิตย์อุทัย....!
............................................
29 พฤษภาคม 2552 17:04 น.
พุด
พลีรจนาแด่
น้องกบและ น้องน้องที่รัก
ในร่มรักเรือนไทยเรือนทองแห่งผองเรา
ด้วยซาบซึ้งใจค่ะ
.........................................................
ตั้งแต่นาทีแรก
ที่น้องน้องมาเยือนถึงเรือนไพร
วิมานดอกไม้หอมของพี่พุด
พี่พุด ก็สัมผัสได้ถึงความมากมีเมตตา
จากสายธาราน้ำใจน้อง
สำหรับพี่พุด
เรือนนี้อยู่มานานพอ
ที่คนจะคิดว่าดูทรุดโทรม
ดูโบร่ำโบราณจัง
พี่เจ้าของก็บ่นพร่ำ
แต่เรื่องอะไรก็ไม่รู้เสียยาวเชียว
น้องรัก....
วิถีใจวิถีจิตนั้น
บางครั้งต้องใช้เวลาเรียนรู้
จากประสบการณ์ตรงประสบการณ์จริง
ของชีวาชีวิตเราเอง..
เสมือนคำ
*ยามเราเห็นทุกข์จะเห็นธรรม*
น้องรัก น้องน้อย
พี่พุด ไม่ใช่คนที่บรรลุโสดาบันดอกนะคะ
หากเพียรหวังตั้งใจอธิษฐาน
ว่า...
ในหนึ่งนิดชีวิตน้อยนี้
เพียง
ได้เกิดมาได้พบร่มรัตนร่มธรรม
ได้พบพระมหากษัตริย์ที่
พระองค์ทรงทศพิธราชธรรม
อย่างสูงส่งล้ำเลิศแล้ว
ยังได้เป็นธุลีหล้าในแผ่นดิน
ที่เรียกว่า
*สุวรรณภูมิพุทธิ์*
ซึ่งแสนสุขสงบสว่างสะอาด
อย่างแสนน่าภาคภูมิใจยิ่ง
.................
ขอวกถึงการเมืองหน่อยนะคะน้องรัก
สักนิดสักน้อยนะคะน้องรัก
พี่พุด...คิดว่าการแตกต่างทางความคิด
ของคนในชาติเป็นเรื่องปกติ
หากอย่าแตกแยกกัน
จนสิ้นคิดให้*สิ้นชาติ *
พี่พุด เคยเพียรพูดในรายการวิทยุเสมอๆ
พร้อมบทกวีที่พี่พุด
จะนำเสนอด้วยน้ำเสียงงดงามเยือกเย็น
เพื่อสร้างความสงบสันติ
น่าเสียดาย
ที่น้องๆไม่มีโอกาสได้ยินพี่พุด
อ่านบทกวี ที่แสนรักแสนภาคภูมิใจ
แสนปิติใจ
เพราะ
ทุกคนมักจะบอกจะขนลุกเสมอ
ซึ้งแสนน่าชื่นใจ...เสียไม่มี
คนดี....
พี่พุด รักชาติ รักศาสน์ กษัตริย์
อย่างมีเหตุผลอย่างมีปัญญา
อย่างพยายามค้นคว้า
และ...
ในที่สุดพบว่า
เหนือสิ่งใดนั้นเราต้องร่วมด้วยช่วยกัน
สร้างสรรความเมตตา อภัย
รู้วางใจเป็นกลาง
และ...
มีสัมมาทิฏฐิ
มีการยอมรับฟังกันและกัน
หันหน้ามาทำความดี
ก่อนที่เราจะเสียใจ
พี่พุด..
เคยพูดในรายการว่า
เราธุลีหล้าข้าแผ่นดินไททุกคน
ต้องรู้รักสามัคคี
มิใช่แค่คำพูด
แต่...
เราต้องรู้กตเวทิตาคุณ
รู้รักทะนุถนอมดวงพระราชหฤทัย
ของพระพ่อหลวงในดวงใจเราทุกคนค่ะ
นี่คือความรัก
และ...
รัก..
ที่มีพื้นฐานมาจากเนื้อใจ ดวงแท้ดวงทอง
ก็จักโชติจรัสชัดฉายฉานผ่องพรายพร่าง
นำทางให้ชีวิตเราสว่างไสว
ไปตราบชั่วนิจนิรันดร์ค่ะคนดี
งานพี่พุด จึ่งเสกสรร
ขึ้นมา
ด้วยรักปรารถนาดี
และ..
พลีเพียรทำมานานหลายปี
จนเป็นพันเรื่อง
เรื่องบางเรื่องเริ่มจากคนอ่าน
ไม่ถึงหนึ่งร้อยคน
จนถึงหกพันคน
และ
นี่คือการให้ที่ยิ่งให้ยิ่งได้
เพราะ
พี่พุดได้รับหยาดน้ำค้างคำน้ำค้างใจคืนกลับมา
ให้ปิติเกษมใจ
มีพลังใจไฟฝันที่จะทำงานอย่างที่สุด
โดยมิหวังรางวัลใดๆทั้งสิ้น
มีมากมาย
ถาม...
จะเขียนทิ้งเขียนขว้างไปอีกนานแค่ไหน
ไม่พิมพ์รวมเล่มไล่แจกดอกเหรอ
โอะโอ
อันนั้นไม่ใช่เป้าหมายสำคัญค่ะน้องรัก
สำคัญคือ...
พี่พุด มีความสุขที่ได้รจนางาน
ที่ทำด้วยหัวใจรัก
นับตั้งแต่คีย์นิ้วระรัวในแป้นพิมพ์แล้ว
ไม่ว่าเช้า สาย บ่าย เย็น
ปีแล้วปีเล่า
พี่พุด ก็ยังคงซื่อสัตย์กับ
ความรักความรู้สึกตัวเอง
และ....
อยากกระซิบฝากไปถึงผู้ดูแลระบบ
รวมทั้ง*คุณปีกฟ้า*
ที่เมตตากางปีกโอบเอื้อ
ทุกดวงใจฝัน ให้มีเรือนรักได้พักพิง
ได้พึ่งพิงอิงอุ่นด้วยกันฉันท์น้องพี่
ในถนนสายดวงดอกไม้งามนี้
ในโลกฝันสวรรค์บรรณพิภพ
มาตรแม้นเราอาจพบพรากจากลา
แต่นี่คือช่วงเวลาแห่งความหวานหอม
น่าเก็บงำทะนุถนอมไว้ในความทรงจำ
ตราบดินฟ้า..สมดั่งคำคุณอัล
มีผู้คนมากมาย
ผ่านมาและผ่านไป
แต่สิ่งที่ฝากไว้
คือกานท์กลอนบทกวี
ที่ทรงค่า ซึ้งค่า...ในทุกมโนนึก
ยามรู้สึกเดียวดายสับสนบนเส้นทางร้างไร้
อย่างน้อย..
เราก็มีที่หมายเหมือนกันนั่นคือ
แบ่งปันความงามจากนวลจิตนวลใจ
อย่างใสซื่อ อย่างผู้ที่มีเพียงหัวใจภักดิ์
ในภาษาไทยภาษาทองของเรา
น้องรัก
พี่พุด ไม่เคยหันกลับมาตั้งคำถาม
กับตัวเอง
ว่าจะได้อะไรตอบแทน
กับสิ่งที่พี่พุดทำมานานนี้
เพราะ....อะไรทราบมั้ยคนดี
ก็เพราะ...นี่คือชีวีพี่พุดภายใน
นี่คือรักค่ะ....
และ...
นี่คือรักค่ะ...
ที่ได้โอบเอื้อฝันอันหาที่สุดมิได้
จากดวงใจ...
ถึง...
ทุกดวงใจ....
ที่ไม่จำต้องอาศัยสิ่งใด
ระหว่างเรา
จะมีก็เพียง....
ใจดวลใจ..!
เท่านั้นเอง....!!!
28 พฤษภาคม 2552 20:18 น.
พุด
ร่ายรจนาเรื่องรักสักหนึ่งบท
ฝากงามงดจากใจดวงอรชรหวาน
ให้ทุกชีวาชีวิตได้เบิกบาน
เปรียบประมาณโลกนี้มีเพียงเรา
เธอรักฉันฉันรักเธอเพ้อเพ้อว่า
ปรารถนารัดรึงใจจักไม่เหงา
เป็นคู่ขวัญเคียงกันประดุจเงา
ตราบนานเนานิรันดร์สวรรค์รอ
ทุกจิตคิดมั่นหมายใช่เช่นนั้น
พรายพราวจันทร์ดาวดวงร่วงสู่หอ
โลกแสนหวานปานน้ำผึ้งยามพะนอ
โอ้ละหนอไม่นานนักภักดิ์พรากลา
ต่างลืมวันลืมชื่นในคืนแรก
สู่ทางแยกแรมร้างเสน่หา
น้ำผึ้งพิษหลงจารจิบพร่าชีวา
เพียงพริบตามายาสุขทุกข์ไม่รู้จบทบทวี ..!
รจนาพิเศษพิสุทธิ์
แด่น้องๆที่ยังจำต้องเรียนรู้
รักให้เป็นรักให้เย็นใสงามค่ะ
นะคะ ..
เพื่อข้ามพ้น
ไม่เฝ้าค้นหาความสมบูรณ์แบบ
จากผู้เป็นที่รักรักรัก
กระซิบบอกน้องๆ
ในงานรักรจนาแทบทุกเรื่องว่า
หากจะรัก..
*ต้องลืมคำว่าเสียใจ*
และ...
หากรักใคร
จงอย่าไปคาดหวัง
อย่ารับเอาเพียงส่วนดีของเขาของเธอ
ต้องรับได้ทั้งสิ้นทั้งหมดใน
ชีวินชีวิตจิตวิญญาณเขาค่ะ
และ
อีกมากมายที่พี่พุดฝากไว้ในงาน
ลองหาอ่านในหน้ากล่องเก็บรัก
ของพี่พุดในหน้าส่วนตัวนะคะ
.....................
และ..
แด่..
น้องsomebody ...
น้องที่เข้าใจสิ่งที่พี่พุดเพียรสื่อเสมอมา
น้องดอกบัว....
น้องที่งดงามเสมือนนามน้องเลยค่ะ
น้องภาสุรีย์....คนนี้รักมากมายจอมซน
จอมใจ น่ารักสดใส และแต่งกลอนได้
ตลกดี กลอนอักษรกลางอ่านไปหัวเราะไปค่ะ
น้องDaRk_LoRd ...
คนนี้มาแรงวันนี้แชทกับพี่พุดคีย์กันระวิงค่ะ
............................
และแน่นอนค่ะ
น้องชายที่รักทุกๆสุภาพบุรุษ
ที่ยังเพียรเสาะแสวงหาน้ำผึ้งหวาน
ประมาณภู่ผึ้งที่ยังอยากคลึงเคล้าเกสรสุมาลี
หมายปลอบประโลมค่ะ....
โชคดีในความรัก...ค่ะ...
..............................
......................................
คุณ..ผม..จักรยาน..ร้านกาแฟ.
แล้วไย..
ดวงดอกกาสะลองต้องร้องไห้!
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song975.html
ไม่อยากให้โลกนี้มีความรัก
เรื่องรัก
*โรแมนติกแสนเศร้ารานร้าวใจของผม*
เริ่มต้นณ..ที่นี่...ร้านกาแฟเล็กๆ
ริมถนนสายงามนามห้วยแก้ว
ที่มีมหาวิทยาลัยแสนงาม
นามไพเราะตามชื่อจังหวัดตั้งอยู่
คุณ..
เป็นเจ้าของร้านกาแฟหอมกรุ่นละมุนลิ้น
ส่วนผม..ไม่ได้ชอบดื่มกาแฟ
แต่กลับมาแอบชอบบรรยากาศ
เพื่อมานั่งจินตนาการสร้างงานรักรจนาสวยๆ
ที่ผมชอบระบาย
เป็นงานคลายเครียดงานอดิเรก
และ
ด้วยอีกเหตุผล
คือมี..คุณคนสวยรวยศิลปเจ้าของร้าน
ที่งามราวดอกกาสะลอง
ของเมืองเวียงพิงค์ดั่งเวียงสวรรค์
ที่ราวจะเพิ่งคลี่แย้มแต้มโลก
ให้หวานระยับจับดวงจิตทุกดวงใจที่แวะมา
แล้ว
ไหนยังจะ
ประดับร้าน
ด้วยภาพศิลปล้านนาที่ผมแสนประทับใจ
และ..
ที่แสนสวยงามในใจผมอย่างที่สุด
จนหาคำใดมาเปรียบปานมิได้
ที่ยังมิหมดเพียงนั้น
ยังมีฝันพิลาสพิไลให้ฝันไกลให้ฝันต่อ
เพราะ
ร้านคุณคนดีไม่เคยขาดดอกไม้สด
ทุกทุกวัน
จะงามงดด้วยดวงดอกไม้หวานๆตามฤดูกาล
และ
ผมเดาเอาว่าตามฤดีคุณ..
เจ้าของร้านคนสวยด้วยแน่ๆเลย
เพราะ
ดูจากการที่คุณแต่งตัวแบบสาวโบราณ
ที่ยังนุ่งผ้าซิ่นตีนจกงามละมุน
ห่มพาดสไบสวยคลุมพันทับเสื้อ
และยังเหน็บดอกเอื้องสวยนวยนาด
ราวสาวล้านนาย้อนยุคแสนงามอยู่เลย
และ
ไหนยังจะให้เชยชมชิดดวงดอกไม้ไทยไทย
ที่ทำให้ร้านคุณทั้งสดชื่น
ทั้งหวานหอมกรุ่นด้วยกลิ่นขมกาแฟ
และ
ในขณะเดียวกัน
ก็หวานหอมพลันพร่างด้วยกลิ่นดอกไม้ไพร
ดอกไม้ไทยนานาพันธุ์
ที่มีทั้ง มะลิ พุดซ้อน ลำดวน ลั่นทม แก้ว กุหลาบ
กล้วยไม้ กาสะลอง ชมนาด เล็บมือนาง ..
แต่
ทว่าที่ผมว่างามล้ำงามกว่างามงามเหนืองาม
ใดก็คือคุณนั่นแหละ
ที่
ผมคิดว่างามแบบชวนให้น่าหลงใหลเสน่หา
ราวเอื้องแซะดอกขาวพราวพิสุทธิ์
จากยอดดอยดอกงาม
เพราะ
คุณมุ่นมวยผมที่ดูราวเส้นไหมนุ่มงามทุกวัน
และไม่มีสักวันที่ผมแวะมาแล้ว
จะไม่เห็นเรียวหน้ารูปไข่หวานละมุนของคุณ
จะไม่ถูกล้อม
ให้หอมกรุ่นน่าดอมดม
ด้วยดวงดอกไม้ริมเรียวแก้ม
หรือหวานหอมล้อมไว้ด้วยมาลัยรัดเกล้า
ราวร้อยเป็น
สร้อยเสน่หาบนมวยผมให้ชมชื่นใจ
และในทุกวัน
ผม..จะสั่งชาหวานๆธรรมชาติมาดื่ม
และเช่นกัน
ที่คุณไม่เคยถามราวกับจะจำได้อย่างขึ้นใจ
ใหม่ๆคุณก็แค่แย้มยิ้ม ทักทาย
พอนานวันนานเดือนเข้า
คุณก็เริ่มให้ความเป็นกันเอง
ที่ผมคิดแบบไม่เข้าข้างตัวเอง
ว่าเพราะคุณกลัวจะเสียน้ำใจแขกขาประจำ
ทั้งๆหน้าตาผมก็งั้นๆแหละ
วันที่ผมเริ่มรู้สึกดี
กับคุณ..มากกว่าตานอกที่เห็น
คือวันที่
ผมแอบเห็นหยาดน้ำตาคุณพร่างรินไม่สิ้นสาย
หลังจากที่ได้รับโทรศัพท์จากใครบางคน
นาทีนั้น
ใจดวงละมุนของผมเริ่มละเมียดมากพอ
ให้ผมชักหวั่นไหว
และเริ่มวาบหวามแบบไม่เข้าใจตัวเอง
ที่จะอยากเดินเข้าไป
โอบไหล่ประคองให้คุณซุกซบอกอุ่นผม
เพื่อปลอบประโลมใจและเช็ดหยาดน้ำตาให้
เพราะ
ผมเป็นโรคใจไหวอ่อน วาบหวานอ่อนโยน
หากเห็นน้ำตาของผู้หญิงทั้งโลกที่โศกครวญ
มิใช่แค่เพียงคุณดอกนะ
เพราะ
ผมเคยได้รับการอบรมมาจากคุณแม่ผม
ที่เพียรสอน
ให้ผมเป็นสุภาพบุรุษลูกผู้ชายเต็มตัว
อย่าได้ไปทำให้ผู้หญิงคนใดหมองมัวมลทิน
จนต้องรินน้ำตาหลั่งราวฟ้าร้องไห้
เพราะ
นั่นคือ
บาปกรรมราวทรยศกับเพศแม่ผู้อ่อนแอทางใจ
หากไม่จำเป็น
จงพยายามทะนุถนอม
ใจดวงอ่อนหวานปานเรียวรุ้งยามรัก
อย่าไปทำร้ายหาญหักใจหากไม่รักเธอจริง
วันนั้น..
ผมเพียงแค่ได้แต่คิด และ
แสนเสียดายดวงตางามซึ้ง
ราวหยาดน้ำผึ้งเพชรที่ช้ำหมอง
ที่ผมเห็นราวนางฟ้ากำลังร้องไห้ตรงหน้า
หากไม่กล้าเอื้อนเอยคำใด
นอกจาก
รีบพาตัวไปนอนรำลึกคิดถึงคุณด้วยความสงสาร
ในภาพม่านน้ำตาที่ช่างแสนน่าทะนุถนอมเสียไม่มี
หลังจากนั้นไม่นาน
คุณ..เริ่มแย้มบานหัวใจอีกคราและ
ตั้งหน้าตั้งตาขยัน
บริหารร้านงามของคุณอย่างแสนมีอัธยาศัย
และ..
อย่างคนที่มีหัวใจเป็นผู้ให้..
แบบมิใช่แค่บริการแขกแบบธรรมดาๆ
หากทว่าทุกแขกคือคนพิเศษ
ที่ราวเพื่อนฝูงแวะมาเยี่ยมเยือน
จนคุณมีขาประจำมากมาย
ที่ได้ใช้ร้านแสนงามของคุณ
มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์
ราวกับ
ร้านกาแฟโบราณตามบ้านนอกทุกถิ่นที่
ที่คือสภากาแฟไว้แลกทุกข์สุขแลกทุกอย่าง
ทั้งเรื่องส่วนตัวเรื่องงาน
การบ้านการเมือง
และ
แม้นราวเรื่องมากมายในมุ้งของคนในหมู่บ้าน
ที่ข่าวสารจะแพร่กระจายเร็ว..ราวลมพัด
ก็มักจะมาจากร้านกาแฟ..กาแฟ..นี่แหละนะ
ระหว่างเรา..
จากแขกรู้จักรู้ใจ..ทายทักธรรมดา
และ
คุณสามารถชงชายี่ห้อโปรดให้ผมได้อย่างแม่นยำ
บางครั้ง
ผมเริ่มสัมผัสไออุ่นจากถ้วยชาที่ละมุนอวลตรงหน้า
และ
อุ่นไอจากนัยน์เรียวตางามหวานซึ้ง
ผ่านม่านฟ้าฝนเป็นใจ
ในยามที่ผมเดียวดายอ้างว้าง
และกับบางคืนฝนพรำ
ที่ผมมักจะชอบพาตัวเองมานั่ง
ดูสายฝนพร่างสายละออละออง
ทอทอดหยาดย้อยเป็นดวงดอกแสนงาม
ยามกระทบม่านกระจก
จนพร่างพราย
ราวดอกไม้เพชรพรหมแสนสวยเศร้าสิ้นดี
และ
สำหรับคนหนุ่มใจหนาว
ไร้ร่างสาวไร้เนื้อสาวหนั่นแน่น
มาคลุกเคล้าให้หนาวคลาย
ให้หนาวทรวงมานานปี
ที่เริ่มชักมีชีวีชินชา
กำลังจะหันหน้าไปบวชยามบั้นปลาย
เพราะคิดว่า
สุดท้ายคงไม่มีเนื้อใครให้ผมเบียดหอมห่ม
คงนอนหนาวลมจนตาย
สู้ไปหอมห่มด้วยธรรมะจะดีกว่า
หากหาคู่ใจคู่ธรรมคู่ทองไม่ได้
ก็จะยอมหนาวเพียงร่าง
หากจะมิอ้างว้างจิต
คิดคิดก็ดีกว่าเลือกทางโลกย์
หากไม่อยากโศกสุข
หมุนเวียนไปอีกยาวนาน
จนตราบชั่วกาลกัปป์
เพราะมาหลงในดงกรรมกามพงกิเลส
คุณ..จะเริ่มแย้มยินดี
และกุลีกุจอช่วยเก็บจักรยาน
หากวันไหน
ผมมาในยามค่ำคืนและรุ่มร่ามด้วยเสื้อฝน
คุณ..ก็จะอุ่นชาร้อนๆ
และเตรียมขนมปังปิ้งหอมๆไว้รอรับ
คุณ..เริ่มรู้จักรู้ใจผมมากขึ้นๆทุกวัน
และยิ่งนานวัน
ผมราวกับจะมาฝากชีวิตไว้ที่ร้านคุณเสียครึ่งหนึ่ง
นอกนั้นคือวิถีประจำงาน
ที่ผม...
ต้องพร่ำบ่นเพียรสอนลูกศิษย์ในมหาวิทยาลัย..
และ
เตรียมเอกสารมากมายก่ายกอง
เป็นพะเนินภูเขาเลากา
น่าระกำว่า
จะตกลงมาทับศรีษะตัวเองเข้าสักวันไม่ช้านาน
หากต้องทำด้วยอุดมการณ์
และ
จะได้มีงานสุจริตไว้เลี้ยงชีพชอบ
แถมยังได้ประกอบกุศลจิตแสนดี..
หากชีวีได้สั่งสอนวิทยาการ
แถมพยายามใส่ธรรมให้งามจิตไปพร้อมกัน
เหมือนยิงนัดเดียวได้นกสองตัวแบบ
สุภาษิตก่อนเก่าเขาว่าไว้
ที่ในยามนี้ผมขอคิดเองจะดีกว่า..
ให้เข้ากับสถานการณ์เลิกทำร้าย
ว่า
*ไม่ยิงนก
หากยกมาเพาะเลี้ยงให้ได้ดีทั้งนกทั้งต้นไม้เลย*
อันนี้เป็นสำนวนผมเอง
ที่จดลิขสิทธิ์คำไว้แล้วห้ามใครนำไปเผยแพร่นะ
กลับมา..
ยังเรื่องรักหวานฉ่ำ
ที่ยังไม่ถึงบทเศร้าร้าวระกำช้ำระทมดีกว่านะ
กับ
ในคืนค่ำที่ฝนพรมพรำพร่างสายหนักจะดีกว่า
คืนที่
ผมยังเหว่ว้าบ้าพอที่จะคว้าจักรยานปั่นลิ่วมาหาคุณ
ด้วยร่างที่เปียกโชก
จนคุณต้องคอยใช้ผ้าขนหนูผืนนุ่ม
คอยเช็ดหัวหูผม
และเนื้อตัวให้อย่างละมุนละไมละม่อม
ราวกับผมเป็นเด็กชายตัวน้อยๆผู้ซุกซน
หนีคุณหนีใครออกไปตากฝน
ราวลูกนกตกน้ำ..หนาวสั่น
และ
สิ่งนี้คือความดี
ที่โดนใจประทับใจ
ที่ทำให้ผมแสนซาบซึ้งจนอยากรินน้ำตา
เมื่อคิดถึง
*คุณแม่ยอดดวงใจของผมที่พรากลา*
ที่ทิ้งผมไปแสนนานแล้ว
และ
เคยทำแบบนี้กับผมมาก่อน
อย่างแสนรักแสนทะนุถนอมพอกัน
ราวกับหัตถาครองพิภพ
จบด้วยรักเหมือนกันทั้งคู่เลยเชียว
และ
คืนนั้นร้านทั้งร้านแสนหนาว
หากใจดวงดายเดียวกลับอบอุ่นอ่อนหวาน
ปานดอกไม้กำลังค่อยๆคลี่แย้ม
รับสายแสงแห่งหยาดหวาน
จากพรายน้ำผึ้งพระจันทร์เสียมากกว่า
ทั้งฟ้าฝนพิไรร่ำ
เป็นใจราวสวรรค์ยิ่งใหญ่เมตตามากกรุณา
ให้คุณมีเวลานั่งคุยกับผม
อย่างเข้าใจในทุกเรื่องราว
และ
ราวกับคนที่รู้จักกันมานานแสนนาน
คุณ.กระซิบบอกผม..
ว่าผม..นั้นมีบุคลิกบางอย่าง
ที่ทำให้คุณอบอุ่นทุกครา
สงสัยตรงนัยน์ตาสีสนิมเหล็กของผม
ที่ทำให้คุณรู้สึกถึง
ความมั่งคงลึกๆราวผู้ชายโบราณ
ที่ยังมีงามนวลในเนื้อใจ ยังมีกระแสอบอุ่นไหลหลั่ง
เป็นพลังบวกสู่ร่างใจคุณยามได้พบสบตา
และ
นาทีนั้น
คุณพูดแทบมิทันสิ้นคำ
แม่เหล็กแห่งรักภักดีที่รอเวลาดูดพลังเข้าหากัน
ก็ค่อยๆเคลื่อนร่างอย่างช้าช้าเข้ามา
หลอมละลายเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างดูดดื่ม
และ
ด้วยรอยจูบที่แสนหวานหอมสดชื่นชุ่มฉ่ำ
ที่ค่อยๆทวีบดขยี้แรงขึ้นๆ
ด้วยแรงรักแรงเสน่หา
จนเลือดในกายฉีดพล่านราวมีไฟแผดเผา
ให้ร่างใจแทบมอดละลาย
กลายเป็นเนื้อเดียวกันมิทันนานนาที
ผมพึมพำไม่เป็นภาษาส่ำศัพท์
ภาวนา ให้โลกหยุดหมุนสักเวลานาทีก็ยังดี
ในยามที่อ้อมอกอุ่นผมนั้น
ได้ทำหน้าที่ทลายปราการ
แห่งความเหงาเศร้าดายเดียวเปลี่ยวเหงา
ให้มลายหายวับไป
เหลือก็เพียงพลังหวังหวานแห่งรัก
ระหว่างเราสอง..
อย่างไม่มีปราการใดใดอีกเลยแล้ว
และ
ราวได้เพิ่ม..เติมความรักความฝัน
อันคือขั้วบวกแห่งหยินหยางชายหญิง
ที่จักสามารถสกดให้โลกทั้งใบเป็นของเราสอง
อย่างงามสิ้นอย่างไม่มีคำว่าฉันเธอ..อีกต่อไป
ให้โลกนี้ยังคงดำรง..คงหมุนไปหมุนไป
ได้ด้วยไฟรักไฟปรารถนา
หากดวงชีวามนุษย์
ยังมิพ้นวิบากเก่าวิบากกรรม
ให้จำต้องชดใช้หนี้รัก
และ
ด้วยพลังแห่งความภักดีพลังที่จะสรรสร้างโลก
ให้งามแสนงามหวานแสนหวาน
ผ่านร่างรักสนิทเสน่หา
และ
ในยามนั้นทุกสิ่งในคลองตา
ทุกความหวานหอมในร้าน
ที่ผมเคยเล่าไว้
ไม่ว่าจะจากดวงดอกไม้ไทย
หรือจากายงามภายนอกของคุณ
ก็มิประมาณหวานหอมเทียบได้
ยามเราอยู่ในอ้อมกอดกันและกัน
กับ
คืนที่ฝนสั่งฟ้า
ให้น้ำตาคุณหลั่งรินแทนด้วยซึ้งซ่านสุข
ในปิติรักในอ้อมภักดิ์อ้อมใจผม
ที่เพียรกระซิบพลี..ตลอดเวลา ยอดรัก ๆๆๆ
นาทีหวานหอม..
ที่จะตราไว้จนตราบวันตาย
และ
นี่คือสิ่งที่โลกได้สอนบทเรียนให้ตามมา
ให้ผมกำลังระรินหลั่งน้ำตาสังเวยไม่สิ้นสาย
ในวันนี้
หลังจากคืนค่ำที่แสนดีผ่านมานาน
จนผ่านงานพิธีมงคล
ที่เราสองได้ตกลงปลงใจใช้ชีวิตรักร่วมกัน
คือชีวิตช่วงที่งามกว่างาม
จนผมมิอาจบรรยาย
ได้ถึงหยาดน้ำผึ้งฝันพระจันทร์หวาน
ทีเราได้ปันแบ่งจนโลกแล้งไร้
เหลือเพียง
มองไปทางไหนมีแต่สีชมพูและสีรุ้งเรียว
คนดี...
แล้วทำไมพระเจ้า..ให้มาแล้วเรียกคืน
ให้ผมสะอื้นหวนไห้อาลัยอาวรณ์
ราวจะมาสอนใจ
ให้ซึ้งถึงคำที่ว่า*ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์*
*การพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นทุกข์
การประสบกับสิ่งที่ไม่รักก็เป็นทุกข์*
และ
อย่าให้ลืมล่วงประมาท
ให้ทุกชีวิตได้รำลึกถึงความพลัดพรากจากลา
ให้รู้คุณค่าของความรัก
และ
ยามมีชีวิตอยู่
ให้รู้จักใช้คุณค่าของเวลาอย่างคุ้มค่ารักทุกนาที
ให้เพียรเพาะบ่มห่มหอมด้วยดอกธรรมในจิต
ที่จะเป็นดั่งดวงแก้วนิรมิต
ตามติดเราไปได้เพียงสิ่งเดียว
ไม่เกี่ยวกับคนกับใครกับใจผู้ใดทั้งสิ้น
เราต้องไป..เพียงลำพัง...
กับพลังพร่างแห่งปิติเกษม
ที่จงเพียรสร้างสะสมไว้เป็น..
*เสบียงบุญ*ก่อนคำว่าสายเกิน
ที่ไม่รู้ว่านาทีไหน ..
วันของใครของคนนั้นจะมาถึง
วันนี้ที่ยังคงซึ่งมีชีวิตแสนสุขสดใส
และ
อีกนาทีถัดไปพญามัจจุราช
ก็อาจไม่ปรานีเมื่อถึงวันที่ต้องไป
ท่านจะมาทำหน้าที่อย่างซื่อตรง
ไม่เลือกเศรษฐีผู้ดีมีจน..ทุกคนต้องไปที่เดียวกัน
ดั่งค่ำคำมรณาณุสตินี้ที่ไม่เคยเข้าใครออกใคร
ให้.
.*เตรียมตัวเตรียมใจตายก่อนตาย..*ไว้ให้ทุกคน
เหมือนอย่างผม..ในนาทีนี้
ที่วันเวลาแสนดีแสนงามแสนหวาน
ได้พรากลาพาคุณไป
ให้หัวใจผมมานั่งย้อนระกำย้ำระทมทับ
แทบรำงับดับไม่ได้
เมื่อจู่ๆสายฟ้าฟาดลงบนกลางใจผม
กับเสียงร่ำไห้ของใครบางคน
ที่โทรมาบอกผมว่า.
*คุณถูกรถชนและเสียชีวิตแล้ว*
วันที่
ฟ้าสีโศกและโลกสีหวานของผมพรายพลัด
ตกแตกกระจายหายวับไปแบบไม่มีชิ้นดี!
แหลกธุลีไปต่อหน้าต่อตาผม!
ให้หัวใจผมกระโจนเร็วกว่าร่างอย่างไม่คิดชีวิต
ไปตามเส้นทาง
ที่ร่างไม่มีชีวิตของคุณรอผมอยู่....
ให้หัวใจผมแทบไม่อยากอยู่เป็นผู้เป็นคน
กับภาพอันแสนสะเทือนใจสะเทือนขวัญ
ภาพที่ทำให้ผมต้องหลั่งรินน้ำตายิ่งกว่าฟ้าร้องไห้
อย่างไม่อายใครไม่อายฟ้าดิน!
ภาพที่ผมจะไม่มีวันลืมสิ้น
ที่ยังจดจำในรอยถวิล
แม้นจะเป็นภาพสุดท้ายของคุณ
ผู้เป็นที่รักนี้
และจักไม่มีวันลบเลือนหาย..!
ภาพคุณกับเลือดสีแดงที่หลั่งรินไม่สิ้นสาย!
ไปกับฝนหยาดสุดท้ายในฤดูฤดี
กับจักรยาน
ที่เราเคยซ้อนซบโอบกันไปในทุกที่
ที่ใครๆพากันกระซิบบอกว่า
วันนี้คุณตั้งใจจะมารับผมกลับบ้าน
หากทว่า....
คงเหลือเพียงร่างไร้จิตวิญญาณของผม
กลับบ้านอย่างดายเดียวลำพัง.....
ไม่มีทั้งร่างคุณ..
และ
จักรยานที่รานแหลกรวมกันอย่างไม่มีชิ้นดี
เหมือนกันกับหัวใจผมดวงนี้
ที่คงรานแยกแตกยับพอกัน
ที่คงต้องใช้เวลาเกือบชั่วชีวิต
เพื่อใช้ยาธรรมะมาน้อมนำมาเยียวยารักษาใจ
ให้มีชีวิตอยู่ต่อไปเมื่อสิ้นไร้คุณนะคนดีนะดวงใจ...
กับสายน้ำปิงที่ยังระรินไหล
กับหวานหอมของเอื้องไพร
กับกลิ่นกาสะลองแสนเศร้า
เฝ้าครองใจมาในหนาวคำนึง
กับ..
เสียงสะล้อ ซอ ซึง
ที่พาให้ผมยิ่งถูกตรึง
ราวถูกพันธนาการด้วยรัก..นี้ที่หนีไม่พ้น!
..........................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song975.html
ไม่อยากให้โลกนี้มีความรัก
อัน แสงสูรย์ ส่องสว่าง แต่ กลางวัน
อัน แสงจันทร์ ส่องประจำ ยามราตรี
อัน ความรัก ร้อนเร่า เผา ฤดี
ส่อง ชีวี ทุกโมงยาม ประจำใจ
มีรักแล้ว ไม่คลาดแคล้ว ต้องตรมฤทัย
เหมือน แบกโลก ทั้งโลกไว้ ให้โศกหนัก
ไม่อยากให้ โลกนี้ มีความรัก
แต่ฉัน สมัคร แบกรักไว้ ไม่หนักเลย
มีรักแล้ว ไม่คลาดแคล้ว ต้องตรมฤทัย
เหมือน แบกโลก ทั้งโลกไว้ ให้โศกหนัก
ไม่อยากให้ โลกนี้ มีความรัก
แต่ฉัน สมัคร แบกรักไว้
ไม่หนักเลย...
28 พฤษภาคม 2552 13:11 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3738.html
ตลอดกาล
จุดไฟรักริมริมใจจนไหวหวั่น
ประกายฝันเปล่งแสงแรงเสน่หา
ไสวพร่างสว่างเย็นในชีวา
แก้วล้ำค่าสถิตสว่างนำทางใจ...
เหมือนท้องฟ้ามิเคยอิ่มอวลอากาศ
สายธารมิเคยขาดกระแสชลระรินไหล
เหมือนนกผกโผผินฟากฟ้าไกล
เหมือนดวงใจรักเรานี้พลีชั่วกาล
หวานหรือเศร้าร้าวหรือรักรับได้หมด
โศกสลดหรือสุขพร่างต่างเติมหวาน
รักวันเติมวันฉันเธอมิเศร้านาน
สวาทหวามสวาทหวังช่างฝังใจ
ระหว่างเราระหว่างใจใครเล่ารู้
ระหว่างคู่ระหว่างรักเป็นไฉน
ระหว่างพรากระหว่างร้างใจถึงใจ
ระหว่างไกลระหว่างชิดสนิทภักดิ์
เป็นนิยามยิ่งใหญ่ในชีพหนึ่ง
นิยามซึ้งนิยามฝันมหัศจรรย์รัก
ร่างห่างไกลใจข้ามฟ้ามารวมรัก
รักแน่นหนักรักเหนือโลก..โบกโบยบิน....
................
ไร้ขวัญ...คืนเรือน...!
ผม...ตัดสินใจ
ซื้อที่ดินผืนนาร้างว่างเปล่านี้
ที่ผมดั้นด้นค้นหามายาวนานนัก
หลังจากเพียรพยายาม
ตรากตรำทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำ
ทำหน้าที่ทางโลกอย่างดีที่สุด
เป็นเวลาหลายแรมปี
เงินที่ผมถนอมออมเก็บกำมา
เกือบตลอดทั้งชีวิต
เพื่อนำมาก่อฝันให้เป็นรูปเป็นร่าง..
สร้าง
*วิมานกระท่อมทับเรือนไทย*
เป็นรังรักอาณาจักรใจ ในจินตนาการ
ริมบึงบัวสล้าง
ที่กำลังกระจ่างใจเป็นจริง
ให้หยาดน้ำตาผมรินร่วงด้วยภาคภูมิใจ
ตรงหน้าผมนี้แล้ว...
เรือนไม้เรียบงามสงบสันโดษ
ในท่ามกลางธรรมชาติ
พันธุ์ไม้ไทยดอกหอมพร่าง
แตกช่อสล้างพราว ขาวนวลหอมหวาน
รับอรุณยามเช้าอย่างสดชื่นระรื่นร่ำ
ละออตาละออใจ
มีชานเรือนตรงกลาง
ให้นอนนับดาวเคล้ากลิ่นลำดวนดง
กับ การะเวก พุดซ้อน
ปีบหอมพร่างกระจ่างใจ
พรรณไม้ไทยไหวกิ่งฝันนานา
เรือนไทยหลังน้อยของผม
สงบงาม ด้วยทางเดินร่มรื่น
ผ่านผืนนาร้างห่างเมือง
ผ่านหมู่บ้าน
เข้าทางถนนสายขรุขระ
ที่แสนมีเสน่ห์งาม
สำหรับดวงตาดวงใจผมนี้
ที่เห็นแง่งามมิตามโลกตามใคร
มิตามศิวิไลซ์เจริญรุ่งแบบกรุงกรงกักขัง
เส้นทางสายสวยสงบ
ที่จะพบ
แต่ความงามง่ายชิดใกล้ธรรมชาติ
ท่ามกลาง
ดงดอกหญ้าระบัดไกวไหวเอนอ่อน..
อ้อนสายลมเย็นย่ำยามตะวันรอน
ห่างแสงสีเทคโนโลยี่ฉับไว
แสนจะไกลปืนเที่ยง
เพียงผ่านบานประตู
ไม้ไผ่สานละเอียดเก่าคร่ำเข้ามา
ที่ผมแค่ใช้กั้นอาณาเขต
*บ้านภายในกับโลกภายนอก*
เหมือนราว
*พบโลกทวิภพ..*
มาพบโลกอดีตที่รินร่ำฉ่ำเย็น
แวดล้อมด้วยพันธุ์ไม้เขียวชะอุ่มงาม
ใสพร่างหอมพราย
นานาพรรณ...พฤกษ์
เรือนไม้ชั้นเดียว...
เป็นเรือนฝันสวรรค์เสก
กลางดงไม้ไทยร่มครึ้ม
ที่ด้านหนึ่ง
มีทางเดินลงสู่นาข้าว
พราวละมุนไกลกรุ่นสุดลูกหูลูกตา
ในนาที่กำลัง
ออกรวงเรียวสีทองผ่องผุด
รอฤดูกาลเก็บเกี่ยวรอเคียวคม
ที่ผมอนุญาติให้ชาวนามาใช้พื้นที่
ช่วยหว่านเพาะปลูกหวัง
หว่านหวานฝัน อันบรรเจิดใจ
ปลุกปลูกจิตวิญญาณไพร
พร้อมๆไปด้วยกัน
ผมชอบสวรรค์เสน่หา
วันที่ข้าวกล้าระบัดไหว
ใน*ทุ่งรวงทองปองฝัน*ของผมนานมา
หวัง...
ยามอ่อนล้า ได้พาร่างใจ ลงไปคลุกโคลนเลน
เที่ยวท่องตามท้องร่อง
ของกอข้าวเขียวขจีที่ไสวพร่าง
ริมนา มีต้นตาล
ที่ผมปลูกไว้
ราวชะลอฉากมนต์รักลูกทุ่ง
อันหอมกรุ่นในสำนึกลึกล้ำ..
ให้คืนหลังกลับมา..อีกคราอีกครั้ง
ดั่งภาพฝัน
ยามผมฟังที่ผมนั้นอึ้งอั้นต้องมนตรา
ในบทเพลงเสน่หา*มนต์รักลูกทุ่ง*
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3102.html
มนต์รักลูกทุ่ง
หอมเอยหอมดอกกระถิน
รวยระรินเคล้ากลิ่นกองฟาง
เห็ดตับเต่าขึ้นอยู่ริมเถาหญ้านาง
มองเห็นบัวสล้างลอยปริ่มริมบึง
อยากจะเด็ดมาดอมหอมหน่อย
ลองเอื้อมมือค่อยค่อย
ก็เอื้อมไม่ถึง
อยากจะแปลงร่างเป็นแมลงภู่ผึ้ง
แปลงได้จะบินไปคลึงเคล้าเจ้า
บัวตูมบัวบาน
หอมดินเคล้ากลิ่นไอฝน
อวลระคนธ์หอมแก้มนงคราญ
ขลุ่ยเป่าแผ่ว
พริ้วผ่านทิวแถวต้นตาล
มนต์รักเพลงชาวบ้านลูกทุ่งแผ่วมา
ได้คันเบ็ดสักคันพร้อมเหยื่อ
มีน้องนางแก้มเรื่อนั่งเคียงตกปลา
ทุ่งรวงทองของเรานี้มีคุณค่า
มนต์รักลูกทุ่งบ้านนา
หวานแว่วแผ่วดังกังวาน
โอ้เจ้าช่อนกยูง
แว่วเสียงเพลงมนต์รักลูกทุ่ง
และ
ผมปลูกผักนานา ไว้เก็บกินได้
ไร้สารพิษ
ผักบุ้ง ผักลิ้น กระถิน
โสนเหลืองทองอร่าม
งามพราวพิลาสพิไล
แถมเก็บไปกินได้ด้วย
พืชผักสวนครัวริมรั้วริมบึง
ข่า ตะไคร่ ฟักแฟงแตงร้านแตงกวา
ถั่วฟักยาว กล้วยน้ำว้า
กล้วยเล็บมือนาง สล้างเสลา
เคียงกันมีขนำนาเถียงนา
ไว้มานอนรำพึงรำพัน
มองสวรรค์กลางดิน
มองรวงเรียวเขียวไพลเขียวพร่าง
ไสวสว่างกระจ่างใจ
ด้วยเรียวรวงสีทอง
ราวคลื่นลอนระบัดพัดโบก
ราวผืนผ้าไหมยามลมไหว
เป็นระริ้วพลิ้วระลอก
ไล่ละหลั่นสะบัดฝันเรียวรวงรอง
ผักก็งามทั่วท้องร่อง
ริมบึงหนองริมท้องนา
กบเขียด อึ้งอ่างร้องอึงคนึงเคล้าคลึง
เถียงกัน
ท่ามกลางเสียงสายฝนกระหน่ำจั๊กๆ
พรั่กพรั่กพร่างพรมลงบนรวงเรียว
จนเอนค้อมน้อมหนักลงแทบเคลียดิน
รวงงามราวนวลเนื้อนวลใจ
ราวกลีบดอกไม้พิสุทธ์ใสกลางกลีบใจ
ของ
นวลน้องนวลนางกลางไพรแม่สาวบ้านนา..
ผม..ชอบมานอนเหว่ว้า
อ้างว้าง ว่างใจ วางใจ ปลดปล่อยใจ
รินร่ำรับงามฟังเสียงฝนครางฟ้าครวญ
ฟังเพลงหวานแว่ว
จากวิทยุทรานซิสเตอร์
ละเมอหารักพ้อเพ้อละเมอใจหาสาวนา
ฟังบทเพลงธรรมชาติเหว่ว้า
รายรอบริมบึงถึงริมใจ
ไหวหวามรำพึงคะนึงครวญหวนไห้ตาม
ให้ฝันให้ได้กลิ่นบรรยากาศ
ของท้องทุ่งรวงทอง
ที่ยังรักกันแบบผ่องผุดพิสุทธิ์ใจ
ราว*ขวัญ เรียม*
ในตำนานเที่ยวท่องล่องพงไพร
มิหลงแสงสี
มีเพียง
แสงไต้ ยามราตรียามเข้าไต้เข้าไฟ
มีเพียง
แสงตะเกียงลานดวงหวานริบหรี่วูบไหว
ให้ใจดวงหวาน หวามงาม พอกัน
..
บางค่ำคืน..
ผมจะมานอนฟังฝันฟังฝนทั้งคืน
กลางเถียงนา
ดูสายฝนเหว่ว้ากระหน่ำลงมากลางนากลางใจ
ให้ไหวหวั่นฝันสะเทือนพอกัน
ดูสายฝนพรายพลิ้วละลิ่วโลมไล้ท้องนา
งามละลิบละลานตา
ดั่งสายหมอกสายเหมยสายไหม
ในทุ่งทิพย์รวงทอง
เรืองรองผืนนากับฟ้าพร่างพรม
ราวหยาดน้ำตาระทม
ร่วงพราวจากนางฟ้าใจดี
ที่งามเย็นทรวง
ร่วงให้รวงรับหยาดสายพรายพลิ้ว
และ
ยามใดที่ผมได้คลุกโคลนเลน
กลั้วกอดกลิ้งกับวัว ควาย
ที่เคยมากับ
กายใจในยามวัยเยาว์จนให้ใจถวิลหา..
*จะพาเกิดก่องามนิ่ม งามนวล ในเนื้อใจ*ผมนี้
ที่ราวกับว่า..
เป็นหนึ่งเดียวกับชีวาชีวิตผมเลยทีเดียว
เรือนไทยของผม
เป็นเรือนชั้นเดียว ยกสูง
ปล่อยลานโล่ง
ไว้เสพทัศนียภาพรายรอบทิศทาง
ที่งดงามหวามหอม
ที่รายล้อมรอบ
ราวฉากฝันสวรรค์ลอยให้ลืมโลกจริง
ที่นับวัน
ยิ่งแสนสับสนทุรนทุรายวายวุ่นขึ้นทุกทีทุกที..
ผม...
เพียรสร้าง..
เรือนใจเรือนไทยเรือนในฝัน
ผสมผสานงานงาม
กับช่างภูมิปัญญาไทยพื้นถิ่น
วาดหวังให้เป็นวิมานดินเรือนรังรัก
ที่ผมระดมดวงใจรักจิตวิญญาณงามง่าย
หวัง...
ฝังฝากร่างไว้พบสุขสงบงามยามบั้นปลาย
ได้พิงพักใจตราบลมหายใจสุดท้าย
ที่แสนดายเดียวชั่วชีวาชีวิตผม
เครื่องเรือนน้อยชิ้น
ผม...มีเพียงเตียงไม้สี่เสาแบบโบราณ
ที่ผมเพียรเลื่อยไม้
สร้างด้วยสองมือของผมเอง
แค่ผมพอนอนได้ มุ้งไว้ใช้แค่ กันยุง
เพราะ
เรือนโล่งจะเปิดหน้าต่างยันรุ่งอยู่แล้ว
เพื่อรอรับหยาดหวานกลิ่นกรุ่น
ไม้ดอกรำเพยเผยหอมหวาน
ผ่านพร่างเข้ามา
ผม..ชอบนอนฟังเสียงสายฝนเฉียบเย็น
เต้นระบำบนเรียวใบไม้และปลายหญ้า
ผมชอบนอนนิ่งทิ้งใจดูจันทร์เพ็ญดวงหวาน
หว่านสายแสงกระจ่างสว่างไสว
ดูจันทร์เสี้ยวดวงเศร้า
ที่อ้างว้างดายเดียว
ดูดาวพราวฟ้ากว้าง..
ดาวประจำใจประจำเมือง
ดู..
ดอกคูนเหลืองพราวไสวราวสายฝนสีทอง
ผ่องนวลกลางแสงจันทร์
ดวงดอกลดาวัลย์พันเลื้อยเถาริมรั้ว
กอสายน้ำผึ้งหวานแสนหวาน
ก้านกลีบลำดวนดง..
ปีบปลิดโปรยลงพร่างพื้นพรมพร่าง
ในท่ามกลางแสงตะเกียงรำไรริบหรี่
กับ
ราตรีในวสันตฤดู
คลอเคลียคู่ใจ
แสนเศร้าหนาวในนานนัก
กับแสงเทียนแท่งหอม
ที่ผมชอบ..
เพราะถูกหลอมให้รับรินรสหอมสดนี้
มาจากยอดดวงใจ
ในจิตวิญญาณรักวิญญาณฝันของผม
คนดี..ที่นะนาทีนี้
เธอสถิตทอดทับไปทุกที่
ทั้งกลางใจในฤดีนี้
ที่อบร่ำพร่ำรักเธอเพียงผู้เดียว
ที่ถึงแม้นผม
จะละเมอเพ้อหาสักเท่าไร
เธอคงไม่รับรู้รับฟังแล้วในวันนี้
พร้อมกับที่ดวงใจฝัน
ผมเลิกหวังเลิกเจ็บปวด
ผม..ฉลาดพอที่จะขอถอดใจ
เก็บจิตวิญญาณรักนั้นไว้
และ
ให้เป็นกลายกลับเป็นเพียงความทรงจำ
ที่งดงามหวานหอม
ให้...
ใสส่องสว่างนำทางใจเส้นทางใจไฟฝัน
ให้ผมเพียรไปสู่ฝันอันยิ่งใหญ่
มิท้อใจมิรอลา
ให้ผมทำสิ่งดีงามสานฝัน
ที่เธอหวังวาดให้เป็นจริงแทนเธอ
เธอ...
คนที่ผมแสนรัก
และเรียนรู้การหักใจทำใจมิไหวครวญ
ให้ผมรู้หยุด หวนไห้
เมื่อเธอได้ฝากบทเรียนรักบทเรียนใจ
ให้ไหวรับตั้งรับกับสายธารธรรม
มาน้อมนำใจ
ให้ใสพิสุทธิ์ดุจหยาดน้ำค้าง
ให้รู้รัก รู้วาง รู้ว่าง และรู้ภาวนา
ให้มีสติมีปัญญาเลิกว่ายวน
หลงวงกรรม
ที่จะน้อมนำรัดรึงใจมิให้ใสว่าง
มิให้หลุดพ้นเกมกลเกมกาม
ที่ลามไหม้แผดเผาร่างใจ
หากมิรู้ทันรู้เท่า
เฝ้าถาใส่ราวแมลงเม่าลงในกองไฟรัก
ที่แสนทุกข์หนักทุกข์ใจเสียไม่มี
เธอ..
ฝากพร่างใส
ราวเรียวแดดสวย
ราวดวงตะวันจันทราเอื้อโอบหล้า
เหมือนดวงดาราบนฟากฟ้า
ที่เธอ..
กระซิบบอกว่า
จะนำทางผมไปสู่ฝั่งฝัน
ดินแดนนิรันดร์อันงามเงียบ
ที่รออยู่ที่แสนไกลในโพ้นฟ้า
ผมถึงมีฝัน..
และฟันฝ่า
มาสร้างรังรักพักใจ
นะเรือนไทยแห่งนี้ไว้ฝันฝากใจ
ตามหัวใจดวงงามยามสงบ
ที่ผมพบความรำงับได้จากรักที่แสนดีงาม
บัดนี้ความฝันทุกสิ่งในใจในวัยเยาว์ผม
ผมได้นำกลับมาทั้งสิ้น
ทั้งหมดตามมโนนึกแล้ว
และ
ด้านหน้าเรือนรักนั้นเพื่อสนองฝันสล้าง
ผมได้ใช้รถแบคโฮ
มาไถขุดบึงกว้างเวิ้งว้างไกลสุดตา
ให้คนงานชาวนาปรับสภาพน้ำ
ลงบัวสล้างหลากสีสัน
ปล่อยปลานานาพันธุ์ มากมีมากมาย
และรายรอบริมบึงบัวนั้น
ผม..เก็บพันธุ์ไม้น้ำ ต้นเก่าไว้
ให้งามร่มรึมบึง
คล้า จิก ไทร ไหวกิ่งฝัน
ทิ้งดอกพลันพรึบพร่างหว่านหวาน
กลางสายน้ำสายชลร่ำแสนฉ่ำเย็น
ผม...
สร้างสะพานเล็กๆ
ทอดตัวจากลานบ้าน
เป็นดั่งสะพานรักดั่งสะพานฝัน
ลดเลี้ยวทอดลง ตรงกลางบึงบัว
คลอเคลียขนาบข้างด้วยกอกก
แตกยอดชูช่อล้อลมไสวรำเพย
ที่ปลายสะพาน..
ผมจะผูกเรือมาดลำน้อยไว้
ที่ผมชอบอาศัยพายอ้อยสร้อย
ในยามเช้าเย็น
ยามเช้า...
ผมชอบพายไปเฝ้ารอ รับอรุณอ่อนอุ่น
ดวงแดงโดดใหญ่ราวกระด้งฝัดข้าว
ที่งามดายเดียว
รับสายหมอกหยอกเมฆละมุนงาม
เป็นงามอาทิตย์ในฤดูหนาวหม่น
ผม..จะฟังเสียง
นกไพรผกโผผิน
บินออกจากรวงรังรัก...หาเหยื่อ
ฟังเสียงปลากระโดดผึงงับเหยื่อ เหนือสายน้ำ
เห็นเกล็ดขาว
วะวาววับสะท้อนรับแดดอ่อนอ่อนอุ่นสีทอง
ดู..เรียวบัว กางออกหยอกพร่าง
น้ำค้างกลิ้งราวเพชรรุ้งพราย
ค่อยๆกระจายหายวับ
ไปกับเรียวแดดละอออุ่น..
ยามเย็น..
ตะวันลา
ผมจะพายเรือ
มาเก็บบัวบานไปถวายพระ
และนาทีนั้น
หัวใจผม
จะฝันพร่างสว่างใจกลางบึงบัวหลากสีนั้น
ดั่งภาพฝัน ในนิมิตร..
ราวโลกรายรอบอ้างว้าง ไม่มีใคร
แสนสงบเงียบงัน
เหมือน..
ผมหลงเข้าไปในแดนสวรรค์สุขาวดี
ที่มีเพียงผมและความว่างเปล่า
กับเงางามของดวงดอกบัวชูช่อโผล่กอพ้นน้ำ
ที่งามสดสว่างไส
วพ้นโคลนเลน เต่าตมจมใต้น้ำ
ผม...จะค่อยๆเอนตัว
ระนาบกับกราบเรือรับพร่างพรม
ดอมดมหอมกลีบพร่างกลางเกสรบัว
รับฉ่ำงาม..
ของสายลมสายน้ำ..
ที่แสนงามเงียบฉ่ำเย็น
สงบซึ้งถึงดื่มด่ำล้ำลึก
ในดวงใจในเนื้อใจ
ราว...
สายธารธรรม..ธรรมชาติ วาดเวิ้งใจ
ให้ไหลเข้าสู่ห้วงหอมอนันตกาล
อันหวานกว่าหวาน
หอมกว่าหอม
ฉ่ำๆลึกๆนึกนึกล้ำ..รำงับระกำ
เหลือเพียงความว่างใจ..แทนที่ใจ..
ดวงใจดวงวิญญาณผม
ผสานผสมเป็นหนึ่งเดียว
กับมวลสรรพสิ่ง
มีเพียงใจดวงนิ่ง หลอมรับงาม
จากดนตรีธรรมชาติ
จากเสียงนกไพรภายนอก
ที่ยังร้องบอกราวย้ำเตือนว่า..
ผมยังมีชีพนี้ ยังมีดวงชีวีชีวา
ยังมีลมหายใจ
มิได้หลุดพ้นหลุดลอยไปไหน
และทุกห้อมหอมห้วงในดวงใจ
ยังเวียนวนไม่พ้นดงกรรม
ในโลกอันแสนวายวุ่นสับสนนี้
ทั้งๆที่...หัวใจดวงดี
ดวงแสนงามของผมนี้
หยุดครวญคร่ำพิร่ำพิไร
มานานนักแล้ว
และผม..
หยุดพักวางทุกเรื่องราวรัก
มิว่าเศร้าหรือสุข ไว้ภายนอกร่างใจ
มิรับขยะใจใดใดให้มาทำร้ายกรายกล้ำ
เหลือเพียงจิตวิญญาณงามล้ำตามวิถี
เพราะใจดวงนี้
ได้ดำรงร่าง
ทำหน้าที่ทางโลกมานานพอแล้ว
ชีวีที่เหลือ..
ขอพิงพักธรรมชาติงาม
สรรสร้างรจนาฝัน
ตามใจหนึ่งนี้
ที่คงเหลือคืนฝันวันหวานแสนสั้น
คืนสู่โลกไม่นาน .............
ให้ดวงใจได้คืนงามนามธรรมะ
คุ้มครองใจคุ้มครองโลก
ลบโศกสุขทุกวิถีแด่ทุกผู้คน
ทั้งกับเรานี้
และ
กับผองเพื่อน
ผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน
ทั้งหมดทั้งสิ้นทุกคนด้วยเถิดนะ
ก็คงประเสริฐพอ
ที่ได้มาก่อเกิดเป็นมนุษย์ผู้โชคดี
ได้มาพบพระพุทธศาสนา
มีดวงชีวีที่เพียรให้น้ำใจรัก
ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
มิสิ้นหวัง สิ้นหวาน
ที่เพียรพยายามค้นหา
เส้นทางใจเส้นทางจิตวิญญาณ
พราวพร่างผ่องผุดพิสุทธิใจพิสุทธิ์งาม...
ท่ามกลางสนธยาฟ้ามืด..
ผม...
ได้ยินเสียง
ระรินหลั่งของสายฝนพร่าง
ลงกลางบึงบัวงาม
ในยามวสันต์ลาฟ้าสะเทือน ในบางคืนค่ำ
ร่างกายและเนื้อใจผม
ราวดอกไม้สยายกลีบ
รับหยาดละออละออง
ของหยาดน้ำตานางฟ้าผู้แสนใจดี
ที่แสนมีเมตตา
กำลังพร่างสายละหลั่งริน ห่มว่าง
ให้ยิ่งดายเดียวเปลี่ยวเหงา
งามเงียบ...หนาวซ้ำ..ตอกย้ำใจ
ผมแหงนเงยหน้าท้าหยาดฝน ลมบน
กอบัวไหวเอนลู่ลม
พระพิรุณ
กำลังพร่างพรมห่มชะตาโลกสะเทือน
น่าแปลกที่หยาดน้ำตาลูกผู้ชาย
กำลังพร่างสายด้วยปิติ
หลอมละลายหายไปกับสายวสันต์ลา
ทิ้งโลกโศกสะเทือนเศร้า
ทิ้งหยาดน้ำตาไว้เบื้องหลัง
.........................
ผมค่อยๆพายเรือช้าช้า
กลับเรือนรัง..
เสมือนดั่ง....
นกไพรกลับรังรวง...เดิม..ดายเดียว!
.............................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song314.html
บ้านเรา
บ้าน เรา แสน สุขใจ
แม้จะอยู่ ที่ไหน
ไม่สุขใจ เหมือนบ้านเรา
คำ ว่าไท ซึ้งใจ เพราะใช่ ทาสเขา
ด้วยพระบารมีล้นเกล้า
คุ้มเรา ร่มเย็น สุขสันต์
รุ่ง ทิพย์ ฟ้า ขลิบทอง
พริ้วแดดส่อง สดใส
งามจับใจ มิใช่ฝัน
ปวง สตรี สมเป็นศรีชาติ เฉิดฉัน
ดอก ไม้ชาติไทยยึดมั่น
หอมทุกวัน ระบือ ไกล
บุญ นำพา กลับมาถึงถิ่น
ทรุดกายลงจูบดิน ไม่ถวิลอายใคร
หัว ใจฉัน ใครรับฝาก เอาไว้
จาก กัน แสน ไกล ยังเก็บไว้ หรือเปล่า
เมฆ จ๋า ฉัน ว้า เหว่ ใจ
ขอวานหน่อยได้ไหม
ลอยล่องไป ยังบ้านเขา
จง หยุดพัก แล้วครวญรับฝาก กับสาว
ว่าฉันคืนมาบ้านเก่า
ขอยึดเอา ไว้เป็น เรือน ตาย...