27 พฤษภาคม 2547 07:59 น.
พุด
URL http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=594
(วันคอย)
http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=453
(ตารางดวงใจ)
ฝากภาพแสนรัก..
ที่พุดพัดชาอยากกลับไปดำน้ำว่ายวนดูปลา..
กับโลกสีน้ำเงิน..ลำพังดายเดียวค่ะ
และ
แด่ทุกดวงใจด้วยคิดถึงบ้านอย่างสุดใจแล้วค่ะ
**********
จันทร์สีไพลทอนวลหวานม่านเมฆไหม
หวานจับใจเพียงครึ่งเสี้ยวราวเรียวฝัน
จันทร์ครึ่งดวงใจครึ่งเดียวคงพอกัน
ดาราฝันพริบพราวปลอบหนาวใจ...
ฟ้าคลอฝนจำปีหล่นร่วงพรูพร่าง
การะเวกคว้างปลิดกลีบสิ้นถวิลไหว
วสันต์เศร้าย้ำดายเดียวในดวงใจ
นอนซุกใจเรียวตาว้างพร่างฝนพรำ..
บทเพลงฝนหล่นพราวราวหยาดเพชร
ดอกฝนเด็ดจากราวสรวงระรินร่ำ
มวลพฤกษาแมกไม้ร่ายระบำ
เสียงขลุ่ยพร่ำแผ่วพลิ้วหวานหว่านม่านไพร..
เวทีฝันเปิดม่านฝนกมลขวัญ
หยาดสวรรค์งามอะคร้าวพราวเพชรใส
ฟังเพลงฝนหล่นลาพรากฝากรอยใจ
ฤดูกาลผ่านไปฤดีใจเลิกไหวตรม...
ธรรมชาติฝนฝากสอนใจอย่าไหวรับ
ใจรู้จับรับเงียบงามให้หอมห่ม
คือสัจจะธรรมชาติฝากไว้เลิกระทม
ทิ้งขื่นขมทิ้งทุกอย่างวางนอกใจ...
ไม่ไห้หวนคิดอดีตอนาคต
รู้กำหนดกับปัจจุบันเงียบงามใส
เพียงลมหนึ่งลมนี้ลมหายใจ
พรมฤทัยพรมวิญญาณผ่านมายา...
ราวแสงเทียนตรงหน้าวะวูบวับ
มิรู้ดับวันไหนไยห่วงหา
วันนี้โชนพรุ่งนี้มอดดวงชีวา
เลิกเหว่ว้าหลงทางกลางโลกย์วน..
พาตัวเองลอยเหนือโลกย์โศกสุขสิ้น
มิถวิลมิอาวรณ์อ้อนสับสน
ใครจะรักใครจะชังคนคนคน
วนวนวนว่ายว่ายว่ายคล้ายวนวัง...
เงียบและวางร่างไร้คล้ายว่างเปล่า
ไม่มีเราไม่เสียใจไม่สิ้นหวัง
เพียงสงบเงียบงามสร้างพลัง
ก่อนชีพฝัง..หวังฝากดี..พลีผืนดิน...
**********
ซุกร่างเงียบๆทิ้งนัยน์ตานิ่งว้าง
พลางดูสายฝนพรำเม็ด
คล้ายหยาดเพชรพร่างพราย
ราวสายเพชรพรจากพรหมห่มหล้าโลก
เพิ่มสุขดับโศกนะบางหนบางที่บางฤดีใจ
เพียรสอนใจมวลมนุษย์มากมีมากมาย
ที่พากันทำลายวงจรชีวีชีวิตธรรมชาติ
ขาดโอบเอื้อ..เหลือไว้คือรอรับรอยกรรม..
น้ำท่วมทับ..ใจท่วมทุกข์..สิ้นสุข..ทรงจำ
น้ำ..ฟ้า..ป่า..ดิน วงจรชีวินชีวี
ที่ดั่งเพื่อนแสนดีให้พึ่งพิงพึ่งพา
หรือจะรอจนกว่าถึงวันวิกฤตสิ้นโลกเล่า..จงเฝ้าถามใจ
สายฝนสอนใจ
เหมือนให้เราแลไปยังเพื่อนมนุษย์ที่แล้งไร้
ลืมหยาดน้ำใจใสรินให้แก่กัน
ดั่งหยาดน้ำค้างชโลมหฤทัย
ตราบจนถึงวันที่สายเกิน
ทิฐิใจบดบังความหลงมั่นบันดาลไร้
มิหมายละมุน..มิกรุ่นหอมให้จากหอมห้วงหัวใจ
จนน้ำในดวงใจ..แห้งแผก..สิ้นซากรักภักดิ์พลี
มีแต่..ความถือดี..มีแต่ชีวีเห็นเพียงตัวเอง
พากันบรรเลงบทเพลงทำลายธรรมชาติและชีวิต...อย่างมิคิดปรานี!
*******
http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=453
ตารางดวงใจ
ดวงใจ อาดูร
สูญความรักในฤทัย
โอ้ ชีวิตระบมตรมใน
นั้นใครไหนเล่า
ดังเราตรอมตรม
สาปแล้ว ความรักเอย
ชมเชยแต่ความระทม
ผ่านความช้ำข่ม
เหยียบจมใต้พระธรณี
อาวรณ์ ซมซาน
ร้าวรานฤดีคิดไป
โลกจึงเหมือน
ตะรางดวงใจ
แม้ใครพบผ่าน
มารแห่งชีวี
ต่อนี้ไปไกลกัน
ดั่งจันทร์และดวงสุรีย์
จากกันเหมือนพี่จากน้อง
ที่นอง น้ำตา
ที่ใดมีรัก ที่นั่น มีทุกข์
ไร้สุขเกิดกรรม
โอ้จริงเหมือนคำ
พระศาสดา
อธิษฐานวาจา
เกิดชาติใดหนา
อย่ารักใคร
ตารางดวงใจ
อย่าได้พบพาน
ดวงใจอาดูร
สูญความรักไปแล้วเอย
ผ่านไปเหมือน
ดังลมรำเพย
ชิดเชยแล้วจาก
ดังกรรมบันดาล
ฝากฝันลอยตามลม
ระทมอยู่ในดวงมาลย์
ชั่วชีวิตผ่าน
แต่ช้ำระกำดวงใจ
ดวงใจอาดูร
สูญความรักไปแล้วเอย
ผ่านไปเหมือน
ดังลมรำเพย
ชิดเชยแล้วจาก
ดังกรรมบันดาล
ฝากฝันลอยตามลม
ระทมอยู่ในดวงมาลย์
ชั่วชีวิตผ่าน
แต่ช้ำระกำดวงใจ...
http://thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_38115.php
โลกสีน้ำเงินยังเงียบงามยามรักแรม..
.............
บางครั้ง บางคราว
ยามที่ใจเราหมองเศร้า เสียใจ
เราจะมองโลกนี้ เป็น....สีน้ำเงิน..
ทุกสิ่งรอบข้างที่สว่างไสว สวยงาม
พลันดูราวหมองหม่น...มืดมิด.....
พระจันทร์ สีทอง สวยงาม สว่างไสว
เหตุใด เรายังมองเห็น เป็นสีน้ำเงิน หม่นมัว...
ไปด้วย ก็แปลกดี ....
ทุกสิ่งนี้ จึงสำคัญที่ใจ...เรา....ใช่อื่นเลย!
บางคนกล่าวว่า.....
อย่าใช้ใจ มากกว่าสมอง
ในการมอง และตรองทุกสิ่ง...
โดยเฉพาะ เรื่องของความรัก...
ที่พอเรารักใคร มากมาย....
แล้วใจและตาจะพากันสามัคคี มืดบอด
ให้ตัดสินใจเข้าเข้าตัวเอง ไม่ยำเกรงสิ่งใด
ในพสุธานี้.....ขอให้มีแค่กันและกัน..
แพมเคยมองโลกนี้ เป็นสีน้ำเงิน มาหลายครั้ง หลายหน
แต่ยังโชคดีที่ยังไม่มองว่า มืดมิดเป็นสีดำ ......
สีน้ำเงิน....สีของชาติ
แสดงถึงความเป็นปึกแผ่น หนักแน่น มั่นคง...
สีเคร่งขรึม บ่งถึงความสูงส่ง สูงศักดิ์ ดั่งคำว่า เลือดสีน้ำเงิน
เป็นเลือดขัตติยา ของคนดี
ที่ยอมหลั่งรินรด หยดให้แผ่นดิน เพื่อเทิดทูน
อย่างผู้มีเกียรติยศ ศักดิ์ศรี
ที่มีความพิเศษ กว่าคนธรรมดา.....
สีน้ำเงิน สีนี้ ที่ผู้ชายมักชอบ
เพราะคงเป็นสีที่แสดง ความเข้มแข็ง อดทน
ไม่หวานไหว แบบสาวๆ
ที่ชอบ สีชมพู ฟ้า พาใจเบิกบาน
โลกและชีวิตนี้ ในบางครั้ง
เปรียบได้ดัง เฉกเช่นสี....
ยามโลกสวย...ยามมีรัก
มักมองโลกเป็นสีรุ้ง เลื่อมพราย
สดใส คละเคล้า ให้สดชื่น มีชีวิตชีวาน่าตื่นเต้น
มองทุกอย่างดูดีเป็นสีชมพู สวยใส พาใจแสนสุข.....
ยามโลกเศร้า.....
ราวแบกทุกข์ไว้บนบ่า
ใจอ่อนล้า ราโรยแรง...
โลกก็แห้งแล้ง ดังสีดำ สีน้ำตาล สีน้ำเงิน จนใจเกินจะทนรับไหว
แต่ไม่ว่า....โลกใบนี้ จะเปลี่ยนเป็นสีเช่นไร.....
ในใจ ในความคิด ในความรู้สึกเรา
ก็ยังมีโลกนี้ ที่มี สีเป็นกลาง..
ที่เป็นโลก แห่งสีธรรมชาติ ธรรมดา โลกแห่งความจริง....
ที่จะสอนใจเรา ให้ยอมรับ สัจจธรรม....
ว่าโลกนี้หนา ขึ้นอยู่กับใจที่ใสเย็น จะมองให้เห็นเป็นธรรมดา
ถ้าใจเรายอมรับ ความไม่เที่ยงแท้แน่นอนของชีวิต...
ที่ทุกสิ่ง ทุกเรื่องราว ผ่านมาแล้วจะผ่านไป........
เอาอะไรมายึดมั่น ถือมั่นมิได้เลย
มันคงมีทั้งสุข..ทั้งทุกข์ คลุกเคล้ากันไป ให้มีรสชาติ....
ยามใดที่ใจเรา...หมองเศร้า ไม่สมหวังดั่งใจ......
จงคิดดี...คิดว่าโลกนี้
ยังมีสีอื่นๆตามมาให้เรา สัมผัสแลให้เป็นเห็นงาม
ท้องฟ้ายังเปลี่ยนสี ถ้าเราเป็นคนดี คิดดี ทำดี
มีหรือสักวัน ฟ้าจะไม่มอบสีแสนหวาน
ปลอบขวัญ เป็นกำลังใจ ให้เราแลเห็นงาม....
อยากเขียนเรื่องนี้ เพียงเพื่อบอกว่า
อย่า....หวั่นไหว ไปกับ แสงสี
ที่วันนี้ พรุ่งนี้ ก็ไม่มีอะไรคงที่แน่นอน
ไม่.....หลงยึดมั่น... ถือมั่น หัดทำใจ ปล่อยวาง
ให้ใจดวงดีที่แสนงาม สว่าง สะอาด สงบ พบทางข้างหน้า
สีขาว สวยใส ให้กายใจเราได้สัมผัส และก้าวเดิน.......
โลก และคืนฝัน วันเวลา เป็น อมตะ...
เราต่างหาก ที่จะก้าวเข้ามา ทายทัก พักใจ
ให้วันเวลาและโลกสอนใจเรานี้ ให้มี
บทเรียน ให้ลืมตามองโลกนี้
ที่เปลี่ยนสีทุกโมงยาม แล้วจะเห็นงาม เรียบง่าย
แม้ในยามที่....โลกนี้ เปลี่ยนเป็น.....สีน้ำเงิน........
24 พฤษภาคม 2547 13:45 น.
พุด
http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=82
...........
คนดีครับ...
ผมตื่นขึ้นมาตอนตีสี่
ในขณะที่..
ราตรียังประดับดาวพราวระยิบ
เต็มอ้อมฟ้าเต็มอ้อมฝันสวรรค์สรวง
ผมค่อยๆเดินออกมารับเหว่ว้า ดายเดียว
ดูจันทร์เสี้ยวดวงเศร้า
ดูสกาวดาวหยาดนวล หวานพร่าง นอกชานกระท่อม
ดูจันทร์ดวงอ้างว้างวาดเวิ้งโค้งหงายคล้ายรอรับฉ่ำทุกค่ำคืน
ให้เติมเต็มดวง
ให้เติมเต็มฝัน
ให้เติมใจจันทร์
ให้อิ่มงามหวานบานแย้มพอกัน
ไปกับราตรีจันทร์ราตรีใจ
ที่มวลมนุษย์ในหล้าโลกได้ฝากสุขฝากโศก
ฝากใจกับจันทร์ฝากฝันกับดาว
ในทุกคราคราวหากยังมีคะนึงถึงกัน
แม้จะห่างฝันห่างใจไกลกันคนละเกินครึ่งฟ้า...
ผม..เดินตามกลิ่นละมุนสะพรั่งหวานผสานผสม
ของเกสรดอกไม้ป่าดอกไม้ไพรดอกไม้ไทย
ที่กำลังค่อยค่อยผลิดอก
ค่อยค่อยคลี่กลีบบางบางบานแย้ม
อวดอรชรออดอ้อนสายลมสดฉ่ำในยามเช้า
พร่างสายพรมห่มหอมไปทั่วทั้งราวไพรราวป่า
ราวแข่งกันยวนยั่วภมรมากมาย
ที่กรายว่อนร่อนภิรมย์ดมดูดดื่ม..คลึงเคล้า
น้ำตาดาวพราวหยด
เป็นหยาดละออน้ำค้างพร่างระริน
กลางใบไพรพฤกษานานาพรรณ
ระรินฝันราวหยาดฝน
ราวดนตรีธารในงามเงียบเฉียบเย็น
เสียงน้ำตกไหลซู่ซัดเซาะซอกหิน เบื้องล่างหว่างหุบผา
ผ่านไพรรก โตรกธาร
เป็นละหารห้วยใสฟังราวเสียงดนตรีไพรไพเราะ
เสนาะราวเสียงดนตรีจากหอมห้วงฝันสวรรค์สรวง
ราวเสียงห้องหัวใจกระซิบรัก กระซิบรอ...
ผมคิดถึงคุณ...มิใช่กรุ่นด้วยไฟเสน่หา
หากทุกคราที่ผมพบงามเงียบ
ตามติดเลาะเลียบซอนเซาะมาซุกไซร้
นะก้นบึ้งซึ้งสุขใจ
หัวใจผมอดจะหวามไหว ไม่ได้
คล้ายแค่อยากเพียงขอให้คุณมาชิดใกล้
ให้จิตวิญญาณได้รับรินรสงาม
ที่ราวเรามีหัวใจดวงเดียวกัน เป็นนิรันดร์รัก..
คนดี..
ผมถอดรองเท้า
เดินย่ำพราวบนผืนหญ้าหน้ากระท่อมทับ
ลืมไปว่าน้ำค้างแรง
แฝงมากับสายหมอกที่กำลังพร่างหยอกล้อ
เหลี่ยมเขาลี้ลับสัมผัสทายทักผาสูงแห่งมหัศจรรย์ไพร
ยะเยือกมากับสายลมเย็น
ที่ไหวรินร่ำพร่ำหอมฝันหอมงาม
ราวฉากในจินตนาการ
อันตระการไปด้วยดวงดอกกล้วยไม้ไพร
ที่กำลังระริกไหวไกวเกสร
รับละอองทองอันอ่อนอุ่นของดวงตะวัน
ที่กำลังผันดวง
หมุนคืนกลับมารับขวัญโลกลบรอยโศก
เติมพลังให้มวลมนุษย์เริ่มต้นใหม่อีกคราครั้ง
ที่รอหวังหวาน
และขอพานพบโชคดีอีกวันและอีกวันมิมีวันสิ้นสุด
หยุดหมุนโลกหยุดหมุนใจ..
ดำรงไปตามกฏเกณฑ์ธรรมชาติ
และ
นะบัดนี้
บึงบัว..ด้านขวากระท่อมไพรกระท่อมใบไม้
ที่ผมใช้เวลานับปี
ถึงได้บัวหลากสีหลากพรรณดั่งใจ
ให้หอมงามประหลาดใสพิเศษพิสุทธิ์นี้มาบานชูช่อไสว
ในกลางหุบไพรพะงัน
และ
คนดี..
คุณก็รู้นี่นาว่าผมชอบบัว บัวและบัว
ที่ชูช่อรอภมรร่อนภิรมย์โถมถาพากันมา
คลุกเคล้าหยาดหวานผ่านละอองเกสรพร่างงาม
เกสรบัวบาน
ที่ทำให้ประหนึ่งผมรับรสทิพย์ราวสถิตอยู่ในวิมานบัวทุกครา
อุษาราตรีนี้
ในยามที่เดือนต่ำดาวตกวิหคไพรพากันร้องก้องกู่
ดุเหว่าร้องหาคู่แว่วหวานรินผ่านมากับฟ้ากว้าง
ผมค่อยๆวาดเรือมาดลำน้อยพายคล้อยมารับตระการดาว
รับพราวหอมเกสรบัวบานกลางบึง
รับอรุณรุ่ง
ราวรุ้งหลากสีแตกพรายให้มาหมายชม..
ท่ามวิมานบัว พร่าง ลำพัง
ที่พากันชูช่อชันโผล่พ้นน้ำ
ผมค่อยๆราพาย
และคล้ายๆได้ยินมนต์เพลงกล่อมทุ่ง
ของนักร้องลูกทุ่งอมตะ..
บทเพลงบัวตูมบัวบาน
หวานวะแว่วแผ่วพลิ้วมา
กับลมไพรลมอรุณอุ่นเบิกฟ้ายามอุษาสาง
ที่ฟ้ากำลังระเรื่อราง
พร่างแสงสีส้มอมทองผ่องพิลาศพิไลรำไรรำไร
http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=1504
บัวตูมบัวบาน ไก่แจ้ โต้ง อนุศักดิ์ : : Key Em
ลงเรือน้อยลอยวน
ในสายชลห้วยละหาน
มีทั้งบัวตูมบัวบาน
ดอกใบไหวก้านงามตา
เมื่อลมพัดมาชื่นใจ
ผึ้งตอมหอมบินดมกลิ่นบัว
ซ่อนตัวรำพันฝันใฝ่
เหมือนดนตรีชะโลมกล่อมใจ
ฟังยิ่งฟังไป รุมเร้าฤทัยลำพอง
ปองจะเด็ดบัวบาน
ครวญคิดนานหวั่นเจ้าของ
ใจหมายดึงโน้มโลมรอง
หากบัวไม่มีเจ้าของ
จะชมทั้งสองปทุม
เอื้อมมือหมายดึงเพียงดอกบาน
ก็เกรงสะท้านถึงก้านดอกตูม
แสนเสียดายเหมือนชายหมดภูมิ
จะเด็ดดอกตูม
ยังนึกเสียดายดอกบาน
เรือเร็วไปหน่อยค่อยค่อยทวน
บัวหอมชวนอกสะท้าน
งามทั้งบัวตูมบัวบาน
เทพไททุกแดนพิมาน
ประทานสมดังตั้งใจ
เอื้อมมือหมายดึงดอกตูมก่อน
ดอกบานก็ค้อนแสนงอนไปใย
จะเด็ดดอกบาน
ดอกตูมก็สั่นแกว่งไกว
จะเด็ดดอกไหน
กันหนอบัวตูมบัวบาน
จะเด็ดทีเดียวเสียทั้งคู่
ครวญคิดดูอยู่ไม่นาน
พอดอกตูมแย้มตระการ
ดอกบานก็คงแห้งโหย
กลีบราร่วงโรยน่าชัง
ต้องลาแล้วหนอบัวช่องาม
บาปเคราะห์และกรรมประดัง
แล้วจ้ำเรือน้อยค่อยเข้าฝั่ง
ไม่ยอมกลับหลัง
หมดหวังทั้งตูมทั้งบาน
จะเด็ดทีเดียวเสียทั้งคู่
ครวญคิดดูอยู่ไม่นาน
พอดอกตูมแย้มตระการ
ดอกบานก็คงแห้งโหย
กลีบราร่วงโรยน่าชัง
ต้องลาแล้วหนอบัวช่องาม
บาปเคราะห์และกรรมประดัง
แล้วจ้ำเรือน้อยค่อยเข้าฝั่ง
ไม่ยอมกลับหลัง
หมดหวังทั้งตูมทั้งบาน...
คนดี..
ผมนอนนิ่ง กลางลำเรือ
ทิ้งใจในเงาฝันรับซึ้งช่านหวานเศร้ากับนาทีนี้
ที่ใครใครคงพากันอยากจะสัมผัสไขว่คว้า..ให้ได้มาให้ได้มี
และ
นะนาทีนั้น
พลันน้ำตาผมก็ปราดปริ่มเต็มเรียวตา
ผมคิดถึงวงหน้าละอออ่อนของคุณ
และหวานกรุ่นแห่งถ้อยน้ำคำ
ที่รินร่ำฝากรักฝากภักดิ์พลี
ให้ผมพิงพักใจ ยามไหวอ่อนรอนแรงพลังใจ
รินหวานหยาดใสด้วยน้ำใจงามมากเมตตา
หวังหว่านหวังให้พลังกมลผมเสมอมา
คนดี...
ผมอยากกระซิบถึงคุณ
ผ่านขุนเขา เงาฝนเงาฝันจันทร์สล้าง
ฟากฟ้ากว้าง ทางช้างเผือก ทะเลไกล มาถึงดวงใจคุณ
ให้รับรู้ว่า
วิมานไพร วิมานไม้ไผ่ วิมานใบไม้
ที่คุณวาดฝันไว้ให้ผมสานฝันนั้น
ในวันนี้..นะวันนี้ ฝันทุกสิ่งเป็นจริงแล้ว..
ผมจึงได้แต่รอรอและรอคุณด้วยหวัง
ให้คุณกลับมาดูกระท่อมไม้ไผ่วิมานใบไม้
ที่คุณได้ใช้ใจดวงใสแสนงาม
ด้วยจิตวิญญาณแสนรักไพรของคุณออกแบบ
.
ที่คุณกระซิบบอกผม..ให้ใช้ไม้ไผ่
เสน่ห์และหัวใจ
ของความเป็นจิตวิญญาณตะวันออก
มาสร้างสานผ่านภูมิปัญญาไทยช่างพื้นถิ่น
สะท้อนบอกถึงความสมถะงามง่ายชิดใกล้ธรรมชาติ
ให้ผมใช้ดินแดงดินภูเขาผสมกับปูนฉาบกลายเป็นผนังหวาน
ชมพูอมส้ม ที่คงทน และแสนงาม
มีชานรายรอบรับหลังคาคล้ายกระโจมดอกเห็ด
มุงด้วยจากที่เย็บจากทางมะพร้าวฝีมือละเอียดละเมียดละไม
ห้องทั้งห้องโล่งโปร่งสบาย
โครงหลังคามีลักษณะคล้ายรัศมี
แผ่เป็นเส้นสายลีลาทำให้น่าสนใจ
ใช้โต๊ะ เก้าอี้และเตียงไม้ไผ่เสากลมทั้งต้น
หน้าต่างเป็นบานกระทุ้งแบบเก่า
ที่ช่างย้อนเงางามในอดีตเสียนี่กระไร
และ
ผมได้สร้างอ่างอาบน้ำ
แบบก่อโดยผสมปูนกับดินแดงฉาบมัน
แต่ทิ้งทีเกรียงกันไถลลื่น
เพื่อให้พื้นผิวไม่เรียบจนเกินไป
ขอบอ่างใช้ใบไม้จริงกดลงบนผิวปูน
ขณะยังเปียกให้เป็นลวดลายธรรมชาติ
และปล่อยให้กิ่งไม้จริง
ทาบทิ้งลงมาเล่นแสงเงา
ผมเพียรปลูกไม้น้ำไม้ไทยดอกหอม
หวังยามคุณเล่นน้ำ
จะหอมพร่างงามรื่นรมย์
ให้คุณได้ดอมดมพรมจูบไปด้วย
หรือจะเด็ดดวงพวงดอกไม้สยายกลีบ
ให้ล้อสายน้ำเคลียคลอโลมไล้ร่างคุณที่
แสนสล้างท่ามกลางสายแสงจันทร์..
คนดี..และ
นี่คือวิมานไม้ไผ่วิมานใบไม้
ที่ผมสร้างไว้อย่างที่คุณได้วาดฝัน
ผมเพียงรอวันให้คุณคืนหลังกลับมา กล้าตัดสินใจ
ทิ้งชีวิตในกรุงกรง ที่คุณหลงอาศัยนานปีราวปลาผิดน้ำ
และพาให้น้ำหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณไพรชักแห้งเหือดเข้าทุกทีๆ
คนดี..
กลับมาเถอะนะ
กลับมาบ้านวิมานไม้ไผ่ของเรา
ตัดสินใจเถอะนะทิ้งทุกสิ่งทิ้งน้ำคำน้ำใจใคร
น้ำใจคนที่กลมกลิ้งกลอกหลอก
ด้วยลมลวงราวน้ำค้างพร่างพรมใบบัวยามดึกพร่างพฤกษ์ไพร
ที่หลอกให้ดวงใจใสหวานของคุณละเมอเพ้อหา
และพานพบว่า
พอยามสายได้แดดก็มลายสลายลาลับหายวับไป
เหมือนดั่งใจคนที่หมุนวน
ที่ยังสับสน แสวงหาและว้าเหว่
ด้วยความกลัว ด้วยความรักตัวเอง
เกรงจะต้องเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ
คนดี..
ผมจะพาคุณ ไปสู่ฝั่งฝัน นิรันดร์รัก
ที่สงบงาม นิยามรักแบบเหนือโลก
เหนือร่าง ห่างวกวน กับผู้คนมายา
มิทิ้งคุณให้ลอยคาโศกในทะเลโลกย์เพียงลำพัง
แล้วหันหลังหนีเอาตัวรอดเพียงผู้เดียว
คนดี..
ผมจะเป็นมิ่งมิตรแนบสนิทใจ
พาคุณท่องล่องไปในสายธารธรรมธารา
ที่ฉ่ำเย็น ดั่งสายน้ำสีทองลอยล่อง
ไปสู่ความว่าง ความงาม ความสะอาดสงบ
มิพบทั้งทุกข์และสุขเศร้าเหงาลำเค็ญ
เป็นดั่งกัลยาณมิตรมากน้ำจิตน้ำใจนะ
และ
คนดี..
ด้วยใจดวงงามดวงดีของคุณที่เคยบริจาคทาน
แผ้วเส้นทางสู่วัดสำนักวิปัสสนา
นะวันนี้ ผมขอย้ำอีกทีนะคนดี
ว่าเส้นทางธรรมนี้พลีรอร่าง
และจิตวิญญาณคุณให้คืนกลับมา
พาตัวคุณเองไปสู่ทางวิมุติ..
ทางแห่งการหลุดพ้นทุกข์ทุกรัก..
หากเพียงคุณตัดใจ..ลา..ทุกสรรพสิ่ง
วิ่งหนีโลกย์วนวงรอยกรรม..
และเพียรเพียงให้คุณพร่ำภาวนาบอกตัวเองว่า
รักใดในโลกนี้
ก็มิมีวันสิ้นสุดหยุดทุกข์ได้
และพานพาให้เกิดบ่วงรัดร้อยเป็นดั่งสร้อยโซ่กรรมซ้ำๆ
ไม่รู้จักสักกี่ภพกี่ชาติกี่พิสวาทวาย
กี่ตายกี่เวียนว่ายทุรนร้อนร่าง
กลางทะเลโลกย์ทะเลโศกทะเลน้ำตา ให้ชดใช้
จนกว่า...
โลกนี้จะดับสลาย มลายหายว่างไปเป็นนิรันดร์
23 พฤษภาคม 2547 12:06 น.
พุด
http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=72
(หนึ่งในร้อย)
http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=219
(เดือนต่ำดาวตก)
..............
ร่มรักเรือนไทยเรือนใจในโลกฝัน
มิต่างจันทร์แม้ต่างใจใครแปรผัน
วันและคืนชื่นและหวานมานานวัน
เธอและฉันฝันและฝากรากรักรจนา...
โลกของเธอโลกของฉันอาจฝันค้าง
แต่รู้วางรู้ว่างร้างห่วงหา
วันนี้รักพรุ่งนี้ชังช่างชีวา
ศิลปินพาศิลปะใจไหวพ้อเพ้อ...
ถึงเวียนวนค้นหาฝันพบวันโศก
ถือเป็นโชคใจช่างใจไยจะเก้อ
รักโลกฝันวันพบงามหลงละเมอ
ขอเพียงเพ้อฝันระบายหน่ายโลกจริง...
ปิดดวงใจปิดดวงตาถ้าหวั่นไหว
ดำรงใจใสงามฝึกวางนิ่ง
ดำรงร่างทิ้งโลกฝันทิ้งโลกจริง
กลางใจนิ่งกลางใจว่างห่างวกวน...
โลกเงียบงามตามต่อมาก่อรัก
มีคนภักดิ์ฝากน้ำใจใสดั่งฝน
ให้พลังให้ความหวังชุบกมล
ประคองตนประคองร่างห่างทางลวง...
สร้างวิมานใบไม้ไว้รอท่า
รู้รักค่ารองามคอยตามห่วง
รู้เข้าใจรู้อภัยไม่ลาล่วง
ใช่ลิ้นลวงหลอกขยี้ธุลีลา...
ขอคืนหลังฝังร่างใจในไพรกว้าง
ไพรห่มพร่างร่างห่มหอมเสน่หา
กับโลกจริงโลกน้ำใจยอดชีวา
คืนซบหน้าจูบดินจนสิ้นใจ...
วิมานใบไม้ร่ายมนต์รอของามเงียบ
รับรสเฉียบน้ำค้างพร่างเพชรใส
มีบึงบัวเรือลำน้อยลอยลำไป
เด็ดบัวใจพุทธบูชาภาวนาธรรม...
บรรจงร้อยมะลิลาลารักเศร้า
ทิ้งใจร้าวไร้ใจรักระรินร่ำ
หอมความดีหอมใจนี้รสพระธรรม
ภาวนาพร่ำหยุดหัวใจในรักตรม...
จุดแสงเทียนวับแวมแกล้มไม้หอม
หวังเทียนทองส่องนำทางคอยพร่างห่ม
ลืมทางโลกโศกชะตาพาระทม
ทิ้งขื่นขมห่างหัวใจไกลมายา..
************
พุด..มาขอบพระคุณทุกดวงใจที่ห่วงใยนะคะ
ในความรักพุด พุดดีขึ้นแล้วค่ะ
ยิ่งพุดไข้จะยิ่งออกกำลังกายค่ะ
ทั้งว่ายน้ำ แบดมินตัน เต้น
และ
จริงๆพุดกำลังจะเดินทางข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา
ไปวัดไปไหว้พระค่ะ
ริมฝั่งชลค่ะ
และจะ
ไปร่ายรจนาเรื่องวิมานใบไม้..ฉบับสมบูรณ์
ใต้ร่มเงาพิกุลดอกละมุนหอมพราวละเมียด
แต่บังเอิญ
แต่งบทกวีประกอบไว้ก่อน
เลยนำมาลงให้อ่านไปพลางๆนะคะให้งามว่างวันหยุด
และสำหรับ
พุดพัดชาฝากรจนาเรื่องนี้
ด้วยเบื่อ
กรุงกรงมากเหลือเกินแล้วค่ะ
พุดเหมือนปลาผิดน้ำ..
และ
อยากกลับไปสร้างกระท่อมใบไม้
ในหุบเขาไพรพะงัน
ได้เดินฝ่าสายหมอกดวงดอกไม้ไพร
ลัดเลาะเนินเขา..เหงางามเงียบ
ออกมาวัด..
มานมัสการ
กราบหลวงพ่อฟังธรรมะในโบสถ์คร่ำ
และ
อบร่ำดวงใจใต้ร่มเงาพิกุล
ให้ชีวิตใสงาม..
และ
อยากทำงานสอนหนังสือเด็ก
โรงเรียนใต้ต้นไม้
ในอาณาจักรไพรของพุดเอง
เฮ้อ..
พุดก็กำลังบอกขายที่ใกล้ทะเล
ทั้งๆที่เสียดายผืนดินเกิดมาก
แต่ทว่าพุดต้องตัดสินใจ
หากขายได้..
พุดจะได้ไปซื้อที่ใหม่กลางหุบไพรพะงัน
และสร้างกระท่อมฝันให้เป็นจริงเสียทีค่ะ
แม้นว่ามีบางคนเขายินดีที่จะสร้างให้
แต่พุดอยากได้ที่ของตัวเองค่ะ
ช่วยพุดภาวนานะคะนะคะ
ทุกดวงใจ
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=30
เช้าแล้ว...
ฟ้าพรายแสงแดงพร่าง
พรายพรมอมชมพูรำไรรำไร
ในขอบฟ้าทิศตะวันออก
ชมพูพันธุ์ทิพย์ ร่วงพราว ให้สาวนาอาวรณ์อ้อนอาลัย
ไหนจะทองกวาวพราวช่อแน่น แดงดอกดกอมส้มห่มด้วยสายหมอกจางๆ
ริมทางก่อนถึงกระท่อมไพร..กระท่อมใจบ้านไร่ปลายนา..ของสาวนา..
ปีบ..เหลืองนวล ก้านยาว รูปแตร
บานเหว่ว้าหอมแรง อยากแสร้งนำมาทัดหู
แบบแม่หญิงโบราณ..คงงาม..ล้ำ..ร่ำภิรมย์ใจ
พวงคราม..ม่วงอมฟ้าหายากสี..ละม่อมละมุน
กรุ่นหอมหวานบานสะพรั่งพรึบบนซุ้ม
พวงแสด รูปหลอด ปลายแฉกแหวกคลุมหลังคากระท่อม
กลายเป็น.*หลังคาดอกไม้*..
กลายสีแปรเป็นส้มสดจัดจ้าท้าสายลมหนาว...แทน.
จำปี..จำปา..กระดังงา..เศร้าสร้อย ห้อยกลีบพ้อรอหนุ่มนา
กลับมาเสียที..มาชี้ชวนเด็ดดม
เสียบผมริมแก้ม แกมหอมพรม..ให้พร่างพรมภิรมย์ใจ..
จันทร์กะพ้อ.. บานพ้อรอระวี
พร่างหอมตลอดวัน และหอมพลันยิ่งจัดจ้านยามย่ำสนธนา
ในราตรีดึกสงัดงาม.ริมลำธาร สายสวยใส
ยิ่งหอมหวานบานแข่งกับดวงใจ
แข่งกับหยาดสายพรายน้ำผึ้งพระจันทร์ในวันนี้
********
จันทกะพ้อร่วง พรระวี
แสงสายัณห์ใกล้ลับกับทิวเขา
ทิ้งทอดเงาซีดจางกลางท้องทุ่ง
จันทกะพ้อระรินกลิ่นจรุง
อบร่ำคุ้งบ้านนาใกล้ราตรี
กลีบสีขาวพราวพลิ้วลิ่วลมคว้าง
คล้ายอ้างว้างหมองหม่นจนเหลือที่
อยู่ได้เพียงวันรุ่งของพรุ่งนี้
กลีบที่มีจะร่วงหมดรดแผ่นดิน
จันทเจ้าเอยเคยอาบฉาบกลิ่นหวาน
ย้อมวิญญาณให้ภักดิ์รักพื้นถิ่น
เมื่อกลีบเจ้ากลับที่ธุลีดิน
ยังไม่สิ้นสายเสน่ห์ทุกเวลา.
*******
จันทร์กะพ้อพ้อใจใครกันละหนอ..สาวบ้านนา
จันทร์กะพ้อพ้อใจใครกันหนอ
หลงให้รอให้รักแล้วพรากหนี
จันทร์หอมเศร้าร้าวรักด้วยภักดี
จันทร์ชีวีไยมาหมองต้องจากไกล
จันทร์กระพ้อพ้อใจเธอนะที่รัก
พ้อที่ภักดิ์ที่มั่นฝันหวั่นไหว
จันทร์กะพ้อพ้อเธอที่หัวใจ
ฝากฤทัยไยทิ้งเก้อเพ้อพ้อลา..
กลิ่นจันทร์กะพ้อหวานหยาดราตรีนี้
ฝากคนดีหอมริมแก้มยังห่วงหา
จันทร์กะพ้อรอน้ำผึ้งหวานจากจันทรา
รอวิวาห์จันทร์กะพ้อปลิดกลีบโปรยคำพร
แล้วจะหยุดพ้อหยุดเพ้อในอ้อมแขน
กอดแนบแน่นเพ้อฝากจันทร์ผ่านสิงขร
จันทร์กะพ้อหอมแก้มเราเห่กล่อมนอน
ขวัญออดอ้อนจันทร์กะพ้อพราวราวรับรู้รักยิ่งใหญ่ของสองเรา..ที่มั่นคง
********
และไหนยังมี..
ช่อดอกมะม่วง หอมหอมร่วงรื่นรมย์
ไปกับสายลมหนาวเคล้าคลุกใจ..พัดพร่างไปในยามเช้า..
โน่นนกเขา..ร้องขันคู
ในกอไผ่สล้างใบสะบัดไหวเสียงซอกแทรกๆเซาะเศร้า
ไก่ร้องกระต๊ากๆตีปีกพึ่บพั่บ ขุดคุ้ยหนอนรับแดดอ่อนอุ่น..
และโน่น ทุ่งข้าวละลิบลิ่ว ปลิวสะบัดไกวไหวรวงเรียวอ่อนๆ
สะท้อนแดดสีทองผ่านดงตาลเดี่ยวแลดูเปลี่ยวเหงา..
สาวนาหว่านข้าว *พันธุ์แก่นจันทร์*
ฝันว่าจะได้ใช้*แกะ*มาเกี่ยวเก็บทำเส้นขนมจีน
ให้อร่อยล้ำ ทำน้ำยาแกงแบบถึงพริกถึงขิงแซ่บซึ้งตรึงใจคนลิ้มลอง..
ให้จำจดรสมือไปแสนนานเลยทีเดียว..
(แกะทำจากไม้และมีคมเหล็กที่ปลาย)
สาวนา..ว่างนา เลยสานตะกร้าสานเสื่อสวย สลับสีจากกระจูด
ตะกร้าไว้หิ้วไปปลายนาริมไร่ เก็บผัก ดอกไม้ ตามประสาสาวทุ่ง
ที่มิยุ่งมิรู้จักกระเป๋าแสนเแพงหลุยส์วิตตงวิตตอง
นอกจากท้องนาท้องไร่ ให้แสนสุขใจพอกัน...
และเย็นนี้..
จะแกงขนุนสับใส่ปลาย่างหอมหอม
แกล้มแนมด้วยใบกะเพราป่า
ให้โอชารสหอมตรลบไปสามบ้านแปดบ้าน
ของหวานก็..น้ำกะทิแตงไทย..
ที่เก็บสดตอนแหวกพงหญ้ารกและพบรอยแยกแตกลายหอมแล้ว
มะพร้าว ก็มีริมรั้ว
ที่สูงชลูดแซมแกมรั้วชบาหลากสีเป็นทิวแถวแนวยาว
ให้สอยมาขูดมาคั้นสดเดี๋ยวนั้น
นำน้ำตาลหวานมันส์ได้จากต้นโตนด
ที่ใช้เตาเคี่ยวโบราณ
พร้อมมีกระบอกตักน้ำตาลกวาดสิ่งปลอมปนเก็บไว้ใช้ได้ตลอดปี..
สาวนา..มีเวลาหว่านพืชสมุนไพรมากมีไว้ด้านหลังครัวริมกระท่อมทับ
สะดวกกับการเก็บยามเข้าไต้เข้าไฟ
ยามตะวันชิงพลบ ยามที่ครัวกำลังอวลอบร่ำ
ด้วยกลิ่นอันหอมหวนของข้าวแกงร้อนร้อน ให้ท้องร้องจ๊อกๆ
ที่หนุ่มนา..เคยโผล่หน้ามาแล้วแอบกระซิบริมแก้มว่า
ยามนี้ที่สาวนาแก้มแดงแรงร้อนหน้าเตาไฟปะทุ
ดูช่าง..น่าหอมน่ากินกว่าแกงในหม้อเป็นไหนไหน..
*********
และบางวัน..
สาวนา..เข้าสวน มิได้ไปเก็บดอกลำดวน..
หากไปเก็บละมุดพุทรา
น้อยหน่า จำปาดะ เงาะป่าเงาะบ้าน มะไฟ
มาล้างเรียงไว้ในกระด้ง
ไว้ปรนเปรอปากท้อง
ยามนอนนับดาวตรงชานเรือน
ฟังเพลงขลุ่ย..คลอพ้อลมหนาว
กับนวลแสงดาวพราวะยับระยิบ
ที่สุกใสพร่างพราย
ราวใกล้จนแทบเอื้อมมือคว้าไขว่ใส่อุ้งมือได้เลยทีเดียวเชียว
บางค่ำคืน..
สาวนาจะก่อไฟทำ
*ขนมโค...*
ที่ต้องโม่แป้งข้าวเหนียวข้าวเจ้า
แล้วนำมาคลุกเคล้าผสมน้ำนวดเอง
จนร่อนแล้วเด็ดเป็นก้อนๆ
เอาน้ำผึ้งแว่น(น้ำตาลโตนด)
มาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆยัดไส้ไว้ที่ใจลูก
หย่อนไปในน้ำเดือด เมื่อสุกจะลอยขึ้นมา
แล้วเอาเคล้าคลุกกับมะพร้าวทึนทึกที่ขุดเตรียมไว้แล้ว
ให้จับทั่วลูก แล้วโรยเกลือนิดหน่อย
แล้วก็หยิบใส่ปากอมแก้มตุ่ย
ให้หอมนุ่มอุ่นลิ้นกรุบๆด้วยมะพร้าว
หวานๆด้วยน้ำตาลกำลังเหลวไหล..ชุ่มฉ่ำในปาก
มันๆเค็มๆ อร่อยแบบไพรๆ
ถึงใจเด็กบ้านนอกบ้านนา..ที่รู้ค่า...
และไม่เคยรู้จักคำโดนัท ..อันละแสนแพง..
เมื่ออิ่มท้อง
ก็นอนรับลมหนาวดูดาวพรายโชยฉายแสง
กับพร่างพรมลมโชยโปรยปรายปีบพราวเคล้าดวงใจ
กับดาวไสวเรียงรวง
กับดวงดอกไม้ไทยรายรอบกระท่อมน้อย
โมก ราตรี จันทร์กระจ่างฟ้า จันทร์ผา ลำดวนดง
ให้ไหลหลงละมุนละม่อมหอมไปถึงนวลใจเนียนนุ่ม..รัดรึง..
ซึ้งสุขในธรรมชาติงามเงียบเรียบง่ายไร้แสงสี
และ
ด้วยหัวใจดวงดี ที่ทุกคืนค่ำ
หัวใจสาวนาจะหอมกรุ่นด้วยศรัทธารัก
สร้างละมุนใจ ได้พายเรือลงไปในบึงบัว
ยามตะวันรอนรอนอ่อนอุ่นแสงยามสนธยา
ไปลอยลำดูฟ้าแสนหวานม่านเมฆช่อชั้นราวสรรค์เสก
ยามอาทิตย์ใกล้อัสดง..ลงริมชายชล
ไปเด็ดบัวหลากสี บัวหลวง บัวสาย
มาถวายต่อหน้าพระพุทธ น้อมนำดวงใจใสพิสุทธิ์อธิษฐาน
สวดมนต์ สร้างกุศล ศรัทธาปสาทะมั่นในศาสนา
และพระธรรมคำสอนพระบรมศาสดา
ที่งามล้ำให้ยึดมั่นในเหตุผลและสร้างแต่คุณงามความดี
ให้สมกับที่ได้เกิดมาในร่มเงาพระพุทธศาสนา
ที่บริสุทธิคุณยิ่งต่อมวลมนุษย์นี้ที่หลงว่ายวนในดงกรรม..เวียนวน..
ให้พ้นทุกข์พบสุขใจในความว่างทางสายสงบเสียที..
และ
นี่คือ..ชีวิตสาวนา
ในวันนี้ ที่ขอมีชีวีงามเงียบ เรียบง่าย
ไร้มนตราพาทุกข์ใจในโลกแสงสี
ขอแค่มีชีวีดวงดีติดดิน มิถวิลวัตถุมากมี และ
ขอเพียงแค่มีหนุ่มนาคนดีเคียงข้างร่างและใจ
มีจิตวิญญาณไพร ช่วยกันเพาะพืชพรรณ
สร้างฝันแสนดีกับท้องนาท้องไร่ให้อุดม
บ่มด้วยความรักกตัญญูในผืนดินถิ่นเกิด
เพื่อเลี้ยงทุกชีวี เพื่อนร่วมโลกให้ยาวยืน
เป็นพอใจ เป็นสุขใจเป็นเพียงพอแค่พอเพียงแล้ว..นะแก้วตานะดวงใจ!
*********
วิมานบ้านนา พรระวี
เสียงไก่แก้วแว่วหวานขับขานเช้า
น้ำค้างพราวพรายพรมห่มผืนหญ้า
เย็นยะเยือกหวามไหวในอุรา
รับทิวาวันใหม่ชื่นใจชนม์
สายหมอกโปรยโรยไล้ทิวไม้ลู่
ดาวฤกษ์หรู่แสงจางค้างเวหน
ดอกไม้ป่ากรุ่นกลิ่นหอมย้อมกมล
ผ่านตำบลทุ่งนาสู่ฟ้าไกล
เพลงชาวนาแผ่วผ่านจากบ้านทุ่ง
ล้วนแต่มุ่งทำงานคราดหว่านไถ
ไม่เคยทุกข์ไม่เคยท้อต่อสิ่งใด
มวลเภทภัยมิกล้ำกราย ณ ปลายนา
สายลมอ่อนโชยมาจากนาข้าว
กลิ่นสาบสาวจรุงอวลจากนวลหน้า
ประกายวิบแจ่มใสจากไรตา
โอ้..บ้านนาเปรียบปานวิมานแมน.
22 พฤษภาคม 2547 08:35 น.
พุด
http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=129
**************
ค่ำแล้ว
ฟ้ามืดครึ้ม
ด้วยเงาเมฆทะมึนหม่น
ฟ้าหมอง กำลังตั้งท่าจะร้องไห้ครางครวญ
หน่วงหนัก ราวสูญรักสิ้นไร้ ร้าง พลางกำสรวล
พร่างสายวสันต์ลีลาลงมาดั่งหยาดน้ำตานางฟ้าระริน
แทนถวิลเหว่ว้าอ้างว้าง
ห่มพร่างผืนนาผืนหล้าและผืนไพร
และห่มหอมให้ผืนใจผู้รักสายวสันต์ทุกผู้คน
ที่กมลรักดายเดียว..
ดวงตั้งใจ..
ย้อนรอยใจรอยก้าว
ที่ร่างรานใจร้าว
พาลพานึก ระลึกถึงยามวัยเยาว์
ที่วิ่งเล่นน้ำฝน
หล่นลาพรากจาก..หลังคาจาก
พรากเม็ดเด็ดรวง
จากวิมานไพรวิมานใบไม้ในชนบท
ถอยใจกลับไปสู่วัยเยาว์อีกครา
อยากลองทดสอบงามใจดูสิว่า..
การเดินฝ่าสายฝน..สายฝัน..ฝึกสมาธิแบบฉ่ำเย็นนั้น
หัวใจจะกระเด็นหรือจะรู้หยุดนิ่งวาง..
รับรู้เงียบงาม ว่าง กลางลมละมุน
และพายุหมุนระบัดพัดสายฝนลมแรง
ในอีกฉากเศร้ารานร้าวหากให้งดงามสว่าง
พร่างพรมด้วย..ตัวตนด้วยตัวเอง
มิเกรงฟ้าฝนฟ้าดิน
ฝนหนาเม็ด..
มิเด็ดรวงพรายยังพร่างพรมห่มร่าง
จนหนาวจับขั้วหัวใจสะท้านเยือก
ระยะทางยาวไกล ที่ใครๆหันมามอง
ผู้หญิงบอบบางค่อยๆย่างเท้าอย่างช้าๆ
แหงนเงยหน้าละออรอรับหยาดละอองฝนพรำ
ให้ร่ำรินรด..
ราวรอหยดหยาดลงมาล้างนวลเนื้อใจ
ให้ใสสะอาดงามละมุนดั่งเดิม
มิยอมให้ปีศาจวสันต์ซ้ำรอยเดิมเติมแผลใจ
ในนะวันนี้..ที่ไม่มีวันเหมือนเดิม
ไม่มีวันให้ใครเพิ่มผลาญพร่าจิตวิญญาณดวงงามภักดิ์...รักนิรันดร์..
..
ฟ้าแลบแปลบปลาบ
ราวพิโรธ..ผู้ทำลายธรรมชาติ..ทำลายรัก
ที่ให้งามพัก งามพิง ในทุกสิ่งทุกอย่าง
หากมวลมนุษย์มากมายหากลับได้เข้าใจไม่
ในหน้าที่
ในกฏเกณฑ์นี้ที่ต้องใช้ใจดวงดีดวงเสียสละ
เพียงนั้น ถึงจะพลันเห็นแสงสว่างรำไรนำใจนำทาง
นำร่างเลิกหลงในอัตตา..พากันทำลายทุกสิ่ง
ทิ้งใจดวงดี ทิ้งกระท่อมที่ว่างเปล่าในไพรพฤกษ์พง..
หลงสุขในลาภยศสรรเสริญ..เมินปรารถนาดี...
ทิ้งโลกที่แสนสงบสุขวิ่งซุกซบวังวนโลกวัตถุ..
ดวงมึนงง
ราวโลกจะมืดดับลงด้วยปวดหนึบหนาวในใจ
หนาวในกาย..หนาวแสนหนาว.หนาวในร่างร้าว
หากใจว่าง..ว่าง วาง
พรางค่อยพิงห่อตัวรอพระพิรุณหยุด.เท..ราวฟ้ารั่ว
รอฝนหยุดพรำ
ใต้กิ่งฝันก้านไกวไหวสั่นรับลมแรงระริกรับ
กับหางนกยูงฝรั่งสะพรั่งแดงดวงดอกดกพราว
วสันต์ลีลา
ไม่มีทีท่าจะหยุดลาเสียที
ดวง..ตัดสินใจเดินต่อ..
ฝ่าสายฝนสายฝันเปรียบประดุจดั่ง
สายธารสายหวานสายน้ำผึ้งพิษ..
ทีสนิทแนบแน่นมายาวนาน
ในยามนี้..กับฤดีฤดูกาล
ที่ผ่านมาผ่านไป ให้ใจมองเห็นสัจจธรรม มิคงมั่นมิดำรง
แค่หมุนวนหมุนเวียนครบปี ให้เห็นฤดีแปร
มิแน่มินอนของมนุษย์มนา
ในโลกหล้า ในโลกกลม..กลม
ลม ลม แล้งแล้ง แกล้ง แกล้ง ฝันฝันกันไป
ราวหลงไพร หลงใจหลงฝัน.สวรรค์วาง.กลางฤดูฝน
ช่างสับสน ซับซ้อน มิยาวทน มิยาวยืน มิฝืนนาน...
มิผ่านกาลดั่งรักนิรันดร
ดวง..รจนาเรื่องนี้ทันทีที่กลับถึงบ้าน
กับร่างสะท้านราวจะจับไข้
กับร่างไร้ที่หนาวเยือกเลือกรสเจ็บไข้
ราวได้สาสอนใจในงามสัจจธรรม
ให้ย้ำรอยใจรอยจำ.ในค่ำคืนแห่งวสันตฤดู..นี้
ที่ช่างให้ความรู้สึก..แสนดี...แสนงามจำ
ย้ำเตือนให้ลูกผู้หญิงคนนี้ได้บทเรียนใจ
ในทรงจำ
ในฉากเศร้า
ในพราวฝัน
ในคืนฝน
หวังกมลคอยติดตามเตือน
เลือนลางว่างเปล่ากับเหงาเงียบสงบพบ
ทางสายโศกที่โลกหยิบยื่นให้..อย่างดายเดียว!
***************
http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=129
หยาดน้ำฝน หยดน้ำตา ดาวใจ ไพจิตร : : Key Gm
หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์
หลั่งความขื่นขมที่ถมอยู่ใน ใจตน
หยาดย้อยจากปรางสวรรค์เบื้องบน
สู่กลางแก้มดินในฐานถิ่นคน
นั้นคือหยาดฝน ฉ่ำใจ
สาดสายพร่างพรายพรมผืนไร่นา แนวเนิน
ป่าดอนโขดเขินคลองขลุงทุ่งหนอง นองไป
หล่อเลี้ยงพืชพันธ์ มีผลดอกใบ
โลกเคยหลับไหล พลันฝืนตื่นใจ
สวยงามสดใส จริงเอย
ทอแสงทองอาทิตย์ทาบทา
พลันน้ำตานางฟ้าระเหย
เป็นละอองไอน้ำอย่างเคย
ถูกลมรำเพย พัดเลยลอยวน
หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์
ฝากมากับลมเป็นฝนพร่างพรม ใจคน
แต่น้ำจากตาตอนช้ำกมล
ที่เราหลั่งลอย ระเหยกี่หน
ถึงกลายเป็นฝน ฉ่ำใจ
ทอแสงทองอาทิตย์ทาบทา
พลันน้ำตานางฟ้าระเหย
เป็นละอองไอน้ำอย่างเคย
ถูกลมรำเพย พัดเลยลอยวน
หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์
ฝากมากับลมเป็นฝนพร่างพรม ใจคน
แต่น้ำจากตาตอนช้ำกมล
ที่เราหลั่งลอย ระเหยกี่หน
ถึงกลายเป็นฝน ฉ่ำใจ...
พุดพัดชาเหมือนกำลังจะเป็นไข้ค่ะ
ขอลาไปพักก่อนนะคะและขอ..
ฝากทุกดวงใจกับผลงานแสนรักนะคะ
ที่พุดพัดชากำลังภาวนาให้หัวใจได้กลับไป
ฝากร่างและจิตวิญญาณไว้
รอเพียงวันฝันเป็นจริงในทุกเวลาค่ะ
และนะวันนี้
กับเรือนจำปีที่นอนนิ่งทิ้งใจงาม
ภาวนา ภาวนา และภาวนา
*************
http://thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_39349.php
กระท่อมใบไม้!.....พุดพัดชา
กระท่อมใบไม้..
แฝงตัวอยู่บนเนินผา ในหุบเขา..พะงันงาม..
ที่ปกคลุมด้วยพันธุ์ไม้เมืองร้อนนานาชนิดสูงใหญ่ เป็นช่อชั้น
ราวป่าดงดิบสลับสล้าง..ใบไม้เขียวพร่างระยิบระยับ..ไปทั้งราวป่า
และ...
งามจับตายามถึงคราฤดูใบไม้เปลี่ยนสี...ที่มีเสียงจิ้งหรีด เรไร
ดนตรีไพรดนตรีธรรมชาติและสายลมอันอ่อนโยนละมุน
หอมกรุ่นกลิ่นดอกไม้ไพร..อวลไกล..ในยามค่ำ..
.....
ยามเช้า...
ยามอุษาฟ้ากระจ่าง..
เมื่อดวงตะวันสาดแสงสีทอง อันอ่อนอุ่นมาแตะแต้มทายทักโลก..
มวลหมู่นกกา..พลันพรึบพรูโผผินบินว่อนร่อนจากรวงรังออกหาเหยื่อ..
..
สัตว์ป่านานา..ก็พากันเที่ยวท่อง..
จดจดจ้องจ้องออกล่าเหยื่อ..เฉกเช่นกัน
เป็นวิถีอันเป็นธรรมชาติเพื่อดำรงรอด..
ไพรกว้างเงียบงาม....
ซ้องผสาน..เสียงเพลงไพรเสียงสัตว์ไพร ขับขาน
ทั้งดุร้ายและหวานเศร้าคละเคล้าดำดิ่งลึกล้ำงามเงียบไห้ไหยหวน.
สู่ห้วงหฤทัยผู้รักไพรพงเป็นชิวิตจิตใจ..
ธรรมชาติ..เปิดม่าน..
หวานหวานหว่านมนตราเริ่มตั้งแต่ยามทิวา อรุณรุ่ง
มุ่งสู่ราตรีที่ฟ้ากว้างประดับด้วยทางช้างเผือก..
ระดะดาวพราวพร่างเต็มอ้อมฟ้าเต็มอ้อมฝัน..พริบพราวเคล้า
นวลจันทร์กระจ่างฟ้า..เล้าโลมหล้าโลก
ให้มวลมนุษย์คลายโศกหรือยิ่งเศร้าหม่น
สุดแต่คน..แต่ใจใคร..จะไขว่คว้า
กระท่อมใบไม้..
งามง่าย หลังคาจาก โครงเคร่าใช้ไม้มะพร้าวที่หักโค่น..
มาเป็นเสาค้ำตั้งรับสอดประสาน...ใช้ทุกส่วนให้งามอย่างคุ้มค่า
ฝา..คือไม้ไผ่ขัดแตะอย่างละเอียด
และยิ่งละเมียดละไมด้วยเสื่อจูดสานสวยซ้อนทับ..อีกชั้น..
กันสายฝนแรงรับลมพายุ..
ไม่มีโต๊ะ ตั่งเ ตียง..มีเพียงเสื่อสานละเอียดปูฟูกที่นอนขาว กับหมอนอีกใบ..
มีมุ้งที่บัดนี้หอบขึ้นไปผูกไว้ ยามมิได้ใช้งาน..ก่อนนอน..
หัวนอน..
มีขอนมะพร้าว..เตี้ยๆไว้วางของจุกจิกไม่กี่ชิ้นจำเป็น
มีตะเกียงเทียนเหลือเทียนครึ่งเล่ม..เพียงนั้น
กับขันทองเหลืองที่เจ้าของกระท่อมทับ
ใช้จัดใส่ดอกไม้ไทยรายรอบนานาพรรณ
ที่บัดนี้พลันพากันมาหอมอวลคละคลุ้ง จรุงไปทั่วทั้งกระท่อม
กับสายลมเย็นยามค่ำ
กับยามที่พรายวสันต์เพิ่งราเม็ดพร่างพรมห่มไปทั่วทั้งราวไพร..ให้ฉ่ำเย็น..
ทางขึ้นกระท่อมนั้น..
ดังพรมสวรรค์สีเขียว..ของหญ้ามอสส์สอดแทรก
ตามปุ่มปมหินแง่งาม ที่เกาะเกี่ยวให้ไต่ตาม ค่อยๆเลี้ยวเลาะ..
ให้สงบ..ให้ผ่อนคลาย ...
ทุกก้าวย่าง...ในอ้อมเขียวเรียวไพลเรียวใบไม้ไหวระยับ..
ทุกฝีเท้า..ของผู้โชคดี...
ที่ได้ละลดวางและหลีกลี้หนีจากความวายวุ่นจากสังคมเมือง..
เสมอเหมือน
กำลังได้สลัดแอกใจ อันอ่อนล้า
ที่โหยหา แสวงหาธรรมชาติเย็น..
ชุบชื้นชื่นชีวีต..ชุบดวงจิตดวงใจ
ชุบจิตวิญญาณ ชุบใสงามดื่มด่ำฉ่ำเย็น
ให้ระรินไหลเข้าเบื้องลึกภายใน
ให้พลันสดใสตระการราวแก้วงามแก้ววิเศษ
ที่จะพรายพร่างนำทางใจ..สู่ สว่างใส สงบ.พบ.ร่มชีวี..
ที่ดั่งหยาดน้ำทิพย์..ที่ละลายร่าง ไร้ร้างตัวตน
ให้ห่างจากความยึดมั่นถือมั่น
ในทุกวันทุกสิ่งมากมีที่ไม่จีรังยาวยืน..
ร่างกาย..
ร้อนรน..ได้ผ่อนคลาย
ดวงใจได้นิ่งงันผ่อนพัก พึ่งพิงธรรมชาติไพร
เกิดใสงามสวยสดเป็นธรรมดาใจธรรมชาติงาม..อันมิรู้สิ้นรู้จบ
.........
เส้นทางสายสวย..สู่กระท่อมใบไม้.
ราวเส้นทางสายสวรรค์สรวง
กระท่อมใบไม้ ...ที่ไร้ร้างในสายตาคนเมือง
ผู้นิยมวัตถุมากมี..หามาประดับบารมีให้เป็นที่ยอมรับนับหน้าถือตา.
กระท่อมใบไม้..
ที่ไม่สิ้นเปลืองผลาญพร่าทรัพยากรธรรมชาติ
หากเพียงแค่ได้เอนอิงเอื้อโอบใจไปพร้อมกัน..เป็นหนึ่งเดียว..
ให้นวลเนื้อใจละไมละมุน..ในงามง่ายนั้นมิมีวันสิ้นสุดรัก..สุดงาม!
...........
กลางกระท่อม..
กลางเงาเทียนวูบไหว
ในร่มเงาไม้ให้สงบเงียบ
มีร่างงามเรียบนอนสยายผม
มีดวงดอกไม้แนบนวลแก้ม
มีเรียวรอยยิ้มพริ้มพราย
คล้ายรอรับจูบละเมียดละไมจากชายในฝันในดวงใจ..
.....................
ตามมาสิทุกดวงใจ..
มาฟังเสียงนกไพร
ฟังเสียงดุเหว่าแว่วหวาน
ดูเงาดาวทอแสงนวลใย
แข่งกับหยาดเพชรพราวในดวงตาดวงใจของนางไพรอันเป็นที่รัก
ยามสะอื้นอ้อนหารักครางครวญ..
พระจันทร์หวานคงอิจฉา..
ราตรีคงเงียบงัน...
ฟากฟ้านั้นเลิกหมองหม่นชั่วครู่
ลมคงหยุดพัดไหว ใบไม้คงปลิดปลิวโปรยพร..เพื่อสองเรา..ตราบชั่วกาล..
งานพุดพัดชามักจะจบแบบฝันฝัน
ให้งานฝันสมบูรณ์แบบ
จนคนคิดเข้าข้างตัวเองละเลงหลงเพ้อละเมอว่าพุด
คงคิดแบบเขียนไปทุกอย่างค่ะ
ช่างน่าอ้างว้างใจเป็นยิ่งนักนะคะ
เป็นเพียงนวนิยายนะคะ
จริงๆแล้วกระท่อมนี้คงมีพุดพัดชาดายเดียวค่ะ
***********
ด้วยรักล้นใจทุกดวงใจในร่มรักค่ะ
15 พฤษภาคม 2547 16:42 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=1933
(วิมานดิน)
url=http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=430
(ลืมเสียเถิดอย่าคิดถึง)
**********
อุษานี้..บ้านดอกไม้หอมม..ม...ม..
หอมพร่างไปทั้งบ้านด้วยดวงดอกไม้ไทย
ที่สะพรั่งกลิ่นรินพรายมากับสายลมในยามเช้า
แก้วตระการ..บานร่วง บานร่วงเต็มลานดิน
ราวมิถวิลต้น..พากันปลิดหล่นปลิดหล่นเกลื่อนกระจาย
พร่างหอมพร่างงามแม้นยามราโรย
ให้พื้นพสุธาพราวนวลพรม อมน้ำตาลทอง
นกเขา..ก็ยังคงเฝ้าขันคู จู๊กกรูๆ
และกับอีกมากนกมากนัก
ที่พากันมาทายทักด้วยเสียงเพลง จุ๊บจิ๊บๆๆๆระงม
แถมยังมีเสียงไก่ขัน
และไก่ตัวนี้แหละที่บางวันขยันขันเอาตอนเก้าโมงเช้า
ไก่กลางกรุงกรง คงหลงลืมฝันวันเวลาเสียแล้วละกระมัง..
บ้านดอกไม้หอม..ม..ม....
ยังมีกอกล้วยอวบใหญ่ให้ร่มใบบังแดดในยามเช้า
ยามละออละอองทองทอทอดลอดไพลนวลรำไรๆ
ยามว่าง..ไพล..ที่มิใช่ชื่อใบไม้
หากคือเจ้าของวิมานดินวิมานไพรนะแห่งนี้
จะ..
นอนนิ่งรานทอดตาหวานเศร้า
ซึ้งซับรับระยิบเรียวใบแก้ว..
ที่กำลังปลิดปลิวลิ่วลอยควะคว้าง
ปรายโปรยแพร้วพร่าง..อย่างช้าๆ ช้าๆ..
ที่ช่างแสนงามจับตาจับใจเป็นยิ่งนัก
ที่ช่างให้ความรู้สึกหอมหวานในใจ ในสัจจธรรม
เปิดใจให้หอมงามอบร่ำพาพร่ำร่ำรินรับมาสอนใจ
ในธรรมะ ธรรมชาติ ธรรมดาๆ
ที่ทุกเวลาคือความจริงแห่งชีวิต...
.............
และ
บางครา..เมื่อไพล..เหว่ว้าใจสุดทน
ไพลจะหมุนกมลฟังบทเพลงบรรเลง
*Poetry Of The Sea&Mountain*
ที่ราวจะพาจิตวิญญาณไพรนี้ติดปีกเสรีแห่งความฝัน
ลอยพลันไปนั่งเหนือเนินทรายริมทะเล
เพื่อเฝ้ารอ ดูตะวันค่อยๆผันดวงโผล่พ้นผืนน้ำงามสีมรกต
ให้งามงดในใจ จนอยากร้องไห้
เห็นนกนางนวลโผผินบินถลา
น้ำทะเลพากันสาดซัดฝั่งอย่างนวลนุ่มอ่อนโยน
เสียงคลื่นวอนทรายคล้ายดั่งคำมั่นสัญญา
พาให้น้ำตาไพลละหลั่งริน ในสายถวิลเสน่หา
รักวันเติมวันมิผันแปรใจมิพรากไกลมิพรากลา
ไม่ว่า
จะผ่านกาลเวลามากี่ฤดูกาล
ผ่านฤดีใครมากี่คนก็ยังคงหนักแน่นมั่นคง
ไม่ไหวหวั่น
ยังคงสัตย์ซื่อถือมั่น เคลียคลอทรายทุกคืนค่ำ
ช่วยกันพร่ำฝัน บรรเลงบทเพลงรักเพลงเดียว...
ไม่เหลียวแลใครไม่แปรใจไม่แปรรัก..
และ
ในบางครา
มโนไพล..
จะพาลอยไปสัมผัส
กลิ่นควันไฟปะทุจากเตาถ่านแตกเปรี๊ยะๆ
ในกระท่อมร้างไร้ ในไพรกว้าง
ในยามอุษาสาง
ที่หยาดละออละอองน้ำค้างเยียบเย็น
ยังพรายแต้มเรียวแก้มรวงข้าว
พราวไสวในทุ่งทองปองขวัญสวรรค์ไพรสวรรค์ใจ
ดงดอกหญ้ายังพัดไหวโบกพลิ้วเอนลิ่วล้อสายลมแรง
แฝงพายุกระหน่ำซ้ำซัดก็ยังระบัดไหวทานทน..
รออรุณเบิกฟ้า..หลังฝน สดแจ่ม
แต้มหวานด้วยเรียวรุ้งพาดคุ้งโค้งฟากฟ้าไกล
ไพลจดจำ..เช้าวันที่ได้เดินย่ำทราย
วิ่งไล่ล้อคลื่นกับรื้นน้ำใสในดวงตา
ในยามที่โลกหล้าและผู้คนยังพากันหลับลึกหลับไหล
ที่มีเพียงแค่ไพลลำพัง
เดินดายเดียวเดียวดายริมชายหาดกว้างร้างไร้ผู้คน
ในครองตาหมอง
ที่อยากร้องไห้สะอื้นไห้เงียบๆ
กับความเงียบงามของ
ทุกสรรพสิ่งกับทะเลนิ่ง น้ำจรดฟ้าไกล
กับเกาะสองเกาะตรงหน้า
ที่พากันเกี่ยวเกาะกันราวเพื่อนตาย
มิพลัดหลงพลัดหาย ราวเพื่อนภักดิ์ พลีรักพร้อม..
ที่ไพล..มิอาจบอกถึงความงามประทับใจให้ใครล่วงรู้
งามดวงใจได้ไปทั้งหมดทั้งสิ้น ในวันนี้มิมีเลย
นอกจากหวังหวานผ่านบทรักรจนา
พาคนงามใจรักงามไพรรักงามทะเลพอกัน
ไปปันใจไปเยือนแย้มแต้มใจฝันฝัน
ไปเดินเหว่ว้าคลอกันกับผืนทรายให้ซึ้งทราบ..สุขซ่าน
หวานหอมด้วยตัวตนด้วยตัวเอง..
.
และกับความจริงในวันนี้
ไม่น่าเชื่อเลยว่า
คืนฝันวันแสนสุขหนึ่งปีจะผันผ่านรวดเร็ว
ราวนกปีกหัก
อาลัยรักมาซุกซบให้โอบอุ้มทะนุถนอมใจ
และกำลังจะบินไกล ใฝ่สูง ฝันสูง
สู่ดวงดาวสู่พราวฟ้ากว้างทางช้างเผือก
เลือกดาวดวงงามสักดวงเคียงข้างประดับใจประทับใจ..
มิกลับมาสู่อ้อมใจอ้อมตักอ้อมภักดิ์อีกเลยแล้ว..
หนึ่งปีที่แสนสุขในร่มรัก
หนึ่งปีที่หวานงามนักในทรงจำ
หนึ่งปีในความฝันที่ไม่อยากตื่น
หนึ่งปีที่นำชื่นมาล้นทรวงให้ห่วงหาโหยหา
หนึ่งปีแห่งชีวิตชีวาที่เปี่ยมล้นด้วยหลากรสชาติชีวิต
ที่จักสถิตเป็นบทเรียนมหัศจรรย์รักเป็นภักดิ์พลีชั่วนิจนิรันดร
ให้ซึ้งสุข ซุกซ่อนเศร้าดายเดียวเหงาเปลี่ยวให้ไหวครวญ
ยามหวนหาคำนึง..มิคลายมิราโรย..
ไม่น่าเชื่อใช่ไหมว่า
โลกหล้านี้และชะตาชีวิตในบางครั้ง
อยู่เหนือการควบคุม
เหนือความคาดหมายว่าร่างร้าวใจไร้
จะได้รับรางวัลใดจากดวงตาสวรรค์
เป็นกำนัลใจจากพระผู้เป็นเจ้านะเบื้องบน
ที่จะทรงต่อเติม เจ็บยื่นหรือชื่นหวาน
ให้จิตวิญญาณทุกดวงที่ยังมิล่วงพ้นแรงกรรม..เก่า..กาล..
จะให้รานจะให้ร้องไห้จะให้ดายเดียว
จะให้สวยงามทุกยามที่หลับตาลง..
ก็คือประสงค์ของพระพรหมผู้ลิขิตโลกโชคชะตา
ไม่มีคำถาม!..ที่ต้องการหาคำตอบ..
ทำไม..ทำไม..และทำไม
หากทุกใจพอใจทุกนาทีของชีวีชีวิต..
ไม่ว่า
จะเป็นเสียงหัวเราะ ร้องไห้
เสียงบทสวดไห้หา พาหลุดพ้นวนวงกรรม
เพราะ
คือชะตากรรมชะตาชีวิต
ลิขิตฟ้า..และจากใจข้าเอง
หากมิเกรงอินทร์พรหมยมพญา
หากอยากทายท้า
ก็สุดแต่ใจใครจะลองทนลองทำลองทดสอบดู..
ให้รู้แน่กันไปข้างหนึ่ง..จะยอมแพ้ หรือจะชนะ..ชะตา..
ว่ากันไปตามเพรงกรรม..กระทำกันตามใจชอบ
โอ้..
วาสนา
ชะตากรรม
ไยนำมาให้ไพลมีวิมานดินวิมานไพรนะที่นี่
มิใช่ที่อื่นไกลและยัง
น้อมนำให้กายไพลมานอนฟังทุกเสียงเงียบงาม
ในทุกยามหัวใจเต้นในเตียงโบราณนี้
มิใช่เตียงใดมิใช่เคียงใครมิใช่ไหนอื่น..
รายล้อมด้วยด้วยดวงดอกหอมๆของแมกไม้
ต่อสายใจสายใยรักทายทัก
ให้ไพลได้ยินเสียงนกร้องระริกหวาน
ขานรับหยาดน้ำค้างจับเรียวใบไม้
ราวสายฝนพรำยามย่ำรุ่งระรินไหว
ให้เห็นงามจับใจในทุกรายละเอียดของสรรพสิ่ง
มิวิ่งวนว่องล่องชีวาพาตามไปกับกระแสโลกบ้าวัตถุ
ไพล..จึงดีใจไม่มีคำถาม
ในทุกทุกข์ งามตรมบ่มสุข
ในทุกข์ทนเศร้า...ในไม่มี..ในว่างดาย
ในร่มไม้ชายคาแห่งวิมานรักนี้
และ
แสนพอใจ ดีใจ กับทุกเศษเสี้ยวในอารมณ์
มิว่าจะขมขื่นระทมหรือตื้นตันสุขใจสุขใด
ในวิมานไพรวิมานดิน
กับทุกสรรพสิ่งธรรมชาติไพรธรรมดาใจ
ที่ไพลเพียรสร้างจากน้ำใจรัก..
และยอมรับทุกสิ่ง
ไม่ว่าใครจะทิ้งอะไรไว้ให้ระกำย้ำรอยใจ
หัวใจไพลก็ยังคงมีหวังหวาน
ราวดอกไม้บานพราวเสมอมา..นะกลางใจในกลางซึ้ง
ราวมีดวงแก้วเพียงหนึ่งเดียว
เกี่ยวกระจ่าง สว่างใส
แตกพราย
ก่อเกิดประกายราวเพชรพร่าง จรัสเจรือง
เรืองรอง ส่องนำทางใจ
ราวสายรุ้งสวยใสบนเรียวฟ้า
หลังคืนที่ฟ้าผ่านพายุฝนพรำ..ฉ่ำน้ำตานางฟ้า..นภาฝัน
และหมุนวันอรุณรุ่งอันแสนหวานแสนอบอุ่น
มาอุ่นอ้อมโอบเอื้อ..
เกื้อกมลปลอบกมลคนใจงาม..ในทุกยาม..ในทุกข์รัก..
*****************
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=1933
วิมานดิน นันทิดา แก้วบัวสาย : : Key Eb
ฝากรักเอาไว้ ฝากไปในแสงดวงดาว
ที่ส่องประกายวับวาว วาว อยู่บนฟากฟ้า
ให้แสงสุกใส ได้เป็นเสมือนดวงตา
คอยส่องมองเธอด้วยแวว ตา แห่งความภักดี
เก็บฟ้ามาสาน ถักทอด้วยรักละมุน
คอยห่มให้เธอได้อบ อุ่น ก่อนนอนคืนนี้
ให้เสียงใบไม้ ขับกล่อมเป็นเสียงดนตรี
คอยกล่อมให้เธอฝันดี ดี ให้เธอเคลิ้มไป
เป็น วิมานอยู่บนดิน
ให้เธอได้พักพิง พิง และนอนหลับไหล
เก็บ ดาว เก็บเดือนมาร้อยมาลัย
เก็บหยาดน้ำค้างกลางไพร
มาคล้องใจเราไว้รวมกัน
ก่อนฟ้าจะสาง ก่อนจันทร์จะร้างแรมไกล
ยังอยู่กับเธอข้างเคียง กาย อยู่ในความฝัน
ฝากเสียงกระซิบ ฝากไปในสายลมผ่าน
ข้ามขอบราตรีที่ยาว นาน ให้เธอฝันดี
เป็น วิมานอยู่บนดิน
ให้เธอได้พักพิง พิง และนอนหลับไหล
เก็บ ดาว เก็บเดือนมาร้อยมาลัย
เก็บหยาดน้ำค้างกลางไพร
มาคล้องใจเราไว้รวมกัน
ก่อนฟ้าจะสาง ก่อนจันทร์จะร้างแรมไกล
ยังอยู่กับเธอข้างเคียง กาย อยู่ในความฝัน
ฝากเสียงกระซิบ ฝากไปในสายลมผ่าน
ข้ามขอบราตรีที่ยาว นาน ให้เธอฝันดี
ให้เธอได้อบ อุ่น และนอนฝันดี
ให้เธอได้อบ อุ่นอยู่ใน วิมาน...