20 สิงหาคม 2547 17:23 น.
พุด
Url http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=389
(ไฟรัก)
********
เจ้าบินไกลอยู่หนไหนในฟากฟ้า
หลงรอท่าให้คืนกลับรับอ้อมขวัญ
เจ้านกเอ๋ยไยพรากเลยตามตะวัน
ให้หลงฝันหลงคอยหลงน้อยใจ..
ฝากลมหวานผ่านแผ่วพลิ้วทายทัก
ฝากลมรักกระซิบร่ำคำหวามไหว
อย่าชาเฉยเลยลาลับนะดวงใจ
รู้ว่าใครคนนี้ที่เฝ้ารอ..
ยังจดจำคำซึ้งซึ้งตรึงใจฝัน
คำรินร่ำให้เกียรติใจมิไหวพ้อ
คำเข้าใจในไมตรีที่รู้พอ
คำวอนขอรอได้ให้น้ำใจ..
นานกี่วันฝันกี่ค้างห่างนกน้อย
ดาวก็คล้อยเดือนก็คลาฟ้าสิ้นใส
ไยพรากลาทิ้งรังรักเคยพักใจ
ตราบอุทัยหมุนโลกหวานรอผ่านมา..
หรือเจ้ามีรังใจใครให้รัก
อบอุ่นนักจนลืมสิ้นถวิลหา
หากยังมีใจถึงใจยอดชีวา
บินกลับมา..นะนกพเนจรเลิกรอนแรม..อย่ารอนรานให้รักโรย!
*************
ฝันสล้างกลางฝนพรำ พุดพัดชา
ฝนตกพรำพรำ จนถึงย่ำรุ่ง..
ดวงตื่นนอนยามค่อนมืด..
ดวงดาวยังส่องแสงสุกใส
วาระแห่งทิวากาล
แลเห็นเพียงแสงเรื่อเรื่อ
ตามขอบฟ้าทิศตะวันออก
ได้ยินเสียงนก..รายรอบบ้านร้องระงมจอแจ
และบินพรูพราว..
เสียงไก่โต้ง ขันอยู่เป็นระยะ
จากบ้านชาวสวนละแวกข้างเคียง
ดวงค่อยๆแลลอดเห็นดาวประจำเมือง แขวนฟ้า
กิ่งจำปีริมชายคากวัดแกว่งส่ายใบ
เห็นหยาดฝนพรำ สั่นไหวใบจำปีไปตามแรงลม....กระโชกกระชั้น..
ดวงหลับตา ฟังเสียงดนตรีธรรมชาติงาม
ด้วยใจดวงเงียบ
เสียงพริ้งพราวของสายฝน
ต่อสายฝันให้พริ้งเพริศตามไปด้วยคิดถึงใครบางคน ยามนี้..
บทเพลงแห่งธรรมชาติ
ที่เป็นความยิ่งใหญ่หวามไหว
ในใจดวงละมุนต่างๆกันไป
ตามสถานที่.......
เคยฟังเสียงคลื่นราวดนตรีกระฉอกซัดสาด
หาดแผ่วๆ ยามอรุณรุ่งที่เกาะพะงัน
ที่เป็นเสียงดนตรี กล่อมฝัน
กล่อมจิตวิญญาณ มาตั้งแต่ยามเยาว์ ....
ธรรมชาตินี้ที่ซึมซับ ให้มีเช้าที่หอมงาม
ที่ตามติด ในทุกยามแห่งชีวิต
ให้รู้จัก เงี่ยหูฟัง
มิใช่นอนฝัน เป็นผีดิบคลุมโปง จนสายโด่งแบบคนเมือง
วาระแห่งอรุณ..ที่สะอาดสะอ้าน มีชีวิตชีวา
ที่คนบางคนไม่รู้ค่าปล่อยกาลเวลาให้ผ่านๆไป
ไม่ไยดี เอาเวลาแสนดีมาเป็น ผีตาโบ๋
นั่งสว่างคาตา หน้าจอคอม(ว่าใครกันนะนี่)
เอาเถอะนะ..คนเราต่างฝันต่างสุข นี่นา
ก็ตัวใครตัวคุณแล้วกันนะที่รัก..
เปิดประตูออกไปสัมผัส
ไอเย็นของละอองฝน และสายลมเย็น
แหงนมองฟ้ากว้าง
ฝากดวงดาวและจันทราที่ค้างฟ้า ให้โลมไล้ร่าง
คนดี.....พรมจูบจากใจ
แทนห่วงใย ส่งพลังใจหยิบผ้าห่มคลุมร่างให้
จูบแผ่วผ่านริมคางและแก้มสากๆ
ก่อนซุกตัวหลับไหลไปด้วยกันในอ้อมฝัน
ที่อยากให้เป็นจริงและแสนดี ที่ฝันฝากใจไปทุกค่ำคืน..
พร้อมเปิดเพลง แผ่วรับอรุณ..Hello
ของไลโอเนล ริชชี่ หวานแว่วแผ่วมาจากC.D
อยากฝากเพลงนี้แทนใจไปกระซิบบอก
ขอให้มี..มหัศจรรย์วันแสนดี ทุกคืนค่ำ
วันที่เรายังมีเรา..กันและกัน..ในความเข้าใจ
ในสายใยห่วงหาอาทร..มิรู้สิ้น
เพื่อปลุกปลอบใจ
ให้มีหวังว่า วันจะไม่ดายเดียว เหงาเงียบใจ..ในโลกกว้างใบนี้
ที่แสนวุ่นวาย นะดวงใจ....
ซุกใจ ซุกฝันสล้างกลางใจฉันนะ คนดี
ส่วนร่างนั้นคือหน้าที่แห่งชีวิต
ที่จักดำรงอยู่คู่กันไปกับโลกใบนี้ที่ยังหมุนวน..มิรู้สิ้น..........
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=389
ไฟรัก
ความ รัก เปรียบเหมือนดั่งไฟ
ถ้าแม้ว่าใคร เผลอเป็นไหม้ทุกที
ร้อน รน ทนเศร้าฤดี
โอ้ไฟรักนี้ เผาชีวีระทม
นี่ หรือ นี่หรือความรัก
พอฉันประจักษ์ หนักจนร้อนชีวี
รัก เอย ไม่เคยปราณี
ช้ำจนเหลือที่ แทบชีวีวาย
นี่ หรือ นี่หรือความรัก
พอฉันประจักษ์ แบกความรักเจียนตาย
ผลาญ ใจ แทบไหม้มลาย
รักเดียวมาหน่าย พ่ายเกมชีวี
ความ รัก เปรียบเหมือนดั่งไฟ
ถ้าแม้ว่าใคร เผลอเป็นไหม้ทุกที
ร้อน รน ทนเศร้าฤดี
โอ้ไฟรักนี้ เผาชีวีระทม
นี่ หรือ นี่หรือความรัก
พอฉันประจักษ์ หนักจนร้าวอารมณ์
รัก เอย ก่อนเคยชื่นชม
ช้ำใจเหลือข่ม แทบตรมใจตาย
ความ รัก เปรียบเหมือนดั่งไฟ
ถ้าแม้ว่าใคร เผลอเป็นไหม้ทุกที
ร้อน รน ทนเศร้าฤดี
โอ้ไฟรักนี้ เผาชีวีระทม
นี่ หรือ นี่หรือความรัก
พอฉันประจักษ์ หนักจนร้าวอารมณ์
รัก เอย ก่อนเคยชื่นชม
ช้ำใจเหลือข่ม แทบตรมใจตาย...
20 สิงหาคม 2547 00:26 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=3102
(มนต์รักลูกทุ่ง)
*************
ไพลรจนาเรื่องนี้..
ริมคันนา..ยามอุษาฟ้าสาง
น้ำค้างทรงหยดเจิมจับยอดข้าวราวระบำเรียวรุ้งแก้ว
แพรวพรรณรายพรายพร่างพรม
ห่มหอมงามท่ามท่วมท้นใจดวงดิบเดิม
เติมงามใจไพลเพลินชมวิวทิวทัศน์
อันอ่อนไหวอันอ่อนหวาน
บ้านภายใน..จิตวิญญาณดวงนี้
ที่พลีรักท้องทุ่งไกลกรุงกรง
ที่ไพลมิพะวงพากายผันลี้
ผ่านวันคืนหลายทิวาราตรีกาล
มาเติมฝันเติมหวาน
เติมพลังงามงด..
ธรรมชาติสดแสนพิสุทธิ์ใจ
อย่างฝันใฝ่อย่างวาดฝัน
อย่างวาดหวังที่ยากยิ่งจะอธิบาย
ความงามง่ายที่ปรากฎอยู่ในคลองตา
นอกเสียจากว่า
อัญมณีไพรจำต้อง..
ขอผนึกจิตวิญญาณรักดั่งดวงเดียวกัน
ในงานงามฝันงามไพรพง
ดงดอกหญ้าดวงดอกไม้ป่าท้องทุ่งนา
ป่าเขาเงาละหานสายธารธารา
มาฝากฝันกำนัลแด่ทุกดวงใจ
โดยรวมใจขอหยิบยืม
บทกวีแสนรักจากบุรุษแห่งสายธาร
จากบุรุษแห่งไพรวัลย์*ลำน้ำน่าน*
บุรุษอันระรินร่ำระรินรส
หยาดหยดงามเงียบเรียบง่าย
ใช้ภาษาดินเดิมเติม..ละมุนละม่อมหลอมละลายละลนใจ
ให้ไหวหวาม
ให้งามคล้ายได้ลงไปคลุกบรรยากาศจริงเสียยิ่งกว่าจริง
ในโลกติดดินถวิลไพรพง..ไกลกรุงกรง..
มิพะวงแสงสี..
มีแต่นาข้าวขจี
มีแต่วัวแขวนกระดิ่งกรุ๋งกริ๋งๆ
มีแต่ดาวพรายพร้อยนับพันดวง
สุกใสสว่างกระจ่างเจิดจรัสฟ้าแสนสวย
มีแต่อรุณหอมระรวยกลิ่นลอมฟาง
ยามพรายพระอาทิตย์สถิตทายทัก
น้ำค้างวะวาววับจับดวงดอกข้าวมาแตะแต้ม
ริมเรียวแก้มคลอ..พนอพะเน้า
พราวพริ้งมาประกอบคำพรรณานะคะ
***********
ยามเช้าของชาวนา ลำน้ำน่าน
หริ่งเรไรแผ่วเบาจวนเช้าแล้ว
เพลงไก่แก้วแซร่ศัพท์รับวันใหม่
เป็นเสียงหวานซ่านรินจากถิ่นไกล
ปลุกดวงใจมาตื่นรับกับเวลา
หยาดน้ำค้างหยดพราวราวริมรั้ว
แสงสลัวค่อยจางกลางอุษา
ดุเหว่าแว่วกล่อมคุ้งปลายทุ่งนา
เป็นภาษามนต์ไพรในความจน
หนาวยังหนาวน้ำค้างวางดอกร่วง
จับคอรวงต้นข้าวหนาวอีกหน
แม้นหนักหน่วงโน้มคอลงคลอตน
สอดซ้อนสานแซมปนบนใบภักดิ์
ริ้วใบขาวเกล็ดหมอกแต้มดอกนั่น
ราวสีสันสะท้อนใจให้รู้จัก
ความเรียบง่ายถักทอกลางกอรัก
โอบรวงหนักไหวชื่นทุกคืนคราว
ตื่นเถิดหนอตื่นเถิดยอดดวงใจ
มาก่อฟืนก่อไฟไล่ความหนาว
ตื่นจากฝันภวังค์ของค่ำยาว
มาหุ่งข้าวกลิ่นหอมพร้อมสู่นา
เสียงกระดึงวัวควายเริ่มส่ายแล้ว
คล้ายเสียงแก้วกรุ่งกริ่งกระดิ่งหนา
เป็นเสียงเก่าแก่คร่ำสั่นดังมา
เสียงวิญญาญ์ชาติญาณงานและคน
รินน้ำข้าวซาวเกลือเพื่อรองท้อง
เจียดใบตองรมไฟไล่เกร็ดฝน
ห่อก่องข้าวพริกปลาปิ้งมาปน
น้ำตาหล่นฟืนควันโรมรันตา
เจิมครรลองรุ่งเช้าเมื่อดาวเลื่อน
แบกไถเคลื่อนมุ่งไปในอุษา
หอมลอมฟางกองฟืนกลางผืนนา
ตรงฝั่งฟ้าตะวัน..ทอนั่นแล้ว
กระจาบจ้อยบินพรูสู่ดงดอน
ทิ้งคบคอนเดียวดายปลายตาลแถว
ดอกโสนร่วงรมพรมนาแนว
กลางทำนองเจื้อยแจ้วของอรุณ
นกกระยางบินลู่สู่หนองหน้า
บินข้ามป่าทุ่งโศกเมื่อโลกหมุน
ตะวันเช้าฉายรอพอเจือจุล
ธรรมชาติสมดุลเกื้อหนุนนั่น
ความสามัญปูทางกลางทุ่งทอง
เจิมครรลองให้เห็นเป็นทุ่งฝัน
เมื่อยามเช้าปลุกตื่นทุกคืนวัน
หวังสวรรค์ท้องทุ่งจรุงมิตร
เช้าชื้นแล้วดวงใจใครรู้เห็น
ความลำเค็ญโน้มหน่วงกลางดวงจิต
ผู้สืบสายเทือกท้าวข้าวชีวิต
เป็นดอกเหงื่อผลผลิต...เนรมิตเมือง..
และอีกบท
เส้นทางสู่ชนบท ลำน้ำน่าน
เมื่อลมล่องข้าวเบาเงาเมฆเคลื่อน
ท่ามกลางเดือนฝนฟ้าจะลาล่อง
ริ้วรวงข้าวแตกดอกออกรวงรอง
มีเพียงฉันเที่ยวท่องล่องเรื่อยมา
จากถนนเมืองเก่าเงาโอฬาร
มีเพียงบ้านทอดนิ่งชินหนักหนา
ข้างนอกรุ่งในบ้านร้างทางน้ำตา
มองขอบฟ้าแคบนิดขังปิดไว้
เงาตะวันเคลื่อนคล้อนสะท้อนดวง
เมื่อฝนร่วงหล่นนานวิญญาณไหว
บ้านหลังเก่าทอดเผยเปรยรำไร
ติดปีกฝันวิญญาณไพรให้กระเซ็น
สู่เส้นทางรายล้อมด้วยกองฟาง
ถูกปล่อยร้างสีหม่นจนเลือนเห็น
เถาย่านางยอดสล้างกลางลำเค็ญ
ไม่เคยเว้นแตกช่อกอชีวิต
คือเส้นทางสายนั่นฉันเคยผ่าน
ทุกวันวานภาพเก่าเงาตามติด
ถือปิ่นโตตามแม่สูงแค่นิด
ดอกข้าวติดแตะแก้มแย้มทายทัก
ฉันเปียกโชกแล้วแม่แท้ไม่ทัน
แม่ยิ้มหันหัวเราะเพราะข้าวหนัก
หยุดเดินทางให้ฉันนั้นผ่อนพัก
หยิบปิ่นโตแห่งรักไปถือแทน
แม่บอกฉันนั่นคือลูกชาวนา
เกิดใต้ฟ้านาดินถิ่นหวงแหงน
ในความจนรากเหง้าเราขาดแคลน
แต่ดวงใจฉาบแน่นแผ่นทองทัน
รายริมทางพร่างพราวด้วยข้าวรวง
ฝนจากสรวงปราดหนึ่งตรงบึงนั่น
แม่บอกกล่าวฝนฤดูผู้กำนัล
โปรยฝนฝันไล่ล่องท้องข้าวเบา
หยาดน้ำค้างแต้มดอกหมอกตรงโน้น
เสียงตะโพนแว่วฟังดังหงอยเหงา
พระสงฆ์เดินฝ่าน้ำค้างย่างแผ่วเบา
ทุกยามเช้าบิณบาตรตามยาตรา
แม่และฉันสวนทางกลางครรลอง
พระท่านมองเงียบนิ่งยิ่งค้นหา
แม่บรรจงตักข้าวเคล้าแกงปลา
อธิษฐานต่อหน้าพระพุทธพงศ์
ให้ลูกชายชาวนาทายาทหนึ่ง
ได้พบซึ้งรสธรรมนำสู่หงษ์
ถางเส้นทางร้างไร้ในกลางดง
สืบเกวียนกงบรรทุกข้าวชาวนาไป
ไปหว่านหวังกลางทางทุกย่างก้าว
ให้ข้าวขาวแตกดอกงอกไสว
ในสามัญสำนึกตรึกตรองใจ
สืบสกลคงไว้ความสามัญ
แม่วางข้าวช้าลงตรงบาตรพระ
ทุกผัสสะเงียบนิ่งคล้ายปริ่มฝัน
เรื่อลำแสงสะท้อนงามตามตะวัน
เส้นทางฝันสายรวงข้าว...ฉันเข้าใจ
------------------------
ไพล
เลือกที่จะเดินทางโดยรถไฟสายกรุงเทพ-บัตเตอร์เวิร์ธ
หนีห่างไกลกรุงมาหลายร้อยไมล์
มาสัมผัสแดนดินในฝัน
อันบรรเจิดใจพิไลพิลาส
มาฝากชีวีกวาดลานวัดหน้าโบสถ์คร่ำ
มาวางดวงดอกไม้ไทย
ดวงดอกปีบกลีบดอกไม้มากละไมหอมละมุน
ถวายหน้าพระพักตร์พระพุทธผู้บริสุทธิคุณ
มาศึกษาพรรณไม้มากกว่าพันพฤกษาที่มากค่าอนุรักษ์
ภายในวัดที่จะน้อมนำมารจนาพรรณาทีหลังนะคะ
มาแหงนเงยเชยชมต้นจันทร์งาม
ลูกเหลืองพรายพร่างดั่งช่อทองคำ
มายืนร้องไห้ร่ำไรเดียวดาย
บนระเบียงโบสถ์เก่าบนเนินผา
เมื่อสายตาพาพานพบดงตาลเบื้องล่าง
ให้พลันพร่างดวงใจไหวงาม
ระลึกนึกย้อนรอยอดีตอันงามเรืองรุ่ง
มาเรียงร้อยร่ำรสบทกวี
ตอบถ้อยท่านพระครูเจ้าอาวาสวัด
หลังฟังธรรมยามเช้าหลังสนทนาธรรม
ด้วย*งามดวงใจใครจะรู้นี้*ที่ช่างแสนโชคดี
ที่ได้มาตักบาตรริมถนนสายรวงข้าวสายงาม
ริมทางชนบทแสนไกล
ยาม
พระบวชใหม่สองรูปเดินบิณฑบาตรด้วยกัน
และ
เบื้องหลังงาม..ราวภาพฝันนั้น
ได้สอนธรรมะอันยิ่งใหญ่
เมื่อมีสุนัขพันธุ์ไทยท้องโตแสนกตัญญู
ที่..
พระท่านเล่าว่า..ไล่เท่าไรก็ไม่ยอม
พร้อมที่จะไปแอบรอที่หน้าประตูวัด
รอ
ที่จะเคียงข้างตามรอยพระออกไปบิณฑบาตรทุกเช้า
ราวรู้หน้าที่
ราวมีความสำนึกลึกล้ำ
ในพระธรรมอันมากเมตตานามว่ากตเวทิคุณ
แม้นเสี่ยงกับการการที่รถจะเฉี่ยวชนทับ
กับเส้นทางอันแสนลำบากขรุขระแสนไกล
ไปตามท้องทุ่งนาบ้านชาวบ้าน
บทบันดาลใจ..
จึงบังเกิดนะกลางใจ
ให้ไพลรจนาบทกวี
ที่แสนจะซึ้งซาบดวงใจ
ในยามที่ใจได้สัมผัสภาพนั้น
จนต้องนำมาอ่านตอบท่านเจ้าอาวาสในศาลาวัด
ท่ามกลางชาวบ้านดวงใจอิ่มงาม
หน้าตาใสซื่อถือมั่นในหลักธรรมคำสอนใจ
ที่ยังยึดมั่นในขนบธรรมเนียมประเพณีไทย
ที่จะทะนุบำรุงศาสนา
ยังพากันมาวัด..
พร้อมด้วยอาหารคาวหวานในปิ่นโตงาม..
ท่านพระครูถามไพลว่า
*มาที่นี่ได้เห็นอะไรบ้าง*
และ
ไพล
ก็เรียนขออนุญาติตอบท่าน
ด้วยบทกวีนี้ค่ะที่แต่งสดไม่กี่นาทีก่อนหน้านั้นค่ะ
ทุกดวงใจในร่มรักเรือนไทยเรือนทอง
ที่ไพล
อดจะรีบนำมาร้อยเรียงฝากทายทัก
ในค่ำคืนนี้ไม่ได้
ทั้งๆที่
ยังเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง
อันระหกระเหิรราวนกปีกหัก
เพิ่งบินกลับมาจากรวงรังแสนรัก
ที่อยากฝังฝากใจไปตราบชั่วกาลนานนิรันดร์ค่ะ
ในผืนดินฝันอันไกลลิบทิวทิพย์ทุ่งรวงทอง
ปองขวัญสวรรค์ลอยเลื่อนขอบฟ้าขลิบทอง
และกับ
ละออละอองนวลหมอกคลี่คลุมห่มหอมท้องทุ่งรวงทอง
กับงามตะวันส่องเศร้า
ยามเข้าไต้เข้าไฟพลบโพล้เพล้
เหว่ว้าพาเปลี่ยวเหงา
ยามเงยแหงนเห็นมวลหมู่นกไพรผกโผผิน
บินกลับรังในยามเย็นย่ำสนธยาหวาน
ผ่านยอดตาล..เดียวดาย..ราวไร้สิ้นหวัง
และ
ในนาทีนั้น
กับค่ำคืนนี้
กับจันทร์เสี้ยวเกี่ยวกิ่งฟ้า
ไพลพร้อมพลีมาขอฝาก
ดอกพุดพิสุทธิ์หอมงาม
พร้อม
ดวงดอกเข็มขาว
ที่ยังบานพร่างบานพราวอยู่ตรงหน้า
ด้วยค่าคำกระซิบรักและคำว่าคิดถึงล้นใจแล้วค่ะ
และ
ไพล..ยังมีภาคสมบรูณ์
ในเส้นทางสายใต้
เส้นทางสายแสวงหา
เส้นทางสายฝนสายฝันนิรันดร์รัก
ที่ไพล
ตั้งใจจะใช้เดินทางกลับบ้าน*หลังที่สอง*
สิงคโปร์
แต่..ต้องตัดสินใจกลับ
เมื่อรถไฟที่จะเข้ามาเลย์ลงใต้นั้น
หันไปเห็นทหารคุมขบวนด้วยอาวุธค่ะ
สถานการณ์ยังอึมครึมอยู่ค่ะ
และทุกลีลาการค้นพบไพลได้บันทึกรักรจนา
นับจากวันแรกที่พรากลาไกลกรุงกรงค่ะ
อย่าลืมหลงพลาดตามติด
อ่านต่อนะคะ
*******
แสงแดดอ่อนในยามเช้าทอทอดจับ
จีวรวับเหลืองทองผ่องอุษา
ท่ามทุ่งข้าวเขียวไพลไกลสุดตา
ซึ้งศรัทธาปิติธรรมนำทางใจ..
สุนัขขาวท้องลูกอ่อนซ่อนคำสอน
ตามจีวรกตัญญูพระบวชใหม่
สอนธรรมะกตเวทิตาซาบซึ้งใจ
น้ำตาไหลเช้าวันนี้ปิติธรรม..
ในโบสถ์คร่ำพักตร์พระพุทธพิสุทธิ์กระจ่าง
สอนทางว่างสงบใจเลิศใสล้ำ
ให้พระธรรมนำทางห่างทุกข์ทุกเช้าค่ำ
หวังรินร่ำรสความดีที่เหนือคน..
วางและว่างวางแล้วว่างกลางใจใส
เหนือดวงใจเทิดพระพุทธิ์หยุดสับสน
ฝึกดวงจิตสว่างสะอาดสงบสยบโลกที่วกวน
กราบแทบเท้าสงฆ์นำทางใจใฝ่สร้างบุญ..
ถวายข้าวตามรอยนางสุชาดามธุปายาส
จิตสะอาดอิ่มงามตามเกื้อหนุน
รู้เมตตาเสียสละสร้างสมบุญ
ใจหอมกรุ่นราวมะลิขาวยามเช้านี้ปิติงามยามพบธรรม!
*******
11 สิงหาคม 2547 17:50 น.
พุด
url http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=359
(ไกลบ้าน)
*********
คืนเดือนเสี้ยวเคียวทองส่องโศกฟ้า
พุดพัดชาลาพรากไกลใจโศกศัลย์
ฝากร่มรักเรือนทองใต้เงาจันทร์
ฝากใจขวัญไว้ที่นี่..นะที่รัก!
ฝากคิดถึงซึ้งเศร้ากับหนาวฝน
ฝากกมลดายเดียวเปล่าเปลี่ยวนัก
ฝากน้ำผึ้งฝันจันทร์ดวงหวานผ่านทายทัก
ฝากลมรักโอบอกอุ่นละมุนละไม..
ฝากน้ำใจใสพร่างน้ำค้างแก้ว
วะวับแวววะวับวาวพราวพร่างใส
ให้รินหวานพร่างพรมห่มหอมใจ
ให้สดใสราวดวงดอกไม้ใกล้แย้มบาน
ดวงดอกพุดพิสุทธิ์ใจกลีบไหวอ่อน
เพียงมาอ้อนฝากใจละไมหวาน
เคียงคู่ขวัญวันยาวไกลไปแสนนาน
เหมือนจันทร์หวานหยาดน้ำผึ้งซึ้งสุขใจ
ถ้าหัวใจเราตรงกันฝันคิดถึง
เติมรักซึ้งข้ามขอบฟ้ามาชิดใกล้
นับวันรอคืนหลังฝังใจกาย
สวาทหมายได้กระซิบพร่ำย้ำสัญญา
ถึงเสียใจเสียขวัญในวันนี้
ดวงชีวียังกระจ่างพร่างห่วงหา
ยังตราตรึงซึ้งสิ่งดีปีผ่านมา
ลบเหว่ว้าน้ำคำทำร้ายใจ..สะเทือนใจ..
หวังทบทวนความดีมากมีค่า
แก้วล้ำค่าน้ำใจพิสุทธิ์ใส
ถึงตอกย้ำคำไม่รักสักเสี้ยวใจ
ไม่เป็นไรใครคนนี้ไม่มีตน..
ลาดวงใจไปนานใจรานโศก
วิปโยคไกลบ้านรานสับสน
ปีศาจวสันต์กระหน่ำซัดแหลกกมล
สิ้นสายฝนสิ้นสายฝันสวรรค์ลานะวันนี้!
*******
คืนเดือนเสี้ยวเคียวทอง
จำล่องลาแรมร่มรักเรือนทองเรือนไทย
ดวงมาฝากขวัญฝากฝันฝากใจ
ลาทุกดวงใจในร่มรักเรือนทอง
ล่องแรมไกลไปไกลกรุงกรงนานหลายวัน
จำพรายพรากขวัญพรากเรือนรจนาบุหงาลดาวัลย์
อันอ่อนหวานอบอุ่นโอบเอื้อ หลายทิวาราตรีกาล..
จนกว่า..จะได้พบกันอีก..
หากยังมีชีวิตชีวาคืนกลับมา..
กระซิบค่าคำงาม*ดั่งแก้วสารพัดนึก*
อันลึกซึ้งลึกล้ำ
นะกลางจิตกลางใจกลางดวงวิญญาณรักงานงามกวี
ที่เกินกล่าว..ร่ายมาเป็นอักษราภาษาฝัน
เป็นมนต์อันดลรักเสน่หาตราบชั่วฟ้าดินสลาย..
*******
http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=359
ไกลบ้าน
วิปโยคโศกใจ เหมือนเมื่อไกลบ้าน
ไกลสถานพักพิง ยิ่งใจเหงา
ห่างไกลหัวใจจำเศร้า เจ้าอยู่ดีเป็นไฉน
พลัดที่พึ่งที่พิง ทิ้งที่พำนัก
ไกลที่รักพักพา จะอาศัย
เจ้ามีเพื่อนชมคนใหม่ แล้วทิ้งพี่ให้ชอกช้ำชีวี
อันรักกันอยู่ไกล ถึงสุดขอบฟ้า
เหมือนชายคา เข้ามาเบียด ดูเสียดสี
อันชังกัน นั้นใกล้สักองคุลี
ก็เหมือนมีแนวป่า มาปิดบัง
เพราะไกลบ้านซ่านมา โถนิจจาเจ้า
จะเงียบเหงาแล้วลืม ซึ่งความหลัง
ฝากเพียงเสียงกระซิบสั่ง
ขอน้องอย่าชัง คนร้างแรมไกล
อันรักกันอยู่ไกล ถึงสุดขอบฟ้า
เหมือนชายคา เข้ามาเบียด ดูเสียดสี
อันชังกัน นั้นใกล้สักองคุลี
ก็เหมือนมีแนวป่า มาปิดบัง
เพราะไกลบ้านซ่านมา โถนิจจาเจ้า
จะเงียบเหงาแล้วลืม ซึ่งความหลัง
ฝากเพียงเสียงกระซิบสั่ง
ขอน้องอย่าชัง คนร้างแรมไกล...
11 สิงหาคม 2547 11:55 น.
พุด
url=http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=6196
(รัก)
วิมานฝนวิมานฝัน
แด่ดวงใจด้วยดวงใจในวันคล้ายวันเกิดชัยชนะค่ะ
************
นาทีนี้
นะวิมานไพรวิมานฝัน
ฝนกำลังพร่างสายพรายพลิ้วแลละลิ่วราวริ้วรวงหมอก
พรายซัดสาดกระทบหลังคาใบไม้กระจายราวเสียงดนตรีแก้ว
ราวเพชรแพรวพริ้ง
กลิ้งวะวับวาวบนเรียวเขียวใสเขียวไพลเขียวพร่าง
ให้กลายว่างกลับเป็นหยาดละออทิพยน้ำค้าง
ดั่งอัญมณีพร่างไพรภิรมย์พรมเรณูหอม
ละออละอองเกสรดอกไม้ป่าดอกไม้ไพร
ให้ใจรื่นชื่นเย็นเป็นอนันตกาล...
ทุกสรรพสิ่งรอนิ่งดู*วิมานน้ำค้าง*พร่างระริน
ทั่วทุกถิ่นไทยท้องทุ่งนาป่าเขาเงาละหาน
สายธาราธารใสหวานรอรับระรินงาม
ของดวงดอกไม้เพชรแตกกระจายกลายช่อละออแพร้ว
ไปทั่วผืนน้ำจบแผ่นฟ้ามหาสมุทร
ทุกธรณีทอง
ที่นะบัดนี้
เย็นฉ่ำด้วยพลังแห่งธรรมชาติ
อันยิ่งใหญ่ยาวนานมาหลายพันปี
และ
ที่มนุษย์นับพันล้านนี้ได้มาอาศัยกายก่อเกิด
ให้สร้างทั้งสิ่งแสนประเสริฐสุดให้โลกพบวิมุติหลุดพ้น
ดั่งพระบรมศาสดา
ผู้ล่วงลับดับขัณฑ์ได้ฝากพระธรรม..ธรรมะ..
ธรรมชาติธรรมดาๆ
รอให้มากมีมากมายผู้คนผู้ตระหนักรู้ค่าได้แสวงหาเพียรค้น
*ค่าคำมนุษย์*ให้หยุดทุกข์ตรม...
ในวันอันพิสุทธิใสนี้..
*คล้ายวันเกิด..ชัยชนะคนดีมีน้ำใจดั่งหยาดน้ำค้าง*
ไพล..ขออวยพรด้วยใจ
ด้วยคุณงามความดีเท่าที่มี..เท่าที่เพียรมา
ขอภาวนาตั้งพลังจิตอธิษฐาน..ให้ชัยชนะ..นะคะ
กราบขอพรวิงวอน
ให้พระพุทธคุณ
ที่แผ่ไพศาลทั่วหล้าฟ้าดิน
ให้ปกป้องผองภัย
ให้รักษาหัวใจดวงงาม
ให้ประคองดวงแก้วดวงธรรม
ส่องนำทางใจไปตราบชั่วนิจนิรันดรค่ะ
และไพล
ขอ..อนุญาติคัดบทกลอนแก้วจาก
กวีนิพนธ์แวววะวับฟ้า*ปณิธานกวี*ของ..ท่านอังคาร กัลยาณพงศ์
บรมกวีแก้วแห่งรัตนโกสินทร์อีกท่านค่ะ
ที่ได้รับรางวัลสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน(ซีไรต์)ประจำปีพ.ศ2529
มาวางกำนัลแทนของขวัญแทนช่อดอกไม้ไทยละไมหอม..
แทนคำว่าความสุขใจไปชั่วกาลค่ะ...
ด้วยน้ำตาแห่งความปิติใจกับบทกวีนี้
ที่แสนยิ่งใหญ่และแสนซาบซึ้ง
ลึกล้ำไปถึงจิตวิญญาณดวงนี้ของไพลค่ะ
ปณิธาณกวี...รจนาโดยท่านอังคาร กัลยาณพงศ์
ใครจะอาจซื้อขายฟ้ามหาสมุทร
แสนวิสุทธิ์โลกนี้ที่พระสร้าง
สุดท้ายกายวิภาคจะจากวาง
ไว้ระหว่างหล้าและฟ้าต่อกัน..
เรามิใช่เจ้าของอวกาศ
โลกธาตุทั่วสิ้นทุกสรวงสวรรค์
มนุษย์มิเคยนิรมิตตะวันจันทร์
แม้แต่เม็ดทรายนั้นสักธุลี..
แย่งแผ่นดินอำมหิตคิดแต่ฆ่า
เพราะกิเลสบ้าหฤโหดสิงซากผี
ลืมป่าช้าคุณธรรมความดี
เสียศรีสวัสดิ์ค่าวิญญาณ..
สภาวะสรรพสิ่งทุกส่วนโลกนี้
ควรสำนึกค่าทิพย์วิเศษวิศาล
อนุรักษ์ดินน้ำฟ้าตลอดกาล
เพื่อเหนือทิพยสถานวิมานแก้วไกวัล..
ทุ่งนาป่าชัฎช้าอรัญญิกาลัย
เทือกผาใหญ่เสียดดาวดึงส์สวรรค์
เนื้อเบื้อเสือช้างลิงค่างนั้น
มดแมลงนานาพันธุ์ทั้งจักรวาล..
เสมอเสมือนเพื่อนสนิทมิตรสหาย
เกิดร่วมสายเชี่ยววัฏฏะสังสาร
ชีพหาค่าบ่มิได้นับกาลนาน
หวานเสน่ห์ฟ้าหล้าดาราลัย..
ถึงใครเหาะเหินวิมุติสุดฝั่งฟ้า
เดือนดาริกาเป็นมรคายิ่งใหญ่
แต่เราขอรักโลกนี้เสมอไป
มอบใจแด่ปฐพีทุกชีวีวาย..
จะไม่ไปแม้แต่พระนิรพาน
จะวนว่ายวัฏฏะสังสารหลากหลาย
แปลค่าแท้ดาราจักรมากมาย
ไว้เป็นบทกวีจักรวาล
เพื่อลบทุกข์โศก ณ โลกมนุษย์
ที่สุดสู่ยุคเกษมศานติ์
วารนั้นฉันจะปนดินดาน
เป็นฟอสซิสทรมานอยู่จ้องมอง
สิ้นเสน่ห์วรรณศิลป์ชีวิตเสนอ
ละเมอหาค่าทิพย์ไหนสนอง
อเนจอนาถชีวีทุกธุลีละออง
สยดสยองแก่ถ่านเถ้าเศร้าโศกนัก
แล้งโลกกวีที่หล้าวูบฟ้าไหว
จะไปรจนารุ้งมณีเกียรติศักดิ์
อำลาอาลัยมนุษยชาติน่ารัก
จักมุ่งนฤมิตจิตรจักรวาล
ให้ซึ้งซาบกาพย์กลอนโคลงฉันท์
ไปทุกชั้นอินทรพรหมพิมานสถาน
สร้างสรรค์กุศลศิลป์ไว้อนันตกาล
นานช้าอมตะอกาลิโก...
*******
และขออัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์
http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=6196
*รัก*
รักทะเล
อันกว้าง ใหญ่ไพศาล
รักท้องฟ้า โอฬาร สีสดใส
รักท้องทุ่ง ท้องนา ดั่งดวงใจ
รักป่าเขา ลำเนาไพร แสนสุนทร
รักพฤกษา รุกขชาติ ที่ดาษป่า
รักปักษา ร้องกู่ บนสิงขร
รักอุทัย สว่าง กลางอัมพร
รักทั้ง รัตติกร ในนภดล
รักดารา ส่องแสง สุกสว่าง
รักน้ำค้าง อย่างมณี มีโภคผล
รักทั้งหมด ทั้งสิ้น ที่ได้ยล
รักนวลนาง รักจน หมดสิ้นใจ
รักพฤกษา
รุกขชาติ ที่ดาษป่า
รักปักษา ร้องกู่ บนสิงขร
รักอุทัย สว่าง กลางอัมพร
รักทั้ง รัตติกร ในนภดล
รักดารา ส่องแสง สุกสว่าง
รักน้ำค้าง อย่างมณี มีโภคผล
รักทั้งหมด ทั้งสิ้น ที่ได้ยล
รักนวลนาง รักจน หมดสิ้นใจ...
7 สิงหาคม 2547 19:04 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2865
(หัตถาครองพิภพ)
url=http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=16
(ค่าน้ำนม)
********
กอบพิกุลกลางลานหญ้ามาห่อหอม
ร้อยพะยอมแทนสร้อยใจมาลัยขวัญ
กราบแทบเท้าแม่คนดีรักนิรันดร์
เทพีขวัญเทพีไพรใจงามดวง..
จูบนิ้วกร้านผ่านงานนามานานนัก
ประคองรักไล้ลูบหน้าซึ้งห่วงหวง
ซุกซบตักอุ่นไอรักมากล้นทรวง
น้ำตาร่วงทิ้งแม่รอขอโทษใจ..
ทุกนาทีที่ไกลบ้านหว่านดอกเหงื่อ
ศรัทธาเชื่อตามรอยแม่มิหวั่นไหว
ภาพแม่พ่อหลังงอนา ติดในใจ
สะเทือนใจเหมือนฝนพรำคอยย้ำเตือน..
ทุกคราคราวเคี้ยวข้าวละมุนลิ้น
สายถวิลสายเลือดรักหนักเสมือน
แบกคันไถตามพ่อไปอรุณเลือน
วันปีเคลื่อนเดือนคล้อยรอยไถจำ
โลกเปลี่ยนไปรอยไถแปรมิแพ้หนี
ฝากชีวีพลีทุ่งชนอิ่มหนำ
กี่ฝนหนาวกี่หนักร้าวเศร้าระกำ
ไร้ฝนพรำน้ำตาพรมทนทำมา...
เทพีไพรเคียงข้างมิห่างพ่อ
มือละออหมุนโลกโศกเหว่ว้า
หัตถาเอ๋ยครองพิภพจบโลกา
คือหัตถาแม่นี้ที่ประคอง...
หลั่งน้ำนมธารน้ำรักสู่ลูกน้อย
ปากบางจ้อยร่อนหารวมใจสอง
น้ำนมรักจากสายใจกอดประคอง
ตาจ้องมองรับรอยยิ้มอิ่มอุ่นนัก..
ธารน้ำรักยิ่งใหญ่ไหลรินหลั่ง
ล้นถะถั่งสู่ร่างพร่างพรมรัก
เท่าฝาหอยเท้าเติบใหญ่ใจพร้อมภักดิ์
จากอ้อมตักพรากอ้อมใจต่อใยบุญ
นะวันนี้ลูกคนดีตามรอยแม่
มิยอมแพ้พ่ายโศกตราบโลกหมุน
อุทิศร่างพลีวิญญาณงามละมุน
โลกหอมกรุ่นหมุนศรัทธามั่นฝันคืนชน..
ลูกคืนหลังซุกร่างใจในตักแม่
เทพีแท้เทพีไพรในทุกหน
หนึ่งในทรวงเทิดเหนือเกล้ากลางกมล
น้ำตาท้นลูกผู้ชายชาติไพรในวันนี้...สดุดีรัก..
********
ด้วยรักนี้ที่แม่ให้..... พุดพัดชา
เราเกิดมา.........มีชีวิตเพื่อกันและกัน
สายเลือดอันอบอุ่น...........สายน้ำนมอันยิ่งใหญ่
เป็นสายใจ ถักทอด้วยใยรัก และผูกพัน
รวมเป็น....เส้นทางใจ....ไหลรวม .....เป็นเส้นทางชีวิต
ที่จิตวิญญาณมิอาจจะพรากจากกันได้
แม่ เปรียบเสมือนลมหายใจของธรรมชาติ
ที่ก่อให้เกิดชีวิตอันยิ่งใหญ่....ของมวลมนุษยชาติ
สำหรับฉัน เรียนรู้ ที่จะรักโลก .....และ....ทุกสรรพสิ่ง
ฟ้ากว้าง...ภูเขา...ท้องทะเล...แมกไม้......สายน้ำ...
ด้วยใจดวงพิเศษพิสุทธิ์.......
ที่แม่หล่อหลอมให้ฉันมี.....ให้ฉันเป็น...
และให้ฉันเห็นทุกสิ่งจาก.......
ตาภายใน.คู่พิเศษนี้ ที่ไม่จำเป็นต้องงามงด
แต่หมดจดด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณของการเป็นผู้ให้
เพื่อเก็บรายละเอียดของความงามบริสุทธิ์
ที่รายล้อมรอบตัวเรา.......
ด้วยมิติที่ล้ำลึก.......
เห็นชีวิต จิตวิญญาณยากไร้ของผู้คน โดยการเพาะบ่ม
รู้เพียรเสียสละมอบความรักให้ ......
ให้ความเข้าใจ..ให้อภัย ให้เมตตา และแน่นอน
ให้กำลังใจมากมายพลีมอบแด่ผองชนผู้สิ้นหวัง.....
โลกของชีวิตฉันจึงเงียบ สงบงาม กว้างใหญ่
มากล้นด้วยน้ำใจ ที่พร้อมจะเป็น....ผู้ให้..........
ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของชีวิต
ในโลกอันสับสนวุ่นวายของการแสวงหาใบนี้.........
แม่ของฉันคือธารน้ำใสไหลเย็น ที่ชุ่มฉ่ำ
พร้อมจะรินรดหยดลงบนใจทุกดวงที่ได้ชิดใกล้......
ถ้าฉันจะเปรียบแม่เป็น ...ดอกไม้งาม......
แม่ของฉันคือ....
ดอกไม้ไทย ที่มีกลิ่นหอมละมุน
ดอกสวยสะอาดตา ดูบอบบาง
แต่ทว่าอ่อนหวาน และอ่อนโยน..........
ในขณะเดียวกัน
เธอเปรียบประดุจ....พุทธะ..ประจำใจของฉัน
เธอคือผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
ที่บานไสวอยู่ในใจของฉัน
เพื่อนำทางชีวิตให้สว่างไสว ตลอดมา ...
และ....ตลอดไป
ฉันขอสดุดี
ผู้หญิงที่เป็นแม่ทุกคนในโลกนี้
ที่ได้สอนให้ลูกได้เรียนรู้
จากการกระทำที่เสียสละ
ดูแลลูกด้วยความอดทน
ด้วยความรัก
ด้วยความเข้าใจ
ด้วยดวงใจที่ไม่เคยหวังสิ่งใดใดตอบแทน.......
เพียงเพื่อ
ขอให้ลูกทุกคนได้เติบโตอย่างแข็งแรง
ทั้งร่างกายและจิตใจที่มีคุณค่า.......
เพื่อยังประโยชน์ให้แก่ ครอบครัว
แก่สังคม
และเพื่อจรรโลงโลกใบนี้
ให้มีแต่ความดีงาม
ความสงบสุข ตราบนานเท่านาน......
*********
ร้อยมาลัย ด้วยดวงดอกความดี มีคุณค่า
แทนคำว่า กตัญญู ในใจขวัญ
โลกหมุนเวียน เปลี่ยนเดือน ปี ชั่วกัปป์กัลป์
รักนิรันดร์ฝันยิ่งใหญ่ใจแม่งาม..
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2865
คือหัตถาครองพิภพ
ศรัญย่า ส่งเสริมสวัสดิ์ : : Key G
สองมือที่ดูนิ่มนวลอ่อนโยน
สองมือที่ดูช่างบอบบางอย่างนั้น
สองมือที่ดูไม่มีความสำคัญ
คือสองมือที่ทำ ให้โลกหมุนไป
แม้เพียงร่างกายนั้นเกิดเป็นหญิง
แท้จริงหัวใจนั้นแกร่งยิ่งกว่าชาย
ขอเพียงให้เป็นได้ดังที่ตั้งใจ
จะทุกข์ทนเดียวดายไม่มีความสำคัญ
บันดาลโลกหมุนเวียนวนไปตามจิตใจ
นำพาให้เป็นไปตามต้องการ
ทุกสิ่งเปลี่ยนแปร
ไปด้วยมือเธอเสกสรร
ดังถ้อยคำประพันธ์
เปรียบเปรยพรรณนา
ถึงชายได้กวัดแกว่งแผลงจากอาสน์
ซึ่งอำนาจกำแหงแรงยิ่งกว่า
อันมือไกวเปลไซร้ แต่ไรมา
คือหัตถาครองพิภพจบสากล
บันดาล
โลกหมุนเวียนวนไปตามจิตใจ
นำพาให้เป็นไปตามต้องการ
ทุกสิ่งเปลี่ยนแปร
ไปด้วยมือเธอเสกสรร
ดังถ้อยคำประพันธ์
เปรียบเปรยพรรณนา
ถึงชายได้กวัดแกว่งแผลงจากอาสน์
ซึ่งอำนาจกำแหงแรงยิ่งกว่า
อันมือไกวเปลไซร้ แต่ไรมา
คือหัตถาครองพิภพจบสากล...
*********