27 กรกฎาคม 2549 19:09 น.
พี่หมวย&น้องเบลล์
ตอนนั้น ป. ๓ มันขี้แกล้งมากแต่แม็กจะชอบแกล้งแต่ฉันเสมอ แกล้งจนฉันไม่อยากมาโรงเรียนเลยแหละ มีอยู่ครั้งหนึ่ง ฉันได้มีโอกาสไปไหว้พระที่จังหวัด สิงห์บุรี ฉันก็ได้แต่ของพรพระว่า วันจันทร์นี้ขอให้แม็กไม่แกล้งเราอีกเลย แต่ก็ไม่สำเร็จนะ จนมีอยู่ครั้งหนึ่งตอนนั้นเรียนภาษาไทยอยู่ ฉันจำได้ดี ว่าฉันโดนแม็กแกล้งจนร้องไห้เลย ฉันก็เลยบอกกับแม็กไปว่า ทำไม่ต้องมาแกล้งเราด้วย ขอร้องอย่ามายุ่งกับข้าอีกเลย ประโยคนี้สั้น ๆ แม็กก็เลยตัดสินใจบอกว่า ข้าจะไม่แกล้งแกก็ได้ แต่แกต้องจับมือกับข้าก่อน แล้วข้าก็จะไม่มายุ่งกับแกอีกเลย เราก็เลยนึก
สกิดอยู่ใจเหมือนกันว่า ทำไม ทำไม และทำไม แต่ตอนนั้นฉันเองก็ไม่รู้จักความรักสักเท่าไรเลย ไอ้เพื่อนคนนี้แหละที่สอนฉัน แต่ตอนนั้นฉันก็ไม่ได้จับมือกับไอ้แม็กหรอกนะ และแล้ววันนั้น วันที่ฉันได้รู้จักกับมัน ความรักนั้นเองก็มาถึง วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ที่แสนสบาย ฉันตื่นมา ๖ โมงเช้า จะมาดูการ์ตูนช่อง ๙ ก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือของแม่ดังขึ้น เบอร์ที่โชว์อยู่ที่หน้าจอมือถือเป็นเบอร์ตู้นั้นเอง ฉันกดรับและพูดว่า สวัสดีคะ มีเสียงเด็กผู้ชายพูดว่า ขอสายเบลหน่อยครับ พูดอยู่คะ เบลข้ามีอะไรจะบอก คือ ฮืม..ข้าชอบแก แกไม่โกรธข้าใช่ไหม ขะข้า.ไม่โกรธ แล้วเขาก็ว่างสายไป ตอนนั้นฉันแทบจะเป็นลม เพราะฉันก็ไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อนเลย ฉันพยายามรวบรวมสติแล้วกลับเข้าไปนอนต่อ เพราะไม่ไหวจริง ๆ เช้าวันรุ่งขึ้นฉันไปโรงเรียนและแทบจะไม่อยากขึ้นห้องเลย เพราะไม่อยากเจอหน้าใครทั้งสิ้น และเมื่อฉันขึ้นห้องไปฉันถามไอ้แม็กว่า วันอาทิตย์โทรไปทำไม ไอ้แม็กบอกว่า เพื่อนมันสั่งให้พูด ฉันก็ไม่คอยจะเชื่อเท่าไรหรอกนะ
และเมื่อถึง ป. ๔ ความสัมพันธ์ระหว่างฉันและแม็กก็เริ่มดีขึ้นมา และค่อย ๆ กลายเป็นความรักไปในที่สุด และตอนใกล้จะเปิดเทอมก่อนที่ฉันจะได้เลื่อนชั้นไปอยู่ ป. ๕ ฉันได้โทรศัพท์ไปหาแม็กและได้คุยกัน และการคุยโทรศัพท์ครั้งนั้นนั้นเองเราก็ได้จบความสัมพันธ์ของการเป็นแฟนลงเท่านี้ และก็ได้เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ( ปัจจุบันทะเลาะกันทุกวัน ก็มันขี้แกล้งนิ )
รักครั้งแรกของฉันก็จบลงเท่านี้แหละ แต่มีรักอีกครั้งหนึ่งที่ฉันมาเจอตอนอยู่ชั้น ป. ๕ แต่รักครั้งนี้เป็นรักที่ไม่ยาวนานแต่ความรักที่เราสองคนมีให้กันเป็นเป็นรักที่บริสุทธิ์งดงาม ถึงเวลาของเราทั้งสองคนจะสั้นเกินไป แต่ในใจของฉันก็ยังคิดถึงเขาเสมอ แต่เป็นความรู้สึกที่เป็นแบบน้องสาวพี่ชายมากกว่า ฉันรู้สึกว่าความรักของฉันและรุ่นพี่คนนั้นเป็นความรักของเด็ก ๆ เป็นความรักที่บริสุทธิ์ ถ้าเปรียบได้กับสีขาว จะว่าไปแล้วรุ่นพี่คนนี้ก็เหมือนกับพี่ชายที่สนิทสนมของฉันคนหนึ่ง เราคบกันชอบกันโดยไม่มีความรู้สึกเชิงชู้สาวมาเจือปน มีแต่ความจริงใจ ไร้เดียงสาเท่านั้นแหละนะ
พี่คนนั้นชื่อว่า พี่บุ๊ค ตอนนั้นฉันอยู่ชั้น ป. ๕ แต่พี่บุ๊คอยู่ชั้น ป. ๖ คุณครูประจำของเราทั้งสองคนไม่ค่อยถูกกันเท่าไรนัก แต่นั้นไม่ใช่อุปสรรค อุปสรรคของเราทั้งสองคนคือ ความไม่เข้าใจกัน เพราะฉันเป็นรุ่นน้องอาจมีความคิดที่แตกต่างจากรุ่นพี่เล็กน้อย อาจจะทำให้เกิดความผิดใจกันบ้างเล็กน้อย
เรื่องของเราทั้งสองคนเริ่มต้นเมื่อ ฉันขึ้นรถนักเรียนกลับบ้านทุกวัน แต่มีอยู่วันหนึ่งมีรุ่นพี่คนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนของพี่บุ๊คชื่อว่า พี่โน้ต พี่โน้ตขึ้นรถนักเรียนกลับบ้านกับฉันทุกวัน ฉันกับพี่โน๊ตสนิทกันมาก แต่มีอยู่วันหนึ่งที่โรงเรียนของฉันฮิตไพยูกิมาก พี่บุ๊คกับพี่โน้ตจึงมาเล่นด้วยกันทุกวัน พี่บุ๊คกลับรถ ศบบ. จึงอยู่เล่นต่อกับพี่โน้ตต่อได้นานพอสมควร แต่ตอนนั้นฉันก็ไม่รู้จักพี่บุ๊คเลย และพี่บุ๊คเองก็ไม่รู้จักฉันเหมือนกัน วันนั้นพี่บุ๊คได้เล่นไพยูกิอยู่ตามปกติ ฉันก็ไปเล่นกับพี่โน้ตเหมือนตามปกติเช่นเดียวกัน ฉันและพี่บุ๊คได้เจอกันโดยบังเอิญ พี่บุ๊คเจอฉันก็อึงเหมือนกัน แต่ก็แอบยิ้มเป็นอาการนัย ๆ แต่ฉันไม่รู้สึกอะไรเลยทั้งสิ้น เพราะนิสัย ( หยิ่งฉิบเป๋งเลย ขี้เก๊กอีกต่างหาก ) และวันวันนั้นก็ได้ผ่านไป จนมาถึงวันต่อมา ฉันได้มาเจอกับพี่บุ๊คอีกแหละ แต่วันนี้ไม่ได้มาและไพยูกินะมานั่งคุยอะไรกับพี่โน้ตไม่รู้ และพี่บุ๊คก็ได้ฝากลูกอมฮาท์รบีทไว้กับพี่โน้ต พี่โน้ตได้เอามาให้ฉัน บอกว่า ไอ้บุ๊คฝากมาให้ กินดิ ฉันก็เลยอ่านข้างหลังของลูกอม เขียนว่า น่ารักจัง ! ฉันไม่ชอบก็เลยเอาไปทิ้งถังขยะเลย พอดีพี่บุ๊คเห็นพอดี เขาโมโหมาก แตะม้านั่งตัวหนึ่งที่อยู่ตรงนั้น ( เป็นปูนนะ ) สงสัยก็คงเจ็บเหมือนกันมั่ง ( เสียฟอร์มโคตร ) แต่ในใจฉันก็คิดว่า ท่าโมโหของพี่บุ๊คตลกจริง ๆ ( แต่ก็น่ารักนะ ) พอวันต่อมาฉันเขียนจดหมายไปหาพี่บุ๊คว่า สวัสดีคะพี่บุ๊ค เบลได้ข่าวว่าพี่บุ๊คชอบเบลหรอ เบลชอบพี่บุ๊คไม่ได้หรอกนะ เราสองคนคิดกันเป็นแค่พี่สาวน้องชายดีกว่านะคะ ฉันจึงให้พี่โน้ตเอาไปให้พี่บุ๊ค สิ่งที่ฉันได้รับคำตอบจากพี่บุ๊คคือ คำตอบที่เขียนจากกลอนยาวมาก ๆ และที่พิเศษกว่านั้นคือ กระดาษจดหมายที่ฉันซื่อมาเป็นรูปตัวการ์ตูนที่ฉันชื่นชอบมากคือ Hello Kitty ถูกลูกอมฮาทร์บีท ๑๕ เม็ด ทากาวเรียงกันรอบกระดาษจดหมายเลย แต่ตอนนั้นฉันไม่ชอบพี่บุ๊ค ก็เลยทิ้งลูกอมไปหมดเลย เหลือแต่กระดาษจดหมาย ฉันก็นั่งอ่าน อ่านไปได้ ๒ บรรทัด พี่บุ๊คก็เดินมาพอดี และพูดว่า ไม่ชอบหรอ ฉันจึงบอกว่า ไม่ชอบ พี่บุ๊คบอกว่า ไม่ชอบงั้นพี่ทิ้งนะ ฉันเลยบอกว่า เชิญ พี่บุ๊คเดินไปที่ถังขยะแล้วแกล้งทิ้งมันลงไปในถังขยะ ( เขาแกล้งหลอก แต่ความจริงแล้วเก็บใส่กระเป๋าเลย ) ในใจฉันก็เสียใจนิด ๆ ที่ไม่ได้อ่านกลอนนั้นให้จบ วันต่อมาพี่บุ๊คเดินมาอีกแหละ แต่มาพร้อมกับลูกอมฮาทร์บีท ๑ เม็ด ตอนนั้นฉันโดนพวกพี่อ้น พี่เกมส์ พี่ไมค์ ( เพื่อนพี่บุ๊คนั้นแหละ อยู่ห้องเดียวกัน )แกล้งก็เลยหน้าโมโหนิดหน่อย พี่บุ๊คเลยให้ฮาทร์บีทคำว่า ยิ้มหน่อยซิ ฉันก็เลยดีใจ และเริ่มแอบชอบนับตั้งแต่นั้นมา ( อาจดูใจง่ายไปนิดหนึ่งนะ แต่เรารักกันชอบกันด้วยความจริงใจจริง ๆ และเป็นที่ปรึกษา ให้คำแนะนำ ) ตั้งแต่นั้นมาความรู้สึกดี ๆ นั้นก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักของเราทั้งสองคน
เมื่อวันเวลาผ่านไป เวลาของเราก็ยิ่งเหลือน้อยลงเรื่อย ๆ และเมื่อถึงวันปิดเทอมภาคเรียนที่ ๑ ฉันไม่อยากให้ปิดเทอมเลย เพราะว่าเราสองคนก็จะไม่ได้เจอหน้ากัน และอีกอย่างก็กลัวว่าพี่บุ๊คจะนอกใจ และที่สำคัญที่สุดคือเมื่อถึงเทอมที่ ๒ ก็เป็นเทอมสุดท้ายที่เราจะได้เจอกัน ฉันก็เลยกังวลไป ต่าง ๆ นานา เมื่อถึงวันปิดเทอม ฉันก็ได้ขึ้นรถตู้กลับบ้านเหมือนเช่นเคย แต่ฉันมองออกไปนอกหน้าต่าง ฉันก็ได้เห็นพี่บุ๊คคุยอยู่กับเพื่อนของฉันคือ บิวและแอ้ม แต่นั้นแหละคือภาพสุดท้ายก่อนที่เราจะมาเจอกันในเทอม ๒ เมื่อกลับถึงบ้าน ฉันได้รับโทรศัพท์จากเพื่อน Love คือ บิวและแอ้ม บิวและแอ้มโทรมาบอกว่า พี่บุ๊คได้เบอร์โทร. ( แต่บิวและแอ้มให้เบอร์ไอ้ทรายไป ) ฉันไปแล้วโดยที่พี่บุ๊คเอาปากกาหมึกซึมมาให้เพื่อน และเพื่อนของฉันก็ให้เบอร์โทร. ฉันเองก็ปลื้มพี่บุ๊คมากเหมือนกัน ขนาดปิดเทอมยังจะขอเบอร์โทร.อีก แต่เพื่อนโคตรแสนดีดันไปให้เบอร์ทรายซะอีก
เมื่อถึงเทอมที่ ๒ ความรักของเราก็ยิ่งหวานไปใหญ่ ยิ่งกว่าน้ำตาล น้ำเชื่อมหรือน้ำผึ้งซะอีก
สุดท้ายรักของเราก็จบลงกลางทาง ( พี่บุ๊คอยู่ ร.ร. พระนารายณ์ ) แต่พี่บุ๊คก็ยังหาแฟนไม่ได้อีกอยู่ดีแหละ