2 มิถุนายน 2547 11:55 น.

วันพระพุทธเจ้า

พี่ดอกแก้ว

 วันพระพุทธเจ้า   

                  ข้าพเจ้าขอนอบน้อม  บูชาพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น   พระผู้เสด็จไปดีแล้ว  และทรงตั้งพระธรรมวินัยที่ทรงแสดง   ทรงบัญญัติไว้ดีแล้ว เป็นศาสดาแทนพระองค์  เพื่อประโยชน์    เพื่อความสุข  ของชนหมู่มาก 

                      วันเพ็ญแห่งเดือนวิสาขมาสหรือวันเพ็ญเดือน 6 ในปีนี้ 
ตรงกับวันที่ 2 มิถุนายน 2547 
และวันนี้ถือกันว่าเป็นวันพระพุทธเจ้า 
เพราะเป็นวันที่ตรงกับ วันประสูติ วันตรัสรู้ และวันปรินิพพาน 
ของพระบรมศาสดา 
จึงเป็นวันสำคัญในพระพุทธศาสนา 
และเป็นวันที่ชาวพุทธทั่วโลกจะได้น้อมรำลึกถึง 
พระกรุณาธิคุณ 
พระปัญญาธิคุณ 
พระบริสุทธิคุณ 
ในพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น 
เพื่อเป็นที่ตั้งแห่งความสุข 
แห่งความเจริญในธรรมให้สมกับความที่เป็นพุทธศาสนิกชน 
โดยถ้วนหน้ากัน 

                     การอุบัติขึ้นของพระบรมศาสดาแต่ละพระองค์เป็นเรื่องยาก ชั่วพุทธันดรหนึ่ง ๆ เป็นห้วงเวลาที่ยาวนานมาก ๆ แต่ก็ต้องนับว่าเป็นโชคดีของสัตวโลกในยุคปัจจุบันนี้ที่ได้เกิดขึ้นมาทันศาสนาของพระองค์ มีโอกาสที่จะได้อาบ ได้ลิ้ม ได้ดื่มรสชาติแห่งพระธรรมที่พระบรมศาสดาทรงตรัสสอนไว้ ดังนั้นจึงไม่ควรปล่อยให้เวลาล่วงไป ๆ โดยเปล่าประโยชน์ 

                     เพราะความเป็นมนุษย์หรือความเป็นคน ซึ่งถือว่าเป็นสัตว์ประเสริฐเพราะเป็นสัตวโลกประเภทเดียวที่สามารถฝึกฝนอบรมให้มีความประเสริฐบังเกิดขึ้นในจิตใจได้ และเครื่องฝึกฝนอบรมคนให้มีความประเสริฐนั้นก็ไม่มีสิ่งอื่นใดนอกจากพระธรรมคำสอน 

                      ดังนั้นอย่าได้มีชื่อแต่เพียงว่าเป็นชาวพุทธอยู่ในทะเบียนบ้านเท่านั้น จงมาร่วมกันรับเอาประโยชน์แห่งพระธรรมวินัยในพระผู้มีพระภาคเจ้าเพื่อความสุขและความประเสริฐที่ได้เกิดมาเป็นคนโดยถ้วนหน้ากัน 

                       ยุคนี้เป็นยุคที่พูดกันถึงเรื่องอุดมการณ์ ก็จะต้องกล่าวว่าอุดมการณ์ของพระบรมศาสดานั้นคืออุดมการณ์เพื่อประโยชน์และความสุขของมหาชน ซึ่งทรงประกาศไว้อย่างชัดเจนตั้งแต่ต้นโพธิกาล 


                     หลังจากตรัสรู้ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6  ณ ตำบลอุรุเวลาเสนานิคมแล้ว ทรงโปรดปัญจวัคคีย์ 5 รูป ทรงโปรดพระยสะและคณะอีก 55 รูป รวมเป็น 60 รูป ทำให้มีพระอรหันตสาวกบังเกิดขึ้นในโลก 60 องค์แล้ว เป็นห้วงเวลาที่สิ้นฤดูฝนแห่งพรรษานั้น 
       
                     พระบรมศาสดาทรงเล็งเห็นว่ายังมีหมู่สัตว์ที่อยู่ในวิสัยที่จะเข้าใจพระธรรมคำสอนและถึงซึ่งความดับทุกข์ได้อีกเป็นจำนวนมาก หากให้พระอรหันตสาวกอยู่รวมกันก็จะบังเกิดประโยชน์ได้ไม่เต็มที่ จึงมีพุทธดำรัสสั่งให้พระอรหันตสาวกเหล่านั้นแยกย้ายกันออกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา
     
                    ทรงพระกาศอุดมการณ์ในครั้งนั้นว่าเธอทั้งหลายจงจาริกไปแต่องค์เดียว ประกาศพรหมจรรย์ในพระธรรมวินัยนี้ให้บริสุทธิ์ บริบูรณ์ ทั้งอรรถะ และพยัญชนะ ให้งดงามในเบื้องต้น ในท่ามกลางและในที่สุด เพื่อประโยชน์และความสุขของชนหมู่มาก
    
                   จะเห็นได้ว่านับแต่ตรัสรู้แล้ว ก็มิได้คำนึงถึงความสงบสุขอันเป็นอริยสุขแต่เพียงพระองค์เดียว ทรงรำลึกถึงสัตวโลกทั้งหลายที่จะพึงได้รู้ได้สัมผัสกับอริยสุขหรือความดับทุกข์สิ้นเชิงตามที่พระองค์ทรงค้นพบนั้นด้วย แต่ก็ทรงรำลึกว่าธรรมที่ทรงค้นพบนั้นมีความลึกซึ้ง ละเอียดอ่อน ยากแก่ความเข้าใจ จะต้องทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจไม่น้อย แม้กระนั้นยังยากที่จะทำให้ผู้อื่นเข้าใจในธรรมที่พระองค์ทรงค้นพบได้ 

                    แต่ในที่สุดก็ทรงตัดสินพระทัยประกาศพระธรรมที่ทรงค้นพบเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขของชาวโลก ดังนั้นจึงเป็นการเริ่มต้นของการประกาศพระพุทธศาสนา และทรงเริ่มต้นจากง่ายไปหายาก เหตุนี้จึงทรงริเริ่มการประกาศพระศาสนาที่ปัญจวัคคีย์ก่อน 
      
                     เพราะปัญจวัคคีย์เป็นผู้ประพฤติปฏิบัติธรรม มีภูมิธรรมอยู่ในขั้นสูงแล้ว อุปมาดั่งบัวที่ปริ่มน้ำอยู่ หากได้ฟังพระธรรมประดุจดั่งแสงอาทิตย์ยามอรุณ บัวปริ่มน้ำนั้นก็จะบานได้โดยง่าย และก็ได้ผลดังพุทธประสงค์ 
       
                    การส่งพระอรหันตสาวกชุดแรกจำนวน 60 รูป ออกไปประกาศพระพุทธศาสนาตามอุดมการณ์ที่ทรงประกาศนั้น ก็มุ่งหวังเอาประโยชน์และความสุขของชาวโลกเป็นที่ตั้ง 
 
                    การอุบัติขึ้นและการประกาศพระพุทธศาสนาจึงไม่ใช่เป็นไปเพื่อการตั้งอาณาจักร ไม่ใช่เป็นไปเพื่อลาภ ยศ สุข สรรเสริญ แต่เป็นไปเพื่อประโยชน์ของชาวโลก เป็นไปเพื่อความสุขของชาวโลก และเป็นไปเพราะความเสียสละอย่างใหญ่หลวง จึงอาจกล่าวได้ว่าวันวิสาขบูชาก็คือวันแห่งการเสียสละที่ยิ่งใหญ่เพื่อมนุษยชาติทั้งมวล 
       
                   พระบรมศาสดาของชาวพุทธเรานั้นทรงเป็นผู้เสียสละที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก เพราะทรงอุบัติขึ้นในร่มเงาแห่งเศวตฉัตรเมืองกบิลพัสดุ์ ซึ่งเป็นแคว้นที่มีความมั่งคั่งมากที่สุดในยุคนั้น ทรงมีฐานะเป็นมกุฎราชกุมารแห่งศากยวงศ์ และมีอนาคตที่จะได้เสวยราชย์เป็นพระมหากษัตริย์แห่งแคว้นนั้น 
       
                    ทรงได้รับการทำนุบำรุงจากสมเด็จพระบิดาอย่างเต็มที่ เรียกได้ว่าถึงขั้นริ้นไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม ทรงถูกปรนเปรอด้วยสรรพกามคุณ เพื่อหวังจะผูกจิตผูกใจให้ติดพันอยู่ในโลกียวิสัย


                  แต่ด้วยน้ำพระทัย      ที่เห็นแก่สัตวโลกทั้งหลาย ที่จมปลักอยู่กับความทุกข์ เพื่อจะได้พ้นจากความทุกข์นั้น  จึงทรงสละราชสมบัติ         ทรัพย์สิ่งศฤงคารและโลกียสุขทั้งมวลออกบวชเป็นผู้ภิกขาจาร    เพื่อแสวงหาโมกษธรรมเพื่อช่วยเหลือเหล่าสัตว์ให้พ้นจากความทุกข์ 

                  หกปีแห่งการบำเพ็ญเพียรเพื่อแสวงหาและค้นคว้าหาทางอันประเสริฐเพื่อช่วยเหลือชาวโลกให้พ้นจากความทุกข์ ทรงเผชิญกับความทุกข์ยากและความทรมานอย่างสุดแสนสาหัส         ถึงขนาดที่ทรงกล่าวว่าสิ่งที่สุดสองอย่างของโลกคือ ที่สุดทางด้านโลกียสุขนั้นพระองค์ทรงรู้ทรงสัมผัสจนถึงที่สุดแล้ว ไม่ว่าอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต จะไม่มีผู้ใดได้รู้ได้สัมผัสเสมอด้วยพระองค์ ส่วนที่สุดด้านทุกข์ยากทรมานพระองค์ ก็ทรงรู้ทรงสัมผัสจนที่สุดแล้ว   ไม่ว่าอดีต  ปัจจุบัน  หรืออนาคต    จะไม่มีผู้ใดได้รู้ เสมอด้วยพระองค์อีก 


                     เนื่องจากข้อความยาวมาก กรุณาอ่านต่อที่นี่นะคะ http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=dokgaew&topic=5243&page=1				
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟพี่ดอกแก้ว
Lovings  พี่ดอกแก้ว เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพี่ดอกแก้ว
Lovings  พี่ดอกแก้ว เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพี่ดอกแก้ว
Lovings  พี่ดอกแก้ว เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพี่ดอกแก้ว