5 สิงหาคม 2547 06:56 น.
พี่ดอกแก้ว
สายลมพริ้วแผ่วผิวกายใกล้รุ่งสาง
ยินน้ำค้างพร่างลงกับพงหญ้า
ละอองจันทร์เริ่มละลายจากสายตา
ใจโหยหาถึงคนไกลในเงาเดือน
ราตรีก่อนอ้อนสุนทรมธุรส
หวานเหลือล้ำย้ำพจน์มากกว่าเพื่อน
ร้อยวจีมาลีใจมิให้เลือน
มนต์แสงจันทร์ยังตามเตือนมิเคลื่อนคลาย
พินิจลักษณ์อักษรสุนทรถ้อย
วรรณศิลป์เรียงร้อยงามเหลือหลาย
แต่ความจริงและความฝันพลันกลับกลาย
ผ่านราตรีจึงเลือนหายคล้ายแสงจันทร์
รักหนอรัก..ช่างสลักตรึงใจนี้
แม้ทราบดีว่ารักลวงในห้วงฝัน
ก็จะขอมั่นรักภักดิ์นิรันดร์
ใจของฉันขอซื่อตรง..จงรักเธอ
5 สิงหาคม 2547 06:44 น.
พี่ดอกแก้ว
หยาดเป็นสายลายริ้วอาบผิวหนัง
เหงื่อรินหลั่งเรือนกายจรดปลายเท้า
เที่ยวเก็บงานกร้านกรำทำหนักเบา
เหตุผลเดียวเลี้ยงเจ้าคือลูกยา
แม่ชราหาเลี้ยงเยี่ยงแม่ไก่
ไม่ห่างไกลลูกตนเที่ยวค้นหา
จะอายุกี่ปีที่ผ่านมา
ลูกเป็นลูกทุกคราไม่เปลี่ยนแปลง
ลูกจะร้ายหน่ายทิ้งสิ่งแม่ให้
ก็ทำใจสงบจินต์ไม่กินแหนง
เมื่อลูกกลับคืนเรือนเหมือนเพิ่มแรง
รักให้แซงความช้ำลบคำรวน
คือภาพของแม่หนึ่งซึ่งรักลูก
เฝ้าฝังปลูกสิ่งดีอย่างถี่ถ้วน
แต่ลูกกลับทิ้งกรอบชอบโซ่ตรวน
เปลี่ยนขบวนชีวิตผิดเส้นทาง
ใกล้เรือนไม้ในเขตขังฟังเสียงเศร้า
ของแม่ผู้ปวดร้าวและหมองหมาง
เพ่งมองลูกที่ต้องขังไม่ละวาง
เล่าเรื่องพลางหลั่งน้ำตาคราเยี่ยมเยียน
5 สิงหาคม 2547 06:37 น.
พี่ดอกแก้ว
ราตรีหนึ่งซึ้งใจในคำหวาน
เสียงขับขานสัญญาว่ารักมั่น
กระชับเกลียวมุ่งหมายสายสัมพันธ์
เคียงคู่กันต่อสู้อยู่ชั่วกาล
เมื่อเนิ่นนานหวานคลายกลายเป็นขม
คำชื่นชมชืดลิ้นสิ้นความหวาน
เสียงตำหนิติฉินจากลิ้นราน
กลับฉะฉานเชือดเฉือนสะเทือนใจ
ใจสองใจเปลี่ยนไปแล้วใจหนึ่ง
เมื่อมาถึงจุดต่างระหว่างนิสัย
ใจที่มั่นในรักด้วยหัวใจ
ยังตรึงไว้ในสัญญามิลาเลือน
รอคอยวันคืนกลับมารับขวัญ
ลืมสัมพันธ์ลบเงาเขาเชือดเฉือน
รักมั่นคงตรงต่อฟ้ากว่าดาวเดือน
มีความรักเป็นเพื่อนหล่อเลี้ยงใจ
เสียงกระซิบคราวนั้นมั่นคงนัก
ประดุจหลักเหนี่ยวรั้งครั้งร่ำไห้
เมื่อนึกถึงขึ้นมาในคราใด
ชุบหัวใจให้ฟื้นคืนเรี่ยวแรง
เป็นฉากเศร้าของคนเขลาในความรัก
ยอมจมปลักรักไปไม่หน่ายแหนง
เป็นฉากงามของรักไม่เปลี่ยนแปลง
บทแสดงรักแท้แน่ที่ใจ
4 สิงหาคม 2547 17:07 น.
พี่ดอกแก้ว
เจ้าช่อเอื้องเฟื่องงามนามดอกไม้
จากแดนไพรไกลถิ่นถวิลหา
กลิ่นดอกเอื้องหมายดอมดมสมอุรา
จึงไขว่คว้าเจ้ามาไว้...ใกล้ใกล้ตัว
ยามหนักจิตพิศช่อก่อเกิดสุข
ความมละมุนปลอบปลุกคลายสลัว
ธรรมชาติรักษ์ใจ...ให้รักษ์ตัว
ความหม่นมัวกลายชื่นเพราะรื่นรมย์
3 สิงหาคม 2547 20:37 น.
พี่ดอกแก้ว
ความแออัดยัดเยียดเบียดที่อยู่
เพราะไร้ผู้เมตตาให้อาศัย
จึงจับจองกองขยะด้วยจำใจ
สร้างเพิงใหม่ไร้ขื่อชื่อ..สลัม
เป็นคนนอกทะเบียนเปลี่ยนที่อยู่
ต้องอุดอู้ซุกกายในขนำ
กว่าจะได้สิทธิอันชอบธรรม
ต้องระกำถูกรังเกียจเดียดชั้นชน
เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดจัดรูปแบบ
ความคับแคบเป็นช่องทางผู้หวังผล
สร้างอาชีพใหม่ใหม่อย่างแยบยล
ทุจริตชนขนยามากบดาน
เป็นชุมทางสร้างปัญหาพาตกต่ำ
ชื่อสลัมคือถิ่นที่ควรสงสาร
เด็กน้อยน้อยดุจดอกไม้ในมือมาร
คงแหลกราญหากปล่อยไว้ไม่ดูแล
แล้ววันหน้าเมื่อเติบกล้าเป็นผู้ใหญ่
สิ่งแวดล้อมอาจบ่มให้ตามกระแส
คงเข้าสู่มิจฉาฉาชีพเพราะอัดแอ
ราชการควรแก้สงเคราะห์การณ์
คนที่อยู่นอกสลัมอย่าทำเมิน
คนสลัมอย่าเพลินความสงสาร
ช่วยกันปลูกดอกไม้ให้เบิกบาน
รดด้วยธารน้ำใจถิ่นไทยงาม