14 กรกฎาคม 2547 23:33 น.
พี่ดอกแก้ว
เป็นเหมือนคนทั้งหลายในเลือดเนื้อ
ต้องการความช่วยเหลือความห่วงหา
เป็นที่พึ่งพักใจในเวลา
ความทุกข์ล้นพ้นบ่าถาโถมทรวง
พึ่งพ่อแม่เมื่อเยาว์เขลาความคิด
เข้าเป็นศิษย์รับความรู้ครูข้าหลวง
เรียนรู้โลกโศกเศร้าเคล้าภาพลวง
เพิ่มผลพวงทุกข์ใหม่ไม่รู้จริง
เห็นหลายอย่างเปลี่ยนไปตามวัยวัน
ไม่เหมือนกันในเหตุผลบนทุกสิ่ง
กระแสการต่อสู้และแย่งชิง
ความกลอกกลิ้งท่วมท้นบนพารา
สิ่งภายนอกกระทบใจให้บีบคั้น
แต่ละวันสะสมปมปัญหา
สิ้นสามารถความรู้ที่เรียนมา
บางครั้งแก้ด้วยน้ำตาที่พร่างพรู
จึงเสาะค้นหนทางสร้างใจสุข
และปลอบปลุกกำลังใจให้ต่อสู้
ศึกษาธรรมของพระบรมครู
ได้ล่วงรู้ธาตุแท้ไม่แปรความ
สร้างกรรมใหม่ด้วยใจที่ศรัทธา
สร้างกุศลนานาไม่เหยียดหยาม
สร้างมวลมิตรสหายธรรมตามเขตคาม
สร้างสมความเสียสละละส่วนตัว
เพียงทางเดียวเท่านั้นที่ผันสุข
คือพระธรรมปลอบปลุกคลายสลัว
เปิดดวงตาดวงใจไร้มืดมัว
พบความสุขถ้วนทั่วถึงนิรันดร์
14 กรกฎาคม 2547 23:30 น.
พี่ดอกแก้ว
แสงสว่าง...พร่างฟ้าพาโลกชื่น
ปลุกชีวิตให้ตื่นจากหลับไหล
ปลุกสายน้ำซึมซาบอาบพฤกษ์ไพร
ปลุกหัวใจต่อสู้รู้ฝ่าฟัน
กระแสลม...พรมโลกโบกใบไม้
ระรินสายสดชื่นระรื่นหรรษ์
คลายรุ่มร้อนเพลิงเผาผ่าวผิวพรรณ
พระพายพลันผ่อนคลายให้เยือกเย็น
รัศมีจันทร์....อันงามยามราตรี
ส่องให้มีเส้นทางที่มองเห็น
ให้ความหวังพลังใจในแสงเพ็ญ
ไม่หลบเร้นท้อแท้แก่โมงยาม
หากจะถามเธอมีค่าสักเพียงไหน
เกินรำพันตอบได้ในคำถาม
แสงสว่าง..สายลม..พรมโลกงาม
ยังแพ้ความสำคัญ...ฉันมั่นใจ
ปรารถนาเพียงให้เธอใจสุข
อย่าฉงนปนทุกข์ให้หวั่นไหว
ไม่เคยเห็นเธอเป็นคนห่างไกล
แต่อยู่ในหัวใจตลอดมา
ไม่อาจหาคำพูดที่ซาบซึ้ง
ถึงเพียงครึ่งของใจที่ห่วงหา
ความห่วงใยมีมากกว่าชีวา
มีเพียงเธอประทับตราเจ้าของใจ
ไม่อาจหาใครอื่นอีกหมื่นแสน
ที่เหมือนแม้นครึ่งหนึ่งของเธอได้
งามเมตตาปรานีมีน้ำใจ
ให้และให้เรื่อยไปมิเปรียบปาน
สำหรับกับใจฉันนั้นบอกว่า
เธอมีค่าเกินคำที่ขับขาน
และคำตอบสุดท้ายจากดวงมาน
กี่วันวารเธอก็เป็นเช่นดวงใจ
ขอให้ทางที่เธอเลือกก้าวเดิน
อย่าขัดเขินขัดข้องและหมองไหม้
ไร้จากปวงอุปสรรคและพิษภัย
สำเร็จได้อย่างมั่นคงตรงต่อทาง
ฉันอาจอยู่รั้งท้ายที่ปลายแถว
ก็จะแน่วแน่ไปไม่หม่นหมาง
เพียงพอใจแม้แค่ได้เดินร่วมทาง
และร่วมสร้างความสำเร็จเสร็จสมบูรณ์
14 กรกฎาคม 2547 07:16 น.
พี่ดอกแก้ว
ฟังคำกลอนอ้อนรักสลักจิต
อยากเนรมิตโลกหยุดก่อนแล้วย้อนหลัง
จะคุกเข่าตรงหน้าให้รับฟัง
แล้วรินหลั่งภาษารักจากหัวใจ
เธอคนเดียวเท่านั้นที่มั่นรัก
แรกประจักษ์พบกันไม่หวั่นไหว
ถนอมรักถนอมรู้มากเกินใคร
ซึ้งเหลือใจในกมลคนเดินทาง..
ความหวังดีมีให้ไม่สิ้นสุด
มิเคยหยุดห่วงใยในทุกสถาน
แม้ชีวิตผ่านมาทุกข์ทรมาน
ยังชื่นบานด้วยรักสลักใจ
จ๊ะเอ๋...มากลับความคิดถึงและอยากจะบอกว่าขอบคุณ
น้องๆทุกคนที่เป็นห่วงพี่ดอกแก้วค่ะ
กลับมาอ้อนรักน้องๆกันต่อแย้วค่ะ
14 กรกฎาคม 2547 07:12 น.
พี่ดอกแก้ว
บรรเจิดจิตเสกสร้าง ................จินตนา
จิตรกรรมสร้างภาพพา .............พิศได้
จำหลักจำเริญตา ....................ต้องจิต
เพิ่งพิศตีความไว้.....................ต่างข้อต่อคน
ใจสูงจูงจิตให้.........................เห็นงาม
ใจต่างจักเห็นความ.................ต่ำต้อย
ต่างคนต่างนิยาม....................ตามจริต
ความคิดนำต่างถ้อย................ภาพนี้ที่ชม
ศิลป์อื่นดื่นดกล้วน.................เช่นกัน
พื้นฐานใจสำคัญ.....................บาทต้น
เห็นพ้องผิต่างพรรณ...............เพราะจิต
มืดสนิทกลับสว่างล้น.............เนื่องด้วยตาใจ
14 กรกฎาคม 2547 07:07 น.
พี่ดอกแก้ว
ประกายทองผ่องวรรณบรรเจิดลักษณ์
งามพระพักตร์ผุดพรายฉายราศี
พุทธศิลป์งามซึ้งตรึงฤดี
สยบความหมองศรีสงบใจ
ทีละแผ่นทาบทับกับรอยรัก
ลบรอยดำจำหลักให้สดใส
ทองคำเปลวโปรยปรายละลายไป
ด้วยประณีตหัวใจประดับทอง
คุณความดีที่สร้างไว้ในชีวา
ดุจทองคำมีค่าไม่หม่นหมอง
แม้นเป็นเพียงเปลวบางร่างละออง
ยังเป็นทองประทับประดับองค์
หากสิ้นไร้ใจกุศลพ้นความงาม
เหมือนทองคำที่ทรามเป็นผุยผง
ตกสู่พื้นกลืนแผ่นดินสิ้นเผ่าพงศ์
เป็นทองปลิวลิ่วลงสู่ทุกข์ภัย
ใช้ชีวีอย่างมีค่าอย่าหุนหัน
ทุกโอกาสเลือกสรรสิ่งสดใส
กระทำบุญคุ้นงานกุศลมัย
ประทับใจให้คร่ำทองคำเปลว