23 สิงหาคม 2546 06:13 น.
พี่ดอกแก้ว
เที่ยวดั้นด้นค้นหามานานนัก
มิประจักษ์ใจนี้ที่สิ่งไหน
มีเพียงความงดงามยามสบนัยน์
และมีสุขสิ้นไร้ไหม้ฤดี
ทั้งสุรีย์คลี่แสงที่แรงร้อน
ก็มิผ่อนวาจาว่าเสียดสี
ร้อนเกินไปไข้รุมสุมปฐพี
แต่ยังดีมีแสงให้แจ้งทาง
ทั้งจันทราคราแรมมิแจ่มหล้า
ท้องนภามืดหม่นจนอ้างว้าง
ยามเต็มดวงห้วงแสงแสดงการณ์
ก็เบิกบานผ่านฟ้ามาแลมอง
ทั้งสายฝนหล่นพรายให้ความฉ่ำ
ยังหมายย้ำฝนบ้าคราหม่นผมอง
ยามโลกแล้งแห้งโหยน้ำโรยคลอง
ก็ร่ำร้องหาฝนจนเสียงดัง
แม้สายน้ำยามไหลให้อุดม
ชอุ่มสมไพรพันธุ์อันแห้งขัง
ให้กลับฟื้นคืนรากพรากชีพยั้ง
บางทีรั้งอุทกภัยไหลหลากดิน
ธรรมชาติผาดผุดพิสุทธิ์นั้น
มิมีใดผ่องพรรณพิสุทธิ์สิ้น
มีทั้งงามและร้ายให้ยลยิน
เมื่อใดสิ้นอัตตาจะพาพบ
22 สิงหาคม 2546 20:19 น.
พี่ดอกแก้ว
วิกฤตการณ์พาลชนล้นโลกา
ต่างสรรหาทุจริตคิดฉ้อฉล
เพื่อลาภยศสรรเสริญเจริญตน
และร่ำรวยเหนือชนอย่างเชี่ยวชาญ
ทั้งลวงล่อก่อนิยมบ่มความเฟ้อ
ให้เพ้อเจ้อในเครื่องบำรุงขาร
กุยี่ห้อถ่อราคาจนหน้าบาน
สร้างเหตุการณ์นิยมสูงจูงใจคน
มีอีกบ้างสร้างยาพาขยัน
เพื่อเสกสรรค์เงินทองหวังปองผล
ตกเป็นเหยื่อยาบ้าพาวิกล
จนผู้คนคลุ้มคลั่งหลังเสพยา
ที่แผนสูงหวังจูงเยาวชน
ให้เสียคนเสียเงินเพลินตัณหา
เที่ยวส่องสุมมึนเมาเข้าเสพยา
กลบปัญหาทางใจในครอบครัว
ใครจะเป็นเช่นไรไม่เคยคิด
หวังนิมิตเงินทองมากองทั่ว
ให้สินบาทคาดสินบนจนเมามัว
ดีเป็นชั่วชั่วเป็นดี....มีราคา
ปัญหาแพร่ไร้ทางแก้ไปทั่วถิ่น
ทุจริตโกงกินไปทั่วหน้า
เพราะไม่อาจทานกระแสของเงินตรา
เป็นลิ่วล้อพ่อค้ายากันเกลื่อนเมือง
สังคมทรามยามผู้ร้ายมีอำนาจ
เสือกระดาษอยู่ในตู้ดูฟูเฟื่อง
ธุรกิจค้ายาจึงรุ่งเรือง
เพราะเสือเชื่องต่อโซ่เงินที่เพลินตา
22 สิงหาคม 2546 20:07 น.
พี่ดอกแก้ว
เหนื่อยนัก.......
แบกรัก....แบกความห่วงใย....ใฝ่หา
แบกกังวล ...แบกจนเหนื่อยล้า
แบกหัวใจ......ติดตามมาตลอดทาง
เดือดร้อน.......
ห่วงหา...อาวรณ์ทุกอย่าง
ห่วงหวง...เธออยู่ไม่จาง
ห่วงสร้าง....ใจนี้มีกังวล
โศกซึ้ง....
อยู่กับความคำนึงทุกหน
อยู่กับความภักดีปรี่กมล
อยู่กับคนที่ไร้หัวใจ
ไม่รู้....
วันนี้เธออยู่ตรงไหน
วันนี้เราจะพบกันอย่างไร
วันนี้เธอรู้ใจฉันหรือยัง
เพราะรัก....
จึงจักอดทนทุกครั้ง
จึงแบกหัวใจมาด้วยความพลัง
จึงแบกความหวังรอเธอเห็นใจ
22 สิงหาคม 2546 07:17 น.
พี่ดอกแก้ว
ความร้อนแล้งแห้งผากจากแดดเผา
ความอับเฉาทักไพรไร้คำหวาน
สะกดให้ใบร่วงควงลงลาน
และกิ่งก้านแห้งห่อท้อแรงลม
ยิ่งนานวันผันร่างกลางลมร้อน
จึงโยกคลอนลำต้นจนเอนล้ม
แล้วแน่นิ่งไม่ติงไหวไร้อารมณ์
ดุจดังจมถมซากฝากธรณี
ธารชีวิตนิ่งสนิทในเมตตา
จะค้นหาสิ่งใดในร้อนนี้
ที่รุมเร้าเผาไหม้ในอัคคี
ทุกถิ่นที่ทุรนทุรายไร้ธารา
ผ่านคืนวันอันร้ายกลายวงวัฏฏ์
ที่หมุนจัดด้วยกิลสและตัณหา
อันร้อนรนบนพื้นพสุธา
ผุดโรคาโกลาหลจนลนลาน
พลันโลกเคลื่อนเลื่อนไหลไหวแผ่นดิน
มหัศจรรย์คืนถิ่นชมพูสถาน
ดุจฝนทิพย์ชะล้างสร้างดวงมาน
ให้เบิกบานแตกตามาจากตอ
ความร้อนรนบนแล้งเคยแห้งผาก
เริ่มล้นหลากชื้นชุ่มชอุ่มศอ
ผลิใบบ่มร่มธรรมนำพนอ
แล้วผลิช่ออริยาคราฝนพรำ
ปฐพีที่ร้อนมาค่อนโลก
จึงไร้โศกโลกสงบพบเย็นล้ำ
ด้วยหลั่งไหลสายธารเมตตาธรรม
เป็นลำนำสุขสงบพบความงาม
22 สิงหาคม 2546 07:13 น.
พี่ดอกแก้ว
อาจเป็นคนงมงายในความรัก
มิเคยหักใจลาคราหม่นหมอง
ยังคงเฝ้าแหงนคอเพื่อรอมอง
ดวงจันทร์ส่องแสงนวลยวนแผ่นดิน
กี่สิบครั้งขังตนบนความร้าว
กี่ร้อยคราวฟังคำที่ดูหมิ่น
กี่พันหนยลแผลจนชาชิน
ยังมิสิ้นห่วงหาและอาทร
อาจเป็นเหมือนคนไร้ความเข้มแข็ง
หมดเรี่ยวแรงผละใจเพื่อถ่ายถอน
ยังคงเป็นเป้าอารมณ์ที่ขมร้อน
ให้เธอย้อนเย้ยว่าจนสาใจ
ความเจ็บปวดรวดร้าวทุกคราวครั้ง
ใจนี้ยังทนอยู่รับรู้ไหว
เพียงเห็นเธอคลายหมองที่ครองใจ
เจ็บของฉันไม่เท่าไหร่หรอกคนดี
อาจเป็นคนทนทานปานโง่งม
ที่เพียงก้มหน้าฟังอยู่อย่างนี้
เพราะโอกาสใกล้เธอที่ฉันมี
คือครั้งที่ไม่มีใครให้ระบาย
ความภักดีที่มีแน่นดังแผ่นผา
คำสัญญามิเคยจางและห่างหาย
คือสิ่งที่มีให้เธอไม่เคยคลาย
เป็นความหมายในรักภักดิ์นิรันดร์