18 มิถุนายน 2546 04:42 น.
พี่ดอกแก้ว
ทรัพย์ในดินสินในน้ำยามโบราณ
เมื่อสืบกาลผ่านวิถีที่ผันแสง
ความสมบูรณ์เริ่มลดถดถอยแรง
ก้าวสู่ความเปลี่ยนแปลงไปอัปปาง
เคยทำมาหากินบนถิ่นนี้
อย่างสุขีในพืชผลไม่หม่นหมาง
ไม่ต้องแย่งชิงปล้นบนเส้นทาง
เรือนรอบข้างเอื้ออุดมพรหมธรรม
เสียงไก่ขันเจื้อยแจ้วแว่วคราวรุ่ง
ก็เร่งหุงโภชนะประณีตล้ำ
ถวายแด่เนื้อนาบุญผู้หนุนนำ
จาริกธรรมโปรดสัตว์ขจัดภัย
ทุกวันธัมสวนะละกิจบาป
เฝ้ากำหราบจิตมารที่ซ่านไหว
สดับธรรมจากเจ้ากูกู้ศีลมัย
และน้อมใจสักการะพระพุทธองค์
จำเนียรกาลผ่านสมัยในยุคนี้
คุณความดีหลุดร่วงไปใจลุ่มหลง
รับกระแสความเชื่อใหม่ให้ทะนง
เศรษฐกิจจะมั่นคงเพราะเงินตรา
ค่านิยมชมชื่นตื่นในทรัพย์
ก็รุดจับดวงใจให้ใฝ่หา
ทั้งลาภยศทรัพย์สถานงานโภคา
ให้คุณค่ากว่าความดีมีคุณธรรม
เพราะตั้งจิตผิดทิศทางอย่างประมาท
หลงในชาติอวิชชาพาจิตพล้ำ
เดินสู่ทางทุจริตไม่ควรทำ
ไม่เชื่อกรรมว่าให้ผลที่ตนเอง
หลากอาชีพที่ผุดพรายในแผ่นดิน
จึงมากลิ้นมากวิธีที่ข่มเหง
เอารัดเปรียบเหยียบกันไว้ไม่กลัวเกรง
ดอกไม้พาลบานเบ่งในสังคม
ต้องปลูกใหม่คือปลูกใจไว้ในศีล
อบรมอินทรีย์งามตามเหมาะสม
ใช้พระธรรมย้อมใจให้เข้มคม
ก็จะบ่มความเป็นไทยให้งดงาม
17 มิถุนายน 2546 20:50 น.
พี่ดอกแก้ว
กาลเวลาพาใจให้ไหวหวาม
พืชพันธุ์รักงอกงามจากความฝัน
ถ้อยวจีไมตรีมอบตอบจำนรรจ์
สร้างสายใยผูกพันให้ขันเกลียว
กระชับใจให้คลายเหงาคราวครั้งก่อน
กลีบรักซ้อนซ่อนกลางใจให้แลเหลียว
หมายครอบครองปองดอกรักแต่ผู้เดียว
ธารไมตรีลดเลี้ยวหลากโดยพลัน
กลายสัมพันธ์ฉันท์มิตรสนิทแน่น
สู่ดินแดนคับแคบเพียงแอบฝัน
ให้มีเพียงเราสองที่ครองกัน
มีเพียงเราเท่านั้นไม่มีใคร
รักนั้นหรือคืออะไรใคร่จะรู้
หวังครองคู่เพียงเท่านั้นหรือไฉน
ฤาติดตามข้ามชาติไม่คลาดไป
หรือทำให้ความหม่นหมองครองอุรา
ทำลายล้างหรือสร้างใจให้เข้มแข็ง
เพิ่มเรี่ยวแรงหรือทดท้อรอเสน่หา
เห็นโลกกว้างหรือแคบลงตรงดวงตา
เห็นตนเองหรือคุณค่าคนอื่นดี
ใยรักรัดพันไว้ให้แน่นิ่ง
อิสระทุกสิ่งอยู่กับที่
ผูกชีวิตพันความเศร้าร้าวฤดี
รักเปลี่ยนแปรไมตรีให้โรยรา
17 มิถุนายน 2546 20:15 น.
พี่ดอกแก้ว
เพียรสลักรอยใจให้งามงด
บริสุทธิ์หมดจดดุจสีขาว
เติมแต้มฝันเพิ่มสีสวยด้วยแสงดาว
จนเธอพราวพร่างฟ้าน่าชื่นชม
จะเหนื่อยสักเพียงไหนไม่เอ่ยถ้อย
แม้เพียงคำเล็กน้อยที่ขื่นขม
ก็เก็บไว้ในใจไม่ปรารมภ์
หวังเธอได้สุขสมสง่างาม
หวังเพียงเป็นผู้ขจัดปัดขวากหนาม
แปรเปลี่ยนสิ่งเลวร้ายให้สวยงาม
อยู่ด้านหลังทุกยามคอยดูแล
วันนี้เธอเป็นดาราสง่าศักดิ์
ฉันมองดูอย่างจงรักภักดีแท้
เธอกลับเมินหมางไปไม่เหลือบแล
ไม่มีค่าให้แยแสไม่เป็นไร
ใจดวงนี้ไม่มีคำรำพัน
ให้เธอหวนคืนวันกลับมาใหม่
ขอเพียงเธออย่าแล้งในน้ำใจ
เชือดเฉือนฉันให้หมองไหม้ด้วยวาจา
ไม่ขอบคุณก็ไม่เป็นไรหรอก
แต่อย่ายอกย้อนกันฉันถือสา
ที่เธอเคยช่วยฉันแต่ก่อนมา
ไม่อาจเทียบคุณค่าที่ให้เธอ
เธอโอ่อ่าอวดองค์ทรงยศศักดิ์
บนเวทีที่เจนจัดอยู่เสมอ
ฉันมิใช่ดาราเฉกเช่นเธอ
ทำหน้าเซ่อหน้าเศร้าเอาคะแนน
น้ำตาฉันรินไหลเพราะใจราน
ได้มาพบคนพาลใจร้ายแสน
ไม่เห็นค่าคุณใครให้ตอบแทน
กลับโลดแล่นทำร้ายใจให้พังภินท์
เพียรสลักรอยใจให้งามงด
เพิ่งรู้ว่าได้จรดบนแผ่นหิน
ไม่อาจจารจารึกใจให้เธอชิน
กับรสกลิ่นของความดีที่ฉันปอง
17 มิถุนายน 2546 19:58 น.
พี่ดอกแก้ว
อยากบอกว่า... รัก รัก รัก... รักเหลือล้น
อยากบอกว่า... คิดถึงทุกคน...จนล้นฟ้า
อยากให้รู้........ว่าจะรีบ.....คืนกลับมา
เพื่อมาหา........ที่รัก ...ทักทายกัน...
17 มิถุนายน 2546 19:52 น.
พี่ดอกแก้ว
เมื่อทุกสิ่งเคลื่อนไหวใจก็เต้น
ตามจังหวะที่แลเห็นการเคลื่อนไหว
ร่ายรำตามทำนองที่ครองใจ
ความเคลื่อนไหวมีอำนาจประกาศนำ
พึงชนะความเคลื่อนไหว..ด้วยใจสงบ
จะค้นพบลวดลายที่ลึกล้ำ
ก่อนจะเคลื่อนก่อนจะย้ายก่อนร่ายรำ
จะรู้เหตุการกระทำตามความจริง
สีทันดรอาจกว้างใหญ่ห่างไกลนัก
แต่ความเพียรจะเป็นหลักในทุกสิ่ง
แม้นทุกข์ยากก็ฝ่าไปด้วยใจจริง
หยุดซัดส่ายกับทุกสิ่งที่รอบกาย
มีเป้าหมาย..มุ่งเป้าหมาย..ไม่ท้อถอย
หรือเฝ้าคอย...การช่วยเหลือ...เมื่อโชคร้าย
สงบอยู่...ักับเป้าหมาย...ไม่คลอนคลาย
สีทันดร...หมดความหมาย....ในความเพียร