19 มิถุนายน 2546 20:00 น.
พี่ดอกแก้ว
พบหัวใจใครคนหนึ่งซึ่งหลงเพ้อ
ฝันละเมอครอบครองจองใจนี้
ประกาศคุณกองทุนใจไว้อย่างดี
ให้ช้อนซื้อหุ้นทุนนี้มาถือครอง
บอกรายรับนับล้านเมื่อปันผล
เพราะเปี่ยมล้นความรักภักดิ์สนอง
หากสนใจให้รีบมาจับจอง
เปิดกองทุนเพื่อน้องเพียงกองเดียว
เมื่อรอนานก็พาลโกรธโทษคนซื้อ
เปรียบว่ายื้อใจเค็มไม่เต็มเสี้ยว
ว่าดวงใจมิได้มีรักเดียว
ชอบลดเลี้ยวลดทุนให้ศูนย์มา
รอสักนิดได้ไหมใจดวงร้อน
อย่าทอดถอนระทมใจในปัญหา
รอจังหวะจะช้อนซื้อหุ้นนั้นมา
หากรู้ว่ากองทุนใจได้คุ้มทุน
19 มิถุนายน 2546 13:53 น.
พี่ดอกแก้ว
@.....บังเอิญหลงทางมาเมื่อครารุ่น
มารับความอบอุ่นอย่างสุดแสน
ได้รับการบ่มเพาะ ณ ดินแดน
ที่สมบูรณ์มาตรแม้นแผ่นดินทอง
.@....ครั้นเติบใหญ่ได้วิชามากูลเกื้อ
มีโอกาสช่วยเหลือถิ่นสถาน
อิ่มข้าวแดงแกงร้อนมาเนิ่นนาน
ก็ถึงกาลแทนคุณท่านด้วยมั่นใจ
@....ท่านให้เป็นกุลีแม้ขี้ข้า
@ใช้แรงกายดุจทาสาก็ทำได้
เพื่อแผ่นดินถิ่นทองผ่องพิไล
มิเคยคิดเดียดฉันท์ในงานนานา
@....ท่านให้เป็นเบี้ยเล็กๆบนกระดาน
เป็นด่านที่ห้าวหาญและทายท้า
ก็เป็นเบี้ยที่พร้อมจะบีฑา
บดขยี้ปัจจาที่รุกราน
@....ท่านให้เป็นเม็ดน้อยคอยระวัง
การภายในที่อาจยังความร้าวฉาน
ก็เป็นเม็ดฝีปากร้ายในกระดาน
แผ่ประจานปมปัญหาท้าความชัง
@....กิจการใดที่ผู้ใหญ่ไม่อาจกล่าว
เม็ดสามหาวก็ปากกล้าหน้าขึงขัง
แม้ในใจจะกริ่งเกรงถูกเกลียดชัง
แต่เพื่อยังประโยชน์ใหญ่จึงไม่เกรง
@....ท่านให้เป็นม้าศึกคึกคักสู้
เพื่อโรมรันพันตูผู้ข่มเหง
จากแดนดินถิ่นไหนไม่กลัวเกรง
อย่าอวดเบ่งบนแดนดินแผ่นดินทอง
@....ท่านให้เป็นเรือน้อยลอยปริ่มน้ำ
ผลิตความรื่นเริงบันเทิงฉลอง
รวมสมัครพรรคพวกทั้งรำร้อง
มาแซ่ซ้องสาธุการสำราญใจ
@....แต่เรือเล็กทั้งยังเด็กจึงม้วนคลื่น
กระทบกระทั่งกับผู้อื่นจนหวั่นไหว
เผลอชี้นิ้วสั่งการใครต่อใคร
ลืมนอบน้อมกับผู้ใหญ่ไม่เข้าที
@....เพราะใจหมายมุ่งให้งานสำเร็จ
มิได้คิดเผด็จการหว่านสี
มิได้ถือตนเหนือใครในชีวี
มิได้มีจิตหยามลามผู้ใด
@....ท่านให้เป็นโคนลอยคอยขีดเขียน
สร้างความเพียรและรอบคอบตอบคำไข
ฝึกฝนงานการหนังสือให้ลือไกล
แบ่งภาระท่านให้ได้คลายเบา
@....มาวันนี้ไม่มีที่บนกระดาน
ท่านให้ลงมาหัดอ่านและหัดเขียน
ให้มุ่งมั่นศึกษาและเล่าเรียน
เพื่อหมุนเวียนรักษาการณ์ผ่านเขตแดน
@....ท่านให้ทำหน้าที่ที่ตรงไหน
ก็ตั้งใจทำเต็มที่ไม่หวงแหน
ความสามารถมีเท่าใดขอทดแทน
พระคุณแผ่นดินทองของชีวี
@....จะเป็นเบี้ยหรือม้าศึกที่คึกค่า
ทำเต็มที่ทุกเวลาไม่หน่ายหนี
ความเจ็บช้ำที่สอดแทรกในฤดี
มิอาจมีอำนาจเหนือเมื่อทำงาน
@....จึงขอกราบถวายไตรกุศล
ที่บันดลช่วยเหลือเกื้อสถาน
แด่พระครูผู้ประสิทธิ์วิทยาการ
คณาจารย์ผู้สอนสั่งอย่างตั้งใจ
@...ไม่เคยคิดเป็นดาวใหญ่ในแผ่นฟ้า
หวังเป็นแสงชวาลาที่ผ่องใส
อยู่เบื้องหน้าพระปฏิมาผู้ทรงชัย
ส่องสว่างกระจ่างในแท่นบูชา
@....ขอมโนที่นอบน้อมพร้อมกตัญญู
จงเสริมส่งให้เป็นผู้ลดโทสา
และแตกฉานในการวิทยา
กอปรความเพียรเพื่อศึกษาสำเร็จเทอญ
18 มิถุนายน 2546 14:42 น.
พี่ดอกแก้ว
น้ำตานองร้องถามความเรือเร่
รักแล้วมารวนเรเหห่างหาย
เทียบท่าเพียงวูบเดียวก็เปลี่ยวดาย
ทิ้งท่าร้างห่างหายไม่เห็นลำ
แรงคลื่นลมหรือโถมเรือให้เบื่อท่า
หรือคลื่นพาเรือน้อยลอยถลำ
ระเริงชลจนหลงทางห่างทิศจำ
ทิ้งความช้ำชอกไว้ให้ฝั่งชล
สิ้นกระแสโถมเชี่ยวของเกลียวคลื่น
หมดเป้าหมายเริงรื่นในแห่งหน
จึงหันทิศกลับทางจากกลางชล
สู่ชายฝั่งบัดดลเพราะจนใจ
มางอนง้อขอโทษอย่าโกรธเกรี้ยว
เพราะกระแสชลเชี่ยวที่ซัดใส่
มิอาจฝืนคลื่นลมที่โหมใจ
จึงวาดหางเสือไปอย่างจำนน
นี่น่ะหรือคือความหมายในสัมพันธ์
พอใจกันก็เคียงข้างไม่ห่างหน
เห็นคนใหม่ก็แบ่งใจให้อีกคน
ไม่เคยหยุดสักหนที่ต้องการ
เมื่อพลาดหวังพลั้งหมายก็ได้คิด
กลับมาแอบแนบชิดคิดประสาน
รอยแยกแห่งหัวใจให้แนบนาน
ครั้นพบพานคนใหม่...ก็หมายจร
18 มิถุนายน 2546 14:32 น.
พี่ดอกแก้ว
ผ่านมาพบเรือใบไม้
บรรทุกหัวใจบอบช้ำ
แล่นเอื่อยเรื่อยล่องท่องลำ
ไร้คำพูดจาพาที
นิ่งมองสองข้างตลิ่ง
หมดสิ่งสนใจไร้สี
ความมืดหม่นท่วมฤดี
ใบไม้เต็มปรี่น้ำตา
แวะพักทางนี้ดีไหม
หยิบใจมาช่วยรักษา
โอมเพี้ยง! จงแกร่งกายา
โอม! ใจจงกล้าฝ่าฟัน
18 มิถุนายน 2546 14:31 น.
พี่ดอกแก้ว
ผ่านมาพบเรือใบไม้
บรรทุกหัวใจบอบช้ำ
แล่นเอื่อยเรื่อยล่องท่องลำ
ไร้คำพูดจาพาที
นิ่งมองสองข้างตลิ่ง
หมดสิ่งสนใจไร้สี
ความมืดหม่นท่วมฤดี
ใบไม้เต็มปรี่น้ำตา
แวะพักทางนี้ดีไหม
หยิบใจมาช่วยรักษา
โอมเพี้ยง! จงแกร่งกายา
โอม! ใจจงกล้าฝ่าฟัน