28 สิงหาคม 2546 11:27 น.
พี่ดอกแก้ว
ทำดีย่อมดีแน่
มิผันแปรในผลดี
ทำร้ายย่อมร้ายมี
มิสับสนผลของกรรม
ทำดีกลางความร้าย
คือใจกายที่เลิศล้ำ
ทำดีกลางปรักปรำ
คือใจธรรมหัวใจทอง
ทำดีมีสุขใจ
มิเคยให้ความหม่นหมอง
หม่นมัวที่ครอบครอง
เพราะตั้งใจไว้ไม่ดี
28 สิงหาคม 2546 11:24 น.
พี่ดอกแก้ว
ถอนหายใจหลายครั้ง
น้ำตาหลั่งเป็นเส้นสาย
ครั้งนี้คือแพ้พ่าย
แต่แพ้ใจมิใช่แพ้คน
ถอนหายใจหนักหน่วง
ความเป็นห่วงที่มากล้น
ต้องอัดไว้ในใจตน
มิกล้าพ้นเป็นวจี
ถอนหายใจเงียบงัน
ความฝันพลันหลีกลี้
ได้แต่แลมองคนดี
อยู่ตรงนี้อย่างเศร้าใจ
ถอนหายใจปวดร้าว
คงถึงคราวโหยไห้
คำสัญญาไร้เยื่อใย
เธอจากไปไม่กลับมา
28 สิงหาคม 2546 05:33 น.
พี่ดอกแก้ว
เขานิยามความหมายในความรัก
ที่แน่นหนักจักต้องมีสีขาว
เปรียบดอกรักสลักใจไว้ทุกคราว
จะร้อนหนาวเบ่งบานทุกกาลเวลา
สีชมพูดูหวานปานน้ำผึ้ง
คือรักซึ้งตรึงใจให้ใฝ่หา
เปรียบกุหลาบกลิ่นหอมย้อมอุรา
และเพ้อหาในรักประจักษ์ใจ
กุหลาบแดงแสดงความเป็นเจ้าของ
ที่หมายปองครองจิตมิคิดไหว
ด่ำในรสพจมานปานเชื้อไฟ
ที่มอดไหม้เพื่อรักและภักดี
อันรสหวานซ่านใจในความรัก
ดอกไม้จักแสดงแฝงศักดิ์ศรี
เป็นตัวแทนแห่งรักในฤดี
จึงมากมีไม้งามนิยามใจ
28 สิงหาคม 2546 05:29 น.
พี่ดอกแก้ว
ดอกรักบานหลังฝนจนดื่นดอก
หมายเพียงบอกสัมพันธ์มั่นความหมาย
คลายความหมองข้องจิตให้คิดคลาย
ใจเบิกบานสานลายเป็นสายใจ
ให้ฉ่ำหวานปานทิพย์หยิบจากสรวง
ที่รินล่วงรดร้อนผ่อนจิตไล้
และอ่อนโยนผูกพันมั่นฤทัย
หลอมอยู่ในมิตรภาพอาบความดี
อย่าเด็ดรักปักใจไว้เพียงหลง
จงมั่นคงสัมพันธ์ฉันน้องพี่
โลกสดสวยด้วยเมตตาและไมตรี
บทกวีจะมีค่าคราสอนใจ
กลั่นอักษรกลอนกานท์สมานฉันท์
เพื่อร่วมฝันฝากข้อคิดสะกิดไว้
ไม่เสียค่าเกิดมาเป็นคนไทย
ไม่เสียใจใช้ภาษาคงค่างาม
27 สิงหาคม 2546 09:34 น.
พี่ดอกแก้ว
มองฟ้าที่มืดมน
คิดถึงคนที่ห่วงหา
ตอนนี้ไร้แสงดารา
มิรู้เธออยู่แห่งใด
เมฆคลุมขอบฟ้าสิ้น
ฉันถวิลอย่างหมองไหม้
มิรู้เธอคิดอย่างไร
มิรู้ใจเธอเลยสักที
คงเป็นเหมือนท้องฟ้า
ที่เมฆหนาในตอนนี้
ได้แต่วอนฟ้าปรานี
หลังเมฆจงมีสิ่งสวยงาม