6 ธันวาคม 2546 19:26 น.
พี่ดอกแก้ว
วันมหามงคลดลสมัย
เฉลิมชัยฉลองชนมพรรษา
ของพระเจ้าอยู่หัวมหาราชา
ผู้สร้างค่าเพื่อชาวไทยให้ร่มเย็น
ทรงเหนื่อยยากตรากตรำบำรุงสุข
ปัดเป่าทุกข์คลายร้อนเพื่อผ่อนเข็ญ
เย็นศิระพระบริบาลพ้นลำเค็ญ
พระทรงเป็นร่มโพธิ์ทองของคนไทย
นับเป็นบุญชาวสยามคามนิคม
อยู่ใต้ร่มพระบารมีที่ผ่องใส
ในวันนี้ขอถวายพระพรชัย
กายและใจเอนราบทาบปฐพี
มารอรับเสด็จด้วยเคารพ
ขอน้อมนบพระไตรรัตน์เป็นสักขี
ข้าแผ่นดินแห่งวงศ์พระจักรี
ตั้งสัจจา ณ เบื้องนี้เพื่อบูชา
แม้นชีวิตจักปลิดไปในวันหนึ่ง
ขอซาบซึ้งในชาติและศาสนา
และทูนเทิดองค์พระกษัตรา
เป็นธุลีใต้บาทาพระจอมไทย
กราบพระแก้วมรกตจรดจิต
อำนวยพรศักดิ์สิทธิ์เลิศสมัย
กราบพระเทพบิดรผู้เกรียงไกร
โปรดคุ้มภัยป้องพาลอย่าราญรัน
ณ แผ่นพื้นเวียงวังนั่งเรียงราย
ทูลถวายหัวใจรักภักดีมั่น
รองพระบาทยาตราทุกคืนวัน
ทอดดวงใจดวงนั้นรับพระองค์
ความรู้สึกที่มีมากมายเกินพรรณาค่ะ
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ที่ผ่านมานี้ ที่พี่ดอกแก้วได้มีโอกาสเข้าเฝ้า
ถวายพระพร ที่สวนจิตลดา พร้อมกับน้องๆที่อภิธรรมและในวันที่ 5 ธันวาคม
เรานั่งรอการเสด็จมาของพระองค์ด้วยดวงใจที่จงรักภักดีอย่างใจจดจ่อเลยค่ะ
ที่พระบรมมหาราชวังค่ะ
4 ธันวาคม 2546 08:11 น.
พี่ดอกแก้ว
ม่านละอองมองขาวในราวป่า
ลอยอ้อยอิ่งระเรื่อยมายามลมไหว
บังใบเขียวเรียวติณพื้นถิ่นไพร
ฉากแห่งฝันฉากใหญ่ตอนรุ่งราง
พร่างลมเย็นผิวกายคลายรุ่มร้อน
กลิ่นหอมอ่อนมะลิลาครารุ่งสาง
ทิ้งรอยไว้ให้คละเคล้าแม้เบาบาง
ก่อนเจือจางเมื่ออรุณมาอุ่นไอ
ไพรเปลี่ยนภาพฉาบแสงแห่งสุรีย์
ฉากรังสีแจ่มจ้าฟ้าสดใส
ปลุกห้วงจิตคิดฝันอันแสนไกล
คืนสู่ชีวิตใหม่ในพนา
4 ธันวาคม 2546 08:06 น.
พี่ดอกแก้ว
ก้าวไปบนเวทีที่น่าเศร้า
ทุกสิ่งเร้ารุมให้ใฝ่ตัณหา
ดำเนินตามกองไฟทุรคา
เห็นมายาเป็นสิ่งที่จริงจัง
ลวงหลอกใจให้ไกลทางเจริญ
ยิ่งห่างเหินหลงไปในกรงขัง
มัดชีวิตปลิดเสรีรี้พลัง
ลอยติดฝั่งรอเข้าวันเผาไฟ
ถอยรอยทางย่างก้าวที่ร้าวแหลก
เลือกทางแยกสัญจรย้อนไปใหม่
ด้วยเรียนรู้ดูจำธรรมอำไพ
บ่มจิตใจใฝ่ลิขิตนิมิตดี
อย่าร้าวรานทานใจให้อดทน
ชีวิตตนมีค่าและศักดิ์ศรี
เป็นมนุษย์สุดประเสริฐเลิศชีวี
ใช้ภพภูมิที่มีด้วยกุสลา
มีโอกาส.....ใช้โอกาสไม่ขลาดเขลา
อย่าหมองเศร้ากลุ้มใจในปัญหา
เหนื่อยก็พักหนักก็วางอย่าร้างรา
สร้างคุณค่าด้วยลิขิตชีวิตงาม
4 ธันวาคม 2546 07:52 น.
พี่ดอกแก้ว
เก็บกลืนไว้ในใจไม่เปิดเผย
คำอ้างเอ่ยเพ้อพร่ำรำพันถ้อย
ไม่ให้หลุดจากปากแม้หนึ่งน้อย
มิยอมแพ้แก่รอยที่กรีดใจ
พงหนามก่ายเป็นลายเนื้อถูกเกี่ยว
จะไม่เลี้ยวหลบหนามที่ตามไล่
มุ่งหมายจรดรอยเท้าก้าวต่อไป
เดินตามทางพ่อสร้างไว้ให้ลูกเดิน
หยาดเหงื่อพ่อล้อแสงแดดที่แผดกล้า
แผ้วมรรคานำไปไม่ขัดเขิน
ประทับตาตรึงใจให้เผชิญ
ทางดำเนินตามคำสอนมิผ่อนคลาย
ทุกคำพ่อก่อสัญญาให้ฝ่าฟัน
รู้อดทน..มุ่งมั่น..เพื่อเป้าหมาย
รู้สละ...ช่วยเหลือ....เพื่อนรอบกาย
กตัญญู..อย่ารู้หน่าย..ในพระคุณ
เดินตามพ่อ...ก่อพลังพรั่งดวงจิต
พ่อคือผู้ลิขิตเพื่ออุดหนุน
พ่อคือผู้เติมต่อก่อต้นทุน
เกื้อการุณแก่ลูกนี้ไม่มีเทียม
๏ ๏ ๏ ๏ ๏ ๏ ๏ ๏ ๏ ๏ ๏ ๏
2 ธันวาคม 2546 10:48 น.
พี่ดอกแก้ว
ร่วมชื่นชมคมคำนำอรรถา
จำนรรจากรีดกรายลวดลายศิลป์
เป็นบทสอนรอนใจไร้ราคิน
ร่วมดูหมิ่นผู้อวดตนบนศักดา
ครั้นเมื่อฝนหมดฟ้าพาเปลี่ยนฉาก
วายุหลากโลดแล่นสู่แผ่นผา
กรรโชกมิตรปลิดปลิวลิ่วนภา
ความหนาวแทรกอุราคราลมพาน
ชิงชังกันขันแข่งแบ่งพวกพรรค
พร้อมสมัครทำลายด้วยใจหาญ
ฟาดฟันกันสรรเสียดสีที่ร้าวราน
บ้างประจานเรื่องเก่าเล่าเรื่องปลอม
ลืมสัญญาเมื่อสายัณห์วันร่วมฟาก
คราวตีจากถีบหัวเรือไม่ถนอม
สร้างกำแพงด้วยไฟจากใจตรอม
รวมพวกพร้อมตัดสินคนบนใจกา
หมดความหมายเรื่องมากมายในวันเก่า
โทสะเร้าเผาความดีที่เคยจ้า
สิ้นใยเยื่อไม่เหลือกรุณา
ความเกลียดชังบังตาทั้งสองดวง
ปล่อยความโกรธพิโรธใจในเคืองแค้น
ให้ฝังแน่นดั่งของที่ต้องหวง
ดุจน้ำกรดรดราดอยู่กลางทรวง
ใจทั้งดวงจึงร้อนเร่าคราวพบกัน
เพราะถือตนบนถือดีที่ถูกผิด
จึงกลายมิตรเป็นศัตรูผู้เดียดฉันท์
แท้ใจตนต่ำทรามชอบหยามกัน
ถือตัวฉันนั้นแน่แต่ผู้เดียว