8 พฤษภาคม 2547 06:45 น.
พี่ดอกแก้ว
คนหมิ่นหมอนนอนตายกลายเป็นซาก
เลือดหนองหลากทาแผ่นดินสิ้นโลงสวย
คนปานกลางไปจนถึงคนรวย
ลูกหลานช่วยทำพิธีให้ดีงาม
พระพุทธองค์ทรงสอนรอนทิฏฐิ
ให้ดำริความจริงสิ่งควรขาม
ตายแล้วเกิดทันทีมีนิยาม
เป็นไปตามบาปบุญเนื่องหนุนไป
แต่ภพชาติกางกั้นชั้นความจำ
คนใจต่ำจึงไม่รู้เหตุผลได้
ทำไปตามกิเลสก่อเภทภัย
ตาย-เกิดในวัฏฏกรรมช้ำชีวา
8 พฤษภาคม 2547 06:41 น.
พี่ดอกแก้ว
ผ่านกำแพงความคิดที่ปิดกั้น
ระบบชั้นกลั่นกรองของพวกเขา
เดิมพันด้วยจริงใจไปแลกเอา
ไมตรีจิตบางเบา...มาชื่นชม
สงบมองผลงานผ่านชีวิต
ทีละนิดผ่านวันคืนที่ขื่นขม
ไร้สามารถด้วยเราแพ้อารมณ์
หรือเพราะเขาเกินบ่มให้สุกงอม
ตั้งปราการด่านระแวงแคลงความคิด
ทำให้ด้วยสุจริตเพื่อหล่อหลอม
เป็นเพื่อนพ้องน้องพี่ไม่แปลกปลอม
แต่เขากลับไม่ยอมเชื่อน้ำใจ
หรือคำพูดดีดีที่ไพเราะ
คงไม่เหมาะกับอุปนิสัย
เขาคงชินคำพูดพิสูจน์นัย
ว่าจริงใจต้องห้าวไม่ท้าวความ
อันสำเนียงส่อภาษาเวลาสันต์
สกุลนั้นดูท่วงท่าคราถูกหยาม
คงต่างกอหน่อเหล่าทั้งเหง้านาม
จึงเกิดความขัดแย้งแฝงมายา
ผู้มองโลกแง่ร้ายพ่ายความคิด
จึงมีจิตฝักใฝ่ในกังขา
พบผู้ใดไพเราะเพราะวาจา
ก็ระแวงระวังท่าไม่เชื่อคำ
ผู้มองโลกมีเล่ห์เพทุบาย
ลวงผู้อื่นมากมายให้ถลำ
ใช้ความหวานเคลือบพจน์เป็นบทนำ
หลอกผู้มีเหตุกรรมให้หลงกล
ผู้มองโลกด้วยดีมีสติ
คำพูดผลิไพเราะเหมาะกุศล
แม้นถูกลวงก็รู้เหตุแห่งตน
นั่นคือผลจากบาปทาบทบเงา
หมายจะแผ่ความนี้ที่จริงใจ
แต่เขากลับผลักไสให้ต้องเฉา
ไม่อาจข้ามกำแพงไปแบ่งเบา
ความขลาดเขลาจากผู้บังหลังกำแพง
3 พฤษภาคม 2547 20:46 น.
พี่ดอกแก้ว
ความเสี่ยงภัยระหว่างทางสัญจร
เมาไม่ขับหลับก่อนตะบึงห้อ
ใช้ความเร็วสัมพันธ์กันกับล้อ
พร้อมจะหยุดไม่ก่อวิกฤตภัย
ในยวดยานปานจรวดต้องตรวจสอบ
ให้รอบคอบเครื่องยนต์ทนหรือไม่
อุปกรณ์ต่างต่างอย่าวางใจ
ชำรุดไปต้องซ่อมให้พร้อมลุย
การเดินทางกลางถนนหนไหนไหน
คาดเข็มขัดนิรภัยอย่าคิดชุ่ย
ว่าอึดอัดมัดลงตรงพุงพลุ้ย
เอี้ยวตัวคุยไม่ถนัดบีบรัดกาย
ประพฤติตนตามกฎลดอุบัติเหตุ
ปฏิเสธความประมาทอย่างผึ่งผาย
หากทำแล้วก็ยังถึงความตาย
คือเหตุกรรมวาดลวดลายตามมาทัน
3 พฤษภาคม 2547 20:35 น.
พี่ดอกแก้ว
คงสักวันฝันไกลจะใกล้ชิด
แนบสนิทจุดหมายที่ปลายหวัง
เมื่อยังมีไฟศรัทธากล้าพลัง
คุโชนฝังรากแรงแห่งทะนง
ใจที่ปวดรวดร้าวคราวล้มลุก
กายที่ซุกจะยืนร่างขึ้นอย่างหงษ์
แม้นด้อยวัยก็รักษ์ไว้ซึ่งเผ่าพงศ์
หงษ์คือหงษ์ทะนงตนพ้นกลิ่นกา
อย่ายอมพ่ายภัยรานงานอุปสรรค
ปลูกความรักลงใจให้แน่นหนา
ดุจตรึงตอกเสาเข็มเต็มอุรา
ให้มั่นคงชีวาเพื่อฝันไกล
ใฝ่ใจสร้างอย่างอ่อนหวานค่อยสานหวัง
ทีละก้าวค่อยหยั่งอย่าหวั่นไหว
เดินด้วยความมั่นคงทะนงใจ
บนทางไกลไม่แพ้กาลแม้นานวัน
ผ่านแดดร้อนลมแรงไร้แสงส่อง
จงประคองหัวใจให้มีฝัน
เดินออกจากเส้นทางที่ตีบตัน
คือเส้นกั้นใจสู้ของผู้เดิน
30 เมษายน 2547 23:16 น.
พี่ดอกแก้ว
ชีวิตคนหนึ่งคนบนโลกนี้
ล้วนมากมีเรื่องราวให้กล่าวขาน
มีความหวังตั้งไว้ในวันวาน
และถักสานใส่ฝันวันต่อไป
ผ่านทางเลี้ยวทางแยกคนแปลกหน้า
พบศาลาพักร้อนนอนผ่อนไข้
บางครั้งพบความหนาวจนร้าวใจ
บางครั้งเห็นแสงไฟตอนมืดมน
ลวดลายกรรมนำชีวิตให้คิดผัน
แต่ละวันหมุนเวียนเปลี่ยนสับสน
กำหนดทางอย่างทะนงองอาจตน
ทั้งที่ไม่รู้หนจะก้าวเดิน
เพียงแต่ใจไม่ไร้สิ้นความกล้า
หวังทายท้าขวากหนามข้ามโขดเขิน
ทั้งคนดีคนร้ายหมายเผชิญ
เส้นทางเดินสู่เป้าหมายที่ใฝ่ปอง
ความสำเร็จสมหวังดังใจฝัน
มีความมั่นมุ่งใจไม่หม่นหมอง
กล้าจะก้าวเท้าตามความหมายปอง
ปลายทางต้องถึงสักวันฉันมั่นใจ