2 กันยายน 2547 21:51 น.

๐ ขอร้องใจ ๐

พี่ดอกแก้ว

เชื่ออีกครั้งได้ไหม...อย่าไหวหวั่น 
เรื่องคราวนั้นอย่าจำไว้ให้หม่นหมอง 
ลืมเสียเถิดความช้ำน้ำตานอง 
อย่าจับจองภาพเศร้า...เผาทิ้งไป  

เชื่ออีกครั้งเถิดหนา...อย่าผิดหวัง 
กอบกู้แรงอีกครั้งทำได้ไหม 
หยุดน้ำตาไหลพรากจากดวงนัยน์ 
เริ่มอีกครั้งนะใจ...ที่งดงาม 

ขอร้องใจที่เหงาอย่าร้าวราน 
อย่าพ่ายแผลพิษพาลจากรอยหนาม 
รักษาเนื้อหัวใจไม่ลุกลาม 
กลับสู่ความแกร่งอีกครั้ง...ดังเช่นเดิม 

เติมความหวังครั้งใหม่นะใจนี้ 
เลือกหาสิ่งที่ดีมาสร้างเสริม 
ให้หมดจดงดงามตามแต่งเติม 
คือจรดเจิมจารบุญให้คุ้นใจ 

ขอร้องครั้งที่ร้อยอย่าน้อยขวัญ 
เมฆหมอกนั้นต้องผันผ่านให้สดใส 
แม้นต้องรอครั้งที่พันอย่าหวั่นไป 
ขอร้องใจอีกหนบนหวังงาม 				
1 กันยายน 2547 16:38 น.

ความหวังที่จางหาย

พี่ดอกแก้ว

หนึ่งความหวังตั้งไว้เมื่อวัยเยาว์ 
จากบางเบามาผนึกตรึกใจฝัน 
วาดโครงร่างสร้างแบบแนบชีวัน 
จุดหมายนั้นสวยงามยามคำนึง 

เหนื่อยหรือไม่..ฝันไปไม่เคยท้อ 
ความหวังก่อเป้าหมายไปให้ถึง 
เก็บเกี่ยวกิ่งประสบการณ์มาสานตรึง 
คิดเพียงหนึ่งเป้าหมายไม่คลายคลอน 

แปลกเหลือใจที่คิดไว้ว่าแน่แท้ 
กลับผันแปรที่ใจให้ทอดถอน 
ใจดวงเดิมดับหวัง...ครั้งร้าวรอน 
อุปสรรคบั่นทอนจนเปลี่ยนแปลง

หรือเวลา..มาคว่ำทำฝันค้าง 
หรือผู้อื่น..มาสร้างความแสลง 
หรือฝันนั้น..ยิ่งใหญ่เกินเรี่ยวแรง 
หรือสวรรค์กลั่นแกล้ง...ให้โศกซม 

ตั้งคำถามตามโจทย์โทษผู้อื่น 
หมายหยิบยื่นให้เขาผิดคิดขื่นขม 
ลืมคำถามยุติธรรมนำนิยม 
คือตนเองเป็นปมด้อยพัฒนา 				
1 กันยายน 2547 08:38 น.

๐๐ ที่ซ่อน ๐๐

พี่ดอกแก้ว

เก็บตัวไว้ไม่ให้ใครพบเห็น
หลบหลีกเร้นการพบหน้าคราหวนไห้
อยู่คนเดียวเงียบเงียบไร้แสงไฟ
นั่งถอนใจ ...ทำใจ.. ในม่านเงา

เปิดตัวออกหลอกผู้อื่นว่าชื่นจิต
อยู่ท่ามกลางมวลมิตรปิดรอยเศร้า
ทำหัวเราะเฮฮาเสียงไม่เบา
ซ่อนตนจากความเฉาในหัวใจ

คลิ๊กหน้าจอรอเวลามาสังสรรค์
สื่อสัมพันธ์เครือข่ายสายสมัย
ซ่อนตัวจากโลกจริงจนห่างไกล
เปิดโลกใหม่ตามสนองของใจตน

คราวหมดสิ้นหนทางสร้างความสุข
ชีพถูกรุกหาที่พึ่งถึงกุศล
หนีผ้าสี..นุ่งห่มใหม่ใฝ่ท่องมนต์
หมายหลีกหลบให้พ้นจากทุกข์ภัย

ไม่ว่าใครต่างมีใจคิดหลบซ่อน
ต่างบทตอนต่างวิธีที่แก้ไข
หลีกหลบแล้วหลบอีกหลีกร่ำไป
หลบไม่พ้น...เพราะใจคอยติดตาม				
31 สิงหาคม 2547 10:23 น.

...รั้ว...

พี่ดอกแก้ว

แสงยามเย็นเน้นริ้วที่ทิวทุ่ง 
สีแดงปรุงพื้นหล้าพาใจหาย 
ใกล้เวลาทิวาจะวางวาย 
แสงสุดท้ายอ้อยอิ่งทิ้งเรื่องราว 

พักสายตามองไปไม่ไกลบ้าน 
ที่ริมลานมีรั้วทาสีขาว 
เอียงระเนระนาดพาดใบพราว 
จากสายยาวโยงใยในพืชพันธุ์ 

เดิมแข็งแรงแบ่งกั้นปักปันเขต 
กีดอาเพศโจรภัยใช้รั้วกั้น 
เมื่อเวลาผ่านไปหลายปีพลัน 
ไม้รั้วนั้นผุพังไม่ยั่งยืน 

เหลือโครงสร้างร่างงอพอได้เห็น 
กลับกลายเป็นค้างไม้ไม่แข็งขืน 
เป็นที่พึ่งไม้เลื้อยค้ำต้นยืน 
ให้เริงรื่นตามกาลสำราญตน 

ต่างอะไรกับเราคราวชรา 
คลายแกร่งกล้าล้ากายเลิกหมายผล 
มิอาจเหมือนคราวฉกรรจ์ที่บันดล 
แสดงตนเก่งกาจอาจกำลัง 

แม้นไม่ถึงคราวล้มจมผืนดิน 
แต่คลายสิ้นบารมีที่เข้มขลัง 
คล้ายหลักไม้ถึงกาลที่ผุพัง 
ได้แต่ยังเลี้ยงดรุณรุ่นอ่อนวัย 

ครั้นพิศไปใต้เงาสนธยา 
กลับเห็นค่าเคยวางสร้างนิสัย 
การกระทำความดีมีวินัย 
เหมือนดั่งรั้วกั้นใจไร้เรื่องทราม 

แม้นชรามาเยือนเรือนกายนี้ 
คุณความดีที่เคยชินก็รินหลาม 
มีหัวใจแห่งผู้ให้อย่างงดงาม 
เหมาะสมตามวัยตนคนชรา				
30 สิงหาคม 2547 06:45 น.

มะลิซ้อน

พี่ดอกแก้ว

กลิ่นหอมกรุ่นมะลิซ้อนตอนรุ่งสาง 
เกล็ดน้ำค้างแนบชิดติดกลีบสวย 
คราวลมลอบหอบกลิ่นระรินรวย 
พลิ้วไหวด้วยกลีบขาวพราวละไม 

สุขหัวใจได้พบสบนวลเจ้า 
ทุกยามเช้าสวนขวัญอันสดใส 
งามดวงดอกบอกกล่าวท้าวความนัย 
กลีบที่ซ้อนซ่อนไว้ว่าหอมนาน 

ดอกมะลิผลิล้วนถ้วนสีขาว 
ไม่ซับซ้อนเรื่องราวคำกล่าวขาน 
กี่เดือนปีสีกลิ่นเดิมให้พ้องพาน 
จะกี่กาลก็ขาวหอมให้ดอมดม 

ต่างกับคนซับซ้อนซ่อนเล่ห์ลิ้น 
มักเปลี่ยนกลิ่นเปลี่ยนกฎพจน์ผสม 
หนึ่งเหตุการณ์นั้นหลากรสคารม 
เพียงเหตุเดียว...เพื่อสมฤทัยปอง 

การคบหาสมาคมจึงตรมจิต 
มีหน้ากากปกปิดบังเนื้อหนอง 
ซ้อนหลายชั้นกันธาตุแท้แผ่ละออง 
ในที่สุดหล่นกอง...หน้ากากพัง 

สิ่งที่เห็นเป็นเรื่องควรพินิจ 
ว่าความคิดป็นสิ่งไม่ยืนยั่ง 
ความรู้สึกไม่ยั่งยืนไม่จีรัง 
รัก ชอบ ชัง ...เพียงหายใจในชีพเดียว 				
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟพี่ดอกแก้ว
Lovings  พี่ดอกแก้ว เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพี่ดอกแก้ว
Lovings  พี่ดอกแก้ว เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพี่ดอกแก้ว
Lovings  พี่ดอกแก้ว เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพี่ดอกแก้ว