20 กันยายน 2547 20:19 น.
พี่ดอกแก้ว
๐๐กลุ่มด้ายดิบหยิบวางอย่างคิดฝัน
แต่ละอันย้อมสีที่เส้นสาย
ใจเอิบอิ่มคิดวางสร้างลวดลาย
ให้เพริศพรายสวยสมอารมณ์จินต์
หยิบขดด้ายหลายสีที่ชุบสรง
ค่อยบรรจงปักลายตามสายศิลป์
ตั้งใจสื่อเสรีให้โบยบิน
ภาพวิหคผกผินกลางนภา
สลับสีแต่งแต้มแซมให้สวย
เติมภาพด้วยพงไพรใบพฤกษา
แล้วเพิ่มให้สมจริงด้วยเมฆา
ทั้งกระแสลมพาภาพสมบูรณ์
เริ่มจากด้ายไร้สีที่วางทิ้ง
กลับเป็นสิ่งมีค่าหาใช่ศูนย์
ขึ้นอยู่กับวิธีการเพิ่มพูน
ความจำรูญปรากฏดังยศใจ
เหมือนมนุษย์ด้ายดิบหยิบไปย้อม
และปักล้อมลายศีลให้สดใส
ฝึกดวงจิตให้กล้าเหิรฝ่าไป
แม้นลมไล่ลมต้านไม่คร้านบิน
ปักความเพียรเรียนรู้อุปสรรค
ปักความรักรู้สงบและจบสิ้น
ปักความแกร่งอดทนให้เคยชิน
จึงปรากฏภาพบินที่งดงาม ๐๐
20 กันยายน 2547 11:03 น.
พี่ดอกแก้ว
ที่ปลายเนินเดินผ่านธารน้ำน้อย
ใจล่องลอยคิดไปในความหลัง
ปุยเมฆขาวพราวฟ้ามาบดบัง
ผ่อนพลังสะท้อนให้อ่อนลง
ใต้ร่มไม้ใบพลิ้วปลิวลมร้อน
เหมือนเสียงวอนให้เลิกความประสงค์
ดึงหัวใจให้ดำดิ่งลึกลง
ห้วงพะวงความหลังหลั่งไหลมา
เคยฝังใจในสิ่งเป็นมิ่งขวัญ
เคยสุขสันต์เสียงใสในหรรษา
แล้วความสุขก็ปลิวไปลับตา
เพราะชีวาไม่แน่นอนสะท้อนใจ
เพลงความหลังดังแผ่วแล้วดังเพิ่ม
แต่เหมือนเติมความช้ำคำผลักไส
ให้รีบเดินก้าวต่อบนทางไกล
เพื่อฟื้นใจที่เคยฝังครั้งเขลาความ
หากย้อนคืนรอยเก่ายิ่งเขลานัก
คืนสู่ปลักหมองหม่นบนรอยหนาม
ทางข้างหน้าต้องสดใสและงดงาม
หากเดินตามทางสวยด้วยรอยธรรม
นำหัวใจไปถวายพระศาสดา
น้อมชีวาห่างภัยไม่ถลำ
ปลดปลิดทิ้งความเศร้าที่ทรงจำ
กางร่มธรรมเดินทางต่อไม่ท้อใจ
16 กันยายน 2547 19:55 น.
พี่ดอกแก้ว
บางค่ำคืนฝืนทนความหม่นหมาง
มองแสงจางจากดาวเศร้าเหลือหลาย
ปมชีวิตบิดเกลียวไม่เคยคลาย
รอยบาดเจ็บมากมายไม่เว้นวัน
หาที่พักดวงจิตคลายฤทธิ์โศก
เหมือนอับโชคเดือนดับไม่รับขวัญ
หยาดน้ำตารินไหลคืนไร้จันทร์
หลุบดวงตาหนีพลันปิดม่านใจ
ไขว่คว้าหาความหวังนั่งไขว่คว้า
สิ่งภายนอกเข้ามาช่วยแก้ไข
ก็ช่วยได้บางหนบนทุกข์ภัย
แต่แล้วใจก็คืนรอยพร้อยแผลเดิม
อาจหมดหวังไร้พลังในคืนนี้
พักสักนิดนะคนดีเพื่อสร้างเสริม
กำลังกายให้เข้มแข็งแรงเพิ่มเติม
รอแสงเสริมสุรีย์อาจมีทาง
ปล่อยเวลาสักนิดอย่าคิดเครียด
ใจถูกเบียดให้ครุ่นคิดจิตยิ่งหมาง
ทุกสิ่งมีทางแก้ไขให้ละวาง
ช้าเสียบ้าง...สร้างใจไม่ร้อนรน
16 กันยายน 2547 01:21 น.
พี่ดอกแก้ว
คร่ำครวญหาแสงไฟคราไร้แสง
เสาะแสวงอัญมณีที่สูญหาย
เที่ยวป่าวร้องฆ้องตีสีตะพาย
วอนอดีตกลับกลายให้คืนมา
ครามีไฟกลับทิ้งไฟให้ไหม้มอด
เที่ยววางถอดเพชรไว้ไม่เห็นค่า
คราวจำเป็นจึงจรย้อนกลับมา
แล้วรู้ว่าสิ่งดีนี้หายไป
โบร่ำราณท่านเปี่ยมเอี่ยมปัญญา
กลับทิ้งค่าเริงชาติอื่นชื่นนิสัย
วัฒนธรรมดีงามได้เปลี่ยนไป
สีหัวใจกลายด่างอย่างเครื่องกล
ศีลธรรมเลือนหายกฎหมายเพิ่ม
และต่อเติมเล่ห์ใหม่ให้สับสน
ผิดเป็นถูกปลูกบาปอาบกมล
ค่านิยมของคนปนเรื่องทราม
ยามวิกฤตจิตไร้ไฟส่องแสง
จึงจัดแจงระดมสมองร้องเรียกถาม
คุณความดีอยู่ที่ใดต้องไปตาม
และเปิดฟาร์มฟื้นฟูผู้มีแวว
หวังสร้างคนรุ่นใหม่ให้เด่นดี
นำเภรีธรรมาภิบาลประสานแถว
ปลูกเมตตากลางใจให้เป็นแนว
อาจสายแล้ว..กว่าได้คิดล้างจิตทราม
15 กันยายน 2547 00:42 น.
พี่ดอกแก้ว
กรรมนำทางสร้างสายทุกข์
ให้ล้มลุกคลุกเถ้าเคล้าตัณหา
มาได้คิดพินิจพิจารณา
เห็นคุณค่าพระธรรมนำพ้นภัย
ให้สำนึกตรึกรู้ดูสิ่งควร
กระทำการถี่ถ้วนและแก้ไข
สร้างรอยทางสร้างกรรมดีมีสุขใจ
และมอบใยเยื่อรักพิทักษ์ชน
ใช้สองมือถือธรรมนำความสรรค์
สองเท้านั้นเบิกทางสร้างถนน
สองดวงตาแลไกลในสกนธ์
หนึ่งปากนี้ปลอบคนให้เดินทาง
ใช้สองหูสดับรับสรรพเสียง
หนึ่งดวงใจร้อยเรียงไม่หม่นหมาง
มอบรักไว้ใจช่วยเหลือมิเจือจาง
ถึงเป้าหมายปลายทางอย่างสุขใจ