1 มิถุนายน 2548 09:14 น.
พี่ดอกแก้ว
เมื่อยามเยาว์เขลาความตามไซ้ซัก
อยากรู้จักนกน้อยคอยเฝ้าถาม
อยากรู้จักดอกใบและไม้งาม
อยากรู้จักลุกลามเรื่องรอบตน
เมื่อเข้าเรียนเขียนอ่านการศึกษา
รู้วิชามากมายได้ฝึกฝน
จากที่เคยถามไถ่ใครหลายคน
หันพึ่งตนค้นคว้าวิชาชาญ
เมื่อทำงานผ่านกลเกมชีวิต
รู้จักสิทธิ์เติมศักดิ์อัครฐาน
รู้จักโต้เหตุผลวิพากษ์วิจารณ์
ประสบการณ์สานปีกรู้หลีกบิน
บางคนหยุดการเรียนไม่เพียรรู้
ดูหมิ่นผู้เคยให้ปัญญาสิน
บ้างถือตนเหิมกล้าท้าฟ้าดิน
หรือเข่นสิ้นผู้ขวางอย่างดูแคลน
นึกสลดหดหู่ผู้ประมาท
หลงในความเก่งกาจอย่างเหลือแสน
ทะนงหนักหลักตนจนพ้นแดน
ทิฏฐิแม้นภูผาน่าตกใจ
ไหนเลยจะมีผู้รู้ทุกสิ่ง
เว้นพระพุทธองค์ผู้ยิ่งปัญญาไข
ในเรื่องของความรู้นั้นกว้างไกล
หาเพียงใช่ลำธารผ่านพนา
ยังมีใหญ่กว่าธารให้พานพบ
เมื่อประสบลำคลองล่องมัจฉา
จากลำคลองไหลลงลุ่มคงคา
สู่ทะเลและมหาสมุทรชล
จึงไม่ควรด่วนได้ในภูมิรู้
ดุจแก้วน้ำคว่ำอยู่ที่กลางหน
ไร้ประโยชน์เพราะกรอบครอบกมล
อย่าปล่อยตนเย่อหยิ่งทิ้งธารา
30 พฤษภาคม 2548 12:30 น.
พี่ดอกแก้ว
หนึ่งภาพรวมสวมไว้ในหนึ่งฉาก
ความหลายหลากซ่อนตนให้ค้นหา
หนึ่งคำรักต่างรสต่างเจตนา
หนึ่งชีวาต่างกรรมในคำเดียว
รักอาจร้อนดุจฟอนสุมไฟเผา
เพราะคิดเอาแต่ได้ไม่แลเหลียว
ความรู้สึกผู้อื่นฝืนขันเกลียว
ความร้อนเผาแตกเสี้ยวไม่เหลือดี
รักอาจเย็นเช่นน้ำทิพย์หยิบยื่นสุข
หล่อเลี้ยงใจปลอบปลุกในทุกที่
เพราะเข้าใจ ไม่ขืน ยื่นไมตรี
ให้เสรีไม่ดึงดันบีบคั้นใคร
รักอาจเป็นเช่นพลังดังช้างสาร
ให้ฮึกหาญหนุ่มสาวพราวสดใส
หรืออาจเป็นความหวังกำลังใจ
จากผู้ใหญ่สู่ผู้น้อยคอยค้ำจุน
รักอาจเหมือนสิ่งมอบนอบนบจิต
สื่อบูชิตกตัญญูผู้อุดหนุน
จากผู้น้อยสู่ผู้ใหญ่ใฝ่แทนคุณ
สำนึกบุญของท่านวันผ่านมา
รักอาจคล้ายสายใยในมิตรผอง
ดุจพี่น้องเชื่อมใจให้หรรษา
ร่วมสุขทุกข์ช่วยเหลือทุกเวลา
ให้พึ่งพาพักพิงไม่ทิ้งกัน
รักจึงมากมายรสในบทฉาก
รักจึงหลากความหมายในสิ่งฝัน
รักจึงต่างวิธีสื่อสัมพันธ์
รักจึงอัศจรรย์ในเรื่องราว
หนึ่งภาพรวมสวมไว้ได้หลายบท
ควรหรือที่ตั้งกฎเพียงหนุ่มสาว
มองให้เห็นความต่างระหว่างดาว
จะเห็นรักเพริศพราวเต็มฟ้าไกล
20 พฤษภาคม 2548 07:25 น.
พี่ดอกแก้ว
น้ำตารินยินเสียงใจสะอื้น
ผ่านค่ำคืนไร้ดาวร้าวรานขวัญ
ย้อนเหตุการณ์ทวนสิ่งยิ่งจาบัลย์
ความโศกเข้าโรมรันครองฤดี
เห็นภาพเขาทำลายทำร้ายใจ
ฉากต่อไปเขาด่าและเสียดสี
คำเยาะเย้ยถากถางประดามี
ถ้อยวจีตัดรอนก่อนจากลา
เห็นภาพตนถูกทำร้ายคล้ายดั่งทาส
เหมือนถูกโบยถูกสาดด้วยภาษา
บ้างแจ่มชัดในกระทบที่เย็นชา
หรือจำความไร้ค่าได้แม่นยำ
น้ำตารินสิ้นคิดจิตร่ำร้อง
เรียกหาความถูกต้องและครวญคร่ำ
ตั้งคำถามถามฟ้าที่มืดดำ
รอคำตอบเหนือกรรมที่ถูกใจ
ย้อนคิดไป..คือซ้ำย้ำรอยแผล
ความอ่อนแอ..เหมือนเชื้อโรครุกอาศัย
ย้อนอดีตกรีดกลัดหนองนองเนื้อใน
ความวิบัติครองใจ...เพราะคิดทวน
หาคำตอบชอบใจให้แก่จิต
ความตอกย้ำคือพิษที่แล่นสวน
ยิ่งคิดยิ่งร้อยใจไว้กับตรวน
สร้างขบวนรถไฟสายน้ำตา
ต้องสับรางสร้างใจให้ทันการณ์
หลีกฟุ้งซ่านหลบขบวนชวนโทสา
แซงอดีตพ้นผ่านม่านสัญญา
ไปชมวิวข้างหน้าให้สุขใจ
19 พฤษภาคม 2548 09:10 น.
พี่ดอกแก้ว
เพ็ญเดือนหกยกย่องก้องโลกหล้า
ประเพณีบูชาพระชินสีห์
เอกบุรุษผู้เผยธรรมวาที
นำชนสู่เสรีพระนิพพาน
ปวงชาวไทยในเบื้องบรรพ์นั้นน้อมนบ
ร่วมกิจกรรมเคารพสมัครสมาน
ปรุงประดับความสวยรอบอาคาร
กอปรศีลทานเฉลิมบุญกรุ่นนคร
เพราะจิตนั้นซาบซึ้งตรึงใจว่า
จวบเวลาสำคัญวันอนุสรณ์
กาลประสูติจากครรภ์พระมารดร
กาลตรัสรู้เงื่อนย้อนวัฏฏะภัย
อีกทรงเข้าปรินิพพานกาลท้ายนั้น
เพ็ญเดือนหกเช่นกันปัจฉิมสมัย
นับเป็นความอัศจรรย์เหนือชนใด
เป็นสิทธิของผู้ให้มัชฌิมา
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของชาวพุทธ
ประเสริฐสุดยิ่งใหญ่ไร้กังขา
เปรียบเหมือนแสงสว่างล้างมายา
ดั่งดวงตาแห่งโลกบอกโชคคน
ดุจธารารินสายไม่สิ้นสุด
โปรดมนุษย์เทวดาพาพบผล
แม้นวาระสุดท้ายใกล้สิ้นชนม์
โปรดสุภัททะให้พ้นบ่วงแห่งมาร
เวียนบรรจบครบวันอัศจรรย์นี้
น้อมกุศลในชีวีที่สืบสาน
กราบเป็นพุทธบูชาด้วยดวงมาน
ศิระกรานเทิดไว้ในพระคุณ
19 พฤษภาคม 2548 07:11 น.
พี่ดอกแก้ว
ในท่ามกลางความคิดเกิดผิดแปลก
เหมือนรอยแยกระหว่างทางขุนเขา
ฟากข้างหนึ่งเป็นลมที่แผ่วเบา
อีกข้างหนึ่งเทียบเท่าแท่นศิลา
หลายร้อยพันวันคืนทั้งตื่นหลับ
เกินจะนับเรื่องราวกล่าวอรรถา
ในชีวิตทำการงานเหลือคณา
แต่น้อยเรื่องตรึงตราสนิทใจ
ในเรื่องดีมีบ้างสร้างกุศล
แนบกมลคือเศร้าเข้าหวั่นไหว
ความสูญเสียทรงจำติดฤทัย
เรื่องทั่วไปเหมือนลมพรมผืนดิน
พระท่านจึงสอนสั่งให้ตั้งจิต
วางเข็มทิศหากุศลเป็นทรัพย์สิน
ตั้งใจทำและระลึกเป็นอาจิณ
เพื่อช่วยเหลือชีวินคราใกล้ตาย
เว้นทำบาปหยาบช้าพาตกต่ำ
ความเคยชินจะนำให้ฉิบหาย
ใกล้สิ้นลมอกุศลเข้าเยี่ยมกราย
ภาพเข่นฆ่าทำร้ายมานำทาง
ถามตนเองอย่าเกรงใจในคำตอบ
ว่าใจชอบนึกเรื่องดีหรือบาดหมาง
อยู่คนเดียวคิดอะไรไม่ปล่อยวาง
ความถี่ข้างชั่วหรือดีชี้แจงตน
เมื่อใกล้ตายคลายสติที่ริชอบ
กรรมที่ทำคือกรอบพาสู่หน
ขึ้นกับความหนักเบาที่เคล้าชนม์
ไถ่ถามตนให้รอบคอบก่อนกอปรกรรม