13 เมษายน 2552 11:37 น.
พิมญดา
ถ้อยรำพันหวั่นนักความรักเอ๋ย
มาคุ้ยเคยเชยชมพรมอักษร
ดั่งสังคีตดาวดึงซึ้งบทกลอน
มาออดอ้อนวอนเว้าเอาใจนาง
ใช่อัปสรธิดาฟ้าสวรรค์
แค่จำนรรจ์บทกวีที่สรรค์สร้าง
มธุรสหวานวจีมิอัปปาง
มิลาร้างหายไปในสายลม
เป็นแม่ญิงเขียนกลอนร่อนเร่มา
พักชายคาบ้านกลอนไทยใจสุขสม
มีเพื่อนพ้องน้องรักเฝ้าชื่นชม
คอยภิรมย์อักษรามาพากเพียร
ไม่ได้หวังจะเป็นเช่นซีไรท์
ไม่ได้หวังจะยิ่งใหญ่กับงานเขียน
ก็แค่หวังเอาเก็บไว้เป็นบทเรียน
ไม่ใช่เซียนเขียนกลอนนอนมาเลย
จารจารหวานล้ำถ้อยคำรัก
เพราะตระหนักในรักที่เอื้อนเอ่ย
จารจารขื่นขมเพราะคุ้นเคย
จึงเปิดเผยเล่าขานอ่านเป็นกลอน
12 เมษายน 2552 08:44 น.
พิมญดา
บทกลอนเก่าเฝ้าถนอมกล่อมใจน้อย
ที่เฝ้าคอยคนเขียนเปลี่ยนใจหนี
ไปร่ายรักลอยล่องท่องกวี
ให้สตรีหน้าสวยด้วยแต่งเติม
สาวเพียงดาวหนาวนักรักถูกลืม
ได้แต่ซึมกับเหงาเศร้ามาเสริม
จมน้ำตาภาพเก่าเก่าเล่าเรื่องเดิม
ไม่มีเพิ่มหรือลดหมดเยื่อใย
ยังจ่อมจมกับอดีตกรีดใจหวน
ยังทบทวนเรื่องจากพลาดตรงไหน
ในเมื่อเรารักเขาจนหมดใจ
สาเหตุใดเขาทำช้ำเหลือเกิน
สายลมพริ้วปลิวน้ำตาพาโศกศัลย์
อาบแสงจันทร์วันเหงาเขาห่างเหิน
ไม่มีแล้วไม่มีใครให้ร่วมเดิน
จึงเผชิญกับภาพเก่า-เขาร้างลา
บทกลอนเก่าหวานไหวในครึ้งหนึ่ง
ยังคงซึ้งถ้อยหวานผ่านเนื้อหา
บอกว่ารักนวลน้องพิมญดา
อ่านกี่ครายังแอบยิ้ม....แม้อิ่มลวง..
11 เมษายน 2552 12:23 น.
พิมญดา
เมื่อเราอึดอัด ............อย่ามัดตัวเองเอาไว้
ท้องฟ้ากว้างใหญ่............จงไปให้ถึงดั่งฝัน
เมื่อคิดต่างสี............อย่ามัวห้ำหั่นจาบัลย์
คนไทยทั้งนั้น ............เลือดสีเดียวกันทั้งเพ
เมื่อมีจุดยืน ............อย่ากลืนแต่สิ่งจำเจ
เที่ยวร้องป่าวเห่............เกเรไม่รู้จักพอ
ประเทศเสียหาย............วอดวายใครเล่าใครก่อ
เศรษฐกิจชะลอ............ใครหนอจะช่วยกู้คืน
เมื่อคิดแตกต่าง............อย่าอ้างว่าเป็นสีอื่น
เมื่อเราถูกกลืน............อย่าฝืนทำเพื่อชาติไทย
ปากป้องเพื่อชาติ............อนาถสร้างภาพกันใหญ่
ประชาธิปไตย ............เต็มใบรู้จริงหรือยัง
เมื่อไม่รักชาติ ............อย่าวาดภาพไทยโอหัง
รอยด่างเกระกรัง............ประทังพวกพ้องตัวเอง
เรียกรัฐไทยใหม่............คิดได้อย่างไรเส็งเครง
พวกคิดข่มเหง............ไม่ย่ำเกรงบรรพบุรุษไทย
9 เมษายน 2552 22:00 น.
พิมญดา
ฉันไม่ลืมทุกอย่างที่ผ่านผัน
จะกี่ปีกี่วันที่ผันผ่าน
แม้เวลาล่วงเลยไปตามกาล
จะตราบนานเท่านานยังรักเธอ
ดอกไม้ช่อเก่าสวยถ้วยกาแฟ
ยังดูแลให้สะอาดอยู่เสมอ
มุมดูหนังที่เคยนอนดูกับเธอ
ฉันยังเผลอรอรับจะกลับมา
บทกลอนบทเก่ายังวางอยู่
เปิดอ่านดูด้วยใจที่โหยหา
ภาพคุ้นเคยจารึกไว้ไม่ห่างตา
อักษราหวานหยดจรดความ
ทุกเหตุการณ์ไม่เปลี่ยนแปลงเลยรู้ไหม
ความหวังในชีวิตคิดแต่ถาม
รู้ทั้งรู้เธอไม่กลับมาทุกยาม
แอบหวังตามคำตอบรับกับตัวเอง
ชีวิตฉันเหลือความหวังอยู่แค่นี้
ที่หล่อเลี้ยงชีวีหายคว้างเคว้ง
โลกความจริงดนตรีรักไม่บรรเลง
เหลือบทเพลงโศกนิรันดร์ฝันเลื่อนลอย..
8 เมษายน 2552 15:53 น.
พิมญดา
เคยโดดเดี่ยวเดียวดายในชีวิต
กลัวจะทำสิ่งผิดติดคาดหวัง
เรื่องมากมายเฝ้ารุมสุมประดัง
กลัวจะพลั้งพลาดหวังดั่งเคยมี
เรามีเราในวันนี้ดีเหลือแสน
ค่าตอบแทนด้วยน้ำใจที่ล้นปรี่
ต่างประคองยึดมั่นคุณความดี
เอื้ออารีย์ด้วยน้ำจิตมิตรจากใจ
มิตรภาพอาบรักจากเพื่อนมิตร
ขอน้อมจิตรับไว้ไม่หวั่นไหว
หากวันหน้าจะตอบแทนคุณน้ำใจ
เพื่อนมอบให้ขอมอบตอบขอบพระคุณ
เรามีเราจะเคียงข้างสร้างทางฝัน
เรามีกันและกันแนบไออุ่น
เรามีรักผ่านไปให้เป็นทุน
คอยเกื้อหนุนมิตรภาพตราบฟ้าดิน
เรามีเราจับมือกันสู้ฟันฝ่า
ต่อปัญหากล้ำกรายหายหมดสิ้น
เขียนกานท์กลอนป้อนแนวศิลปิน
กวีศิลป์บ้านกลอน..ตอนมีเรา