16 ธันวาคม 2552 12:34 น.
พิมญดา
ฟังคำอ้อนร้อนรุ่มกลุ้มใจนัก
มิหาญหักรักร้างจางหน่ายหนี
เอาหัวใจเดิมพันหวั่นฤดี
เป็นสักขีว่ารักน้องปองชีวา
พี่อุตส่าห์ถนอมออมรักฝาก
ไม่มีพรากจอมขวัญนวลเลยหนา
แม้วันเคลื่อนเดือนผ่านกาลเวลา
ขอสัญญาจะรักพี่..นี้คนเดียว
จะซื่อตรงคงมั่นฝันถวิล
ขอยลยินเสียงใจไร้คนเกี่ยว
สวรรค์ท่านเมตตาอย่าท้าเชียว
ท่านไม่เลี้ยวไกลห่างทางรักเรา
คอยน้องก่อนคนดีอย่าลี้ลับ
น้องจะกลับโลมใจไล่ความเหงา
นอนหนุนแขนแทนหมอนอ้อนแบ่งเบา
ที่สองเราเฝ้าคอยน้อยใจกัน
แล้วจะรู้ว่าน้องรักแค่ไหน
เอาหัวใจถอดวางข้างความฝัน
ก่อนนิทราบนบานผ่านแสงจันทร์
ปลายทางนั้น..ห่มรักภักดีเอย
14 ธันวาคม 2552 23:16 น.
พิมญดา
บทละครชีวิตขีดเส้นแบ่ง
ให้แสดงบทเศร้าเคล้าความหวัง
เหมือนภิรมย์แต่ไม่สมตรมจีรัง
น้ำตาหลั่งรดโลกโศกโศกา
เมื่อพระพรหมสรรค์สร้างทางชีวิต
แล้วลิขิตหญิงหม่นทนปัญหา
เกิดมารับบทหนักรักร้างลา
เสมือนว่าสาปส่งตรงหัวใจ
ตัวละครวิโยคโลกประพันธ์
สวมหน้ากากหลากอันนั้นสวมใส่
หน้าแย้มยิ้มอิ่มรักพักตร์ยองใย
หากรักไกล..หน้าหมองครองโศกตรม
โลก!ใบนี้คือเวทีมิสิ้นสุด
ที่หลอกล่อมนุษย์สุดขื่นขม
มอบดอกไม้สวยงามตามภิรมย์
พอจ่อมจมกระชากหวน..ชวนอาวรณ์
หากเวทีปิดม่านผ่านทุกสิ่ง
ทิ้งร่างลงแน่นิ่งอิงไม้ขอน
สูญวิญญาณพาดร่างบนกองฟอน
จบละครหญิงเศร้า..เจ้าน้ำตา
13 ธันวาคม 2552 12:03 น.
พิมญดา
ฝากเพลงเศร้าเคล้ากลอนอักษรร้าว
สายลมหนาวสาวหม่นจนสั่นไหว
จรดถ้อยร้อยความตามทรวงใน
กรีดเลือดใส่สีหมึกบันทึกมา
เสียงบรรเลงเพลงโศกโลกนักกลอน
มันร้าวรอนห่อเหี่ยวเปลี่ยวหนักหนา
อาจไม่เหมือนเสียงพิณจินตนา
หยดน้ำตาสลับสายพ่ายอับปาง
ฝากบทเรียนความรักที่หักจิต
บางทีคิดถึงเขาเหงาไม่สร่าง
สุขที่ได้คิดถึงจึงเบาบาง
มองที่ว่างเคยเคียงเพียงแสงเงา
เสียงสะอื้นฝืนเก็บเจ็บจนปร่า
ยากดับไฟเสน่หาคราแผดเผา
แอบร้องไห้ข้างในใจเบาเบา
เวทนาตัวเรา..เฝ้ารำพัน
ฝากคนเศร้าทั่วหล้าอย่ายอมแพ้
คงแล้วแต่พระพรหมท่านเสกสรรค์
ขีดทางเดินเมินรักหักจาบัลย์
อาจมีวัน....บรรเลงเพลงกลอนงาม
9 ธันวาคม 2552 20:47 น.
พิมญดา
อบอุ่นนวลรัญจวนครวญใจน้อง
พี่ประคองสองปราค์พรางถนอม
ปัดเหลือบยุงริ้นไรอย่าไต่ตอม
ใจพยอมอิ่มสุขทุกเพลา
หนุนแขนนอนก่อนหลับทับอกพี่
คืนราตรีจันทร์ฉายพรายพร่างฟ้า
ฟังเสียงพรวอนเว้าเหล่าเทวา
ขอแก้วตาฝันดีพี่ขอพร
จึงมิหน่ายคลายหมองห้องดวงจิต
เรือนสถิตย์รักมั่นมิหวั่นถอน
ทุกคืนค่ำแป้งร่ำกลิ่นกำจร
พรมก่อนนอนหอมเย็นเป็นศรีเรือน
ขอให้รักนวลน้องอย่าข้องขุ่น
หวานละมุนอุ่นใจหาใดเหมือน
จะกอดเกยเชยชมพรมดวงเดือน
เพลาเคลื่อนเรือนใจมิไหลตาม
ผละ! สไบไหมแพรเพราะแพ้รัก
น้องประจักษ์ใจนี้ฤดีหวาม
นอนเถิดเจ้าพี่เฝ้าทุกโมงยาม
จักทำตามพี่ยา .. คราหอมเอย