25 ตุลาคม 2552 09:09 น.
พิมญดา
จุดเทียนเวียนถวายพระพุทธา
บุษบาอธิฐานบนบานผล
ช่วยดลจืตอิเหนาเฝ้ายินยล
ขอสวดมนต์ต่อองค์พระปฏิมา
หากรักข้าสมหวังดั่งใจหมาย
ขอจุดเทียนเสี่ยงทายเสน่หา
องค์ระเด่นมนตรีโปรดเมตตา
บุษบาวิงวอนพรปราณี
แม้นสมมาตรปราถนาคราตั้งจิต
ขอนิมิตเดือนเด่นเป็นสักขี
ขอเสี่ยงเทียนเวียนวนดลฤดี
ให้เจ้าพี่อิเหนาเฝ้าอุ้มชู
ระเด่นบุษบาหาคู่ครอง
น้ำตานองร้องครวญชวนหดหู่
เมื่ออิเหนาสลัดรักผลักโฉมตรู
น้ำตาพรูจุดเทียนเวียนรักวน
ขอรักข้าอย่าเคลือบแฝงแสงริบหรี่
องค์ระเด่นปรานีอย่าล่องหน
ขอรักคืนชื่นจิตชิดกมล
เห็นใจคนรักแท้ แม่บุษบา
ลักษณะนิสัย
1.บุษบาเป็นหญิงที่มาแบบฉบับของลูกที่ดีอยู่ในโอวาทของพ่อแม่ แม้ว่านางจะไม่พอใจในรูปร่างของ
จรกา แต่นางก็ยอมที่จะไม่ทำตามใจตนเองเพื่อรักษาชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล
2. เป็นคนไม่เจ้ายศเจ้าอย่างหรือถือว่าตนสูงศักดิ์กว่านางจินตะหรา เห็นได้จากตอนที่จินตะหราได้ให้
นางสการะวาตีและนางมาหยารัศมีมาเฝ้า บุษบาก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี
3. เป็นคนไม่เหลาะแหละ รู้จักโต้เถียงแสดงความฉลาดรู้ทันอิเหนาและรักษาเกียรติของตนเองไม่ยอม หลงเชื่ออย่างง่ายๆ ในตอนที่อิเหนาพูดว่า
" อันนางจินตะหราวาตี ใช่พี่จะมุ่งมาดปรารถนา
หากเขาก่อก่อนอ่อนมา ใจพี่พาลาก็งวยงง"
จากที่อิเหนาพูดนี้ก็ทำให้นางบุษบารู้ว่าอิเหนาเจรจาเข้าข้างตัวเอง นางก็โต้ตอบว่าอย่ามาแกล้งพูดเลยว่าจะไม่เลี้ยงนางจินตะหราวาตี เพราะมีลายลักษณ์อักษรและใครๆก็รู้กันทั่วว่าอิเหนาไม่ต้องการนาง นางจึงโต้ตอบ เมื่ออิเหนาแก่ตัวว่าที่ลักนางมาก็ด้วยความรักว่า
" จะให้เชื่อพจมานหวานถ้อย จะได้ไปเป็นน้อยชาวหมันหยา
เขาจะเชิดชื่อฤาชา ว่ารักสามีท่านกว่าความอาย
อันความอัปยศอดสู จะติดตัวชั่วอยู่ไม่รู้หาย
ร้อนใจอะไรเล่าเจ้าเป็นชาย ไม่เจ็บอายขายหน้าก็ว่าไป "
และตอนที่ นางบวชเป็นแอหนัง (ชี ) แลัวถูกปันหยีขโมยกริชไป นางก็คร่ำครวญต่อว่าพี่เลี้ยงด้วยความรักเกียรติสตรีว่า
"พี่แกล้งเป็นใจด้วยปันหยี เห็นคนอื่นดียิ่งกว่าข้า
ในถ้อยคำที่ร่ำพรรณนา ว่าแสนเสน่หาอิเหนานัก
เป็นไฉนจึงยกน้องให้ แก่ชาวไพร่ต่ำช้าบรรดาศักดิ์
กระนี้ฤาพี่เรียกว่ารัก พึ่งจะประจักษ์ในน้ำใจ
สู้ตายชายอื่นมิให้ต้อง อันจะมีผัวสองอย่าสงสัย
ถึงมาตรแม้นชีวันจะบรรลัย จะตายในความซื่อสัตยา"
4.เป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองแม้ว่านางจะตกอยู่ในสภาพที่ถูกบังคับ โดยนางไม่ยอมทำตามผู้ใหญ่ ดังตอนที่ท้าวดาหามีดำรัสให้ขึ้นมาเข้าเฝ้าอิเหนา นางรู้ว่าจะให้ไปไหว้จึงเข้าไปนอนด้วยความเคืองไม่เข้าเฝ้าตามรับสั่ง จนเดือดร้อนถึงมะเดหวีต้องมาจัดการ แต่นางก็ไม่ออกมาโดยดีๆ ต้องผลักไสกัน
5.มีความซื่อสัตย์ ได้รักษาตัวไว้รอคอยอิเหนา ดังกลอนว่า
"ถึงมาตรสู้ตายชายอื่นมิให้ต้อง อันจะมีผัวสองอย่าสงสัย
แม้นชีวันจะบรรลัย จะตายในความซื่อสัตยา"
6.ไม่มีจริตแง่งอน เมื่ออิเหนาลักพานางไปไว้ในถ้ำ ก็ยินยอมแต่โดยดี
7.เมื่อเป็นชาย คือมิสาอุณากรรณก็ปฏิบัติตนกับระตูประมอตันอย่างบิดาของตน
8.มีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ เช่น ระตูประมอตัน
9.มีความกล้าหาญจนมีระตูมาขอเป็นเมืองขึ้นหลายเมือง
10.ไม่มีความริษยาถือโกรธผู้ใด มีน้ำใจ เมื่อมารดาให้ไหว้นางจินตะหรา บุษบาก็ยอมตาม ดังที่นางกล่าวกับอิเหนาว่า
"แม้นน้องรักทักท้วงหวงหึง พระองค์จึงห้ำหั่นเกศา
เป็นถ้อยยำคำมั่นน้องสัญญา เชิญเสด็จเชษฐารีบคลาไคล"
และนางยอมให้อิเหนายกจินตะหราเป็นประไหมสุหรีฝ่ายขวาแต่โดยดี ด้วยเห็นว่านางจินตะหราเป็นผู้มาก่อน แม้ว่าจินตะหราจะไม่ใช่วงศ์เทวัญฯ ข้อนี้ยากที่จะหาหญิงใดเสมอเหมือน นับว่าบุษบาเป็นหญิงไทยในวรรณคดีที่สมบูรณ์ด้วยคุณสมบัติคนหนึ่ง
ขอบคุณที่มาของบางตอนที่น่าศึกษา
ของสตรีที่ชื่อ..บุษบา จากเวปทั้งเนื้อเรื่องและภาพ
และขอบคุณเสียงเพลงเพราะๆ
บุษบาเสี่ยงเทียน
ขับร้องโดยคุณอรวี สัจจานนท์
ขอบคุณข้อมูลจาก www.oknation.net/blog/KITBAWORNVIT และ www.geocities.com
23 ตุลาคม 2552 12:20 น.
พิมญดา
เสียงใครหนอพ้อดาวสกาวฟ้า
คนกู่ก้องนินทาว่าลืมหลง
ช่างน่าชังสักวันจะร่วงลง
อย่าลืมดงถิ่นดอยคอยดาวคืน
เป็นดาวน้อยลอยคว้างกลางห้วงหาว
ฝ่าหมอกหนาวคราวใดใจขมขื่น
แสงระยิบกระพริบใสไร้จุดยืน
เสียงสะอื้นข้างในใครยลยิน
ดาวทอแสงเรืองรองผ่องไสว
ต่างมอบกำลังใจใฝ่ถวิล
เฝ้าชื่นชมดาวน้อยลอยเมฆิน
ติดปีกบินโชติช่วงห้วงฟ้างาม
แม้นเลอค่าฟ้าส่งดั่งหงส์เหิน
ดาวไม่เมินดินจ๋าอย่าเหยียดหยาม
หากสักวันดาวร่วงห้วงฟ้าคราม
ดาวจะตามจูบดินจนสิ้นใจ
ดาวลืมตนคนลืมดินกลิ่นไอรัก
ยังตระหนักคำมั่นมิหวั่นไหว
ยามทอแสงอ่อนล้ามาคราใด
มองหาดินก็ชื่นใจ..ใช่ลืมเลือน
17 ตุลาคม 2552 10:17 น.
พิมญดา
รักเพียงพี่ที่ใจไช่แชเชือน
หาลืมเลือนสัญญาอย่าสงสัย
แม้นชายอื่นหมื่นแสนหาอาลัย
พี่คือยอดดวงใจให้หมดเลย
รักหนึ่งทรวงหวงหนึ่งเดียวเกี่ยวข้องจิต
อย่าได้คิดระแวงแกล้งเอิ้อนเอ่ย
ถึงอย่างไรน้องรักมากอยากกอดเกย
ชายไหนเลยจะเหนือพี่ที่เป็นแฟน
ไม่รักพี่จะรักใครได้อีกหรือ
น้องยึดถือรักเดียวเกี่ยวใจแน่น
หวานคารมชายไหนใช่ตอบแทน
ทั่วเขตแดนแม้นชายไม่หมายมอง
เด็ดดอกรักมาฝากอยากให้มั่น
อย่าไหวหวั่นคำใครให้เศร้าหมอง
สิทธิ์ของใจให้พี่ได้ครอบครอง
ตามครรลองแห่งรักจักภิรมย์
ค่ำลงแล้วกลับมาหาน้องเถิด
อย่าเตลิดสาวใดให้ขื่นขม
กลับคูหาสองเราเฝ้าชื่นชม
น้องจะพรม..คำหวานผ่านค่ำคืน.
14 ตุลาคม 2552 10:46 น.
พิมญดา
ลมหนาวพริ้วปลิวไผ่ไหวโยกอ่อน
ใจสั่นคลอนนอนหนาวร้าวอกหนอ
คิดถึงใครบางคนทนเฝ้ารอ
หนาวเริ่มก่อปลายฝนคนกลับมา
ลมไหวเอนเอนไหวใจสะท้าน
ฟ้าตระการดาวเดือนเกลื่อนเวหา
ทอระยับประดับแก้วแววดารา
งามระย้าพร่างพราวราวฟ้าไกล
ขอฝากลมห่มกายให้ประจักษ์
ส่งแรงใจแห่งรักอย่าหวั่นไหว
ลมหนาวรอพ้อหาอย่างห่วงใย
หวั่นคนไกลลืมเลือนเบือนน้ำคำ
แสงจันทร์นวลงามผ่องละอองดาว
เสียงจากใจของสาวหนาวคืนค่ำ
เพรียกสัญญาอาลัยใจจดจำ
ลมหนาวทำหวั่นนักเพราะรักเธอ
ได้ยินไหมหัวใจมันร่ำร้อง
เตรียมหอห้องคล้องใจให้เสมอ
อย่าหมางเมินเกินไปอยากพบเจอ
หนาวนะเออ..รู้ไหมมีใครคอย
11 ตุลาคม 2552 11:49 น.
พิมญดา
ขอบคุณแฟนกลอนกานท์มาอ่านถ้อย
จรดร้อยคำงามตามสื่อสาร
เขียนด้วยใจใส่ด้วยรักปักดวงมาน
อยู่บนลานบ้านกลอนนอนสบาย
ร้อยดอกไม้พวงงามตามภาษา
กิริยาวาจาหาห่างหาย
คำพูดจาหวานหูคู่ใจกาย
เขียนมากมายงานกลอนป้อนกวี
ตัวข้าเจ้าเฝ้าเพียรเรียนฝึกฝน
น้องหน้ามนชอบงานมิพาลหนี
โดนหยอกเย้าเฝ้าชมพรมวจี
แม้บางทีมีก้อนหินดินละเมอ
อาจหนาวเหน็บเจ็บแสบแอบมาบ้าง
ตามรายทางปากกามาเสมอ
แต่ไม่คิดเล็กน้อยสิ่งที่เจอ
โลกละเมอเพ้อฝันวันเขียนกลอน
ถือกุญแจบ้านกลอนตอนเข้าอ่าน
หากใครผ่านด่าทอขอสั่งสอน
ลบคอมเม้นแสบสันต์มันทุกตอน
เล่นละครผ่อนส่งตรงบ้านเรา
ขอขอบคุณงามแสนแม้นไม่ทั่ว
ไฟในบ้านไม่กลัวจะโดนเผา
แต่ไฟรักหึงหวงนั้นไม่เอา
ขอตัวเบา..ดั่งนินจา..มาเขียนกลอน