11 มิถุนายน 2551 08:46 น.
พิมญดา
เสียงกังวานผ่านผู้คนที่ขวั่กไขว่
ปลุกพลังหัวใจจนเข้มแข็ง
ร้องเพลงเร่ขอทานผ่านการแสดง
มีเรี่ยวแรงจูงมือพ่อคลอใกล้ชิด
ร้องเพลงขอเศษสตางค์ข้างถนน
พ่อทุกข์ทนตาบอดทอดถอนจิต
พ่อจ๋าพ่อคือดวงใจให้ชีวิต
อย่าได้คิดต่ำต้อย น้อยใจ เลย
ลูกมาเร่ขายเสียงเพื่อเศษเงิน
จูงพ่อเดินก้าวต่อไปไม่นิ่งเฉย
ขอเพียงพ่อมีอาหารทานอย่างเคย
ไม่บ่นเอ่ยแม้ทุกข์ยากลำบากกาย
พ่อจงรู้ลูกขออยู่สู้เพื่อพ่อ
ลูกไม่รอสิ่งศํกดิ์สิทธิ์ลิขิตหมาย
ลมหายใจยังอยู่สู้แค่ตาย
เ ฮือกสุดท้ายแทนคุณพ่อขอเลี้ยงดู
จุฬา คือ เด็กชายที่ขายเสียง
ไม่บ่ายเบี่ยงทิ้งพ่อไว้ให้อดสู
การศึกษาคืออะไรไม่รับรู้
แต่อุ้มชู พ่อตาบอดยอดคนดี....
ภาพของ จุฬา หรือ ฬา เด็กหนุ่มรูปร่างกำยำผิวคล้ำวัย 14 คนหนึ่ง เดินจูงมือ บุญมี ชายวัยปลายกลางคนที่ตาบอด แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มนั้น ก็สามารถสร้างความประทับใจของคนที่ได้พบเห็นเช่นกัน
หลายคนอาจสงสัยและอยากรู้ว่า ทำไมเด็กหนุ่มอย่างเขาไม่อายบ้างหรือ? ที่มาเดินร้องเพลงขอเงินแบบนี้ แถมยังจูงมือชายตาบอด มองไม่เห็นด้วย จุฬา บอกว่าเขาไม่อาย และเขาก็เต็มใจที่จะจูงมือคนตาบอดที่เป็นพ่อของเขาเดินไปพร้อมๆ กับเขา ... เขาแค่หวังว่าวันหนึ่งจะมีเงินเลี้ยงพ่อได้ และให้พ่อไม่ลำบากแค่นี้เขาก็พอใจแล้ว
"ผมไม่เคยอายใคร ไม่เคยคิดจะอายเลยเพื่อนๆ ผมก็รู้ว่าผมมาทำอะไรที่นี่ ผมภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือพ่อ"
"ผมอยากเรียน ผมตั้งใจที่จะเรียน กศน. ยังอยากที่จะเรียนอยู่ เเต่ต้องดูเเลพ่อก่อน"

บุญมีถึงกับน้ำตาซึมเมื่อได้ยินในสิ่งที่ลูกชายเอ่ย ก่อนจะกล่าวว่า "พ่อภูมิใจที่เค้าเลี้ยงดูพ่อ พ่ออยากเก็บเงินได้ซักก้อน พ่อจะขายลอตเตอรี่ เค้าจะได้เรียน พ่อรักเค้ามาก เค้าเป็นเหมือนเเสงสว่างท่ามกลางความมืดมิด มีอะไรหรือจะไปไหนก็ได้เค้าช่วยเหลือตลอด"
"พ่ออยากฝากถึงคนที่มีร่างกายปกติที่ท้อเเท้ใจหมดกำลังใจต่อสู้ ให้สู้ต่อเถอะครับ พ่อพิการพ่อยังสู้เลย โลกนี้ยังน่าอยู่เยอะ หาได้ไม่เคยเหลือก็สู้ ยังมีความสุขที่ได้ต่อสู้ ถ้ายังหาอยู่ อยากกินอะไรก็จะได้กิน ถ้าไม่หาเราก็อด ญาติพี่น้องไปพึ่งพาเค้ามากเค้าก็รำคาญ เราสู้ด้วยตัวเองดีกว่า" นี่เป็นคำพูดทิ้งท้ายเเบบซื่อๆ ของบุญมี
10 มิถุนายน 2551 17:03 น.
พิมญดา
คำว่ารักรักแบบไหนในบ้านกลอน
เอื้ออาทรแบบเพื่อนพี่ดีไหมหนา
ตั้งกระทู้ขอให้ดูสิ่งตามมา
ด้วยภาษาอาจทำลายในไมตรี
คำว่าชอบชอบแบบไหนในความคิด
ต่างลิขิตบทร้อยกรองผุดผ่องศรี
ทั้งอ้างอิงจากสื่อเขียนเพียรมากมี
คิดให้ดีก่อนกระทู้ดูให้งาม
คำว่าเกลียดเกลียดแบบไหนในภาษา
ยังไม่เคยเห็นหน้าตาถ้าถูกถาม
หลายเรื่องราวข่าวฉาวป่าวประนาม
เป็นนิยามคนอ่อนไหวในกลอนกานท์
คำว่าเพื่อนเพื่อนแค่ไหนความผูกพัน
เรียกเธอฉันพี่เพื่อนน้องปองประสาน
บางคนแอบอิจฉาคอยระราน
คนนอกบ้านชานเรือนเบือนสายตา
แต่เราคือคนหนึ่งซึ่งรักบ้าน
สมาชิกยิ้มเบิกบานคอยห่วงหา
ลงกลอนทีก็มีหยอดปลอบอุรา
คลายเหนื่อยล้าเข้าบ้านมาพารื่นรมย์
จึงขอวอนพี่น้องเหล่าสหาย
อย่าได้คล้ายการเมืองเรื่องขื่นขม
อยู่บ้านเรารักกันไว้อย่าจ่อมจม
เก็บเอาคมอักษรไว้ใช้ถูกทาง......
9 มิถุนายน 2551 18:23 น.
พิมญดา
มีคนถามฉันคือใครในบ้านนี้
ฉันคือคนมีเสรีมีสิทธิ์ฝัน
เขียนกลอนพร่ำพรรณาไปวันวัน
งงเหมือนกันฉันคือใครในบ้านกลอน
ฉันคือฉันคนยอมสู้ไม่ยอมถอย
แม้จะด้อยด้วยภาษาค่าอักษร
มีแต่คำซ้ำซากทุกบทตอน
รักอาวรณ์เช้าค่ำไม่สร่างซา
ฉันคือหญิงแท้จริงใช่หญิงเทียม
ฉันเต็มเปี่ยมด้วยน้ำใจใสจริงหนา
แม้ขี้เหร่ก็เป็นเรื่องของหน้าตา
ก็พ่อแม่ปั้นมาหาปั้นเอง
ฉันสาวดอยแต่สอยดาวมาร้อยเล่น
ใจนักเลงอย่ามาเบ่งหรือข่มเหง
อยู่บนดอยยิงแต่เสือยังกลัวเกรง
เหนี่ยวไกปืนยิงเป๋งเดียวเกี่ยวหัวใจ
โปรดอย่าถามฉันอยู่ไหนในใต้ฟ้า
ใกล้ดวงตาคนอ่านอยู่รู้บ้างไหม
หากว่ารักพิมญดาคนบ้านไกล
มาใกล้ใกล้จะสอยใจให้คล้องคอ... ..
8 มิถุนายน 2551 00:27 น.
พิมญดา
ณ.ตรงนี้ดนตรีรักยังแว่วหวาน
จินตนาการรักอยู่มิรู้หาย
ลมพริ้วแผ่วพัดผ่านสัมผัสกาย
น้ำค้างพรายพร่างพรมชมดวงเดือน
ณ.ตรงนี้กลิ่นไอรักยังหอมหวล
แสงจันทร์นวลชวนอาลัยหาใดเหมือน
ความคิดถึงจากจิตไม่บิดเบือน
ไม่ร้างเลือนรักคงอยู่ ...ทุก..อณูใจ
ณ.ตรงนี้คืนราตรีที่แสนเหงา
มีแต่เรากับดวงดาวสกาวใส
เหม่อมองฟ้าสื่อจันทราอย่าลาไกล
บอกกับเขาได้ไหมมีใครคอย
ณ.ตรงนี้คืนราตรีอันนานเนา
ปลอบหัวใจเบาบางอย่างเหงาหงอย
มองนภาที่พร่างพราวยามดาวลอย
สวยเหมือนพลอยระยิบจิตคำนึง
ณ.ตรงนี้มีรักอยู่เธอรู้ไหม
ทอสายใยข้ามขอบฟ้าว่าคิดถึง
แว่วเสียงเพรียกเรียกหาครารำพึง
รักเพียงหนึ่ง ณ.ตรงนี้..ที่ฉันรอ......