20 มกราคม 2547 18:06 น.
พิกุลทอง
ประนมกร น้อมเกศา วันทาไหว้
ด้วยดวงใจ แด่ครู ผู้พร่ำสอน
ร้อยวจี ที่แสนหวาน ผ่านบทกลอน
เทิดเกียรติครู ผู้สั่งสอน นิจนิรันดร์
เฝ้าปลูกฝัง ศีลธรรม หนุนนำชาติ
เฝ้าอบรม ให้ฉลาด หมายมาดมั่น
เฝ้าชี้แนะ ด้วยรักแท้ แต่ละวัน
เฝ้าพร่ำบ่น หวังเจ้านั้น เป็นเด็กดี
เรือจ้างน้อย คอยส่ง ให้ศิษย์รัก
จนข้ามฟาก ขวากหนาม ตามวิถี
ไม่เคยบ่น ลำบาก ยากฤดี
ด้วยปรานี เอ็นดูศิษย์ จิตเมตตา
เมื่อสิบหก มกรา มาบรรจบ
ขอน้อมนบ เกศเกล้า คลานเข้าหา
มาลัยกร มอบแด่ครู ผู้กรุณา
ศิษย์ก้มกราบ บาทา คราวันครู
19 มกราคม 2547 16:09 น.
พิกุลทอง
อดีตกาล หวานซึ้ง ยังตรึงจิต
มีสองเรา เฝ้าชิด สนิทมั่น
แม้อาทิตย์ หมุนผ่าน นานชั่วกัลป์
หากภาพนั้น ยังฝัง ทุกครั้งคราว
ภาพสองเรา จับมือ คือแก้วเก็จ
งามดั่งเพชร มณีรุ้ง ฟากคุ้งหาว
ผ่านไออุ่น มือสู่ใจ ให้สองเรา
เพียงจับมือ ไม่วอนเว้า ก็เข้าใจ
ภาพป้อนข้าว เมื่อคราว เราหวานชื่น
ข้าวสวยยื่น พร้อมรัก สู่ปากให้
อร่อยล้ำ อร่อยเหลือ เมื่อกินไป
เหมือนดั่งกิน ข้าวทิพย์ไซร้ ก็ไม่ปาน
ภาพสานกว้าง ดวงดาว สกาวฟ้า
แสงจันทรา สวยจัง ดังเล่าขาน
แสงทอทาบ อาบฟ้ามืด ยืดยาวนาน
ฉันไหว้วาน ขอกอด พรอดรักกัน
ภาพอิงแอบ แนบไออุ่น ละมุนจิต
ฉันจุมพิต แก้มนาง อย่างหุนหัน
จึงถูกทุบ ชุดใหญ่ ที่อกกัน
แก้มเจ้านั้น แดงเรื่อ เมื่อเจ้าอาย
อีกหลายภาพ แสนหวาน แต่กาลก่อน
ยังอาวรณ์ ดวงใจ ไม่ห่างหาย
แม้รักเรา คงมั่น มิเสื่อมคลาย
หากไม่วาย คิดความหลัง ยังฝังรอย
18 มกราคม 2547 11:46 น.
พิกุลทอง
อัสดง ปลงจิต เฝ้าคิดถึง
เมื่อครั้งหนึ่ง เคยชิด สนิทใกล้
เป็นอดีต แล้วหนอ ท้อหัวใจ
ด้วยมีชาย คนใหม่ เข้าใกล้เธอ
ไม่ต้องถาม ว่าเจ็บปวด รวดร้าวไหม
ตอบด้วยใจ ยังห่วง หวงเสมอ
เจ็บสินะ ครามีชาย มาใกล้เธอ
ก็เพราะรัก เพียงเธอ เสมอมา
เธอไม่ต้อง ลำบากใจ หรอกที่รัก
ฉันตระหนัก ใจคิด จิตห่วงหา
ยอมเป็นหนึ่ง ตัวเลือก ของยอดยา
ไม่อายแม้ ไพร่ฟ้า ประชาชน
ไม่อายหรอก ที่ต้อง เสียเธอไป
ก็รักเธอ ด้วยหัวใจ ไม่คิดผล
ขอเพียงแค่ ให้ฉันรัก เธอสักคน
อลวน เพียงใด ไม่เว้าวอน
รักหาใช่ เครื่องยึดเหนี่ยว เกี่ยวชีวิต
หากรักคือ ความวิจิตร คิดถ่ายถอน
รักด้วยใจ หาใช่ ให้อาวรณ์
ไม่เร่าร้อน เมื่อไม่รัก ปักวิญญา
จึงขอยอม เป็นเพียง ตัวเลือกหนึ่ง
ที่เธออาจ ไม่ซึ้ง ซ้ำหนีหน้า
ได้แค่หวัง สักวัน แม่แก้วตา
จะเห็นค่า ตัวเรา เศร้าฤทัย
17 มกราคม 2547 18:43 น.
พิกุลทอง
มีเรื่องมา สารภาพ บาปกินหัว
ด้วยแต่งกลอน มั่วซั่ว ให้อ่านได้
เริ่มตั้งแต่ พิกุลทอง ต้องช้ำใจ
จึงก่อเกิด กลอนชุดใหญ่ ติดตามมา
หลังแต่งกลอน เบิกโรง ว่าช้ำรัก
ก็ประจักษ์ คนสงสาร จิตใจข้า
ด้วยเหตุนี้ แผลในใจ จึงตามมา
ให้คนอ่าน ตรึงตรา พาเศร้าใจ
อีกกลอนหนึ่ง ตามมา กระชั้นชิด
ใจโทรมโทรม โหมจิต สะท้านไหว
ที่บอกว่า ดื่มเหล้า เมามายไป
สารภาพ จากใจ ดื่มไม่เป็น
ด้วยยึดมั่น คุณธรรม อันสูงส่ง
ไม่เอาใจ กลั้วลง ให้ทุกข์เข็ญ
ทำไม่ได้ ดื่มสุรา คราเช้าเย็น
ด้วยผมเป็น เด็กดี ที่เรียนมา
หากเคืองข้อง หมองใจ ใคร่ขอโทษ
ไทยโพเอ็ม อย่าโกรธ โทษที่ข้า
อยากฝึกแต่ง กลอนเหงา เศร้าอุรา
จึงสมมติ ว่าตัวข้า นั้นช้ำใจ
จึงเขียนกลอน สารภาพ บาปครานี้
ด้วยหวังว่า พี่พี่ อภัยให้
ขอบพระคุณ ที่เยี่ยม เปี่ยมน้ำใจ
อีกสำนึก ที่ให้ คำแนะนำ
16 มกราคม 2547 15:48 น.
พิกุลทอง
หลังเธอทิ้ง แผลใจ ให้เจ็บปวด
ใจดวงน้อย ก็ร้าวรวด เป็นหนักหนา
ร้าวระบม ระทมแค้น แสนเวทนา
เอาสุรา เป็นยาแก้ แผลในใจ
ยกขึ้นดื่ม เพื่อลืมรัก ที่หนักอก
ดั่งบัวบก แก้ช้ำกาย ให้หายได้
หากแผลนี้ มิใช่ แผลนอกกาย
จึงต้องใช้ สุรา มาบรรเทา
เมื่อสองเรา โคจร พบกันอีก
ฉันจำต้อง หลบหลีก ปลีกความเศร้า
เกรงสายตา หวั่นไหว ไม่นะเรา
กลัวเป็นเหมือน ดั่งเงา เศร้าทุกครา
ด้วยเจียมใจ เกินกว่า จะกล้าพบ
เมื่อความรัก ถึงจุดจบ กลบปัญหา
ทำไม่เห็น เร้นใจ ให้เฉยชา
ดีกว่าพบ สบตา พาหวั่นใจ
ขอเวลา ทำใจ ไม่ให้รัก
ขอเวลา คิดหนัก จะได้ไหม
ขอเวลา ให้ฉัน ได้ทำใจ
เพื่อรับว่า เธอมีใหม่ ไม่ใช่กัน
โอ้อกเอ๋ย เคยประจักษ์ ถึงรักร้าง
ใจสองใจ อ้างว้าง เมื่อเปลี่ยนผัน
หากแต่รัก ครั้งที่แล้ว แคล้วคลาดกัน
รักครานั้น ไม่เจ็บเท่า รักเราลวง