30 พฤศจิกายน 2552 09:00 น.
พัชรพิงค์
บุคลิกลักษณะฉลาดเด่น
สร้อยคอเป็นเส้นยาวพราวสลวย
โคนหางใหญ่ใบหน้าลู่ดูคล่องมวย
ขนหางย้วยยาวแข็งเกล็ดแข้งดี
เข้าตำราช้านานแต่กาลก่อน
อาหารป้อนสอนวิชาสง่าศรี
ยาบำรุงมุ่งเสริมเพิ่มวิธี
เมื่อพร้อมตีมีบ่อนป้อนคู่ชน
สู่สังเวียนเตียนโล่งวงกลมแคบ
เตะตีแสบแปลบปลาบเลือดอาบขน
กองเชียร์ลั่นสนั่นดังฟังอื้ออล
ดีดจิกจนลนลานปานสิ้นใจ
ครบยกพักหนักเพลียละเหี่ยอ่อน
ให้น้ำผ่อนผันเอื้อเพื่อสดใส
ต้องอดทนชนสู้หดหู่ใจ
ไม่รู้ใครได้ดีเวทีลาน
ไก่ชนะจะอุ้มรุมโอ๋อวด
คอยคลึงนวดตรวจตราป้อนอาหาร
ทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเพียงดวงมาลย์
สุขสำราญเริงร่าทุกราตรี
ส่วนไก่แพ้แย่ย่ำแสนต่ำต้อย
ถูกทิ้งปล่อยลอยหายจำหน่ายหนี
เอาต้มยำทำแกงแทงย่ำยี
ประเพณีที่สุดท้ายต้องวายวาง
29 พฤศจิกายน 2552 17:03 น.
พัชรพิงค์
ศาลาร้างข้างนาดอน
สนธยา ฟ้าหม่น ปนเมฆม่าน
ลมหนาวผ่าน แผ่วพลิ้ว หวิววาบไหว
ระริกริ้ว เรืองรอง รวงทองไทย
โน้มแรงไล้ โลมน้าว กอข้าวคลอน
วิหคเหิร เวหา ขอบฟ้าลับ
ปีกพยับ จับคู่ ดูสลอน
แมลงปอ ล้อลม ชมอัมพร
ตะวันรอน อ่อนแรง แสงรำไร
นั่งเหม่อมอง ท้องนา ณ ครานี้
ดวงฤดี โดดเดี่ยว เปลี่ยวไฉน
นกยังอยู่ คู่เคียง ร่วมเรียงไป
แต่ทำไม ไร้คู่ เราผู้เดียว
ศาลาร้าง ข้างนา หลังคาแห้ง
เพียงลมแล้ง ลอยมา หาแลเหลียว
เสมือนข้าว เหงาหงอย รอคอยเคียว
ให้เก็บเกี่ยว เหนี่ยวเกาะ ออเซาะทรวง
เย็นลมว่าว คราวใด ใจสะท้อน
มองนาดอน แดนดิน ถิ่นแหนหวง
ไก่คุ้ยเขี่ย ข้างเล้า เคล้าคู่ควง
แต่หาบ่วง ห่วงใย เราไม่มี
สนธยา ฟ้าหม่น เช่นคนหนึ่ง
ขาดที่พึ่ง พิงพัก ชักหน่ายหนี
ฤดูหนาว ร้าวรวด ปวดฤดี
หวังอีกปี มีใคร ให้ร่วมเรียง.