24 มีนาคม 2555 21:59 น.
พลายแก้ว เมืองกาญจน์
ดั่งสัจจา
กับสัญญา ผูกพัน ในวันนี้
เราจะมี รักมั่น ถึงวันไหน
กำแพงกีด กั้นขวาง จนห่างไกล
จึงหมองไหม้ เพราะต่าง อยู่ห่างกัน
ต้องเจ็บอีก เพียงใด รู้ไหมหนอ
จะทดท้อ เพียงใด รู้ไหมนั่น
มิร้องขอ หัวใจ ใครแบ่งปัน
แต่สุขสันต์ มีก็ พอแบ่งไป
เส้นทางนี้ ที่ฝัน ในวันก่อน
คงถึงตอน สิ้นฝัน ในวันใกล้
สิ่งสำคัญ แหนหวง เท่าดวงใจ
รักที่ให้ สุดหวง เท่าดวงจินต์
รักที่เธอ มอบไว้ จะไม่สูญ
คงเพิ่มพูน ห่วงไย จะไม่สิ้น
ชั่วชีวิต ลับลา ตราบฟ้าดิน
มอบชีวิน ดั่งสัจจา แห่งฟ้าเดิม
รออรุณ อุ่นไอ คราใกล้รุ่ง
ปลายโค้งคุ้ง ฟ้าใส ก็ใกล้เริ่ม
ริ้วสุรีย์ ทอแสง คอยแต่งเติม
ทิวาเพิ่ม เหลืองแดง คอยแต่งตาม
ลมรวยริน โลมไล้ จนไหวหวั่น
แว่วจำนรรจ์ ครั้งใด ชวนไหวหวาม
ขอเพียงเธอ มีสุข ทุกนิยาม
จบบทความ อาจเห็น เป็นนิยาย
พิมพิลาไลย
คำคนเดิม
คำสัญญา แม่นมั่น ในวันก่อน
เธออาทร กลัวจบ พบวันหน่าย
เกรงถ้อยคำ วาจา มาเสื่อมคลาย
หมดความหมาย ศรัทธา พาเสื่อมลง
จะเนิ่นนาน ปานใด ไม่ลืมคิด
เคยตั้งจิต บอกว่า อย่าลืมหลง
เฝ้าปกปัก รักษ์ไว้ ให้มั่นคง
ขอเธอจง เชื่อฉัน เถอะมั่นใจ
หากชาตินี้ จะไม่ ได้พบเห็น
ก็คงเป็น ชาติหน้า มาพบใหม่
ถึงอยู่ห่าง ต่างแคว้น ถิ่นแดนไกล
ก็มิใช่ ต้องพราก จากแดนทอง
วาดภาพฝัน กันไว้ ในคืนก่อน
อาจสั่นคลอน ประสบ พบคืนหมอง
แม้ทุกข์ตรม ขมขื่น ฝืนลำพอง
ใจจึงต้อง เก็บงำ ตามลำพัง
ในความฝัน ฉันคู่ อยู่เคียงข้าง
ความอ้างว้าง ทิ้งไว้ ให้อยู่หลัง
อนาคต ที่ปอง ต้องจริงจัง
ถึงบางครั้ง หงอยเหงา เศร้าจริงเจียว
เมื่อมีทุกข์ ช่วยแก้ เฝ้าแลหา
ตรมวิญญาณ์ ท้อแท้ คอยแลเหลียว
ความห่วงใย มอบเสมอ เธอคนเดียว
หากเปล่าเปลี่ยว จงจำ คำคนเดิม
พลายแก้ว
กาญจนบุรี
19 มีนาคม 2555 22:41 น.
พลายแก้ว เมืองกาญจน์
วันนี้หม่น ปนเหงา ดูเศร้ายิ่ง
เหมือนมีสิ่ง ส่ออย่าง ลางสังหรณ์
จิ้งจกทัก การ้อง ก้องดงดอน
เมื่อคืนนอน ไม่สุข ต้องลุกเดิน
หมายคว้าไถ ไปนา ก่อนฟ้าสาง
แต่ใจช่าง อึดอัด สุดขัดเขิน
ก่อนเจ้าควาย เคยนำ ยังทำเมิน
อาจบังเอิญ เหนื่อยนัก ต้องพักกาย
ข่าวแม่พิม พิลาไลย จากไปแล้ว
หัวใจแป้ว แทบหยุด ทรุดสลาย
เจ้าเคยบ่น ป่วยไข้ ไม่สบาย
บอกให้รอ พี่พลายฯ หมายไปเยือน
น้ำตาไหล หยดเผาะ เกาะสองแก้ม
ดั่งหนามแหลม ปักใจ สิ่งใดเหมือน
พี่ไม่ไป ใช่ห่าง แรมร้างเลือน
ทุกอย่างเหมือน ก่อนเก่า เราสัญญา
หลับเถิดนะ คนดี สุดที่รัก
เจ้าจงพัก กายใจ ให้หรรษา
สองดวงเนตร สนิท ดั่งนิทรา
สูเวหา แห่งสรวง ยอดดวงใจ
บทละคร กลอนกวี ที่วาดฝัน
เป็นสีสัน วงการ จึงขานไข
เมื่อสิ้นแล้ว แม่พิม พิลาไลย
ทำฉันใด ดีเล่า หนอเจ้าพลาย
พลายแก้ว
กาญจนบุรี
9 มีนาคม 2555 22:30 น.
พลายแก้ว เมืองกาญจน์
แดดระยิบ ลิบลิ่ว มองทิวทุ่ง
ฝุ่นคละคลุ้ง ตะวัน นั้นแผดแสง
สีเขียวสด ของกล้า กลับมาแดง
บ้างกรอบแห้ง กอพับ ลงกับดิน
ฝนทิ้งช่วง ห่างหาย หลายเดือนแล้ว
มองเห็นแวว หม่นไหม้ ใจถวิล
เหมือนปีก่อน ครั้งเก่า เราเคยชิน
แต่มิสิ้น ความหวัง กำลังใจ
จะถากทำ อีกที เมื่อมีฝน
มิย่อย่น กับการ เรื่องหว่านไถ
แต่ฤดี ที่ช้ำ ทำฉันใด
คนอยู่ใน ดวงมาน ว่าขานมา
เชื่อข่าวลือ ใส่ร้าย เขาป้ายสี
บอกตัวพี่ เจ้าชู้ ดูกังขา
คนยุแหย่ ไยยัง ฟังวาจา
จึงถามหา สัจจะ อธิบาย
สาวท้ายบ้าน นั้นเป็น เช่นพี่เพื่อน
แม้เยี่ยมเยือน เหมือนญาติ ขาดความหมาย
จะแต่งงาน เดือนยี่ ก่อนพี่ชาย
เพราะพ่อพลาย หาสตังค์ ยังไม่พอ
พิมฯนั้นกลัว แก้วผ่อง ช้ำหมองหม่น
หรือเพราะคน เศรษฐี ที่รูปหล่อ
แอบออดอ้อน วอนเว้า เฝ้าพะนอ
จึงแสร้งพ้อ ต่อว่า เหมือนหาความ
คนจริงใจ ไยถึง จึงอาภัพ
เหมือนดั่งกับ ลุยดง พงขวากหนาม
ถ้าพิมฯยัง ข้องใจ ให้ติดตาม
อย่าวู่วาม เตือนใจ ให้ไตร่ตรอง
8 มีนาคม 2555 23:06 น.
พลายแก้ว เมืองกาญจน์
ได้ยินคำ พร่ำพรอด เชิงออดอ้อน
คล้ายลมร้อน แตะแต้ม สองแก้มอิ่ม
ไยเขินอาย นักเล่า โอ้เจ้าพิมฯ
แก้มลักยิ้ม แดงเรื่อ เมื่อได้ฟัง
เสร็จงานไร่ และนา จะมาขอ
ให้พิมฯรอ คอยพี่ อย่างที่หวัง
ว่าสัญญา ทุกสิ่ง จะจริงจัง
แต่พิมฯยัง ตรึกตรอง ลองคิดดู
เพราะเขาร่ำ ลือไกล ไปทุกที่
ข่าวของพี่ ฮือฮา จนหนาหู
กิตติศัพท์ จัดเจน ดั่งเช่นครู
ความเจ้าชู้ ของพี่ นี้น่ากลัว
พิมฯเกรงจะ ผิดหวัง นั่งร้องไห้
พาเป็นไข้ ทุกข์ทน จนปวดหัว
แก้มใสใส จะต้อง พบหมองมัว
พิมฯจึงกลัว ยิ่งนัก จักกลับกลาย
เมื่อฝนซา ขาดสาย ปลายวสันต์
ก็เอื้อนเอ่ย ถึงขั้น จะหมั้นหมาย
มาขอพิมฯ คนนี้ หรือพี่ชาย
แล้วสาวท้าย บ้านนั้น ทำฉันใด
พิมฯขอคำ อธิบาย นะพลายแก้ว
เมื่อยินแล้ว ก็จง อย่าสงสัย
อธิบาย บอกมา อย่าช้าใย
ความจริง เป็น เช่นไร ให้ชี้แจง
พิมพิลาไลย
สุพรรณบุรี
1 มีนาคม 2555 21:56 น.
พลายแก้ว เมืองกาญจน์
ไม่ต้องการ แหวนเพชร เม็ดโตใหญ่
มิกลัวว่า มีใคร ไหนเหยียดหยาม
การตัดสิน ดูที่ ความดีงาม
มิครั่นคร้าม ขยัน สร้างสรรตน
กำหนดมา หมั้นหมาย ปลายเดือนสี่
ได้ฤกษ์ดี ที่ตอน ก่อนหน้าฝน
จะเร่งรีบ จัดการ งานมงคล
พิมฯหน้ามล จะรอ นะพ่อพลายฯ
หากเก็บเกี่ยว เที่ยวนี้ หมดหนี้สิน
พลิกผืนดิน อีกครั้ง ยังไม่สาย
ธรรมชาติ เหมือนว่า จะท้าทาย
กับแรงใจ แรงกาย จรดปลายทาง
แม้มีแหวน สามสลึง สร้อยหนึ่งบาท
ก็มิอาจ ทำให้ ใจเมินหมาง
ถ้ามีคน ลือไกล ไปทั้งบาง
ถือว่าช่าง ประไร ใครอยากคิด