ก็เคยเพียร เขียนอ่าน งานอักษร
เมื่อครั้งก่อน เคยรวม ร่วมเสกสรร
กับเพื่อนพ้อง น้องพี่ กวีวรรณ
พอนานวัน เลือนหาย แยกย้ายไป
คนบ้านนา ป่าเขา ลำเนาหนอง
ก็ยังต้อง กรำงาน เรื่องหว่านไถ
พอลมหนาว คราวนี้ เกิดมีไฟ
กับห่วงใย วรรกรรม อยากค้ำจุน
เลิกงานนา มาบ้าน สร้างงานเขียน
แรกวิงเวียน งงงัน หัวมันหมุน
ถ้อยครารม คมคาย กลายเป็นจุล
ตกใต้ถุน หรือไร หาไม่เจอ
พอเหินห่าง ร้างรา ปัญญาหย่อน
ต้องไล่ต้อน ค้นหา มาเสนอ
ผลงานแปร่ง แข็งกระด้าง อย่าคนเซอ
อยากให้เธอ พินิจ พิจารณา
เหมือนผ่าวร้อน ตอนป่วย ด้วยพิษไข้ เสียงหัวใจ ตึงตัง เต้นดังถี่ คนบ้านเหนือ นั้นเอ่ย เผยวจี ฟังแล้วมี ความนัย ใจกังวล อยากจะจอง ห้องใจ ไว้พิงพัก ถึงอึกอัก วุ่นวาย ให้สับสน ทั้งแขนขา เกะกะ ดูปะปน แปลกพิกล พิกุล ใจวุ่นวาย รู้อุรา ว่าร้าว คราวพิมฯจาก เจ็บปวดมาก เวลา รักษาหาย สงสารคน เคยช้ำ ทุกข์กล้ำกราย ปลอบพี่พลาย คลายจำ ลืมตำนาน อยากจะจอง ห้องใจ เราไว้หรือ คนหน้าซื่อ วาจา น่าสงสาร แล้วเล่าใคร ไหนซึ้ง ถึงดวงมาน คำไขขาน จริงหรือ คือจากจินต์ ดูใจยัง ฝังอยู่ คู่กับเขา แม้ไร้เงา เฝ้าคะนึง ถึงมิสิ้น เมื่อความหลัง มิจาง ห่างชีวิน อย่าถวิล ว่าใจ คลายอาดูร เหมือนโลเล เฉไฉ ไม่คงมั่น ถ้าเชื่อกัน ชีวิน เกรงสิ้นสูญ นั่งไตร่ตรอง มองครบ บวกลบคูณ อยากเกื้อกูล แต่ใจ วุ่นวายจัง พิกุล กาญจนบุรี
นั่งรับลม ชมดาว ที่พราวฟ้า ปล่อยวิญญา ล่องไป ในความฝัน แล้วเดือนเสี้ยว เลี้ยวลับ หนีกลับพลัน ใจเรานั้น สับสน จนวุ่นวาย พอจันทร์ลา ฟ้าเหงา ทิ้งเราหมอง เหม่อตามอง จ้องไป ไร้จุดหมาย ด้วยลมเย็น พลิ้วผ่าน สะท้านกาย ความหลังพราย ผุดเห็น เช่นวันวาน เคยเคียงพิมฯ คนสุพรรณ ในวันก่อน เมื่อคิดย้อน ยังจำ คำไขขาน แต่วันนี้ พี่เดี่ยว เปลี่ยวดวงมาน ทุกเหตุการณ์ ก่อนเก่า เราอยากเลือน มิอยากตรม จมทุกข์ จนสุขสิ้น หวังชีวิน มีคู่ อยู่เป็นเพื่อน แต่ว่ารัก หนหลัง ยังย้ำเตือน ยึดเสมือน เป็นหลัก ที่พักใจ ฤๅเพราะสาว บ้านใต้ พาใจพรั่น ยิ่งพบกัน บ่อยบ่อย พลอยอ่อนไหว มีความสุข ลึกลึก นั่งนึกไป หาเหตุใด ใคร่รู้ ดูความจริง เป็นแรงใจ ให้กัน ในวันก่อน วันนี้อ้อน งอนง้อ ขอสักสิ่ง เพียงหนึ่งห้อง ของใจ ให้พักพิง ยังเกรงกริ่ง มิกล้า จะพาที
เพราะแดดแรง แล้งฝน จะหล่นพร่าง นาจะร้าง ไหมหนอ ถ้ารอฝน ฤดูกาล ผันเปลี่ยน หมุนเวียนวน จึงดั้นด้น ค้นทาง มิวางใจ เร่งขุดบ่อ ต่อน้ำ จากลำห้วย มันจะช่วย บรรเทา เราหรือไม่ รีบเตรียมรับ ปรับวาง หนทางใด จะช่วยให้ พ้นผ่าน มิบานปลาย ยืดอายุ ต้นกล้า กว่ามีฝน พิรุณหล่น ลงตาม ความคาดหมาย เร่งไถทำ ดำหว่าน งานมากมาย แม้เหนื่อยกาย ไม่ท้อ มิรอรี สาวบ้านใต้ ใครเล่า เราเคยทัก มิรู้จัก อยู่ไหน ในถิ่นนี่ แรกพบกัน วันกฐิน ก่อนสิ้นปี เจออีกที ที่ประชุม กลุ่มชาวนา เห็นถางไร่ ปลายทุ่ง ดูมุ่งมั่น ใจหวาดหวั่น สั่นคลอน ตอนพบหน้า แต่รอยยิ้ม พิมพ์ไว้ ในอุรา กลับบ้านมา สับสน พิกลจัง สิ่งปลอมแปลก แทรกใน ฤทัยหวั่น อยากพบกัน บ่อยบ่อย ใจคอยหวัง ด้วยคำเธอ เสนอมา แสนน่าฟัง เป็นกำลัง แรงใจ ...ให้พี่พลาย พลายแก้ว กาญจนบุรี
ฤดูก่อน ตอนฝน ที่หล่นพร่าง พวกเราต่าง ตรากตรำ ทำนาสวน พลิกผืนนา มาใหม่ เร่งไถพรวน ทุกคนล้วน มุ่งมั่น ขยันงาน กลับมาแดน แผ่นดิน ถิ่นพ่อแม่ ที่พวกแก ลงหลัก ปักถิ่นฐาน ทั้งยายย่า ตาปู่ อยู่มานาน ทุ่งเมืองกาญจน์ วันนี้ คืนชีวา นำความรู้ หมายมา ฟื้นนาไร่ พบสิ่งใหม่ ไตร่ตรอง ลองค้นหา มิกลัวเกรง เร่งรัด พัฒนา นำวิชา หลากแหล่ง มาแบ่งปัน มาร่วมร่าง ทางใหม่ ให้สวยสม ช่วยระดม สมอง ลองสร้างฝัน เป็นหนุ่มสาว รุ่นใหม่ สนใจกัน จะสร้างสรรค์ ผืนนา บ้านป่าเรา นาบ้านเหนือ เมื่อแล้ง แดดแรงจ้า จนต้นกล้า เหี่ยวแดง และแห้งเฉา ข้าวคอยฝน หล่นฟ้า มาบรรเทา ส่วนคนเล่า รอใคร คนไหนกัน สงสารคน บ้านเหนือ เมื่ออ่อนล้า อยากจะมา ปลอบใจ ดีไหมนั่น พบทุกข์สุข สิ่งใด ใคร่แบ่งปัน แต่เรานั้น หวั่นใน ...ใจพิกล พิกุล กาญจนบุรี