23 กันยายน 2552 12:52 น.
พลายลิขิต ณ เมืองพาน
จิ้งหรีดเรไรร้องหวีดหวิว
สายลมพริ้วพัดผ่านดั่งนำไหล
ไกลออกไปสุดสายตาและมือขว้า
ดวงดาวนับร้อยระยิบยับพราว
จันทราทอแสงอยู่เรืองรอง
สองดาวเดือนเคียงคู่มิห่างไกล
ใจดวงน้อยเลื่อนลอยตามสายลม
นั่งชมจันทร์เคียงคู่กับหมู่ดาว
ราตรีผันผ่านตามเวลา
จันทราหายไปกับเมฆฝนที่ลอยมา
สายลมพาเมฆมาเร็วพลัน
หันไปดูดวงดาวก็ลับหาย
หนาวกายกลางสายฝนที่พลั่งพลู
หูแว่วยินเสียงคำรามแห่งท้องฟ้า
แสงฟ้าฟาดดั่งเปรี๊ยงสนั่นไหว
ใจสั่นระรัวกลัวแสงฟ้าฟาด
ค่อยค่อยเดินกลับสู่ใต้บ้านใหญ่
ไม่มีภัยพิษมารังควานให้ทุกข์เข็น
ไม่ลำเข็ญเหนื่อยยากลำบากใจ
บ้านที่ให้อุ่นกายสุขใจอยู่เรื่อยมา
มีแม่พ่อโอบอุ้มคุ้มครองภัย
พ่อไม่ให้ลูกกลัวต้องเข้มแข็ง
แม่ปลอบโยนยามท้อใจและหมองเศร้า
แม้เคล้าน้ำตามก็แห้งเหือดหมดหายไป
บ้านหลังนี้ที่เคยอยู่ผ่านลมฝนกี่ร้อนหนาวยังคงอยู่
ชูใจจิตไม่คิดห่างบ้านของตนที่เคยสุข
แม้มีทุกข์พ่อแม่ก็ยังอยู่
เป็นคู่เคียงคำจุนลูกคนเดิม
หากเรียนจบครบกำหนดที่ตั้งเป้า
จะเข้าไปกราบเท้าแม่พ่อที่ยิ่งใหญ่
อยู๋กับบ้านเกิดเมืองนอนที่สงบ
แม้ลำเค็ญยังสุจใจไม่เหมือนที่ใด
ใครใครบอกกลับบ้านแล้วลำบาก
จะขอกราบบอกกล่าวให้เล่าขาน
เป็นตำนานเรื่องเล่าให้ทุกคนฟัง
บ้านหลังนี้ของเราแสนสุขขี
แม้นมีน้อยด้วยความเจริญที่เขากล่าว
ต้องเดินดินขี่ควายเพื่อนเดินทาง
กลับขาวสะอาดด้วยไมตรีและน้ำใจ
ให้ขาวปลาแบ่งปันกันข้าวรั้ว
ขอถามหน่อยในเมืองมีบ้างไหม
กับข้าวหนึ่งจานมันเท่าไหร่
เอาใส่ท้องหนึ่งจานสามสิบบาท
ขาดน้ำยังต้องซื้อหาดับกระหาย
อิ่มบ้างไหมกับตังค์ที่สูญไป
บ้านเราแม้นบ้านนอกและคอกนา
หากินปลากินข้าวได้ทั่วไป
เข้าบ้านนั้นเยี่ยมบ้านโน้นก็อิ่มได้
อิ่มด้วยน้ำใจใช่อิ่มน้ำเงิน
ถึงไม่มีหญิงงามดั่งในเมือง
ที่ลือเลื่องด้วยความสวยที่เติมแต่ง
งามแห่งไทยแห่งความดีบ้านเรามี
ที่งามกว่าแบบนั้นเป็นไหนไหน
กลับเถิดเพื่อนกลับบ้านเรา
เขาจะว่าอย่างไรก็ช่างเขา
บ้านเกิดเราอย่าดูแคลนให้หมองมัว
จงสำนึกเถิดนี่คือที่ให้เราโต
21 กันยายน 2552 17:12 น.
พลายลิขิต ณ เมืองพาน
ชะตา เหมือนฟ้า ลิขิต
ชีวิต เวรกรรม ทำสร้าง
จากเกิด ชีวิต เดินทาง
ผ่านสุข ทุกข์บ้าง จนตาย
ฉันจาก พ่อแม่ จากบ้าน
เพื่อมา เขียนอ่าน ศึกษา
ท่องจำ เรียนรู้ วิชา
หวังไว้ ภายหน้า เลี้ยงตน
เข้าเรียน ศึกษา ครานี้
ชีวี ตั้งจิต ใจหมาย
ปรับใจ ปรับคิด ปรับกาย
ขวานขวาย หวังได้ เติบโต
ฝึกเรียน หัดเขียน ฝึกอ่าน
เพื่อนฝูง ก้าวผ่าน มากหน้า
ชั่วบ้าง เลวบ้าง ผ่านมา
ชักจูง ชักพา ฉันเมา
พี่ชาย ส่งเสริม เต็มที่
กินเหล้า คิดดี หัวใส
กินเก่ง อ่านคล่อง หัวไว
แจ่มใส สอบได้ เกรดดี
เฮฮา สังสรรค์ ลืมเศร้า
เช้าเมา เย็นเมา ฝึกฝน
ทิ้งเรียน หัดเหล้า จวบจน
เป็นคน เก่งเหล้า โง่เรียน
ฉันลืม ตอนแรก ฉันคิด
ตั้งจิต เข้ามา ศึกษา
ความหวัง พ่อแม่ ส่งมา
ฉันกลับ มาบ้า มาเมา
ตัวฉัน หวังโน่น หวังนี่
หวังมี ความรู้ เติบใหญ่
หวังได้ ความคิด กลับกลาย
สุดท้าย ได้เพียง ความเลว...
19 กันยายน 2552 13:59 น.
พลายลิขิต ณ เมืองพาน
เหงาจัง ทั้งหนาวใจ เหงาเพียงใด ใครจะเห็น
ทุกคน มองฉันเป็น ดังส่วนเกิน ทั้งเมินมอง
น้ำตา ฉันตกใน ใครบ้างใคร จะมองเห็น
ฉันชั่ว ตัวฉันเป็น คนไม่ดี ฉันเลวทราม
คนรัก คนเข้าใจ มีบ้างไหม ฉันขอถาม
ฉันชั่ว ฉันเลวทราม รักฉันบ้าง ฉันอยากดี
มีไหม คนไหนบ้าง ที่ใจกว้าง ดั่งนที
ฉันอยาก เป็นคนดี ให้โอกาส ฉันกลับใจ...
22 กรกฎาคม 2552 13:13 น.
พลายลิขิต ณ เมืองพาน
อันสุรา โทษมากมาย จะไม่กล่าว
จะขอเล่า ข้อดี มีมากหลาย
ให้น้องรู้ น้องทำใจ อย่าโวยวาย
ใช่ทำลาย ใช่จะฆ่า ตายคามือ
วงสุรา พาเพลิน จะเดินเล่า
ถึงเรื่องราว วงเฮฮา พาสุขสันต์
ดื่มให้เป็น คงสติ นี้สำคัญ
ข้อดีมัน มีอยู่ว่า มาดูกัน
หนึ่งเหล้าจ๋า เพลินจิต คือมิตรแท้
ยามอ่อนแอ เศร้าจิต ประสิทธิ์หาย
คือเพื่อนแท้ เคียงข้าง มิเสื่อมคลาย
เธอจากไป ปลอบคลายเศร้า คือเหล้าเอย
สองกินเหล้า ปลุกใจ ให้หน้าด้าน
คิดทำการ สิ่งใด ก็ได้ผล
เอ่ยวาจา พาทีหญิง ก็แยบยล
โถหน้ามล พี่กินเหล้า แต่เมาใจ
สามเปิดใจ คลายขัดแย้ง ในวงมิตร
ที่เคยติด เคยสงสัย ได้หลุดหาย
ได้ปรับใจ คลายรู้ เรื่องวุ่นวาย
เป็นเพื่อนตาย เพื่อนกัน นิรันดร
สี่กินเหล้า เพื่อเข้าวง สังคมเพื่อน
ดำเนินเรื่อง ธุรกิจ ประสิทธิ์หมาย
เจรจา พาที แสนง่ายดาย
งานขยาย เพราะเข้าวง สังคมเมา
ห้ากินเพื่อ สังสรรค์ ในงานสุข
พาสนุก เหล้าออกฤทธิ์ มิตรสหาย
ลุกเต้นรำ ทำเพลง บรรเลงกาย
หลอมสหาย ให้สนุก ในทุกงาน
หกกินเพื่อ ดำรงกาย ใช่คลายเบื่อ
กินเหล้าเพื่อ อุ่นกาย ให้คลายหนาว
ผ่านไปได้ หนาวนี้ ที่ยืนยาว
นี่แหละเหล้า สิ่งดีดี ที่น่ามอง...
22 กรกฎาคม 2552 13:09 น.
พลายลิขิต ณ เมืองพาน
อันโคนม สามัคคี มีมาหนึ่ง
สองอันซึ่ง ให้เกียรติ เพศผู้หญิง
สามเอะอะ โวยวาย รักใครจริง
สี่อ่อนน้อม ทุกสิ่ง นิสัยดี
ห้ารับผิด ต่อวาจา ที่เอ่ยปาก
หกหมู่มาก วาจาดี มีเพื่อนหลาย
เจ็ดเคารพ รุ่นพี่ มิเสื่อมคลาย
แปดทำงาน ไม่แหนงหน่าย สู้อดทน
น้องจ๋าน้อง น้องพี่ น้องที่รัก
อาณาจักร โคนม ขอถนอม
ขอโอบรัก ป้องอุ่น ให้เหล่าน้อง
จงอย่าร้อง อย่ากลัว พี่จะกัน
ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน
จงอย่าเลือน คำนี้ ที่พี่สอน
ให้มันอยู่ ในใจ ในสันดอน
ให้มันอยู่ ในตัวน้อง ในสันดาร
ขอพักกลอน สอนน้อง ก่อนแค่นี้
อีกไม่นาน พี่จะมี มาบทใหม่
ที่พี่พร่ำ ไม่ใช่ เพื่ออะไร
(อาณาจักร) โคนม ลุกเป็นไฟ ไม่อยากดู...