20 กุมภาพันธ์ 2550 19:06 น.
พรานอักษร
หลายท่านคงเคยเห็น นารีมีหลายคำ ของ ชิต บุรทัต ที่ว่า
นาเอ๋ยนารี
ภคินี กัญญา สุดา สมร
นุชนาถ จินดา พงางอน
สายสวาท บังอร พธู นวล
ยุพดี กานดา ยอดยาจิต
โฉมมิตรมิตร นงนุช สุดสงวน
สิบเก้าเเล้วยังไม่หมดบทกระบวน
เออสำนวนนามผูหญิงมากจริงเอย
เราคิดว่ายังมีคำอีกมากมายที่แปลว่าผู้หญิง จึงเกิด กลอนดอกสร้อยอีกบทหนึ่ง
ขอตั้งชื่อว่า หลายคำเรียกนารี
นาเอ๋ยนารี
ดรุณี มาณวิกา ธิดา อัปสร
อรทัย กมลา อนงค์ อร
อรชน ภรณ์รัมภา กัลยาณี
เเสงโสม โฉมเฉลา ลำเพาพักตร์
เยาวลักษณ์ พนิดา มารศรี
ที่กล่าวมาล้วนใช่เรียกเหล่าสตรี
เออนารีนี้ความหมายหลายคำเอย
บางคำอาจไม่ได้แปลว่าผู้หญิงโดยตรง เช่น เเสงโสม แปลว่า เเสงจันทร์ เเต่ก็คงเปรียบกับผู้หญิงได้เหมือนกัน
19 กุมภาพันธ์ 2550 09:51 น.
พรานอักษร
รัตติกาลเเห่งชีวิต
รัตติกาลม่านดำแผ่ทั่วฟ้า
ท้องนภาหมดเเสงตะวันฉาย
ดั่งคนที่ความหวังพังทลาย
สิ่งที่หมายหายไปพร้อมภากร
เเต่ยังมีดวงดารารัศมี
เเม้หมดเเสงราศีสุรย์สร
ก็ยังมีดวงแขแผ่อมร
คอยเปล่งเเสงเรืองรองส่องชีวา
เปรียบวิถีโลกาดังวิสัย
บอกความนัยให้มนุษย์สุดเขลาหนา
เมื่อมีเช้าทินกรผ่องนภา
ย่อมมีมืดบอกเวลารัตติกาล
หากหมดหวังท้อเเท้แก่ชีวิต
ขอให้คิดตรึกตรองถึงเเก่นสาร
ยามปัญหาทำชีวีให้ร้าวราน
ให้คิดการแก้ไขใช่ทุกข์ทน
พรานอักษร
18 กุมภาพันธ์ 2550 19:29 น.
พรานอักษร
พรานอักษร
พรานผู้ใช้อักษราเป็นอาวุธ
เป็นเครื่องจุดประกายแห่งไฟฝัน
พรานผู้ล่าอักษรามารวมกัน
ด้วยปากกาหรือพู่กันตามเเต่กาล
พรานผู้เขียนอักษรบนยอดหญ้า
ใช้หมึกทาบอกความนัยเป็นคำขาน
พรานผู้ร้อยอักษรเป็นกลอนกานท์
ถักทอสานความฝันผ่านบทกวี
พราผู้หวังสรรค์สร้างผลงานศิลป์
ฝากไว้บนแผ่นดินเป็นปิ่นศรี
พรานผู้หวังเพียงสร้างรมย์ฤดี
เป็นกวีสร้างสุขล้ำฉ่ำดวงมาน
ขอฝากตัวฝากนามผ่านบทกลอน
"พรานอักษร"คือนามไว้เรียกขาน
ขอฝากตัวเริ่มฝึกสร้างผลงาน
สำนวนพรานนั้นยังอ่อนวอนเอ็นดู