25 มิถุนายน 2548 11:22 น.
พรระวี
อยากเสกสรรบทกวีที่แสนเศร้า
บาดใจร้าวลึกลึกจารึกไว้
อยากเขียนกลอนอ่อนหวานสะท้านใจ
อาวรณ์ไหววิญญาณ์ทุกนาฑี
น้อมบำบวงท่านภู่ครูกลอนสด
ระรินรสกานท์จรุงทั่วกรุงศรี
แบบฉบับเชิงชั้นวรรณกวี
รึงฤดีผองเราเหล่าทวยไทย
แม้เนิ่นนานท่านลับล่วงสู่สรวงศรี
วากย์วลีก็มิได้หายไปไหน
เปล่งประกายวรรณกรรมอันอำไพ
ดำรงไว้ในหล้าชั่วฟ้าดิน.
5 มิถุนายน 2548 10:04 น.
พรระวี
ฟ้าที่นั่นวันนี้เป็นสีเลือด
เหตุผลเหือดหายไปไร้ความหวัง
จะคลี่คลายอย่างไรก็ไม่ฟัง
กลับประดังห้ำหั่นบั่นทำลาย
อ้างเอาศาสนามาล้างผลาญ
หยิบยกเน้นอุดมการณ์มาขยาย
ต่อเติมความสับสนจนวุ่นวาย
เคืองระคายร้าวรานด้ามขวานทอง
แสนเสียดายเยาวชนคนที่นี่
ขาดผู้ชี้ดี-ชั่วจึงมัวหมอง
พาหลงผิดคิดออกนอกคัลลอง
แผ่นดินทองเร่าร้อนในฟอนไฟ
ชีวิตคนมากมายหลายสิบศพ
ต้องท่าวทบเลือดบ่าน้ำตาไหล
มึงและกูนั่นหรือก็คือไทย
แล้วทำไมต้องมา...ฆ่ากันเอง!!.
1 มิถุนายน 2548 11:14 น.
พรระวี
แม้ค่ำคืนทมึนมืดฟ้าชืดแสง
ประกายแห่งดวงตาเธออย่าเศร้า
จงเหลียวแลไปหาขอบฟ้าพราว
ให้แววดาวพร่างพร่ามาส่องทาง
ยามราตรีสว่างทิพย์ระยิบระยับ
อัจกลับเป็นดาวรายพรายกระจ่าง
ปล่อยลมเย็นจากทิวเขาโชยเบาบาง
พรมไล้ร่างจอมขวัญกัลยา
จะฝากใจยามตะวันผันส่องถึง
จะฝากส่งความซึ้งผ่านยอดผา
ฝากแรงรักผ่านเมฆลิ่วพลิ้วนภา
ฝากฝั่งฟ้ารู้เห็นเป็นพยาน
แผ่นดินน่าน เคยคุ้มกายหลายหน้าฝน
ทั่วทุกหนไพรภูดูตระหง่าน
ยามจากมาอาลัยใจร้าวราน
แม่น้ำน่านแห่งความหลังยังฝังใจ.