29 ตุลาคม 2545 21:50 น.
พรระวี
วใจเอย...อย่าช้ำเป็นซ้ำสอง
ทั้งชีวิตจะครองแต่หมองไหม้
ไม่ว่าหลบเร้นร่างไปทางใด
หนีอย่างไรก็ไม่พ้นคน...คนนั้น
เคยผิดหวังพลั้งพลาดมีบาดแผล
แทบย่ำแย่ละเหี่ยยามเสียขวัญ
เที่ยวร่อนเร่ซังกะตายไร้คืนวัน
เศษสุขสันต์นิดหนึ่งไม่พึงมี
แอบหลบหน้าสังคมด้วยขมขื่น
ใครหยิบยื่นน้ำใจก็หน่ายหนี
หัวใจชาเฉยผ่านนานหลายปี
ไม่อยากมีความหวังตั้งสิ่งใด
มีวันนี้ทำไมก็ไม่รู้
ที่จู่จู่สุดห้ามความหวั่นไหว
ความสนิทเกิดเสน่ห์หันเหใจ
ทุ่มทอดให้ทั้งความรักและภักดี
ใจเจ้าเอย...อย่าช้ำเป็นซ้ำสอง
ไม่อาจครองความปวดร้าวแล้วคราวนี้
หาก...คนนั้น....ไร้น้ำใจไร้ใยดี
คงถึงที่ย่อยยับ....อัปรา....!
27 ตุลาคม 2545 13:05 น.
พรระวี
ในสายน้ำรี่ไหลไกลลิบลิบ
เทือกภูทิพย์เย็นละอองฝนฟ่องฝอย
ยามสายัณห์เยือกลงตรงเชิงดอย
สายรุ้งลอยทาบฟ้าใกล้ลาวัน
ระรวยรินกลิ่นพยอมหอมเย็นชื่น
อารมย์รื่นระริกไหวคล้ายภาพฝัน
อ้อมอกป่าสดสีขจีพรรณ
ขับลำนำพร้อมกันเป็นเพลงไพร
เสียงลำไผ่เสียดกออ้ออี่อ้อย
นกเขาน้อยสัญจรจะนอนไหน
หรือขาดคู่เสน่หาว้าเหว่ใจ
ไม่มีใครเป็นเพื่อนยามเยือนคอน
กอระกำพร่ำระงมกับลมหวิว
หนาวใจริ้วยามร้างห่างสมร
สุดระกำจำพรากจากบังอร
ในดงดอนเดียวดายให้ระกำ
กิ่งไทรโศกโยกคลอนถอนสะอื้น
ฝากความขื่นขมปร่าเพลาค่ำ
ยูงยางใหญ่ยักย้ายส่ายระบำ
ร่ายลำนำภูผาสู่ฟ้าไกล
ในแดนดินถิ่นทิพย์ระยิบระยับ
พฤกษาขับเพลงกลอนที่อ่อนไหว
บำเรอรื่นอารมย์ระงมไพร
ป่าถิ่นไทยสวยแสนแม้นพิมาน.
25 ตุลาคม 2545 13:46 น.
พรระวี
ด้วยดวงตาซื่อใสช่างไหวหวาม
ดูงดงามเพราพริ้มอิ่มเอิบฝัน
ระคนเศร้าหม่นรื้นทุกคืนวัน
ประกายนั้นสุดงามยามมองมา
ใครหนอใครช่างทำเธอช้ำชอก
ใครหนอหลอกด้วยเล่ห์เสน่หา
สร้างรอยบาปสาปซ้ำไม่นำพา
หยาดน้ำตาซึมเปื้อนเป็นเพื่อนใจ
บ้านใกล้กันเห็นกันทุกวันหมอง
ยามเธอร้องครวญคร่ำทำไฉน
เป็นแก้วร้าวแก้วรานสะท้านใจ
อยากเข้าไปปลอบขวัญกัลยา
ร้องไห้เถิดนวลน้องจงร้องไห้
น้ำตาไหลด้วยฤทธิพิษความปร่า
จะชะล้างความหลังฝังอุรา
ให้แก้วตาสร่างโศกจากโรคใจ
อยากจะเก็บเศษแก้วแล้วมาหลอม
เพื่อถนอมแก้วขวัญเป็นอันใหม่
เปล่งประกายพรายพร่างในกลางใจ
จะมิให้แก้วร้าวอีกคราวเลย...!!.
23 ตุลาคม 2545 22:19 น.
พรระวี
ลมลู่ลิ่วพริ้วพรายผ่านสายน้ำ
ตาปีฉ่ำชื่นใจหาไหนเหมือน
วิบแววดาวสกาวพ้อล้อเพ็ญเดือน
ยามมาเยือนเดียวดายชายชลธี
ค่ำแสนหนาวร้าวอารมณ์จากลมเหนือ
พร่างพราวเมื่อเมฆพรายฉายรังสี
ให้คิดถึงดอกฟ้าสุมาลี
คอยวันที่หลั่นฟ้ามาให้เชย
คะนึงหามาลีศรีจากสรวง
แสนหนักหน่วงโหยไห้แล้วใจเอ๋ย
คราหน่วงหนาวอารมณ์ลมรำเพย
อย่าละเลยให้เศร้าเพราะเฝ้ารอ
ถ้าวันใดพร้อมพรากจากชั้นฟ้า
เกิดเมตตาให้สอยอย่าลอยล่อ
จะโลมรื่นชื่นใจเสียให้พอ
แนบพะนอฝังกายชายตาปี.
21 ตุลาคม 2545 22:11 น.
พรระวี
ลมระรินกลิ่นดอกไม้ริมท้ายทุ่ง
หอมจรุงจรดขวัญอันสดใส
ในยามเย็นใกล้ค่ำอยู่รำไร
ระริกไหววังเวงด้วยเพลงพรม
จากเสียงขลุ่ยแผ่วออดทอดเสียงเอก
ปานสรวงเสกปนสะอื้นคล้ายขื่นขม
วิเวกหวิวพริ้วพรายตามสายลม
บาดอารมย์ฟุ้งซ่านคนบ้านนา
บางทำนองปลอบกมลผองคนโศก
บางทำนองกล่อมโลกให้แกร่งกล้า
บางวรรคตอนลื่นไหลในลีลา
ให้ปวงชนศรัทธาภราดร
เหล่าชาวนาคนไร่ได้ชื่นขวัญ
เพลงขลุ่ยบรรเลงลักษณ์ให้พักผ่อน
ปลดปลงความเมื่อยล้าหลับตานอน
ไม่อาวรณ์ความยากลำบากกาย.