26 กันยายน 2550 05:33 น.
ฝากรักฟากฟ้า
ภาพทิวทัศน์สองข้างเปลี่ยนไปเรื่อยๆตั้งแต่รถขับเคลื่อนเข้าทางแยกจากถนนใหญ่ ด้วยเพราะเป็นเส้นทางขึ้นสู่ดอยอ่างขาง ซึ่งมักมีรถของชาวต่างถิ่นมาเที่ยวตลอดทั้งปี สภาพท้องถนนจึงดีกว่าถนนสายเล็กๆ อื่นที่ไม่สำคัญ จากปากทางเข้าสู่สวนส้มที่อยู่เชิงดอยมีหมู่บ้านใหญ่ๆหลายแห่ง สังเกตจากการปลูกที่อยู่อาศัย ล้วนแต่โอ่อ่าใหญ่โตแสดงถึงสภาพฐานะของผู้คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้าน ทอรุ้งอดรู้สึกทึ่งไม่ได้ คิดไว้ว่าตนคงจะได้มาอยู่ในสวนที่มีสภาพเรือกสวน หมู่บ้านแบบเกษตรกรทั่วไป กลับมาเห็นบ้านเรือนที่ทันสมัย บางหลังเป็นเรือนไทยไม้สักหลัง บางหลังทันสมัยอย่างหมู่บ้านจัดสรรในเมืองกรุง
เจ้าของสวนส้มเป็นส่วนใหญ่ สวนลิ้นจี่น้อยลงแล้วค่ะ แม่บ้านร่างท้วมหันมาเล่าให้ทอรุ้งฟังเป็นระยะ ตั้งแต่ตรงหมู่บ้านปากทางเข้ามาก้อเป็นสวนส้มหมดแหละ บางสวนก้อมีโรงแว๊กซ์ของตัวเองด้วยนะคะ
ทอรุ้งได้แต่พยักหน้ารับฟัง อีกไม่นานเธอคงจะรู้จักมากขึ้นเอง
พ้นจากหมู่บ้านก็เป็นสวนส้มที่เรียงรายตามเส้นทาง แต่ละสวนดูกว้างใหญ่ไปจนสุดสายตา กินอาณาบริเวณไปจนถึงไหล่เนินเขา
ครูมาช่วงนี้ก้อวายไปล่ะ แต่บางสวนเขาบังคับให้ออกได้ตลอดปีก้อมี เสียงมัคคุเทศก์เฉพาะกิจอธิบายเสริมอีก ที่สวนคุณปราชญ์มีทั้งส้ม ลิ้นจี่ แล้วก้อองุ่น
มีองุ่นด้วยเหรอคะ ทอรุ้งเอ่ยถามด้วยความสนใจ
ค่ะ ก้อเริ่มปลูกได้สักสองปี กำลังขยายออกไปอีก
ระยะทางจากตัวอำเภอเข้ามาที่สวนนับว่าไกลพอสมควร จนกระทั่งสุดท้ายพาหนะสีน้ำตาลคันหรูเลี้ยวเข้าประตูรั้วสวน ผ่านแปลงต้มส้มไปหลายแปลงแล้วจนดูเหมือนรถกำลังวิ่งขึ้นเนิน ผู้โดยสารต่างถิ่นหันมองผ่านกระจก เห็นแต่ต้นส้มสูงเป็นทิวแถว มีคนงานกำลังตัดแต่งกิ่งส้มตามแปลง
รถแล่นผ่านไปตามถนนโรยกรวด บ้านไม้ขนาดย่อมตั้งอยู่บนเนิน รูปทรงตามแบบบ้านทรงยุโรปที่ทอรุ้งเคยเห็นในหนังสือประเภทบ้านในสวน หน้าบ้านประดับด้วยซุ้มเฟื่องฟ้าอวดสีสันแข่งแสงแดดเจิดจ้าฤดูร้อน คนขับรถขับขึ้นไปจอดพอดีหน้าบ้าน ที่มีบันไดไม้ยาวลงมา 4-5 ขั้น ไปสู่ระเบียงกว้างก่อนเข้าถึงตัวบ้าน
ครูลงมาก่อนนะคะ เดี๋ยวให้นายหรุ่งขนกระเป๋าไปไว้ที่บ้าน
แม่บ้านตุบตับลงรถก่อนที่จะหันมาขยับเลื่อนเบาะให้ทอรุ้งก้าวลงรถ เธอกล่าวขอบคุณเบาๆ ขณะนายหรุ่งคนขับรถเดินอ้อมไปยกกระเป๋าลงจากกระบะท้ายรถคันใหญ่ เธอยังคงหิ้วเพียงกระเป๋าโน้ตบุ๊คเดินตามแม่บ้านขึ้นบันไดไป มีทางเดินอ้อมไปด้านหลังบ้านซึ่งมีเรือนหลังเล็กแบ่งเป็นส่วนของครัวหลังหนึ่ง และเรือนพักหลังเล็กอีก 2 หลัง เป็นสัดส่วน แวดล้อมไปด้วยต้นไม้ทำให้ดูร่มรื่น
หลังนี้ค่ะครู ป้าพรรณเรียกทอรุ้งพร้อมกับเปิดประตูเรือนเล็กชั้นเดียว ทอรุ้งเดินตามเข้าไปในห้อง เป็นบ้านพักที่ไม่กว้างอะไรมากมาย ห้องนอนเป็นสัดส่วน มีห้องน้ำในตัว พื้นที่สำหรับนั่งเล่นหรือทำงานกว้างพอสมควร
ครูมีกระเป๋าแค่นี้เหรอคะ
ค่ะ ก้อไม่ได้เอาอะไรมามาก ทอรุ้งตอบยังนึกขำในใจ กระเป๋าแค่นี้ก็คือใบใหญ่ยักษ์ ที่อุตส่าห์แบกลากมาอย่างทุลักทุเล แต่พอเปิดกระเป๋าออกมาก็จะเห็นว่าเธอมีแต่เสื้อผ้ามาพอประมาณ หนังสือต่างๆ ส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือสำหรับเด็กมากกว่า
ทอรุ้งค่อยหยิบออกมาวางเป็นสัดส่วน ตู้เสื้อใบขนาดย่อมเข้าชุดกับเครื่องเรือนภายในห้องนอน เรียบๆ ง่ายๆ ดูสบายตา เธอจัดหนังสือวางบนบนโต๊ะใกล้หน้าต่างข้างเตียงนอน
มองออกไปเห็นสนามหญ้าบริเวณไม่กว้างนัก ตกแต่งบริเวณด้วยพุ่มไม้ดอกหลากพันธุ์หลายสี มีชิงช้าสำหรับเด็กใกล้ชุดโต๊ะสนาม ที่ดูเหมือนจะตัดแต่งจากรากไม้ เธอมองดูอย่างมาดหมายว่าจะต้องหาเวลาลงไปสำรวจให้ได้ในเร็ววัน
เมื่อเดินออกจากห้องนอนก็จะเป็นส่วนอเนกประสงค์ มีชุดโต๊ะเก้าอี้จากไม้ไผ่สีเหลืองทอง ชั้นวางโทรทัศน์และเครื่องเสียงชุดเล็ก ทำให้นึกสงสัยอยู่คร้ามครันว่า เรือนพักหลังนี้เจ้าของบ้านคงจะจัดไว้สำหรับรับแขกเหรื่อที่น่าจะมากันบ่อยๆ มีเคาน์เตอร์วางเครื่องดื่ม ทอรุ้งแทบไม่ต้องคิดร้องขออะไรเพิ่มเติม
พ่อเลี้ยง ทอรุ้งนึกถึงภาพไม่ออกว่าจะเหมือนอาเสี่ยพุงพลุ้ยหรือคนคุมงานสวนดี แต่ดูจากการจัดบริเวณบ้าน หากไม่ใช่เป็นการว่าจ้างมัณฑนากรมาออกแบบ ก็ถือว่าเจ้าของบ้านเป็นคนที่มีรสนิยมดีคนหนึ่งทีเดียว
แล้วไปได้กับคำว่าพ่อเลี้ยงเหร๊อ เธอนึกขันในใจอยู่คนเดียว
เสียงเพลงดังขึ้นเบาๆ ทอรุ้งรีบก้าวเท้ากลับไปที่ห้องนอน มองหาโทรศัพท์มือถือ เมื่อหยิบออกจากกระเป๋าถือจึงรู้ว่าไม่ใช่จากเครื่องของเธอ เสียงนั้นยังดังอยู่เรื่อยๆ เธอหมุนกลับออกมาจากห้องอีกที ยืนหันรีหันขวางหาที่มาของเสียงก่อนจะเหลือบเห็นเครื่องโทรศัพทืสีเหลืองอ่อนแขวนติดอยู่ที่ผนังเหนือเคาน์เตอร์
สวัสดีค่ะ เธอกล่าวทักทายทันทีที่หยิบออกมาจากที่แขวน
ครูเจ้า ป้อเลี้ยงมาล่ะ เปิ้นไค่ปะครูเน้อเจ้า เสียงป้าพรรณดังจากปลายสาย
จะให้ไปพบตอนนี้เลยเหรอคะ ทอรุ้งถาม
ครูสะดวกก่อเจ้า
....ไม่สะดวกได้เหรอ นายจ้างจะขอดูตัว.... ทอรุ้งแย้งขำๆ ในใจ หากพูดไปว่า
ได้ค่ะ ขอเวลา 10 นาทีค่ะ
เจ้า กำเดียวป้าจะฮื้อนางซอไปฮับเน้อ ป้าพรรณสั่งอย่างเป็นการเป็นงาน
ทอรุ้งจึงรีบวางโทรศัพท์ เข้าไปหยิบซองเอกสารจากกระเป๋า ก่อนที่จะหันไปสำรวจความเรียบร้อยของใบหน้าและเครื่องแต่งกาย เสื้อยืดโปโลสีฟ้าสดใส เพ้นท์ลายกล้วยไม้สีเหลือง กับกางเกงยีนส์ลูกฟูกสีน้ำตาลเข้มที่ดูทะมัดทะแมง เธอไม่ได้คิดว่าต้องเปลี่ยนใหม่เพราะชุดที่แต่งอยู่ก็น่าจะเรียบร้อยพอแล้ว
นางซอที่ป้าพรรณเป็นผู้หญิงร่างท้วมอีกคนหนึ่ง ...อยู่ที่นี่คงอ้วนไปตามๆ กัน... ทอรุ้งไพล่นึกไปนึก พ่อเลี้ยง พุงพลุ้ยอีกคนเช่นกัน หน้าตาซื่อๆ ยิ้มง่าย คงเป็นหญิงต่างด้าว เธอสังเกตจากสำเนียงที่พูด
นางซอเดินนำเธอจากเรือนที่พัก เดินอ้อมเรือนหลังใหญ่ที่ด้านหน้า เมื่อผลักบานประตูกระจกสีทึบเข้าไป สัมผัสความเย็นที่ได้จากการออกแบบบ้านให้มีการถ่ายเทอากาศที่ดี ไม่ต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศแต่อย่างใด
จากเครื่องเรือนไม้เพื่อรับแขกสีน้ำตาลที่ออกแบบอย่างกลมกลืน เรียบๆ ง่ายๆ สร้างความรู้สึกอบอุ่นให้กับผู้ที่เข้ามาเยือน ห้องโถงส่วนหนึ่งถูกกันไว้สำหรับเป็นที่ทำงาน โต๊ะทำงานขนาดใหญ่ มีเพียงกล่องใส่เอกสาร เครื่องจอคอมพิวเตอร์รุ่นล่าสุด หลังเก้าอี้ทำงาน เป็นตู้เก็บเอกสารขนาดสามชั้น
ที่สะดุดตาคือกรอบรูปไม้สักทองสลักเสลาเป็นเครือไม้อ่อนช้อยขนาดย่อมที่ประดับภาพถ่ายผู้หญิงคนหนึ่ง ใบหน้าหวานซึ้ง สังเกตจากรูปดวงตาที่เรียวรี ชั้นเดียว ตลอดจนลักษณะเครื่องประดับผม เดาว่าคงเป็นคนที่มีเชื้อสายจีน ทอรุ้งรู้สึกคุ้นๆ คล้ายเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
ขณะที่ทอรุ้งกำลังจะทรุดลงนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน เสียงฝีเท้าหนักๆ กับเสียงพูดเบาๆ จากข้างหลังทำให้เธอชะงักพร้อมกับหันไปมอง
ยิ่งทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจ เพราะคนที่เข้ามาใหม่นั้นคือ ชายที่เธอได้พบแล้วเมื่อวานนี้ บนรถโดยสารที่เธอนั่งจากตัวจังหวัดมานั่นเอง
อ้าว! เอ๊ะ... กลับเป็นเขาที่อุทานขึ้นก่อนทันทีที่เห็นหน้าเธอ
คุณเองเหรอ โธ่เอ๊ย!
นางซอเหลียวมองกลับไปกลับมาด้วยความงุนงง
เชิญนั่งเลยครับ เขารีบเดินตรงมาและนั่งลงที่เก้าอี้โต๊ะทำงานอย่างไม่พิธีรีตอง พร้อมกับเชื้อเชิญให้เธอนั่งลงเช่นกัน
8 กันยายน 2550 06:55 น.
ฝากรักฟากฟ้า
ทอรุ้งรู้สึกรำคาญเล็กน้อยกับการที่ต้องมานั่งรถโดยสารในวันที่อากาศร้อนอบอ้าวอย่างนี้ สัมภาระแค่กระเป๋าใบใหญ่ใบเดียวเท่านั้นเอง เด็กท้ายรถช่วยกันยกจนตัวเอียงเก็บไว้ใต้ท้องรถ ทอรุ้งหิ้วเพียงกระเป๋าโน้ตบุ๊คขึ้นไปบนรถรอเวลารถออก
ช่วงบ่ายอย่างนี้ผู้โดยสารไม่ค่อยแน่น นั่งสบายๆ ทอรุ้งจึงสามารถนั่งเบาะอย่างสบายๆ คนเดียว การเตรียมตัวเดินทางวันนี้ทำเอาเธอเพลียมาก ทั้งยังจะมาเจออากาศอบอ้าวแบบนี้ เธอคิดว่าเดี๋ยวคงจะนั่งหลับแน่เลย เมื่อคืนก็ยังหลับดึกอีกด้วย แต่คราวนี้เธอต้องไปรับงานไกลบ้านจึงต้องจัดการสิ่งต่างๆทางบ้านให้เรียบร้อย
รุ้งสนใจงานดูแลเด็กมั๊ยล่ะ พี่หมอที่คุ้นเคยกันมานานเอ่ยถามขึ้นมาในวันหนึ่ง
ดูแลเด็กแบบที่ศูนย์นี่เหรอคะ เธอย้อนถาม
ก้อคล้ายๆกัน แต่คนนี้ผู้ปกครองเขาอยากได้พี่เลี้ยงแบบอยู่ประจำเลย
วันนั้นเธอลังเลไม่ได้ตอบรับปากไปทันที งานดูแลเด็กที่เธอไปทำเป็นงานตามความพึงพอใจ ที่เธอเลือกทำหลังจากการลาออกจากงานประจำ ประกอบกับรู้จักกับคุณหมอธีรินทร์เป็นการส่วนตัวมานาน เธอจึงอาสามาช่วยงานดูแลเด็กในศูนย์พัฒนาเด็กแห่งนี้เท่าที่เธอจะสามารถมาได้
อย่างรุ้งไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะ พี่ว่า เพราะเจ้าลูกชายทั้งสองก้อโตๆ กันแล้ว คุณหมอพยายามหว่านล้อม พ่อของเด็กเขาอยากได้คนดูแลที่มีอายุแล้วก้อความรู้ในการดูแลเด็กออทิสติกด้วย รุ้งน่ะเหมาะ
บทสรุปง่ายๆ กับข้อเสนอค่าตอบแทนที่สูงพอสมควร ทำให้ทอรุ้งนำมาคิดและถามความเห็นของลูกชาย ซึ่งก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ลูกชายคนโตแม้จะเพิ่งเรียนจบก็มีงานทำที่พอจะสามารถดูแลน้องชายที่กำลังเรียนอยู่ในระดับอุดมศึกษา
แม่จะไปอยู่ได้เหรอ ในสวนจะแบบไหนก้อไม่รู้
เจ้าคนเล็กตัวสูงไม่วายกังวลเล็กๆ
อยู่ได้สิ ไม่น่าจะมีอะไรนะ ทอรุ้งยืนยัน
ความจริงเธอก็ตัดสินใจเองได้แต่ด้วยความคุ้นเคยที่อยู่ด้วยกันสามแม่ลูก ที่มักจะพูดคุยกันเสมอในทุกเรื่อง
ในที่สุดเธอก็ตอบตกลงกับหมอธีวินทร์ที่จะเดินทางไปทำงานดูแลเด็กในที่ที่เธอยังไม่เคยได้ไปมาก่อน ข้อมูลรายละเอียด ข้อตกลงต่างๆ ล้วนสำเร็จลงไปด้วยคุณหมอเป็นผู้จัดการให้ และวันนี้เธอกำลังเดินทางไปทำงานกับนายจ้างที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน
มองไปไกลๆ ในทิศทางที่กำลังเดินทาง อดหวั่นวิตกไม่ได้กับเมฆฝนที่ดำทะมึนข้างหน้า เพราะพี่หมอบอกว่าต้องใช้เวลาเดินทางมากพอสมควร แล้วยังต้องเดินทางเข้าไปที่สวนผลไม้อีกต่อหนึ่ง โชคดีที่ทางนายจ้างจะมารอรับที่ท่ารถ ทอรุ้งเอาโทรศัพท์มาเช็คหมายเลขติดต่อที่พี่หมอเอื้อเฟื้อให้อีก ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว
ทอรุ้งนั่งมองออกไปนอกรถพร้อมกลับคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเพลินๆ จนเคลิ้มหลับไป สักพักเธอต้องตกใจตื่นขึ้นมาเมื่อรู้สึกมีอะไรมากระทบแขนแรงๆ จนต้องลืมตาขึ้นมา
อ๊ะ! อ๊า! เสียงร้องใสๆ ที่ไม่เบานักดังขึ้น ทอรุ้งลืมตาขึ้นมาก็พบดวงตาดำขลับใสแจ๋วของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนถุกอุ้มมาจ่อมวางที่เบาะนั่งเดียวกับเธอโดยไม่ทันระวัง เท้าคู่น้อยในรองเท้าผ้าใบจึงเหยียบลงบนท่อนแขนของเธอเต็มๆ
โอ๊ะ! ขอโทษครับ นึกว่าว่าง เสียงห้าวๆ ดังมาจากด้านหลังก่อนที่จะชะโงกหน้ามา
ไม่เป็นไรค่ะ นั่งได้ เธอตอบพลางขยับให้เด็กหญิงตัวน้อย ขาว บาง เหมือนตุ๊กตาแก้ว ร่างสูงใหญ่จึงนั่งลงอีกด้านหนึ่งก่อนที่จะโอบร่างน้อยๆบางๆนั้นไปกอดอย่างทะนุถนอม
อ๊ะ! เด็กน้อยส่งเสียงดังแจ้ว ทอรุ้งต้องหันกลับไปมองอีกครั้ง แก้มใสบาง ขาวซีดๆ ปากบางสีแดงสดระบายยิ้มพร้อมกับส่งเสียงที่ฟังไม่เข้าใจ ผู้เป็นพ่อเหลือบมองดูทอรุ้งอย่างเก้อๆ
ขอโทษนะครับ เขาพูดเบาๆ ดึงมือลูกสาวที่กำลังเอื้อมไปแตะกำไลหยกที่ข้อมือทอรุ้งอย่างใคร่รู้ แต่ดูเหมือนเด็กน้อยจะไม่สนใจ ยังคงส่งเสียงคล้ายพยายามพูดแต่เสียงที่เปล่งออกมาไม่มีใครเข้าใจได้เลยนอกจากผู้เป็นพ่อ
ลูกสาวพูดไม่ได้ครับ เพิ่งไปผ่าตัดใต้ลิ้นมาเกือบสองเดือนเองครับ เขาอธิบายท่าทีผ่อนคลายกว่าทีแรก เมื่อเห็นทอรุ้งไม่ได้แสดงท่าทางรังเกียจลูกสาว ทอรุ้งมองด้วยความทึ่ง เด็กน้อยยังสนใจกำไลหยกโดยพยายามจะเอื้อมมือจับข้อมือของเธอ ทอรุ้งส่งข้อมือให้อย่างไม่ได้นึกรังเกียจแต่อย่างใด นอกจากความรู้สึกเอ็นดู
อดสังเกตลักษณะของเด็กน้อยไม่ได้ อายุไม่น่าเกิน 3 ขวบเพราะตัวเล็กเหลือเกิน สายตาที่มองดูเลื่อนลอย เธอมักจะมองเลยไปไกลกว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ชี้ดูสิ่งนั้นสิ่งนี้ ส่งเสียงอ้อแอ้วุ่นวาย ผู้โดยสารหลายคนที่นั่งที่นั่งใกล้ๆ เริ่มหันมาด้วยสายตาที่บอกความรู้สึกที่แตกต่างกัน ตำหนิติเตียน รำคาญ เวทนา อยากรู้อยากเห็น ใบหน้าที่รกด้วยหนวดเคราหันมามองทอรุ้งด้วยความรู้สึกอึดอัด หวาดระแวง แต่เมื่อเห็นหญิงสาวมีกิริยาที่เป็นมิตรต่อลูกสาว แววตาที่มองมาจึงคลายความอัดอึดลงไปบ้างหากยังคงหวาดระวัง
...อืม เด็กคนที่จะต้องไปดูแลจะเป็นยังงี้รึป่าวนะ.... ทอรุ้งนึกสงสัย พี่หมอไม่ได้ให้รายละเอียดมากนักบอกแค่เพียงว่าเป็นเด็กออทิสติก อื่นๆ ก็คงต้องไปพูดคุยกับผู้ปกครองของเด็กเอง
เด! เด! เด็กน้อยส่งเสียงพร้อมกับเอามือเล็กมือนั้นตีไปที่ท่อนแขนผู้เป็นพ่ออย่างแรง อ๊า!
เธอชี้มาที่ทอรุ้ง พยามยามส่งเสียงที่เข้าใจกันเฉพาะสองพ่อลูก ผู้เป็นพ่อยิ้มให้อย่างเอ็นดูก่อนที่จะก้มลงพูดกับลูกเบาๆ แต่ดูท่าทางอีกฝ่ายจะไม่รับรู้กลับส่งเสียงดังมากขึ้นและพยายามดึงมืออกจากการเกาะกุมของพ่อ มาจับแขนของทอรุ้งและพยายามจะพูดด้วย
อย่ายุ่งน้าลูก
คะ!
เอ่อ....น้องฝันคงสนใจที่คุนกำลังฟังอยู่มั้งครับ เขาอธิบายเบาๆ กับทอรุ้ง ด้วยความอึดอัดอีกครั้งกับสายตาของผู้โดยสารสาวสวยเบาะหน้าที่หันมามอง
อ่อ....ไม่เป็นไรค่ะ ทอรุ้งตอบ และถอสายดหูฟังข้างหนึ่งส่งให้เด็กน้อย ฟังด้วยกันค่ะ
เธอเหน็บหูฟังให้ เมื่อน้องฝันได้ยินเสียงเพลงจากเครื่องเล่นตัวจิ๋ว ทุกอย่างจึงดูสงบลง ผู้เป็นพ่อกล่าวขอบคุณทอรุ้งอย่างเกรงอกเกรงใจ
ทอรุ้งทิ้งตัวลงบนเตียงที่สะอาดเอี่ยม ความเย็นฉ่ำของเครื่องปรับอากาศในห้องพักช่วยผ่อนคลายอาการวิงเวียนและความเหนียวหนับเนื้อตัว ในที่สุดเธอก็เดินทางมาถึงเมืองฝางหลังจากที่นั่งรถจากตัวเมืองเชียงใหม่ร่วม 3 ร่วมชั่วโมง เส้นทางที่คดเคี้ยวในขุนเขาทำให้เธอมีอาการวิเวียนเมารถพอสมควร ทั้งยังต้องหงุดหงิดอีกกับการผิดนัดของนายจ้าง
ป้อเลี้ยงไปเวียง ยังบ่ ปิ๊กมาเตื่อ คำตอบจากแม่บ้านที่รับโทรศัพท์ รถตี้สวนก่อซ้ำมาหลุ เลยบ่ มีรถไปฮับครู ครูเข้าพักตี้โรงแรมก่อนเน้อเจ้า
คุณแม่บ้านก็ได้จัดแจงให้เธออย่างคล่องแคล่วพร้อมแนะนำที่พักให้เสร็จสรรพ ซึ่งดูเหมือนจะคุ้นเคยกับการจัดหาที่พักพอสมควร เพราะเธอสามารถเข้าที่พักตามคำแนะนำอย่างสะดวกสบาย และยังได้รับคำตอบว่าจะส่งรถมารับในพรุ่งนี้เช้า เธอจึงรู้สึกคลายกังวลไปพอสมควร
ทีแรกทอรุ้งคิดว่าจะออกไปเดินเที่ยวดูร้านรวง หลังการอาบน้ำเพื่อทำความรู้จักกับถิ่นใหม่ที่เธอจะมาอยู่ร่วมปีตามสัญญาว่าจ้าง แต่ครั้นทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยจริงทอรุ้งก็เปลี่ยนสั่งอาหารขึ้นมาที่ห้องและพักผ่อนเท่านั้น
.....โปรดติดตามต่อไปวันเสาร์.....