1 มกราคม 2551 08:05 น.
ฝากรักฟากฟ้า
ชุดนอนแบบกางเกงเปียกลู่ เธอหนาวสั่นสะท้าน พยายามมองไปรอบๆ เธอต้องหนี
เรือนเล็กที่ถูกกระแสน้ำพัดไหวยวบ
...หนี!!!
ไปทางไหนเล่า ที่ไหน..... ต้องหนีไป
น้ำป่าพัดมาแรงและอย่างรวดเร็ว เสียงกึกดังไปทั่วขุนเขาปานจะถล่มทลาย ทอรุ้งเหลือบมองไปทางเนินดอยที่ดำทะมึนอยู่หลังบ้าน ต้องหนีไปที่สูงๆ
....ต้องไป.... ทั่วทุกทางล้วนมีแต่น้ำ สองชีวิตในอ้อมกอดตัวสั่นงันงก ในความความหนาวเย็นถึงหัวใจ ทอรุ้งรู้ถึงน้ำอุ่นที่ไหลมาอาบหน้า
คุณปราชญ์คะ!
ทอรุ้งกรีดเสียงร้องเมื่อมีสิ่งหนึ่งมากระแทกกับเสาเรือนอีกครั้ง เธอถลาไปข้างหน้าหากยังไม่ยอมปล่อยสองชีวิตนั้นออกไป สิ่งเดียวที่เธอคิดได้คือต้องพาทั้งสองหนีไป
เมื่อกระโจนลงจากบ้าน เธอจึงรู้ว่าระดับน้ำขึ้นสูงอย่างรวดเร็วเพียงใด ฝนยังคงตกหนัก ลมพัดอื้ออึงทั่วทุกทิศทางจนไม่สามารถรู้ได้ว่ามาจากทางใดแน่ ฟ้าแลบแปลบปลาบเป็นระยะ
เธอได้แต่วิ่งไปข้างหน้าที่สูงขึ้น บางทครั้งเธอลื่นไถลล้มลงแต่เธอไม่ยอมปล่อยสิ่งใดให้หลุดออกจากอ้อมแขน แสงสว่างที่รัวลาง เม็ดฝนที่ซัดสาด กิ่งไม้ที่ฟาดซัดลงมา เธอไม่ได้สนใจนอกจากพยายามวิ่งขึ้นไป เธอรู้ว่ามันจะขึ้นไปสิ้นสุดที่ใด
เสียงเพลงดังอึงอลจนฟังไมได้ศัพท์ เขาอยากออกไปจากที่บริเวณนี้ มีเสียงหนึ่งดังแว่วมาไกล เขาพยายามฟังหาที่ของเสียง
...อาปราชญ์ อาปราชญ์คะ....
คุ้นๆ คล้ายเคยได้ยินใครคนหนึ่งเรียก เสียงอื่นกลับดังกลบขึ้นมาอีก จนไม่รู้สามารถแยกแยะได้ว่าเป็นเสียงอะไร
.....เร็วค่ะ อาปราชญ์ กลับบ้าน...
เสียงนั้นดังแว่วมาแทรกในเสียงต่างๆ ไม่ใช่เสียงเพลง เขาฟังไม่ได้ศัพท์ เหมือนได้ยินเสียงหวีดร้องเสียงที่คุ้นหู
ป๊ะ!
ปราชญ์ทะลึ่งพรวดขึ้นนั่ง เขามองไปรอบๆ ทุกอย่างเงียบสงัด ไม่มีเสียงดนตรี ไม่มีเสียงหวีดร้อง
เขามองไปรอบห้องจึงนึกขึ้นได้ว่าเขาอยู่ที่ใด และต้องตกใจยิ่งกว่าที่พบว่ามีอีกร่างหนึ่งนอนหลับอยู่เบียดกับเขาบนเตียงเล็กนี้ เขาก้าวลงจากเตียงทันที ร่างนั้นจึงงัวเงียขึ้นตาม
อะไรคะพี่ปราชญ์
งานเลิกแล้วทำไมไม่เรียกพี่ เขาพูดด้วยน้ำเสียงกร้าว พลางตบกระเป๋ากางเกงหากุญแจรถก่อนที่จะล้วงเอามาถือไว้
ก้อส้มเห็นพี่ปราชญ์หลับ ไม่กล้าปลุกนี่คะ
ครับ งั้นพี่จะกลับตอนนี้ล่ะ
เขาเดินออกจากห้องไปทันที ไม่สนใจกับเสียงเรียกของเธอ เขารู้หงุดหงิด กระวนกระวายบอกไม่ถูก เขาหาเครื่องโทรศัพท์อีกครั้งและพบว่าเครื่องถูกปิดไว้! ดังนั้นเมื่อหญิงสาวเดินแกมวิ่งตามเขามาจนทันขณะที่เขากำลังจะปิดประตูรถ ปราชญ์ไม่ได้ออกปากชวนสักนิด
พี่ปราชญ์จะกลับฝางเหรอคะ
ครับ
แต่ ส้มยัง....
พี่ไปล่ะครับ ขอตัว
เขาไม่ฟังเธอพูดจนจบ ยอมเป็นคนเสียมารยาทขับรถออกจากบริเวณที่จอดรถทันที เขากดเปิดเครื่องสักพักสัญญาณเครื่องปรากฎขึ้น เขามีสายเรียกเข้าที่ไม่ได้รับนับสิบสาย เขารีบกดไปยังหมายเลขที่เขาคุ้นเคยมากที่สุด ตอนนี้เกือบตีสาม....
1 มกราคม 2551 06:55 น.
ฝากรักฟากฟ้า
ในตอนสายวันนั้น หลังจากกลับจากวัด ปราชญ์และครูทอรุ้งก็ได้พาน้องฝันไปที่โรงเรียนประจำบ้านหมู่บ้านตามที่ได้นัดหมายไว้กับผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งต้องทำความเข้าใจอย่างมากกับครูที่จะขอให้รับน้องเข้าเรียนในชั้นเรียนปกติ ด้วยทางโรงเรียนยังไม่เคยรับเด็กกลุ่มนี้เข้าเรียน
จะเป็นไรมั๊ยคะ ถ้าหากช่วงแรกๆ คุณปราชญ์จะช่วยคุณทอรุ้งมาช่วยดูแลน้องฝันถึงห้องเรียนด้วย
ท่านผู้อำนวยการโรงเรียนหญิงเอ่ยปากเชิงขอความคิดเห็น
ได้ครับ ยินดีเลยครับ
อย่างนั้นขอเวลาให้ทางโรงเรียนได้ศึกษาแนวทางที่จะจัดกิจกรรมให้น้องนะคะ ท่านหันมาทางทอรุ้ง ยังไงคงต้องขอคุณแนะนำด้วยนะคะ
ค่ะ
วันนี้จะชมห้องเรียนก่อนมั๊ยคะ อนุบาลหนึ่ง
ท่านผู้อำนวยการหันกลับมาถามปราชญ์ เขาพยักหน้ารับอย่างสุภาพ ท่านจึงให้ครูที่กำลังสอนในชั้นเรียนติดกับห้องสำนักงานช่วยพาทั้งสามไปที่ห้องเรียนอนุบาล
ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบร้อยน้องฝันได้พบกับคุณครูที่จะดูแลตอนเข้าเรียนและเพื่อนๆ ท่าทางที่ไม่ยอมคุ้นเคยกับคนแปลกหน้าของน้องจะมากขึ้น
น้องฝันไม่งอแงหรอกค่ะ ทอรุ้งบอกกล่าว แต่แรกๆ คงต้องทำความคุ้นเคยมากๆ หน่อย
หากเมื่อมีกิจกรรมร้องรำทำเพลงเธอยืนมองด้วยความสนใจขยับตัวไปด้วย
น้องฝันจะชอบดนตรีนะคะ เวลาทำอะไรด้วยเสียงเพลงจะทำได้เร็ว
ทอรุ้งแนะนำ และก่อนถึงเวลาอาหารกลางวันทั้งสามจึงลากลับพร้อมกับบอกจะนำน้องฝันมาเข้าเรียนในเทอมที่สอง แต่การเข้าเป็นนักเรียนจริงๆ คงเป็นปีการศึกษาต่อไป
ปราชญ์รู้สึกพึงพอใจในการจัดการเรื่องรียนให้ลูกสาวเป็นที่เรียบร้อย ไม่มีปัญหาเรื่องเอกสารหลักฐาน นึกดีใจและขอบคุณที่หมอแนะนำทอรุ้งมาให้ ช่างโชคดีอะไรเช่นนี้ หากไม่ได้ทอรุ้ง เขาเองอาจไม่สามารถจัดการอะไรได้อย่างนี้
เมื่อกลับถึงสวนก็พบว่าป้าพรรณเตรียมมื้อกลางวันสำหรับเลี้ยงเด็กเล็กลูกคนงานในสวน ซึ่งทอรุ้งขออนุญาตเขาไว้เพื่อให้น้องฝันได้มีโอกาสได้คุ้นเคยกับเด็กรุ่นเดียว
ตอนนี้มีเด็กๆ มารออยู่ที่สนามหญ้าด้านหลังบ้านประมานสิบคน แสงจิ่งมารับเด็กน้อยไปร่วมวง นายหรุ่งทำหน้าที่คอยแจกลูกโป่งแก่เด็กๆ
ปราชญ์ไปนั่งที่เก้าอี้สนามอีกด้าน ดูลูกสาวเล่นกับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน เขาไม่เคยคิดที่จะทำแบบนี้มาก่อนนอกจากการเก็บลูกไว้แต่ในบ้าน ด้วยความคิดที่ว่าน้องฝันไม่เหมือนคนอื่น ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เขามีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองเธอแทนแม่ที่ตายไป
ทอรุ้งเข้าร่วมกลุ่มเด็กๆ นำเล่นเกมสนุกๆ โดยการเปิดเพลง น้องฝันยืนมองคนนั้นทีคนนี้ที ไม่ห่างนักมีเจ้าพูห์คอยวิ่งเล่นล่อหลอกกับเด็กๆ ไปทั่วสนามด้วย หลายครั้งที่ทอรุ้งต้องจูงมือเธอเข้ามาร่วมเล่นกับเพื่อนๆ ...ผู้หญิงคนนี้ให้ความหมายกับชีวิตเขาทีละน้อย....
นายระวังอย่าเป็นสมภารซะล่ะ
ปราชญ์นึกถึงคำพูดของผู้เป็นเพื่อนและหมอประจำตัวลูกสาว
คุณทอรุ้งเขาเป็นคนดี ใครอยู่ใกล้จะอดรักไม่ได้
นายด้วยรึป่าว หมอ
ไอ้หมาหวงราง หมอธีรินทร์ตอบกลับไม่ตรงคำถาม
ปราชญ์เคยนึกสงสัยความสัมพันธ์ระหว่างครูทอรุ้งกับหมอธีรินทร์ หากทั้งสองไม่ได้แสดงความกระตือรือร้นที่จะได้พบกันแต่อย่างไร เขารู้สึกพอใจอยู่เงียบๆ แต่คำพูดของเพื่อนกลับทำให้เขาต้องคิดระวังตัว
แหมมมม! พี่ปราชญ์ มองไม่กระพริบตาเชียวเหรอ
น้ำเสียงไม่พอใจของวัสสิกาดังขึ้นอย่างไม่เกรงใจ เรียกเขาละสายตามาจากลานสนามหญ้า
สนุกกันใหญ่เชียว
หญิงสาวพูดพลางทรุดนั่งลงบนเก้าอี้พร้อมกับลากเข้ามานั่งชิดกับเขา วางกระเป๋าหนังราคาแพงบนโต๊ะกับตุ๊กตาตัวใหญ่เท่าขนาดตัวน้องฝัน
ของขวัญวันเกิดน้องฝันค่ะ
ขอบคุณแทนลูกสาวครับ
อะไรกันคะ วันนี้มีเด็กเงี้ยวมาด้วยเหรอ สกปรกจัง
เธอทำเสียงขึ้นจมูก ที่โรงคัดส้มเธอจะมีห้องสำนักงานเฉพาะไม่ให้คนงานเข้ามายุ่งเกี่ยว
ไม่หรอก พวกนี้เขาสะอาดครับ
ทอรุ้งหันมาเห็นผู้มาร่วมงานคนใหม่จึงก้มลงพูดอะไรบางอย่างกับน้องฝัน สักครู่แสงจิ่งจึงพาน้องฝันเดินมาโดยในมือน้อยทั้งสองค่อยประคองแก้วน้ำหวานสีแดงสดใส วัสสิกาเขม้นมองแต่ยังฝืนส่งยิ้มให้เมื่อรู้ว่าชายที่ตนหมายใจไว้มองดูอยู่เช่นกัน
น้องฝัน น้าส้มเอาตุ๊กตาเป็นของขวัญค้วยครับ
จะด้วยอะไรก็ตามเด็กน้อยวางแก้วน้ำอย่างร้อนรนแล้วโผหาผู้เป็นพ่อ ทำให้แก้วน้ำนั้นล้มลงน้ำหวานสีแดงหกไหลเลอะเทอะจากโต๊ะส่วนหนึ่งหยดลงที่กางเกงยีนส์ของวัสสิกา
เธอลุกพรวดพราดชนขอบโต๊ะแก้วน้ำกลิ้งตกลงบนพื้นสนามแตก ปราชญ์อุ้มน้องฝันขึ้นจากพื้นสนาม
ต๊าย กางเกงส้มเลอะน้ำแดงหมดแล้ว เสียงเธอแหลมเกรี้ยวกราด ดูสิ ผู้ใหญ่มีก้อไม่ให้ยกมา ใช้เด็กยกมาแทน
ปราชญ์มองดูกางเกงของเธอ
เลอะไม่มาก จิ่ง! เขาหันไปบอกแสงจิ่งที่ยืนมองอย่างตกใจเช่นกัน พาคุณส้มไปล้างน้ำหวานก่อนไป
ไม่เป็นไรค่ะ ส้มไปเอง
เธอยังค้อนขวับไปที่ทอรุ้งซึ่งกำลังวิ่งมารับน้องฝันจากปราชญ์ เธอกล่าวขอโทษแทนเด็กน้อยที่ยังทำหน้างงๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ราวกับไม่ได้เกี่ยวกับตัวเองสักนิด
แสงจิ่งเองยังนึกขยาดคุณส้มเพราะรู้ว่าแม่เลี้ยงคนนี้ถือตัวแค่ไหน จะให้ตามไปดูแลส่วนตัวจริงๆ เธอคงไม่กล้าหรอก
วัสสิการู้สึกว่าตนกำลังโกรธและไม่พอใจอย่างยิ่ง หากวันนี้เธอไม่เข้ามาในสวนด้วยตนเอง ปราชญ์คงจะลืมไปแล้วว่าได้บอกให้เธอมาร่วมงานวันเกิดวันนี้ด้วย
ความจริงเธอได้เสนอให้พาลูกสาวไปกินอาหารที่ร้านอาหารในตัวอำเภอ แต่ปราชญ์กลับบอกว่า ครูทอรุ้งเตรียมการไว้เสร็จสรรพแล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรเดี๋ยวนี้ปราชญ์มักจะออกชื่อครูทอรุ้งบ่อยขึ้น จากสายตาที่เธอเห็นในวันนี้เธอก็พอรู้ว่าปราชญ์กำลังเปลี่ยนไป สายตาที่เขาจับจ้องมองไปที่ครูสาวใหญ่ดูแช่มชื่นและอ่อนโยนอย่างที่เขาไม่เคยมองเธอแบบนั้นบ้างเลย
ตลอดเวลาที่รู้จักกันมาแม้เธอจะแสดงออกว่าเธอรู้สึกอย่างไรต่อเขาเพียงใด ระยะห่างยังคงเท่าเดิม
...จะทำอย่างไรดี ไม่อยากจะสูญเสียเขาไป....
วัสสิกามองดูภาพสะท้อนในกระจกเงา เธอสาวกว่า เปรียบไปแล้วยังสวยกว่าครูทอรุ้งที่อายุมากกว่า หน้าตาจืดๆ นั้น ฐานะรึก็ไม่ได้น้อยหน้าใครในถิ่นนี้ เธอจะยอมเสียเขาไปให้แม่ครูสาวใหญ่คนนั้นละหรือ เธอยิ้มให้กับตนเองอย่างมั่นใจและต้องการเอาชนะให้ได้
31 ธันวาคม 2550 08:57 น.
ฝากรักฟากฟ้า
ฝนยังคงตกอยู่ ดูเหมือนจะชุกมาก อาจจะเป็นเพราะอยู่ติดเชิงเขาด้วยทำให้ฝนตกแทบไม่เว้นวัน กิจกรรมของน้องฝันจึงขลุกอยู่ในห้องเป็นส่วนใหญ่ เจ้าพูห์กำลังซนเป็นเพื่อนเล่นที่ดีของแม่หนูน้อย
วันนี้ทอรุ้งต้องพลอยวุ่นไปกับการเตรียมของทำบุญวันเกิดให้น้องฝัน ทั้งยังจะมีงานเลี้ยงเล็กๆ ให้เจ้าตัวอีกด้วย ป้าพรรณอยากจะทำเค้กวันเกิดด้วย จึงต้องเตรียมการกันสนุกสนานแสงจิ่งถึงกับยอมไม่ไปงานวัดอื่น ทอรุ้งให้น้องฝันนั่งอยู่อีกมุมหนึ่ง แต่บางครั้งหนูน้อยก็จะเดินมาดูด้วยความสนใจ
ม๊ะ รายค๊า
ถึงแม้จะพยายามเปลี่ยนการเรียกแต่ดูเหมือนไม่เป็นผล เธอจึงต้องปล่อยเลยตามเลย
ครูกำลังทำขนมให้น้องฝันไงคะ
หนม ชอบๆ
เด็กน้อยยิ้มฟันหลอเกาะโต๊ะใหญ่กลางห้องครัว พยายามจะเอามือคว้ากาละมังแป้ง ทอรุ้งต้องคอยเลื่อนหนีให้พ้นมือ
น้องฝันอย่าซนสิคะ
ดูๆๆๆ
เธอพยายามที่จะเอื้อมให้ได้ มีอย่างเดียวคือต้องอุ้มขึ้นนั่งบนเก้าอี้ ทอรุ้งแบ่งแป้งให้เล่นจึงพอจะหยุดความอยากรู้ไปได้บ้าง สุดท้ายเมื่อหันไปดูก็ตอนที่ได้ยินเสียงเจ้าพูห์เห่าวุ่นวายอีกตัว ปรากฎน้องฝันเอาแป้งละเลงตัวเจ้าพูห์แล้ว ผงแป้งร่วงฟุ้งกระจายไปทั่วตั้งแต่ผม หน้าตา เสื้อผ้ามอมแมมพอกัน
ป้าว่าครูพาน้องไปเปลี่ยนเสื้อแล้วเอานอนเถอะค่ะ
ป้าพรรณคงจะทนไม่ได้ต่อไป ทอรุ้งจำต้องพาหนึ่งคนกับหนึ่งตัวออกจากครัวไป เดินสวนกับปราชญ์และหญิงสาวเจ้าของโรงคัดส้มคนเดิมที่ห้องโถงก่อนจะขึ้นไปชั้นบน
ป๊ะ เธอทำท่าจะโผไปหาพ่อทันที
น้องตัวเปื้อนค่ะ กำลังจะพาไปอาบน้ำ
ไม่เป็นไรครับ
ปราชญ์เอื้อมมือไปรับร่างลูกสาวอุ้มหอมแก้มอย่างรักใคร่ หากหญิงสาวที่ยืนเยื้องไปด้านหลังกลับเบะปากอย่างไม่เกรงใจครูผู้ดูแล
ชื่นใจๆๆๆ อาบน้ำแล้วหลับนะครับคนเก่งของป๊ะ
เก่งๆ น้องเก่ง น้องฝันพูดเลียนคำพูดของพ่อ พลางเอามือดึงหนวดเฟิ้มเล่น
ทำอะไรกันเหรอครับ
ก้อเตรียมของไปวัดพรุ่งนี้ ป้าพรรณจะทำขนมเค้กด้วยค่ะ
มีอะไรเหรอคะ วัสสิกาถามปราชญ์
วันเกิดน้องฝันครับ พรุ่งนี้
เหรอคะ มีอะไรให้ช่วยมั๊ยคะ
ไม่รู้สิ ต้องถามครูรุ้ง
สายตาวาววามคู่นั้นตวัดมามองทอรุ้งแวบหนึ่งหากไม่เอ่ยปากถามแต่อย่างใด ทอรุ้งได้แต่บอกให้ไปหาป้าพรรณที่ครัวก่อนที่จะรับร่างบางจ้อยคืนมา เธอพาน้องฝันขึ้นไปบนห้องตามที่ตั้งใจไว้โดยมีเจ้าพูห์วิ่งตามขึ้นไปติดๆ
เย็นนั้นวัสสิกาจึงเป็นแขกอาหารมื้อเย็นไปด้วยโดยปริยาย เธอพยายามช่วยจัดเตรียมของ ในขณะที่ป้าพรรณจะคอยปฏิเสธในเรื่องที่เธอจะจัดการ
พรุ่งนี้ไปวัดแต่เช้าเลยเหรอคะ พี่ปราชญ์ วัสสิกาชวนคุยระหว่างมื้ออาหาร
ครับ แล้วจะพาน้องไปไหนรึป่าวคะ
คงไม่ครับ พรุ่งนี้ไปวัดแล้วก้อจะพาน้องไปโรงเรียนด้วย เขาหันกลับมาถามทอรุ้งต่อ ครูเตรียมเอกสารของน้องฝันรึยังครับ
ยังนี่คะ ไม่ทราบว่าเอกสารของน้องอยู่ที่ไหน เธอตอบ
ต้องใช้อะไรบ้างครับ
ก้อมีใบสูติบัตร สำเนาทะเบียนของพ่อกับแม่
ใบเกิดคงไม่มีปัญหา แต่หลักฐานของพ่อกับแม่คงหายากล่ะ วัสสิกาแทรกขึ้นมา อาหลินก้อตายไปแหละ แล้วยังพ่อ...
คุณส้ม! ปราชญ์เรียกชื่อเพื่อนหญิงต่างวัยเสียงเข้มเชิงห้ามปราม คิ้วขมวดมุ่นด้วยความไม่พอใจ เรื่องต่างๆ ผมรู้ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง
แหม ไม่เห็นต้องทำเสียงแบบนี้เลยนี่คะ วัสสิกาสะบัดเสียง
ทอรุ้งรู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่ต้องมานั่งอยู่กับคนทั้งสอง โดยไม่รู้ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร
ความจริงตาของน้องฝันก้อยังอยู่ พี่ปราชญ์ไม่เห็นต้องมารับภาระอะไรแบบนี้ วัสสิกาพูดออกมาอย่างอัดอั้น
น้องฝันไม่ได้เป็นภาระอะไร
นั่นสิคะ คิ้วเรียวที่ได้รับการตกแต่งมาอย่างสวยงามขมวดขึ้ง ส้มบอกแล้วว่าน่าจะส่งไปอยู่โรงเรียนประจำก้อสิ้นเรื่อง
พี่เปลี่ยนใจแล้ว ไม่อยากส่งลูกไปอยู่กับคนอื่น เขาอธิบายเรียบๆ อย่างสะกดอารมณ์
...อีกแล้ว เรื่องแม่ของน้องฝันอีกแล้ว... ทอรุ้งรู้สึกว่าเขาไม่สบายใจบ่อยขึ้นเมื่อพูดถึงผู้หญิงที่ล่วงลับไปหลายปี
พี่คิดว่า คุณส้มไม่ควรพูดนะครับ
ตายจริง ลืมไปค่ะ เธอจีบปากจีบคอพูด ไม่ควรพูดเรื่องนี้ต่อหน้าคนอื่นนะคะ
วัสสิกาเน้นเสียงคำว่า คนอื่น จนทอรุ้งรู้สึกหน้าชาขึ้นมาเฉยๆ เธอยกแก้วน้ำขึ้นดื่มช้าๆ หลังจากรวบช้อนไว้
ม๊ะ ฟังนิทาน ม๊ะ
น้องฝันพูดขึ้นพร้อมวางช้อนบ้าง เธอไถลตัวลงจากเก้าอี้ ทอรุ้งจึงถือโอกาสนี้ขอตัวลุกจากโต๊ะอาหาร น้องฝันค่อยๆ เดินไปหาพ่อ เธอเหลือบมองวัสสิกาอย่างหวาดๆ ปราชญ์ก้มตัวลงกอดลูกสาว ก่อนที่จะให้ครูรุ้งพาลูกสาวไปฟังนิทานตามต้องการ ก่อนที่จะพ้นห้องมายังได้ยินเสียงของวัสสิกาพูดไม่เบานัก
ครูทอรุ้งเธอไม่รู้เหรอคะว่า พ่อของน้องฝันเป็นใคร
ทอรุ้งใจหายวาบ อะไรกัน...กำลังพูดกันเรื่องอะไร..... เธอเดินพ้นออกมาเสียก่อนที่จะได้ยินคำตอบ ปราชญ์จะตอบหญิงสาวว่าอะไร เธออดที่จะนึกสงสัยไม่ได้ น้องฝันกลับไม่สนใจเรื่องราวที่แม้ว่าพวกเขากำลังพูดถึงเธอแท้ๆ การที่ไม่สามารถรับรู้เรื่องราวต่างๆ คงเป็นสิ่งที่ดีอย่างหนึ่ง ไม่ต้องเสียใจ
เสียงฝนที่มาตั้งแต่ช่วงเย็นเริ่มเบาลงจนกลายเป็นเพียงเสียงหยดเผาะเปาะแปะ อากาศเย็น ชื้น เธอต้องเหน็บชายผ้าห่มกับที่นอน เมื่อแน่ใจว่าร่างน้อยๆ หลับสนิทเธอจึงดับไฟดวงใหญ่เหลือแต่ไฟดวงเล็กเหนือเตียง เธออุ้มเจ้าพูห์ขึ้นเพื่อเอากลับไปนอนที่เรือนพักของเธอ ปิดประตูห้องเบาๆ
ห้องข้างล่างเงียบเชียบ คงจะกลับกันแล้ว ทอรุ้งเดินย่องลงบันได ไฟที่ห้องโถงดับเหลือแต่ไฟดวงเล็กพอให้เห็นทาง ขณะเธอกำลังเดินผ่านโต๊ะทำงานตัวใหญ่ พลันโคมบนโต๊ะก็สว่างขึ้น ทอรุ้งยืนตัวแข็งจ้องมองผู้ที่อยู่หลังโต๊ะทำงาน
ดูเหมือนคุณชอบซุ่มอยู่อย่างนี้เหลือเกินนะคะ
พอรู้ว่าเป็นใครเธอก็อดที่จะตำหนิเขาไม่ได้
ดูเหมือนคุณครูชอบตกใจง่ายๆ จริงๆ นะครับ เขาพูดล้อคำพูดของเธอหน้าตาเฉย ผมลืมไปว่าคุณอยู่บนห้องน้องฝัน
บังเอิญคืนนี้น้องหลับยากค่ะ ทอรุ้งชี้แจง กว่าจะหลับได้เล่านิทานจบไปสามเรื่อง
ครูง่วงรึป่าวครับ เขาถามไม่มีปี่มีขลุ่ย
ทอรุ้งนิ่งมองคนถามก่อนที่จะตอบอย่างระมัดระวัง
คุณปราชญ์ มีอะไรจะฝากไปทำหรือเปล่าคะ
วันนี้ไม่มีหรอกครับ แต่อยากคุยด้วยหน่อย
ปราชญ์ขยับนั่งตัวตรง เชื้อเชิญให้เธอนั่งที่เก้าอี้นวมหน้าโต๊ะ มีซองเอกสารสีน้ำตาลซองใหญ่วางอยู่ มีลายมือที่หนักแน่นเขียนชื่อบนหน้าซอง
เด็กหญิงอาเหม่ย (น้องฝน)
ของน้องฝนครับ
ค่ะ พรุ่งนี้คงต้องเอาติดไปด้วยนะคะ
ใบหน้าเขามีแววกังวลบางอย่างจนทอรุ้งต้องเอ่ยปากถาม
มีปัญหาอะไรรึป่าวคะ
เขาถอนใจเฮือกก่อนจะตัดสินในพูดออกมา
น้องฝน ความจริงไม่ใช่ลูกผมจริงๆ หรอก...
คะ! ทอรุ้งอุทานเบาๆ ล่ะ...แล้วมาบอกดิ...เอ่อ รุ้งทำไมคะ
ถ้าครูอ่านหลักฐานของน้อง ครูก้อต้องสงสัยอยู่ดี ปราชญ์จ้องมองครูทอรุ้งคล้ายต้องการความจริงใจ ในใบเกิด......
ทอรุ้งเพียงเหลือบมอง ปราชญ์จึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังที่เกิดขึ้นหลายปีก่อนที่น้องฝนจะลืมตามาดูโลก....
อาหลิน...แม่ของน้องฝัน... เป็นลูกสาวของคนในหมู่บ้านบนดอยสูงที่เขาสนิทสนมคุ้นเคยเป็นอย่างดีคนหนึ่ง เนื่องเพราะเคยร่วมทุกข์ร่วมสุขในการเดินหลงป่ากันแล้ว
อาหลินเด็กสาวที่น่ารักที่มีความตั้งใจจะเรียนต่อในตัวจังหวัด ด้วยคิดว่าสักวันหนึ่งเธอจะช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของคนในชนเผ่าของเธอ ซึ่งไม่ค่อยมีโอกาสได้เรียนต่อ หากวันหนึ่งเรื่องร้ายแรงของชีวิตก็เกิดขึ้นอย่างไม่น่าให้อภัย ผู้ชายที่มาหลงรักหมายปองเธอทำลายเธอจนย่อยยับ
อาหลินเสียใจและรู้สึกอับอายจนถึงขนาดพยายามจะฆ่าตัวตาย ยิ่งเมื่อรู้ว่าเธอกำลังท้องกับไอ้ทรชนนั้น อาหลินแทบไม่สามารถอยู่ในหมู่บ้านได้ พ่อและแม่ของอาหลินทั้งรักทั้งสงสารลูกถึงกับต้องมาขอร้องกับปราชญ์ซึ่งอาหลินให้ความนับถือเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ให้รับอาหลินมาอยู่ที่บ้านสวนข้างล่าง
ปราชญ์รับปากจะดูแลอาหลินเป็นอย่างดี เขากำชับไม่ให้ใครแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป แต่ก่อนที่น้องฝันจะได้ออกมาดูโลก ผู้ชายคนที่ทำอาหลินก็ได้มาสารภาพบาปทั้งหมดที่ทำลงและขอให้อาหลินยกโทษให้ อาหลินไม่สามารถทำใจได้เลย
เป็นแผลลึกในใจของเด็กสาว เธอทั้งอับอาย หวาดกลัว และเมื่อเขายืนยันจะรับผิดชอบลูกที่จะเกิดมา อารมณ์โกรธแค้นที่รุนแรงทำให้เธอตัดสินใจฆ่าตัวตายพร้อมกับเด็กในท้อง หากปราชญ์ช่วยเหลือได้ทันแต่ไม่สามารถเยียวยาหัวใจเธอได้อีก
ไม่นานน้องฝันก็ลืมตาดูโลก แต่ด้วยสภาพจิตใจที่อ่อนแอ บอบช้ำมาโดยตลอดทำให้อาหลินไม่แข็งแรงเพียงพอและเสียชีวิตลงหลังจากคลอด ผู้เป็นพ่ออ้อนวอนขอรับน้องฝันไปเลี้ยงดู แต่พ่อของอาหลินไม่ยอมกลับยกน้องฝันให้ปราชญ์ ปราชญ์จึงขอได้เพียงให้ผู้ชายคนนั้นมีชื่อว่าเป็นพ่อในใบเกิดเท่านั้น หากมีเงื่อนไขที่ต้องลงชื่อมอบน้องฝันให้อยู่ในการปกครองของเขาตลอดไปโดยไม่เรียกร้องสิ่งใดอีก
...มิน่าเล่า น้องฝันถึงมีอาการผิดปกติทางด้านสมอง เป็นเพราะการพยายามฆ่าตัวตายถึงสองครั้งนี่เอง....
ยิ่งได้มารับทราบปัญหาเหล่านี้ทอรุ้งยิ่งรู้สึกสงสารเด็กน้อย เห็นใจปราชญ์ที่ต้องมารับผิดชอบชีวิตที่เขาไม่ได้เป็นผู้กระทำ ทอรุ้งคิดว่าวัสสิกาน่าจะเข้าใจชายที่ตนหมายปองมากกว่าจะทำท่ารังเกียจน้องฝันแบบนี้
ผมคงต้องไปจดทะเบียนรับน้องฝันเป็นลูกบุญธรรมซะแล้ว
เขากล่าวเมื่อเล่าเรื่องราวทั้งหมด ท่าทางสบายใจขึ้นมากกว่าเดิม
ดีค่ะ แต่ก้อน่าจะลองปรึกษาคุณส้มด้วยนะคะ ทอรุ้งให้คำแนะนำ
ทำไมครับ ปรึกษาทำไม เขาย้อนถาม
อ้าว! ก้ออีกไม่นานคุณทั้งสองก้อจะแต่งงานกันนี่คะ
ฮ่าๆๆๆๆ!!!! เขาหัวเราะเสียงดัง แววตาวิบวับ ใครที่ไหนบอกคุณล่ะนี่ โธ่เอ๊ย!
30 ธันวาคม 2550 10:02 น.
ฝากรักฟากฟ้า
หลังเข้าพรรษามาได้เกือบสองเดือน เด็กแสงจิ่งเริ่มตื่นเต้นกับเรื่องใหม่นั่นคืองานเทศกาลสลากภัตของวัดในหมู่บ้าน เป็นงานประเพณีที่สำคัญงานหนึ่งของท้องถิ่นอยู่ไม่น้อย ฟังจากแสงจิ่งที่มักจะมีเรื่องราวมาเล่าให้ฟังตลอด และที่เธอตื่นเต้นมากกว่านั่นคือการที่เธอได้เป็นนางรำของกลุ่มเยาวชนในหมู่บ้าน
แม่ครู เจ้าได้เป๋นจั่งฟ้อนโตยเน้อปี๋นี้
เอ็งไม่ได้สวยอะไรหรอกนะ นังจิ่ง แค่เขาขาดคนเท่านั้นเอง
ป้าพรรณแกล้งขัดคอ ทำเอาแสงจิ่งค้อนขวับ
จ้างเต๊อะ เจ้าตึงจะไปฟ้อน
ไปยังไงละคะ ทอรุ้งถาม ด้วยความสนใจ
ไปกับหัววัดนา แม่ครู
เธอตั้งใจอธิบาย ขณะน้องฝันกำลังนั่งทำท่ารำอย่างที่แสงจิ่งเคยรำให้ดู ท่าทางมีความสุขไม่แพ้กัน
วัดบ้านเฮาจะได้ไปหลายวัดอยู่ แผวไชยปราการตวยเน้อ
เธอหมายถึงอำเภอใกล้เคียงซึ่งแยกจากอำเภอฝางออกเป็นอำเภอใหม่ร่วมยี่สิบปีมาแล้ว
งานนี้สนุกค่ะ ครูรุ้ง ชาวบ้านรอให้ถึงงานนี้กัน ป้าพรรณเล่าเสริมอีก
เป็นงานบุญตามประเพณีเดือนสิบของคนเหนือ ที่จะได้ทำบุญถึงผู้ล่วงลับไปซึ่งจะทำกันพร้อมกันทั้งหมู่บ้าน หรือหากวัดใดมีหลายหมู่บ้าน พระสงฆ์ในวัดจะไม่เพียงพอต่อการรับถวายของจากศรัทธายาติพี่น้อง แต่ละวัดจึงต้องนิมนต์พระภิกษุสามเณรจากวัดอื่นๆ มาร่วมงาน กลายเป็นการแลกเปลี่ยนกันไปในตัว การกำหนดวันงานประเพณีจะไม่ตรงกันทั้งหมด ดังนั้นระยะเวลาของเทศกาลจะยาวนานร่วมเดือน
ของปี้น้องไตเปิ้นเป๋นงานปอยเตียน นางซอเล่าเสริม
เป็นยังไงคะ
เป๋นงานอย่างเดียวกั่บสลากของคนเมือง แต่เปิ้นมีตอนเมื่อคืน
ม่วนขนาด คนมากั๋นจ๊าดนัก แสงจิ่ง ม่วน อย่างเดียว น้องฝัน มา ปี้จิ่งจะสอนฟ้อน
เธอชวนเด็กน้อยที่นั่งฟังตาแป๋วให้ลุกตาม แสงจิ่งร้องเพลงด้วยภาษาไทยใหญ่ที่แปลกหู แต่ทำนองเพลงกลับคุ้นๆ เพราะนำเพลงจากนักร้องยอดนิยมมาดัดแปลงเนื้อเพลง น้องฝันมองดูแล้วทำท่าทางตามเก้ๆ กังๆ รอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าบอกถึงความพึงพอใจ
เอาอิ๊ แม่ครูตี๋ก๋องแบบอีก้อเน้อ
ปุบปับเธอก็เปลี่ยนใจไปเฉยๆ ทอรุ้งงงเพราะไม่รู้จัก
อะไร เขาทำยังไง ครูจะรู้มั๊ยเนี่ย
บ่ายากๆ จะอิ๊นา
แล้วสาวจิ่งก้อร้องเลียนเสียงกลองเป็นจังหวะให้เธอฟัง
อี่จิ่งสึงตึง มันใคร่นุ่งซิ่นสั้นเต้น ผู้เป็นแม่กล่าวพร้อมกับหัวเราะ
อ่ะๆ ครูอยากดู ทอรุ้งรับปากอย่างเอาใจพร้อมกับตบมือตามจังหวะที่เธอบอก ยังงี้ได้ป่าว ถูกยังล่ะ
แม่นนะๆ แม่ครูหลวก เป๋นโว่ย แสงจิ่งชม
ป้าพรรณเอาตะกร้าผักที่จะทำอาหารมื้อต่อไปมาร่วมวง นางซอจึงหันไปช่วยเด็ด
มันชมเหรอคำนี้ ป้าพรรณถามประชดกับนางซอ
นางซอไม่ตอบแต่หัวเราะอย่างขบขันลูกสาวตัวเอง แสงจิ่งไม่สนใจยังคงตั้งใจสอนลูกศิษย์ทั้งสอง
ท่ากำเดว เจ้าจะไปเอาก๋องหน้อยมา
พูดจบเธอก็วิ่งปรู๊ดออกไปจากครัวไม่ฟังคำตอบจากใคร น้องฝันยังคงยืนรำอยู่คนเดียว ไม่สนใจใคร
ทอรุ้งมองดูเงียบๆ ฟังเสียงอืออาที่หนูน้อยพยายามส่งเสียงให้เป็นเพลงอย่างที่แสงจิ่งร้องให้ฟัง น่าทึ่งมากที่น้องฝันสามารถจำได้และทำได้แม้จะไม่ถูกต้องทั้งหมดก็ตาม
มาละๆ
เสียงแปร่งๆ ในภาษาดังขึ้นก่อนตัว ในมือแสงจิ่งมีกลองใบเล็กซึ่งเป็นของเล่นที่ทอรุ้งหามาสำหรับให้น้องฝันเล่นนั่นเอง
แม่ครู ตี๋จะอี้เน้อ
ครูดนตรี สอนตีกลองตามจังหวะแม้จะเพี้ยนไปบ้างแต่เธอก็มั่นใจว่าถูกต้อง ทอรุ้งพอจะจับจังหวะได้
แม่ครูตี๋ เจ้าจะฟ้อนอีก้อหื้อผ่อ
ครู มอบหมายหน้าที่ให้ ทอรุ้งรับกลองใบเล็กมาทดลองตี น้องฝันหัวเราะด้วยความพอใจ เมื่อพอเป็นจังหวะ แสงจิ่งก็เริ่มแสดง ฟ้อนอีก้อ ให้ดู น้องฝันยืนดูสักพักด้วยความสนใจก่อนจะขยับตาม ป้าพรรณและนางซอเป็นคนดูพร้อมกับการเตรียมอาหาร
แม่ครูมาหยะโตยบ๋อ
แสงจิ่งชวนเมื่อแสดงจบ ทอรุ้งหัวเราะกับคำชวน
ครูเต้นไม่เป็น
ง่ายจ่ะต๋าย น้องฝันยังเต้นได้ ดูหล่อนว่า
ไม่พูดเปล่ายังเดินมาดึงมือเธอให้ลุกด้วย ทอรุ้งจึงยอมร่วมกิจกรรม
ลีๆ ก่อ ส่งแม่ครูไปเป๋นจ้างฟ้อมแหมคน นางซอบอกทั้งที่ยังไม่เห็นฝีมือ
คงโดนไล่ออกตั้งแต่วันแรกมั้ง ซอ
ทอรุ้งพูดปนหัวเราะขำๆ และเมื่อคนสอนตั้งใจสอน ทอรุ้งจึงต้องตั้งใจเรียนโดยมีน้องฝันทำท่าตาม จังหวะที่เต้นไม่ยากสำหรับเธอที่เคยผ่านการเต้นรำจังหวะสากลมาแล้ว แต่ออกจะขัดเขินอยู่บ้างกับการที่ต้องทำท่าร่ายรำไปด้วยขณะเต้น
แม่ตี๋ก๋องหื้อกำ
แสงจิ่งหันไป สั่ง ผู้ดู
โฮ๊ะ! อีนี่ ฮาหยะบ่จ้าง นางซอโวยวาย
ง่ายจะต๋าย แม่ครูยังจ้าง เธอไม่ฟังเสียงส่งกลองพร้อมไม้ตีให้
เอ้า! ช่วยๆ มันหน่อย กำลังสนุก
ป้าพรรณช่วยคะยั้นคะยอ นางซอจึงยอมวางมือจากการหั่นผักมาเป็นมือกลองจำเป็นให้ แสงจิ่งสอนผู้เป็นแม่ตีให้เป็นจังหวะให้ได้ ทอรุ้งมองดูแล้วคิดว่าแสงจิ่งออกจะเป็นเด็กสาวที่มีความตั้งใจอย่างยิ่งคนหนึ่ง
หลังจากที่นางซอสามารถทำได้ตามความต้องการของแสงจิ่ง คณะผู้แสดงทั้งสามก็เริ่มแสดงโดยมีแสงจิ่งเป็นผู้นำ สิ่งที่ทอรุ้งพึงพอใจนั่นคือการที่น้องฝันเข้าร่วมกิจกรรมด้วยความสนุกสนาน แก้มบางใสแดงระเรื่อ หายใจเหนื่อยๆ เพราะต้องกระโดดโลดเต้นตามจังหวะกลอง
ถึงแม้จะยังไม่สามารถทำตามได้เหมือนคนนำ รอยยิ้มและแววตาที่เลื่อนลอยเริ่มฉายแววของความรู้สึก เธอแอบบันทึกสิ่งที่เธอสังเกตเหล่านี้ไว้ในใจ ป้าพรรณยิ้มขำๆ ให้เธอ
โอ่ย... เหนื่อย พอแหละ
ทอรุ้งอุธรณ์ หายใจหอบๆ หยุดฝึกเต้นหันกลับมานั่งร่วมวงกับแม่บ้าน แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ยืนกอดอกอิงประตูห้องครัว ท่าทางสบายๆ มีรอยยิ้มอย่างครึกครื้นหลังใบหน้าที่รกเครา
เสียดายจัง เพิ่งมาดูได้แป็บเดียว
...มิน่าล่ะ ป้าพรรณถึงแอบขำเรา... ทอรุ้งได้แต่ยิ้มแห้งๆ ให้ ไม่รู้เขาจะคิดอย่างไรเมื่อได้มาเห็นเธอออกไปกระโดดโลดเต้นอย่างเด้กๆ แบบนั้น
ป๊ะ! น้องฝันเรียกและวิ่งไปหาอย่างดีใจ เขาก้มตัวลงอุ้มร่างน้อยไว้แล้วชูขึ้นสุดแขน หมุนไปรอบๆ
โอ้ๆๆๆๆ หนักๆๆๆๆ ปุยนุ่นกลายเป็นลุกหมูแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ
น้องฝันหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจ เขาอุ้มลูกสาวไว้ในอ้อมแขนราวกับกับอุ้มตุ๊กตา
ทำอะไรเหรอครับ เห็นสนุกกัน
ซ้อมฟ้อนเจ้า ป้อเลี้ยง คนรายงานกลับเป็นแสงจิ่ง
ฟ้อนรัยล่ะเรา เขาหันไปคุยด้วยอย่างใจดี ได้ยินข่าวปีนี้ได้เป็นจ้างฟ้อนกับเขาด้วยนี่ ใช่ป่าว
แม่นล่ะเจ้า เธอตอบพร้อมกับยิ้มหน้าบานอย่างภูมิใจ
โห ยังงี้ก้อเป็นสาวล่ะสิ
โฮะ ป้อเลี้ยง ว่าไปเรื่อย แสงจิ่งหน้าแดง อายม้วนต้วน
มันแห้นนะป้อเลี้ยง นางซอขัดคอ
ไม่เป็นไรหรอก ...แล้วครูล่ะครับ เขาหันมาถามครูทอรุ้ง
เปล่าค่ะ แค่ฝึกเล่นตามแสงจิ่งเท่านั้นเองค่ะ
ม๊ะ เต้ง น้องฝันบอกพ่อเสียงแจ๋ว
น้องฝันชอบมั๊ยคะ ปราชญ์ก้มลงพูดกับลูกสาวด้วยน้ำใจที่อ่อนโยน
น้อง เต้งกะม๊ะ
น้องฝันกับแม่ครูหลวก สอนกำเดวก้อจ้างล่ะ แสงจิ่งอวดลูกศิษย์
แล้วจะไปออกงานเมื่อไหร่ล่ะ จิ่ง เขาหันไปถามแสงจิ่ง
แหมสองติ๊ดจะได้ไปฟ้อนล่ะ
แสงจิ่งตอบพร้อมขออนุญาตนายจ้างไปช่วยงานวัด
ช่วงนี้มันท่าจะได้ไปบ่อยเน้อเจ้า ป้อเลี้ยง นางซอช่วยพูดให้ลูกสาว
ไปเถอะ ช่วยงานวัดมั่ง เขาอนุญาต แล้ววัดเราจะมีงานเมื่อไหร่กัน
เห็นนายหรุ่งบอกเดือนตุลานะคะ คุณปราชญ์ ป้าพรรณตอบแทน
อือ ช่วงส้มจะสุกพอดี งานยุ่งๆ หน่อย เขารับทราบ ทางวัดมีอะไรจะให้ช่วยก้อบอกนะครับ ป้าพรรณ
งั้นรับต้นสลากโชคไว้ต้นนึงสิคะ
ป้าพรรณเสนอซึ่งเขารับปากทันที แสงจิ่งยิ้มกว้างอย่างสนุกสนานไปตามประสา
ปี๋นี้สวนเฮาท่าจะม่วน
ทำไมล่ะ
ก่อป้อเลี้ยงฮับต้นสลากโจ้ก เขาก่อมาฮอม ล่ะคนทางบ้านใต้ของป้อเลี้ยงแฮ่มลอ
แสงจิ่งสาธยาย ทำให้รู้ว่างานนี้จะมีญาติพี่น้องของปราชญ์จากสุพรรณบุรี ...บ้านเกิดของเขา.... จะขึ้นมาเที่ยวด้วย ทอรุ้งรับฟังไปเงียบๆ ด้วยไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร แต่ละคนต่างคุยกันถึงเรื่องงานวัดบ้าง ของที่ต้องเตรียมบ้าง
ดูจะเป็นงานที่สำคัญอยู่ไม่น้อย ไม่ใช่แต่เพียงแสงจิ่งเท่านั้น คนงานในสวนล้วนแต่คุยกันเรื่องนี้ ช่วงกลางคืนตอนหัวค่ำหลังจากรับประทานอาหารมื้อเย็นเรียบร้อย แสงจิ่งก็จะไปฝึกการแสดงที่วัดในหมู่บ้านร่วมกับบารรดาสาวๆ ของหมู่บ้าน โดยมีนายหรุ่งขับรถรับส่งตามที่ปราชญ์มอบหมายให้รับผิดชอบ ทั้งยังมักจะมีหนุ่มๆ สาวๆ ในสวนติดรถออกไปที่วัดด้วย แสงจิ่งจะมาเล่าให้ฟังบ่อยๆ
ทุกคืนจะได้ยินเสียงเพลงลอยแว่วมาจากวัด บางคืนก็เป็นการแจ้งข่าวต่างๆ จากทางวัดเกี่ยวกับงาน นายหรุ่งจะเป็นตัวแทนของปราชญ์ไปโดยปริยายที่จะรับงานตามที่วัดขอมา
วันพระหน้า คุณปราชญ์ไปวัดนะ ป้าพรรณกำชับขณะมื้ออาหารในเย็นวันหนึ่ง
อ้าว ทำไมล่ะ
คุณปราชญ์จำไม่ได้เหรอ
ป้าพรรณมองมาอย่างตำหนิ เขายังทำหน้างง
วันเกิดน้องฝันค่ะ
โอ... ผมลืมไปจริงๆ
ทอรุ้งมองดูเขาอย่างแปลกใจ ...ลืมวันเกิดลูกสาวเนี่ยนะ...
ป้าช่วยเตรียมของไว้ด้วยก้อแล้วกัน
ค่ะ ป้าพรรณรับปาก
เต็มสี่ขวบแล้วใช่ป่าวเนี่ย ปราชญ์พูดเบาๆ คล้ายพูดกับตัวเองมากกว่า
ใช่ค่ะ สี่ปีแล้ว
เขามองดูลูกสาวตัวจ้อยที่กำลังตักอาหารกินเอง ครุ่นคิดบางอย่างก่อนที่จะมองเลยไปยังรูปของผู้แม่ที่วางอยู่หลังโต๊ะทำงาน ป้าพรรณเข้ามาตักข้าวเพิ่มในจานให้แต่เขาโบกมือปฏิเสธ
อิ่มล่ะครับ ป้า
เขาขยับตัวลุกจากโต๊ะอาหาร ก่อนจะบอกกับทอรุ้ง
ผมขอตัวก่อนนะครับ ตามสบายเถอะ
ค่ะ
ทอรุ้งตอบ เธอคงยังลุกไปไม่ได้จนกว่าน้องฝันจะรับประทานอาหารอิ่ม นึกแปลกใจที่เรื่องวันเกิดของน้องฝันทำให้บรรยากาศในโต๊ะอาหารเปลี่ยนไปได้ ทั้งที่ก่อนหน้าเธอกำลังฟังเขาพูดถึงงานในสวนส้มอย่างภูมิใจ ป้าพรรณเองเหมือนมีเรื่องสะเทือนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน
เท่าที่ทอรุ้งเคยรับทราบมาเพียงว่า แม่ของน้องฝันเสียชีวิตในวันที่คลอดน้องฝัน เรื่องนี้คงทำให้หัวใจเขาแหลกสลาย ทั้งยังต้องเลี้ยงดูลูกสาวผู้พิการมาตามลำพังอีก
...อาการไม่รับรู้ทุกข์ใดของน้องฝัน อาจจะเป็นโชคดีก็ได้....
29 ธันวาคม 2550 07:34 น.
ฝากรักฟากฟ้า
อุ๊ยตาย! ทำอะไรกันมาคะนั่น พี่ปราชญ์
เสียงแหลมๆ ดังขึ้นทันทีที่ทั้งสองเข้ามาถึงบ้าน สายตาสี่คู่ที่มองมาบอกความรู้สึกแตกต่างกัน โดยเฉพาะเจ้าของเสียงทักทายบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างเปิดเผย ใบหน้าบึ้งตึง
ปราชญ์ไม่ได้ใส่ใจนัก เขาแบกร่างครูทอรุ้งไว้บนหลังลงมาจากป่าหลังบ้านภายหลังการบังคับให้เธอยินยอม
ครูเดินไม่ได้ ท่าผมอุ้ม ผมก้อเดินลงดอยไม่ได้ มีอย่างเดียวคือครูต้องขี่หลังผมไป
ค่อยเดินลงไปก้อได้นี่คะ แค่นี้เอง
แค่นี้อะไร ยืนยังไม่ไหว จะเดินลงไปแบบไหน มา...ขึ้นหลังนี่
เขาค่อยๆ วางทอรุ้งลงบนเบาะเก้าอี้นั่งเล่นในห้องโถง แสงจิ่งมองดูด้วยความชื่นชมนายจ้างและเข้ามาช่วยประคองพร้อมกับป้าพรรณที่นั่งอยู่ไม่ห่างน้องฝัน ทอรุ้งทำหน้าเหยเก
หกล้มตกดอยค่ะ ป้าพรรณ เธอบอกแม่บ้านเบาๆ
รั้นมากเลยนะ แม่ครูของป้าพรรณน่ะ
ปราชญ์เล่าเสริมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคร่าวๆ
มะ รัยก๊ะ เสียงแจ้วๆ ของน้องฝันแทรกขึ้นมา แววตาใสจับจ้องผู้เป็นครู
มะของน้องฝันดื้อพ่อค่ะ เลยหกล้ม น้องฝันอย่าดื้อแบบมะนะคะ
เขามีแก่ใจพูดล้อเลียนเธอโดยไม่ได้สนใจหญิงสาวอีกคนสักนิด หากทอรุ้งกลับรู้อึดอัดใจกับสายตาที่มองมาคุ่นั้น
ครูรุ้งค่ะ... ทอรุ้งทักท้วง "ไม่ใช่ ม๊ะ"
หากหญิงสาวคนนั้นยืนหันรีหันขวางด้วยความรู้สึกว่าตนกำลังจะกลายเป็นคนนอก เธอจึงข่มใจออกปากบ้าง
คราวหลังครูรุ้งก้อระวังบ้างนะคะ ทางเส้นไหนไม่ชินก้อไม่ควรออกไปเดินเล่น
ค่ะ ขอบคุณค่ะ
คำขอบคุณนั้น ทอรุ้งเองก็ไม่รู้ขอบคุณเรื่องอะไร แต่ก็เพื่อไม่ให้เข้าใจกันเลยเถิดมากไปกว่านี้
ป้าพรรณคะ รุ้งอยากกลับไปที่ห้องนะคะ
เดี๋ยวผมจะพาไปหาหมอที่อนามัยก่อน ปราชญ์ไม่ยินยอม
พี่ปราชญ์คะ แล้วที่นัดกับส้มล่ะคะ
รออยู่ที่นี่ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมมา
ปราชญ์หันไปบอกสั้นๆ ทอรุ้งยิ่งรู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย
ไม่เป็นไรค่ะ ให้นายหรุ่งไปส่งก้อได้ค่ะ
นั่นสิคะ ส้มเธอรีบเอออวยทันที
ผมจะพาไปเอง
ปราชญ์ย้ำหนักแน่น ฝ่ายหนึ่งทำหน้าปั้นยาก อีกฝ่ายหนึ่งทำหน้าบึ้งตึงมากขึ้น แต่คนพูดไม่ได้สนใจ
ไม่นานนักนายหรุ่งก็เข้ามาบอกว่ารถมาจอดเตรียมให้แล้ว ทอรุ้งขยับตัวจะลุกแต่ต้องล้มทิ้งตัวตามเดิม ใบหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด ปราชญ์ทำท่าจะเข้ามาอุ้มหากป้าพรรณถึงตัวก่อน
เดี๋ยวป้าพยุงไปกับแสงจิ่งเอง คุณปราชญ์ไปที่รถก่อนเถอะค่ะ
แสงจิ่งเข้ามาประคองอีกข้าง
ป่ะๆ!
น้องฝันเกาะกุมมือผู้เป็นพ่อเดินออกไปด้วย แม่เลี้ยงสาวโรงคัดส้มใหญ่แห่งหนึ่งในเมืองฝางต้องนั่งลงที่เก้าอี้ไม้สักชุดรับแขกหรูอย่างไม่สบอารมณ์ จะอาละวาดออกไปอย่างไรก็ใช่ที่ รู้สึกอึดอัดขัดใจบอกไม่ถูก
ระหว่างความสัมพันธ์ของเธอกับปราชญ์ที่ไม่มากขึ้นหรือลดน้อยกว่าเดิม ทั้งๆ ที่เธอเป็นฝ่ายแสดงออกตลอดเวลาที่ได้รู้จักกันมาว่าต้องการให้มีความก้าวหน้าขึ้นไปจนถึงการแต่งงาน หากท่าทีของปราชญ์ไม่เคยมากไปกว่านี้
......จะเป็นเพราะลูกสาวคนโปรดหรือเปล่านะ....
จะเป็นเพราะคิดมากไปเองหรือไม่ ตั้งแต่ทราบมาว่าเขาได้รับครูพิเศษมาช่วยดูแลลูกสาวผู้พิการถึงบ้าน เมื่อแรกนั้นก็เบาใจว่าเป็นครูอายุมากแล้ว ผ่านการมีครอบครัวมีลูกถึงสองคน ไม่น่าจะต้องกังวล อย่างไรเสียฝ่ายชายก็ไม่เคยมีข่าวคบหากับหญิงใดเป็นพิเศษนอกจากเธอ
ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่จะมาจากธุรกิจระหว่างเขากับเธอก็ตามที หากเมื่อได้มาพบกับครูทอรุ้งแล้วเธอเริ่มรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ทั้งการที่เขาเริ่มห่างหายจากการพบปะเธอ ถ้าไม่ใช่เรื่องงานแล้วเขาแทบจะไม่มีเวลาออกไปพบเธอเลย
คิดมากไปหรือเปล่านะ อาจจะไม่มีอะไร วัสสิกานึกปลอบใจตน
วันนี้ทั้งที่เขารับปากไว้เป็นมั่นเหมาะที่จะไปตกลงเรื่องผลผลิตส้มปีนี้ ทั้งยังรับปากจะไปรับประทานอาหารมื้อค่ำด้วย หากความใจร้อนที่ทำให้เธอไม่สามารถรออยู่กับที่ได้ จึงต้องเข้ามาถึงสวนส้ม
หญิงสาวนั่งรออยู่นานดูเหมือนจะมีแต่นางซอที่บังเอิญผ่านมาบนเรือนใหญ่จึงรู้ว่ามีแขกมารอพบเจ้าของบ้าน เธอจึงได้มีน้ำและผลไม้สดรับประทานเป็นของว่างระหว่างที่รอ
นางซอเองอดที่จะนำผู้หญิงสองคนที่มีวัยวุฒิและคุณวุฒิแตกต่างกันไม่ได้ แสงจิ่งมักจะพูดถึงแม่เลี้ยงคนนี้ว่า เธอไม่ค่อยชอบน้องฝันและทำท่ารังเกียจเสมอเวลาที่น้องฝันเข้ามาพูดคุยอย่างไร้เดียงสา นางได้แต่ห้ามไม่ให้ลูกสาวของตนเอาเรื่องนี้ไปพูดให้คนอื่นฟัง
"เฮาบ่ไจ้เป๋นอะหยังเปิ้น อู้ไปบ่าดี ดักปากเหียเน้อ"
การรอคอยมักจะดูเนิ่นนานเสมอกว่าทั้งหมดจะกลับมา ปราชญ์เดินเข้ามาท่าทีเนือยๆ วัสสิกาอยากจะต่อว่าแต่ก็ต้องสะกดคำไว้ด้วยรู้จักนิสัยของเขาดี
ไปกันรึยังครับ ต้องขอโทษนะครับที่ให้มารอ
ไม่เป็นไรค่ะ ดีก้อใช้ ไข้ก้อรักษาเป็นธรรมดาค่ะ ใบหน้าผ่อง เนียนด้วยเครื่องสำอางค์ยิ้มหวาน ไม่เป็นอะไรมากใช่ป่าวคะ
ข้อเท้าพลิกครับ
อ่อ ค่ะ เราไปธุระของเรากันเถอะค่ะ เธอตัดบทอย่างไม่แยแส
ครับ
แต่ก่อนจะออกไปกันจริงๆ เขาก็ยังไม่วายที่ต้องไปกำชับกำชาเรื่องการดูแลผู้ป่วยอีกหนกับป้าพรรณ วัสสิกาเดินคล้องแขนเขาไปอย่างไม่รู้ไม่ชี้กับอาการขืนตัวเล็กๆ จากเขาและสายตาที่เขม้นมองของคุณแม่บ้าน