27 พฤษภาคม 2551 02:27 น.
ฝากฝัน
ณ ราตรีที่ดาวคงพราวฟ้า
คลื่นยังซ่าซัดสาดหาดทรายขาว
ลมคงพลิ้วต้องสนใบหล่นกราว
ทะเลเศร้าคืนนี้ที่ไร้นาง
สนต้นเก่าเราเคยนั่งตั้งเตาผิง
ปูปลาปิ้งอิงอุ่นอรุณสาง
เจ้าเคยบอกเสียงสนดั่งคนคราง
บอกคลื่นพร่างเงาดาวราววิมาน
แสงไฟพราววาววับจับเกลียวคลื่น
เรือดาษดื่นตื่นมาล่าอาหาร
ดั่งดาวฤกษ์แห่งท้องทะเลธาร
ราตรีผ่านคืนนี้ไร้วี่แวว
มองทะเลยามนี่ใจพี่เศร้า
มิมีเจ้าคืนนี้ก็ดีแล้ว
แม้ต้นสนยังคงเป็นแถวแนว
แต่เพลงแว่วมิหวานดั่งวานวัน
มองเห็นเตาเผาปิ้งถูกทิ้งขว้าง
กลิ่นหมึกย่างต่างไปจากคืนนั้น
ไร้คู่รักพร่ำพรอดออดอ้อนจันทร์
ลำเรื่อสั่นสนเศร้าคนร้าวราน
ไร้ไฟเรือเหลือแต่ทะเลเหงา
ตังเกเเก่าเฝ้าเรือจนเบื่อบ้าน
บทเพลงเรือคงเหลือเพียงตำนาน
ต้องขึ้นคานเกยหาดขาดชีวิน
เขาบอกพี่นี่คือธรรมชาติ
เมื่อประมาทย่อมมีที่สูญสิ้น
ม่านน้ำตาประมงคงหลั่งริน
ประชาชินอาจอดของสดคาว
คือบทเรียนของชนในชาตินี้
หานายดีมีปัญญาอย่าสามหาว
ไม่คุยเฟื่องลอยฟุ้งกระทุ้งดาว
จักปวดร้าวจากภูผาถึงทะเล
ฝากฝัน
๒๗ พ.ค. ๕๑
ป.ล. คิดถึงป้าแช่ม
เรือป้าแช่มก็คงจะเกยตื้น
ป้าจะตื่นจากฝันหรือเปล่าหนอ
บนฝั่งนี้ฝากฝันนั้นเฝ้ารอ
อยากจะขอปูปลามาแกล้มกิน
18 พฤษภาคม 2551 22:36 น.
ฝากฝัน
ดั่งเหมยหมอกหยอกล้อคลอภูผา
กลุ่มเมฆาเคลื่อนคล้อยลอยซบเขา
สายลมโบกโยกไหวเพียงบางเบา
คืนเงียบเหงาหนาวใจไม่มีเธอ
ฟังเรไรหริ่งหรีดกรีดเสียงหวาน
ยิ่งฟุ้งซ่านหวั่นไหวยามใจเผลอ
แว่วเสียงนกกลางคืนตื่นละเมอ
ดั่งคำเพ้อครวญคร่ำวันจำลา
หากมีเจ้าเคล้าคู่อยู่เคียงข้าง
ความอ้างว้างจางหายคลายอ่อนล้า
อ้อมอกอุ่นหนุนหมอนนอนสบตา
ล่วงทิวาพาล่องท่องไพรกัน
คล้อยฝนหลั่งพรั่งพรูสู่ขุนเขา
พนาเหงากลับฟื้นตื่นจากฝัน
เฝ้าดื่มด่ำกำซาบอาบตะวัน
มวลไม้ผันผลิใบไพรขจี
เหล่ากบเขียดเบียดกายจากรูร่อง
เสียงเพรียกร้องหาคู่อยู่อึงมี่
เกาะเกี่ยวกอดพรอดพร่ำอยู่ในที
เพียงราตรีผ่านพ้นออกผลพวง
ใบไม้อ่อนหนอนน้อยค่อยค่อยฟัก
ก่อนเป็นฝักดักแด้ใบแก่ล่วง
ยามผีเสื้อรำร่ายจากรังรวง
ลุเข้าช่วงดอกบานน้ำหวานพราว
สกุณีจิกหนอนป้อนลูกน้อย
สองปีกค่อยแกร่งกล้าท้าฝนหนาว
ในลำธารแดดส่องต้องเกล็ดวาว
ซิวสร้อยขาวฮุบแมลงแย่งกันเพลิน
ลองปล่อยใจให้ว่างวางงานหนัก
กลับมาพักชมป่าภูผาเหิน
มีเส้นทางมากมายให้เลือกเดิน
อยากชวนเชิญที่รักพักเรือนไพร
ฝากฝัน
๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๑
15 พฤษภาคม 2551 11:22 น.
ฝากฝัน
ยามฟ้าต่ำฉ่ำหนาวไร้ดาวส่อง
สายลมล่องต้องไพรไหวเอนลู่
ก่อนฝนพรำซ้ำหลั่งจนพรั่งพรู
เสียงราหูขว้างขวานสะท้านทรวง
ระริกไหวใบไม้ยามได้ฝน
แต่ใจคนหม่นเศร้าเฝ้าห่วงหวง
คะนึงนางห่างไกลฤดีดวง
เจ้าจะล่วงราตรีนี้อย่างไร
นางเคยย้ำสัญญาวันลาจาก
จะมิพรากนานเนิ่นเกินเดือนใหม่
น้ำตาหลั่งสั่งลาร่ำอาลัย
แม้ห่างไกลใจเราเฝ้าถึงกัน
เคยสวมกอดพลอดพร่ำน้ำคำหวาน
เฝ้าดื่มธารเกษียรจากสองถัน
เพียรเง้างอดออดอ้อนทุกคืนวัน
คอยสร้างฝันน้อยน้อยในดวงมาลย์
จงค้นหาความหมายในกายเจ้า
แล้วจงเฝ้าใฝ่รู้มาประสาน
เชื่อมตัวตนค้นหาจิตวิญญาณ
คือปราการด่านแรกเจ้าพึงมี
บนเส้นทางข้างหน้าท้าทายนัก
จงตระหนักคุณค่าอย่าคิดหนี
เข้าเรียนรู้ซึมซับกับชีวี
จะเหมือนมีศัสตราค่าควรเมือง
เพิ่งมาซึ้งถึงค่าเมื่อลาจาก
ยามตกยากแก้ได้ในหลายเรื่อง
เพราะโลกร้ายภัยรุกมาเนืองเนือง
ให้สิ้นเปลืองปัญญาพาปลอดภัย
คืนฉ่ำฝนทนหนาวอยู่ราวป่า
มิรู้ว่าป่านฉะนี้เป็นไฉน
แสนคิดถึงคะนึงหาสุดห่วงใย
อยากกลับไปเคียงข้างนางคงคอย
ฝากฝัน
๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๑
10 พฤษภาคม 2551 12:23 น.
ฝากฝัน
ดั่งผีซ้ำกรรมซัดวิบัติสูญ
แสนอาดูรพม่าจมล่มสลาย
พายุโหมโถมถั่งดั่งผีพราย
เสกมนต์ร้ายร่ายมายาฆ่าผู้คน
ด้วยการเมืองปกครองดั่งผองทาส
แพร่ระบาดความทุกข์ทุกแห่งหน
หลายชนเผ่าลำบากล้วนยากจน
ต้องจำทนอยู่ได้ใต้ควันปืน
เมื่อความจนปนพายุยิ่งดุเดือด
ละเลงเลือดล้มตายไร้ทางขืน
หยาดน้ำตาบ่าไหลไม่อาจกลืน
สุดแข็งขืนโชคชะตาพม่าชน
เคยเดินเล่นเห็นทุกข์ในร่างกุ้ง
เมืองคนยุ่งยุบยับล้วนสับสน
แทบทุกตรอกซอกซอยมีคนจน
เหล่านายพลพวกพ้องจ้องร่ำรวย
ยามเกิดทุกข์ท่วมท้นทั้งประเทศ
ก็อ้างเหตุระแวงแกล้งฉกฉวย
เพียงชาวบ้านนั่นเล่าที่เขาซวย
ไม่ต้องช่วยยิ่งจนยิ่งทนทาน
เห็นตัวอย่างมากมายหลายชนชาติ
ความพินาศช่วยได้หลายสถาน
ค่อยลดแลกแจกแถมไปนานนาน
คุมกบาลจูงได้ไร้คนชัง
ขอให้น้ำให้หญ้าเพียงเล็กน้อย
แล้วก็ปล่อยให้ปลักอย่ากักขัง
เมื่ออยากทำอะไรเพียรใช้ตังส์
ก็ขึ้นนั่งครองเมืองเรื่องสบาย
คือความคิดของเหล่าผู้เฉาโฉด
ผู้อิ่มโอษฐ์บนซากความฉิบหาย
ใครจะทุกข์ขุกเข็ญเป็นหรือตาย
ขอให้ได้อำนาจฟาดพุงกาง
เพียงอยากให้พายุในพม่า
ช่วยมาผ่าหัวใจคนไทยบ้าง
ปลุกให้ตื่นฟื้นมาหาหนทาง
ช่วยขัดขวางชั่วโฉดโคตรกินเมือง
ฝากฝัน
๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๑
9 พฤษภาคม 2551 01:03 น.
ฝากฝัน
ณ ลานลาดดาดผาดาราพร่าง
คือจุดวางแยกถิ่นดินอีสาน
เหล่าฮัญกูรยึดป่ามาช้านาน
เพียงวันวานล่มสลายคล้ายดั่งเงา
ทรราชหิวโหยขโมยป่า
ฮัญกูรล่าถอยร่นจนตกเขา
เหลือตำนานขานขับกับลำเนา
จากคนเก่าผู้เฒ่าเล่านิทาน
สายลมหวิวพลิ้วไหวในคืนหนาว
ใต้เงาดาวล้อจันทร์สั่นสะท้าน
เฝ้าคิดถึงคะนึงรักในวันวาน
กระเจียวบานบนลานนี้มีสองเรา
ยิ่งดึกดื่นดาวเดือนยิ่งเกลื่อนฟ้า
สุดโหยหาห่วงใยด้วยใจเหงา
เฝ้าคิดถึงคะนึงฝันยากบรรเทา
ด้วยสองเราเคยคู่อยู่ด้วยกัน
อยากทอดาวพราวฟ้ามาเป็นสร้อย
เก็บจันทร์ร้อยแทนจี้มณีสวรรค์
มอบให้เธอเก็บไว้เป็นรางวัล
ช่วยคุ้มครองป้องกันยามฉันไกล
กระเจียวสวยสดใสในม่านหมอก
เคยเย้าหยอกหลอกเดินจนเกินไหว
แต่คืนนี้เดียวดายเธอหายไป
จะหลอกใครพรุ่งนี้ไม่มีเธอ
ป่าหินงามความพิลาสธรรมชาติสร้าง
ให้คนว่างใจร้าวเศร้าเสมอ
แสนคิดถึงคะนึงหาพาละเมอ
ในฝันเธอคืนนี้มีใครเคียง
แว่วลำนำลมร้องผ่านร่องผา
ดั่งกานดาผวาตื่นสะอื้นเสียง
อยากกระซิบ รักมาก ฝากสำเนียง
ขอให้เพียงสองเราคิดถึงกัน
ฝากฝัน
๘ พฤษภาคม ๒๕๕๑
หมายเหตุ..
๑. ฮัญกูร... คือชนเผ่า ที่คนทั่วไปเรียกว่า ชาวบน หรือ ชาวดง ที่เร่ร่อนอาศัยอยู่ในป่าแถบ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ พูดภาษาเขมรปนมอญ ปัจจุบัน ป่าไม่หมดพวกเขาจำเป็นต้อง อยู่เป็นหมู่บ้าน..ทุกวันนี้ ที่อยู่หนาแน่น ประมาณ 7 หมู่บ้าน..และวัฒนธรรมต่างๆก็ค่อยๆสลายไป น่าเสียดายมาก
๒. เจตนาของกลอนนี้ เนื่องจากใกล้จะถึงเทศกาลดอกกระเจียวบานแล้ว..สำหรับเพื่อนพ้องน้องพี่ ที่ชอบการท่องเที่ยวก็ควรจะเตรียมตัวได้แล้ว..และอยากเชิญชวนด้วย
๓. เนื่องจากฝากฝันได้รับความ เมตตา จากเพื่อนนักกลอน ที่เข้าไปเยี่ยมชมจำนวนมาก แต่ขณะเดียวกันก็เกิดเสียงสงสัย ฝากฝัน ทำอย่างไรตัวเลขถึงขึ้นมากอย่างนั้น ดังนั้นอยากวอนเพื่อนนักอ่าน..ช่วยแสดงสัญลักษณ์สักหน่อยจะดีมั๊ย...อย่างน้อย IP ก็จะบอกว่าฝากฝันไม่ได้ทำเอง..
ขอบคุณครับ
ฝากฝัน