30 เมษายน 2551 01:06 น.
ฝากฝัน
สายธาราทอรุ้งผ่านทุ่งทิพย์
พราวระยิบลิบเรื่อยห่อนเมื่อยล้า
ดั่งต้องมนต์ยามยลสนธยา
สุดโหยหาใจหนึ่งคะนึงครวญ
กงกังหันผันน้ำเริ่มหยุดหมุน
หอมละมุนกลิ่นรวงล่วงลมหวน
เสียงแว่วหวิวพลิ้วไผ่ไหวเชิญชวน
รอข้าวนวลหอมใหม่หลามไผ่งาม
ยามรวงทองต้องลมดั่งพรมลาด
เหลืองระนาดดาดดาพาใจหวาม
โอบตะวันสัญญาต่อฟ้าคราม
แม่โฉมงามโพสพเป็นพยาน
กระหวัดเกี่ยวเคียวตัดรัดเป็นฟ่อน
ง่ามไม้งอนหนีบฟาดสาดประสาน
เม็ดข้าวทองกองพูนค้ำคูณลาน
คือสัญญาณหยาดเหงื่อที่เถือแรง
อยากปลดแอกแบกหนักจนหลังลู่
ได้กอบกู้คืนไทหลังหน้าแล้ง
เพียงข้าวทองจากนาราคาแพง
คงได้แต่งเทพธิดาทุ่งรวงทอง
ตะวันคล้อยลอยเลื่อนหลังภูผา
สกุณาบินลับกับเพื่อนพ้อง
ต่างมุ่งหน้าฝ่าลมกลับรังรอง
รอสุรีย์สีส่องค่อยกลับคืน
หุงข้าวใหม่ใส่บาตรถวายพระ
ด้วยสัจจะชาวนามิกล้าฝืน
หากตะวันจันทรามั่นคงยืน
จักพลิกฟื้นผืนนาให้รุ่งเรือง
รอเพียงเจ้าคนเดียวมาเกี่ยวคู่
ยอดพธูร่วมก่อทอทุ่งเหลือง
ชุบท้องนาบ้านเรามลังเมลือง
เป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนเพื่อนชาวนา
หากธารทองล่องไหลไม่เหือดแห้ง
ต่อลำแสงสุริยนไม่หม่นฟ้า
จะเกี่ยวก้อยร้อยรวงเทพธิดา
ช่วยเชื่อมโยงศรัทธาทุกทุ่งทอง
ฝากฝัน
๓๐ เมษายน ๒๕๕๑
27 เมษายน 2551 21:54 น.
ฝากฝัน
สุดเรียวรุ้งโค้งรอบปลายขอบฟ้า
เหล่าพฤกษาแต่งแต้มแซมดอกฝน
หนึ่งหยาดหยดงดงามหวามกมล
สถิตบนเนตรนางสู่กลางใจ
หอมไอดินกลิ่นหญ้าคราฝนผ่าน
เสียงแว่วหวานดนตรีนทีไหล
ประสานเสียงเพริศพริ้งหรีดหริ่งไพร
ปล่อยหัวใจเสรีรี่โบยบิน
มวลเถาวัลย์พันเลื้อยดูพิลาส
ดั่งภาพวาดร่ำร่ายไล้งานศิลป์
เทน้ำใจเราสองล่องหลั่งริน
โอบอุ้มดินน้ำป่าศรัทธากัน
เก็บผกามาร้อยมงกุฎไพร
ถักเส้นใยเป็นแหวนแทนทองหมั้น
แด่ดวงใจสาวป่าพนาวัลย์
สุดใฝ่ฝันห่วงหาคืนอาลัย
ข้างกองไฟคืนหนาวในราวป่า
ริมธาราหลบลมร่มไทรใหญ่
วจีถ้อยร้อยรักจากหัวใจ
พลันหลั่งไหลหลากล้นจนท่วมทรวง
ร้อยมือเรียวเกลียวรักถักทอรุ้ง
แปงท้องทุ่งร้างลาเป็นป่าหลวง
ปลูกดอกไม้ให้พราวเชื่อมดาวดวง
สร้างจันทร์จวงพลิ้วไหวสู่ใจชน
คีตะกานท์ ลานไพรไม่สร่างเสียง
แผ่วสำเนียงปลุกใจรักษ์ไพรสณฑ์
ชโลมลึกล่องไหลในกมล
ทุกสกลเลื่องลือระบือไกล
ดั่งสายรุ้งพุ่งโค้งสุดขอบฟ้า
ฝนสร่างลาไอหมอกดอกไม้ไหว
เสน่หาท่วมท้นล้นจากใจ
อาบพงไพรสายธารซ่านรักเรา
ฝากฝัน
๒๗ เมษายน ๒๕๕๑
25 เมษายน 2551 14:06 น.
ฝากฝัน
ราตรีนี้ไร้ดาวประดับฟ้า
ผืนนภาหมองหม่นสุดทนเหงา
ม่านสายฝนหล่นพราวหนาวใจเรา
ลมแผ่วเบาพัดพลิ้วหวิววาบทรวง
แว่วเสียงนางกลางใจหวาดไหวหวั่น
วอนสวรรค์ผันเร่งราตรีล่วง
ปลดม่านเมฆเสกฟ้าที่พรางลวง
เปลื้องความห่วงจากใจให้บางเบา
หากราตรีนี้อยู่เคียงคู่เจ้า
ประคองเฝ้าปลอบใจมิให้เหงา
จะพรอดพร่ำคำรักเพียงสองเรา
ให้นานเนาจนกว่าฟ้าคืนดาว
ฟังเสียงฝนหล่นหยาดสาดใบพฤกษ์
ยิ่งยามดึกยากหมายจะคลายหนาว
แสงไฟลอดสอดส่องต้องหยาดพราว
ดั่งน้ำตาของเจ้ายามหนาวใจ
อยากแหวกว่ายสายฝนด้นไปหา
เพียงไขว่คว้ากอดไว้ไม่ไปไหน
จะเกี่ยวก้อยร้อยรักมิห่างไกล
แต่จำใจจากมาด้วยอาวรณ์
อรุณรุ่งพรุ่งนี้คอยพี่หน่อย
อย่าได้ปล่อยความเศร้ามาเฝ้าหลอน
จะกลับไปซบอุ่นหนุนตักนอน
เฝ้าออดอ้อนปลอบขวัญทุกวันคืน
ฝากฝัน
๒๕ เมษายน ๒๕๕๑
23 เมษายน 2551 21:44 น.
ฝากฝัน
เศรษฐกิจพอเพียง:แด่คนจน
(2.พ่อหลวง ทรงห่วงใย )
เปรียบชีวิตเราเป็นเช่นตุ่มไห
ตักน้ำใส่ไม่อยู่เพราะรูรั่ว
หากชีวิตหลงระเริงเหลิงเมามัว
อุดรูรั่วมิได้ย่อมวายปราณ
บุญยิ่งใหญ่เพราะไทยมีพ่อหลวง
ที่ทรงห่วงไพร่ฟ้าพระองค์ท่าน
ได้ดำริแนวทางพระราชทาน
ให้ลูกหลานคนไทยรู้พอเพียง
ทรงสอนสั่งชั่งใจประมาณได้
รู้จักใช้เหตุผลพ้นความเสี่ยง
ให้มีภูมิคุ้มกันหมั่นคิดเคียง
เก็บเรียบเรียงบทเรียนมาปรับตัว
ประการหนึ่ง พึ่งตนเองเรื่องอาหาร
ทั้งปริมาณคุณภาพให้ถ้วนทั่ว
ให้กินอิ่มปลอดภัยทั้งครอบครัว
มิต้องกลัวอดอยากยากลำเค็ญ
ประการสอง ต้องเข้าถึงสุขภาพ
ต้องซึมซาบรับรู้อยู่ให้เห็น
สมุนไพรพื้นบ้านใช้ให้เป็น
กายร้อนเย็นรอบรู้อยู่อย่างไร
ประการสาม ข้ามพ้นทุนตนสร้าง
สะสมบ้างอดออมถนอมไว้
เพื่อเป็นทุนของตนจนชีพวาย
เป็นทุนได้ใช้หนี้หนีทาสเงิน
ประการสี่ ชี้ชัดสิ่งแวดล้อม
ต้องถนอมดินป่าภูผาเขิน
ทั้งแม่น้ำอากาศสะอาดเพลิน
จะนั่งเดินนอนอุ่นละมุนจริง
ประการห้า หาได้พลังงาน
ไม้ฟืนถ่านหุงต้มรมไฟผิง
ชีวภาพพืชสัตว์จัดพึ่งพิง
สรรพสิ่งแดดลมผสมไป
ประการหก ยกเรื่องการจัดการ
ด้วยผสานคุณค่ามาเพิ่มใหม่
เพื่อช่วยยกมูลค่าทุกปัจจัย
สร้างกำไรจากงานบ้านของตน
ประการเจ็ด เสร็จสรรพเรื่องแรงงาน
บริหารเกื้อกูลมิขัดสน
เพียงลงแขกแลกแรงทั้งสัตว์คน
แรงเครื่องยนต์ก็ด้วยช่วยลดทุน
ประการแปด ทำมือแทนซื้อหา
ต้องค้นคว้าผลผลิตมาคิดหนุน
เอาผลงานไร่นามาเจือจุน
เก็บเงินทุนแล้วมาหาทำเอา
หยุดฟุ่มเฟือยเหนื่อยหน่ายสิ่งไร้ค่า
หยุดเสาะหาเสพสุขอย่างโง่เขลา
เพียรเรียนรู้ค้นหาค่าตัวเรา
ความทุกข์เศร้าคงมีวันคลี่คลาย
ฝากฝัน
๒๓ เมษายน ๒๕๕๑
23 เมษายน 2551 09:16 น.
ฝากฝัน
เฝ้าชะแง้แลชะเง้อครวญเพ้อหา
โฉมสุดาสดับฤาลับไหน
หลงภูผาหลงเสน่ห์ทะเลใด
แสนห่วงใยคิดถึงคะนึงนวล
ยามสุรีย์สาดแสงแดงรังสี
ดวงฤดีหวั่นไหวในกำสรวล
เคยประคองเคียงขวัญให้รัญจวน
พิศชี้ชวนอิงแอบแนบอุ่นไอ
ให้เวิ้งว้างทางไกลจำใจห่าง
สุดฟ้ากว้างเพียงดิน ณ ถิ่นไหน
คุ้งทะเลภูผาแนวป่าไพร
เพียงฤทัยต้องคว้างเมื่อห่างกัน
ล่วงทิวาราตรีที่ผันผ่าน
ทุกห้วงกาลรอกลับมารับขวัญ
ดั่งดาราเฝ้ารอล้อนวลจันทร์
เพียงไหวหวั่นเมฆน้อยจะคล้อยบัง
ฝากเกลียวคลื่นขับกล่อมเพลงห่วงหา
ยามเธอล้าลาแรงแล้งความหวัง
กระซิบใจให้ย้อนกลับรวงรัง
สุดฟากฝั่งแห่งฝันนั้นยังคอย
ฝากฝัน
๒๓ เมษายน ๒๕๕๑