16 กันยายน 2547 19:05 น.
ผู้เฒ่า
ช้ำหัวอก ตกสวรรค์ ไม่ทันขอ
คงต้องรอ นอนหนาว เพราะข้าวเสีย
น้ำท่วมหมด อดแสดง เรื่องแต่งเมีย
ลุ้นเรื่องน้ำ ข้าวเสีย จนเพลียใจ
ซ้ำสินสอด คนดี มีมูลค่า
ตั้งสิบล้าน ตายละวา หาที่ไหน
แม้นเย้าหยอก บอกผ่าน บานตะไท
พี่ไม่ใช่ ลูกหลาน นักผลาญ (การ)เมือง.
15 กันยายน 2547 21:38 น.
ผู้เฒ่า
อยากจะบิน บินไป ใจจะขาด
น่าอนาถ ตัวเรา สุดเศร้าหมอง
รักท้องฟ้า อยู่ไกล เกินใจปอง
ต้องหม่นหมอง ชอกช้ำ เสียน้ำตา
โอ้ที่รัก มองอยู่ จะรู้ไหม
มีหัวใจ ใครบางคน ดิ้นรนหา
รักทั้งรู้ ห่างไกล ยากได้มา
เกินไขว่คว้า ก็จะรอ มิท้อใจ.....
15 กันยายน 2547 12:58 น.
ผู้เฒ่า
ถึงบางพูด พูดดี เป็นศรีศักดิ์
มีคนรัก รสถ้อย อร่อยจิต
แม้นพูดชั่ว ตัวตาย ทำลายมิตร
จะชอบผิด ในมนุษย์ เพราะพูดจา
ถึงโรงเหล้า เตากลั่น ควันโขมง
มีคันโพง ผูกสาย ไว้ปลายเสา
โอ้บาปกรรม น้ำนรก เจียวอกเรา
ให้มัวเมา เหมือนหนึ่งบ้า เป็นน่าอายสองบทนี่ จากนิราศภูเขาทอง..ท่าน สุนทรภู่
ถึงสำเพ็ง เก๋งตั้ง ริมฝั่งน้ำ
แพประจำ จอดเรียง เคียงขนาน
มีซุ้มซอก ตรอกนาง เจ้าประจาน
ยังสำราญ ร้องขับ ไม่หลับลง.นิราศเมืองแกลง..ท่านสุนทรภู่
คือรูปรส กลิ่นเสียง เคียงสัมผัส
ที่คฤหัสถ์ หวงแหน ไม่แก่นสาร
ครั้งระงับ ดับขัน.ธ.สันดาร
ย่อมสาธารณ์ เปื่อยเน่า เสียเปล่าดาย.พระอภัยมณี..ท่านสุนทรภู่
เที่ยวโลดแล่น เลี้ยวลด ทุกคดคุ้ง
ทั่วทิวทุ่ง แลละลาน พิมานเหมือน
ละหานห้วย รวยรส สดสะเทือน
เมื่อเงาเพื่อน ทอดเฉียง อยู่เคียงใจ..
14 กันยายน 2547 08:02 น.
ผู้เฒ่า
กลอนยังเขียนอ่อนด้อยรอยภาษา
ทุกเวลาท้อแท้คอยแก้ไข
เหมือนตาบอดคลำช้างกระจ่างใจ
ยังห่างไกลมธุรพจน์สะกดคำ
แต่จะเดินตามดูท่านภู่สอน
มิยอกย้อนเงื่อนไขให้ใครขำ
แนวนิพนธ์ร้อยปีท่านชี้นำ
จะจดจำคำสร้างมิล้างครู
กลอนตลาดมิตลกโอ้อกเอ๋ย
ใยละเลยให้รันทดน่าอดสู
แม้ยลด้อยแบบที่งามจงตามดู
ถ้าเรียนรู้จะซึ้งที่หนึ่งแนว
เพลานี้กลอนตลาดระบาดบท
นับร้อยรสเขียนเล่นเป็นแถวแถว
และแต้มองค์รูปแปลงสำแดงแวว
ฤาสิ้นแล้วแนวบุราณที่ผ่านมา
แม้ต่ำต้อยน้อยศักดิ์ก็จักสู้
มิใช่ปูสอนเดินให้เพลินหา
แต่ตั้งใจรักษ์พจน์รจนา
เพี่อสืบค่าไทยนิยมคมกวี
จึงตากหน้าหนาหน่อยจะคอยสอน
มาอ้อนวอนเยาวชนอย่าด้นหนี
แม้นสำนึกอดสูใช่ครูดี
แต่ที่มีคือน้ำใจที่ให้กัน..@
5 กันยายน 2547 14:11 น.
ผู้เฒ่า
เป็นมนุษย์หรือคนอยู่บนโลก
มีสุขโศกบนทางมิต่างเขา
แต่เลือกได้ให้เหมาะเฉพาะเรา
ขอเป็นเฒ่าโง่งมอารมณ์ดี
เป็นดั่งเขียดตะปาดฉลาดน้อย
ต้องค่อยค่อยศึกษาเพิ่มราศรี
เดินตามรอยปราชญ์ปนคนกวี
เงาเมธีดูเสมือนยังเลือนไกล
เป็นแค่คนส่งฝันร่วมกันสร้าง
คำที่วางคมทื่อเป็นสื่อให้
บนถนนคนเขียนพรากเพียรไป
อยู่ใกล้ไกลมิต่างไม่ห่างกัน
เป็นเศษเนื้อข้างเขียงคิดเรียงรัก
อนันต์นักนับเวลาตามหาฝัน
เสน่หาสิ้นสายแพ้รายวัน
ปานเนื้อนั่นไร้ค่ามิน่ามอง
เป็นอีแร้งแย่งถามความคิดถึง
เพียงเสี้ยวกึ่งกุมเอาเป็นเจ้าของ
สักเพียงนิดแม้สลดอยากทดลอง
จะสนองความช้ำก็จำทน
เป็นตอไม้เก่าเก่าที่เหงาหงอย
นับวันคอยสูญไปจากไพรสณฑ์
ก็เหมือนเราเกิดรู้เป็นผู้คน
คอยเธอจนดินคลุมลงหลุมตาย
เป็นท้องฟ้าโอบอุ้มความชุ่มชื่น
ชนระรื่นเย็นผ่อนที่ร้อนหาย
ดั่งเม็ดฝนพรมพลิ้วต้องผิวกาย
ทุกเส้นสายร่มเย็นนั้นเป็นเรา
เป็นคนบาปสาปเสียงสำเนียงส่ง
มิพะวงความนัยของใครเขา
อัปลักษณ์มิสะทกกระจกเงา
คนโง่เขลาเรานี้ควรหนีไกล
เป็นตุ๊กตาเสียกระบาลบนศาลเจ้า
นั่งจับเจ่าเจ็บจุกเกินลุกได้
หวังสักวันคนเขาจะเข้าใจ
เฉียดมาใกล้มองบ้างอย่าร้างลา
เป็น...............
.......................
......................
...................... ...@
เป็น..คนเรามักคิดจะเป็น.
และมักคิดให้ผู้อื่นเป็น.
จนบางครั้งเหมือนจะลืมไปว่าคนเรานั้นต่างใจ และคิด ต่างกัน
ครั้งนี้ท่านอยากเป็น.หรือคิดว่าเราเป็น ลองบอกกันสักนิด..ขอบคุณ..@