20 ตุลาคม 2547 22:15 น.
ผู้เฒ่า
เพียงมดปลวกพวกบ่างที่ช่างฝัน
ขอมีกันร่วมยลบนวิถี
สืบสานมธุรสบทกวี
ในเวทีขจรบ้านกลอนไทย
หวังฝากฝันหมั่นเขียนเพียรศึกษา
ทรงคุณค่ากวีศรีสมัย
รักษ์ภาษาสร้างฝันอันวิไล
ร่วมก้าวไปจารวจีกวีนิพนธ์@
.ใกล้เทศกาลปีใหม่แล้ว นึกถึงเพื่อนที่บ้านกลอนไทยทุกท่าน
สำหรับความปรารถนาดี.และมิตรไมตรีที่มีให้กับผม..มาโดยตลอด..
สิ่งหนึ่งที่จะขอตอบแทนไมตรี ทุกๆท่าน..คือ..
ซี.ดี. การอ่านร้อยกรองเป็นทำนองเสนาะรวมทั้งรูปแบบฉันทลักษณ์. (แผนผังการเขียน).ของ..
โคลงสี่สุภาพ..ฉันท์คณะ ๘๑๑๑๒๑๔๑๕๑๖๑๙๒๐
กาพย์ยานี๑๑ - กาพย์ฉบัง ๑๖ - กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘
ร่าย..และ กลอนแปด.
ซี.ดี นี้ใช้ประกอบการสอนสำหรับนักเรียน-นักศึกษา จึงเป็นหลักที่ถูกต้อง..
สำหรับท่านที่รักในการเขียน ควรมีไว้ศึกษาเป็นอย่างมาก..
อย่างที่ผมเคยบอก เขียนแล้วลองอ่านเป็นทำนองเสนาะดู..
เราจะรู้ได้ว่า เราเขียนได้ใกล้เคียงมาตรฐานหรือยังและที่สำคัญ..
ซี ดี. นี้ทำความเข้าใจไม่ยาก..สำหรับมือใหม่ทั้งหลาย ที่ยังไม่คิดจะ..
เขียนกลอนให้ถูกหลัก..ก็ไม่แปลกนะ ที่จะมีไว้ศึกษาเล่น ..ความฝันของทุกคน..
เขียนยังไงก็สวยงามออกมาจากใจทั้งสิ้น
ผมมอบให้เป็นของขวัญปีใหม่ ท่านละ 1 แผ่น..เฉพาะสมาชิก และมีเพียง..
100 แผ่นเท่านั้นส่งให้เฉยๆไม่มีข้อผูกมัด ไม่ต้องตอบกลับ และไม่ต้องจ่ายตัง..ทั้งสิ้น..
เพียงเข้าระบบสมาชิก และโพส ที่อยู่ที่ชัดเจนมา
สำหรับคุณสุภาพสตรี อาจจะไม่เหมาะนัก จะเปิดเผยที่อยู่ ในที่สาธารณะ..
แนะนำให้หาที่อยู่ของ เพื่อนสนิท จะดีกว่า..
สำหรับท่านที่เรียกผม ว่า..คู..กรุณารับไว้ด้วยนะครับ (เจาะจง) จะได้เบาแรงคนแก่..
ไปบ้าง สวัสดีทุกท่านครับ ผมจะส่งให้ก่อนปีใหม่นะครับ..
19 ตุลาคม 2547 22:21 น.
ผู้เฒ่า
มิเพลินเดินดงดอน ตะวันรอน..อ่อนแสงลา
.เจื้อยแจ้วสกุณา หมู่ปักษาบินกลับรัง.
สูรหลบลบเหลี่ยมเขา เหลือเพียงเงา..เคล้าความหลัง
สิ้นแสงสิขรบัง สิ้นความหวังมลายเลือน
ลมพลิ้วริ้วระลอก กระซิบบอก..หลอกเชือดเฉือน
กรีดแผ่วคอยย้ำเตือน ว่ารักเบือนจรลี
.
น้ำคำย้ำสะอื้น รักขมขื่น..ฝืนราศี
สิ้นฝันรักเคยมี เพราะคนดีมาเปลี่ยนไป
บุหลันอันกระจ่าง ลับเลือนลาง..ร้างไสว
ความรักอันวิไล เคลื่อนจากใจดังแสงจันทร์
ยามค่ำย่ำเสียงฆ้อง เคยฟังพ้อง..คล้องความฝัน
กาลผ่านมินานวัน เสียงฆ้องลั่นสิ้นมนต์คลาย
นิทราราตรีกาล ทรมาน..ซ่านมิหาย
พลิกกลับขยับกาย ภาพมิวายดวงฤดี
จนแจ้งแสงสล้าง ฟ้ากระจ่าง..หว่างวิถี
ลืมตาขึ้นทุกที ยังคงมีภาพกานดา
ร้อยรสบทสัมผัส มนต์ขจัด..มัดหรรษา
ปั่นป่วนเสน่หา มวลมายาร้อยเล่มเกวียน
วันใหม่ใจดวงเก่า คงซึมเศร้า..เงาเสถียร
รอยรักยังวนเวียน ยากจะเปลี่ยนสิ้นมลาย
น้ำใสไหลกระเซ็น ระลอกเห็น..เป็นริ้วสาย
หมู่มัศยาว่าย มิงมงายประหนึ่งเรา
ห้วงจิตพิศวาส ตัดไม่ขาด..คาดคนเขลา
เพราะรักปัญญาเบา หลงเพียงเงานะแน่งนาง
อยู่เดียวเปลี่ยวอุรา มองท้องฟ้า..พาเมินหมาง
ลิขิตรักสิ้นทาง มิอาจอ้างพรรณนา
สุดท้ายปลายดำริ ขยาดริ..สิเนหา
ขอเป็นสกุณา ผ่านเวหาบินเรื่อยไป
สูรคล้อยลอยลงต่ำ ใกล้ยามค่ำ..พร่ำสงสัย
คืนนี้หลับอย่างไร จะมีใครกล่อมนิทรา
พรุ่งนี้มีสุขไหม จะมีใคร..ใฝ่มองหา
มาดแม้นอยู่เอกา พรุ่งนี้หนาจงอย่ามี..
11 ตุลาคม 2547 20:08 น.
ผู้เฒ่า
ขอบฟ้ากว้างวางหุ้มฤาคลุมสิ้น
ธรณินรองจับฤารับไหว
มหาสมุทรเวิ้งว้างที่กว้างไกล
หรือรับได้ใจรักที่ภักดี
ดวงบุหลันวันเพ็ญที่เด่นฟ้า
หมื่นดาราระยิบกระพริบสี
ปุยเมฆล่องท่องฟ้าทุกนาที
งามที่มีมิเท่าเจ้าพะยอม
โบกสะบัดพัดเฉื่อยเอื่อยเอื่อยแผ่ว
ประหนึ่งแววบรรลุทะนุถนอม
แนบไออุ่นพี่ชมมาดมดอม
ให้รุมล้อมข้างกายทุกสายลม
ดั่งภมรหลงรัญจวนมวลบุปผา
มัศยารักน้ำชุ่มให้อุ้มสม
หมู่วิหคหลงฟ้าถลาชม
มิเท่ารมย์ชมแผ่วเพียงแก้วตา
ทุกสายน้ำ-ลม-ฟ้าน้อยค่านัก
ด้อยกว่ารักทุ่มเทเสน่หา
นับหมื่นถ้อยร้อยคำพรรณนา
นั้นมีค่า..ความหวังเหมือนดั่งลม
ความเวิ้งว้างว่างเปล่าของเงารัก
ยามประจักษ์เก็บกลืนความขื่นขม
ทุกสายน้ำลมฟ้ากลับตราตรม
ความระทมย้ำตรึงซึ้งหทัย
สายลมผ่านกรีดเจ็บต้องเหน็บหนาว
เพิ่มรอยร้าวบนฝันที่หวั่นไหว
รักสลายลำเค็ญความเป็นไป
แต่ดวงใจว่างเปล่ามิเศร้าเอย.@
ตอบขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยียนไว้ล่วงหน้า
กำลังจะเดินทาง อาจเข้ามาตอบช้า.
สวัสดีทุกท่านครับ..ขอให้ทุกท่านมีความสุข
ผู้เฒ่า โง่งม@
10 ตุลาคม 2547 17:46 น.
ผู้เฒ่า
ถนนราชดำเนิน ๒๕๑๖
สิ้นเสียงปืนสับสนบนวิถี
หลายชีวีสิ้นแรงเลือดแดงฉาน
ทุกหยดหยาดสาดเห็นเป็นพยาน
บรรณาการเพื่อประชาธิปไตย
ทุกร่างล้มสิ้นหวังต้องหลั่งเลือด
กระสุนเชือดเลือดบ่าน้ำตาไหล
กลียุคทุกข์เข็ญต้องเป็นไป
คนจัญไรกดขี่เข้าบีฑา
เหลิงอำนาจเข่นฆ่าจนอาสัญ
ไทยด้วยกันเพื่ออำนาจวาสนา
กดหัวข่มทั่วด้าวชาวประชา
หยาดน้ำตาดั่งเชลยสังเวยมัน
เจ้าเพื่อนเอ๋ยทุกหยดที่หยาดไหล
ดำรงไว้เซ่นทางที่สร้างสรร
เลือด-น้ำตาหนหลังเคยหลั่งกัน
มิมีวันสูญเปล่าแนบเนากาล
พุทธศักราช ๒๕๔๔
เวลาเปลี่ยนเวียนวนบนวิถี
ณ.เวทีสภาเน่าที่เล่าขาน
มันวกวนกลับลำหาตำนาน
เผด็จการคืนสู่สังคมไทย
กระฎุมพีจำแลงแสดงบท
น้ำตาหยดขมขื่นสะอื้นไห้
บริวารขานรับโดยฉับไว
สร้างบันไดลวงตาคุณค่าคน
เถลิงศกปกครองผองอำนาจ
ป่าวประกาศประชาค่าพหล
แก้ปัญหาทำด่วนเพื่อมวลชน
แต่ฉ้อฉลกินเมืองทำเขื่องครอง
นโยบายอวดค่าประชานิยม
แอบซ่อนปมโกยกินสินสนอง
รากหญ้าเน่าหนี้ท่วมรวมเป็นกอง
แต่พวกพ้องกำหนัดยัดทะนาน
หลงตัวตนบ่นบ้าหาอำนาจ
นับแต่ญาติพวกพ้องเข้ารองฐาน
รวมมังกรหางแดงแถลงการณ์
โดยสันดานรักประโยชน์แต่โคตรตน
ผิดจากพวกคิดต่างใครขวางขาด
ใช้อำนาจบีบบังคับให้รับผล
หน้ากากพระสวมนอกคอยหลอกคน
อย่างแยบยลคนหลามตามไม่ทัน
ทุจริตเชิงสานเอางานหลอก
แล้วกลับกลอกรวบรัดเข้าจัดสรร
ผลประโยชน์จัดแจงเข้าแบ่งปัน
พวกเดียวกันเฉพาะกลุ่มกูคุ้มครอง
ผลงานสร้างวางแผนเพียงแค่นภาพ
ท้ายสุดราบภาพพจน์สยดสยอง
ฟ้ากลับหม่นอัปรีย์ใช่สีทอง
ชนทั้งผองส่วนใหญ่ ยากไร้ลง
ตุลาคม ๒๕๔..
ถึงกำหนดผู้คนทนไม่ไหว
แผ่นดินไทยมิโอบผู้โลภหลง
มิตรสหายร่วมกันเคยมั่นคง
ขอเพื่อนจงฉายแสงแห่งพลัง
กระฎุมพีบทใหม่ยิ่งใหญ่นัก
ต่อหน้าจักคอยแก้ปิดแผลหลัง
สักวันหนึ่งถึงกาลสัญญาณดัง
รวมกำลังเรานี้ไม่หนีไกล
ทุกหย่อมหญ้าสาหัสเริ่มขัดสน
เสียงผู้คนบ่นอู้อยู่ไม่ไหว
ของมันแพงหนี้ก็มากลำบากใจ
ตื่นเถิดไทยไฟอุบัติจงดับมัน
เพื่อนเอ๋ย..อุดมการณ์ทางความคิด
ยังฝังติดแนวทางที่สร้างสรร
เพื่อแผ่นดินมวลชนคนเท่ากัน
ใครจะหั่นบั่นเชือดเสียเลือดยอม.@
8 ตุลาคม 2547 00:04 น.
ผู้เฒ่า
เดินผ่านขวดปวดใจมือไม้สั่น
น้ำสวรรค์หรือนรกหัวอกเอ๋ย
มันเปรี้ยวปากยากยั่นของมันเคย
กระนั้นเลยคว้าขวดดวดให้เมา
อยู่เป็นเพื่อนร่วมเศร้านะเหล้าจ๋า
เป็นเพื่อนข้าคนโซที่โง่เขลา
ทุกข์หรือสุขหัวเราะเฉพาะเรา
ข้ากับเจ้าสองแรงมาแบ่งปัน
แก้วที่หนึ่งกินเผื่อเพื่อนงนุช
ยามเธอรุดรวนร้างไร้ทางฝัน
แก้วที่สองหรือใช่เพื่อใครกัน
กี่แก้วนั้นเมาเทื้อก็เพื่อเธอ
เดินแอ่นหน้าก้าวคล้อยแล้วถอยหลัง
เดินเซซังยุ่งย่ำสม่ำเสมอ
หนีบไอ้ขวดมองเห็นเจ้าเป็นเกลอ
พอเดินเผลอคายแก้วเป็นแถวยาว
จะเมาอื่นหมื่นแสนแม้นลำบาก
มิยุ่งยากยึดยื้อให้อื้อฉาว
แต่เมารักต่อเนื่องเป็นเรื่องเป็นราว
ยามรักร้าวเมาสลบมิจบใจ
คิดจะเลือกเมาเหล้ามิเหงานัก
เพราะใจรักเลือกเมาทนเจ้าไหว
อันเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป
ขืนหลงใหลรักสาวคงเมานาน
จะเมาเหล้าเมารักรู้จักคิด
อย่าชอบผิดอิ่มเอมเกษมศานต์
ทุกเรื่องราวเกลือกกลั้วใช่ชั่วกาล
มีพบผ่านพลัดพราก.ยากคงทน..@